ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
กิเลส(สังโยชน์ ๑๐) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=53504 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | walaiporn [ 24 ธ.ค. 2016, 17:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | กิเลส(สังโยชน์ ๑๐) |
กิเลส เจ้านายถามว่า จะรู้ได้ยังไงว่า กิเลสที่มีอยู่(สังโยชน์ ๑๐) ยังมีกิเลสตัวไหนบ้าง? มีวิธีการแบบไหน ถึงจะรู้ว่า ตอนนี้มีกิเลสอะไรอยู่? ณ ตอนนี้ มีเท่านี้ที่สงสัย ตอบเจ้านายว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเกี่ยวกับกิเลสว่า คำถามที่ ๑ "กิเลสที่มีอยู่(สังโยชน์ ๑๐) ยังมีกิเลสตัวไหนบ้าง?" คำตอบข้อ ๑ โดยการนำพระธรรมคำสอนมาแสดง =============================== สิ้นกิเลสก็แล้วกัน ไม่ต้องรู้ว่าสิ้นไปเท่าไร ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนรอยนิ้วมือหรือรอยนิ้วหัวแม่มือ ย่อมปรากฏอยู่ที่ด้ามเครื่องมือของพวกช่างไม้ หรือลูกมือของพวกช่างไม้ แต่เขาก็ไม่มีความรู้ว่า ด้ามเครื่องมือของเรา วันนี้สึกไปเท่านี้ วานนี้สึกไปเท่านี้ วันอื่นๆ สึกไปเท่านี้ๆ คงรู้แต่ว่ามันสึกไปๆ เท่านั้น, นี้ฉันใด; ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อภิกษุตามประกอบภาวนาอยู่ ก็ไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้อาสวะของเราสิ้นไปเท่านี้ วานนี้สิ้นไปเท่านี้ วันอื่นๆ สิ้นไปเท่านี้ๆ รู้แต่เพียงว่า สิ้นไปในเมื่อมันสิ้นไปๆ เท่านั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. -บาลี สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๒๗/๖๘. ====================== หมายเหตุ; แค่รู้ว่ามีเกิดขึ้น(กำหนดรู้/โยนิโสมนสิการ) แต่ไม่ต้องไปสงสัยว่า สิ้นไปแค่ไหน หรือหมดไปมากน้อยแค่ไหน ======================== คำถามข้อ ๒ มีวิธีการแบบไหน ถึงจะรู้ว่า ตอนนี้มีกิเลสอะไรอยู่? คำตอบข้อที่ ๒ ต้องรู้ชัดในผัสสะ ที่เป็นผลของการทำความเพียร หรือจากที่เคยศึกษา เคยได้ยิน เคยอ่าน ผัสสะ สิ่งที่เกิดขึ้น มีผลกระทบทางใจ ทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิด เรื่องนี้พูดให้ฟังประจำ แต่เพราะเขาไม่เคยจำ จึงมีคำถามเดิมๆ มาถามอีก เจ้านายบอกว่า เพราะยังไม่รู้ด้วยตนเอง ถ้ายังไม่รู้ พูดยังไงก็ไม่จำ เพราะยังไม่เห็นภาพ เช่น เหวลึก ประมาณว่า สภาวะนี้เขาเคยพบเจอด้วยตนเอง เจ้านายบอกว่า เรื่องเหวลึกนี่ เคยพบเจอมาด้วยตนเองแล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงจะมองเห็นภาพ เรื่องผัสสะอะไรนี่ ผมยังไม่รู้ด้วยตนเอง พูดยังไง ผมก้มองไม่เห็นภาพ เราบอกว่า เอาละๆ พูดเรื่องเดิมๆกันอีก บอกซ้ำๆ จะได้จดจำได้บ้าง สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิด ขณะนั้นๆ ความรู้สึกนึกคิดที่มีเกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆว่า มีความรู้สึกยังไง เป็นตัวบ่งบอกว่า กิเลสที่มีเกิดขึ้น ขณะนั้นๆว่า มีอะไรบ้าง เจ้านายถามว่า กิเลส คืออะไร เราบอกว่า เริ่มกวนตีนละ เลิกคุยไปเลยป่ะ สงบจากเจ้านายไปแป๊บนึง เริ่มพูดต่อ บอกต่อไปว่า กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดเอาไว้กับภพ ภพชาติของการเกิด ไม่ว่าจะเกิดแบบไหน มีเกิดขึ้นจากกิเลสนี่แหละ ที่เป็นตัวผลักดันก่อให้เกิดการกระทำ เจ้านายถามต่อ กิเลสมีอะไรบ้าง เราบอกว่า สังโยชน์ ๑๐ เจ้านายบอกอีก ต้องบอกให้หมด เราบอกว่า ๑. สักกายทิฏฐิ ๒. วิจิกิจฉา ๓. สีลัพพตปรามาส ๔. กามราคะ ๕. ปฏิฆะ ๖. รูปราคะ ๗. อรูปราคะ ๘. มานะ ๙. อุทธัจจะ ๑๐. อวิชชา เราถามว่า ต้องให้อธิบายด้วยมั๊ยว่า ในแต่ละคำเรียก หมายถึงอะไรบ้าง เจ้านายบอกว่า ไม่ต้องหรอก หาเองได้ ที่บอกว่า เจ้านายกวนตีน จริงๆแล้ว เขาไม่ได้กวน ที่เขาถามมา เพราะเขาไม่รู้ คำพูดที่พูดมาดูเหมือนกวน จึงทำให้อารมณ์เราขุ่น เจ้านายบอกว่า ก็บอกว่าให้ถามได้ ในเมื่อให้ถามได้ ก็แสดงว่า ต้องตอบเขาได้สิ บอกเจ้านายว่า เจ้านายนี่กวนตีนนะ รู้ตัวป่ะ เจ้านายบอกว่า งั้นรึ ก็ยูเป็นคนถามไม่ใช่เหรอ ไอก็ตอบบแบบนี้ๆ ไอไปกวนยูตรงไหน งั้นยูยกตย.ให้ไอฟัง เกี่ยวกับเรื่องกิเลส เลือกพูดแบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครๆ เราบอกว่า เมื่อมีคนมาขโมยของมีค่า ที่เขาหวงมาก ทำให้เขาเกิดความรู้สึกโกรธมาก กิเลสที่มีเกิดขึ้นนี้ เรียกว่า โทสะ โกรธมากจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย นี่เกิดจาก โมหะกิเลส เจ้านายถามว่า ไม่ใช่โทสะหรือ เราบอกว่า ไม่ใช่ โทสะมันแค่ โกรธ โมโห แล้วก่อให้เกิดการกระทำตามความรู้สึก(โกรธ โมโห) อันนี้เกิดจาก โมหะกิเลส เพราะไม่รู้จึงทำ เจ้านายบอกว่า ไม่เข้าใจ เราบอกว่า กิเลสเป็นเรื่องละเอียดนะ ก็ยูมาคุยกับคนที่ไม่รู้ มันก็เป็นแบบนี้แหละ ใช่มั๊ย เราบอกว่า แล้วมาถามทำไม เขาบอกว่า ก็สงสัยน่ะ เราถามว่า เข้าใจเรื่องกิเลสมั่งหรือยัง เขาบอกว่า เข้าใจแต่ไม่ลึก เราบอกว่า เป็นยังไง เขาตอบว่า กิเลสมันเป็นแบบนี้นะ มี ๑๐ ตัวนะ มันเป็นแบบนี้นะ เวลาดู ดูเวลาเกิดการกระทบนะ เข้าใจเรื่องการกระทบนิดๆหน่อยๆ ตอนนี้ รู้แค่นี้นะ เราถามว่า แล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนล่ะ คือไม่ต้องไปสงสัยว่า สิ้นไปแค่ไหน หรือหมดไปมากน้อยแค่ไหน ตรงนี้เข้าใจมั๊ย เจ้านายบอกว่า เข้าใจนะ เราบอกว่า ทำไมถึงเข้าใจล่ะ เจ้านายบอกว่า ก็มันตรงตัว คือ ไม่ต้องไปสงสัย แค่ให้รู้ว่าหมดไป เราก็คิดนะ อ้าวในเมื่อเข้าใจแล้วว่า ไม่ต้องไปสงสัยว่าหมดไปแค่ไหน แล้วมาถามเราทำไม รู้นะว่าคำตอบคือ ก็สงสัยน่ะ |
เจ้าของ: | walaiporn [ 24 ธ.ค. 2016, 18:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กิเลส(สังโยชน์ ๑๐) |
เรื่องกิเลสหรือสังโยชน์ ๑๐ เป็นเรื่องเหตุปัจจัยของภพชาติการเกิดที่ยังมีอยู่ เมื่อยังไม่แจ้งในนิพพาน ตามความเป็นจริง เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่แจ้งใน อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ตามลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริงของคำเรียกนั้นๆ เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่แจ้งใน เหตุปัจจัยของการเกิดภพชาติ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เป็นเหตุปัจจัยให้ ไม่แจ้งในอริยสัจ ๔ ที่เป็นการเพื่อดับเหตุปัจจัยของการเกิดภพชาติ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เป็นเหตุปัจจัยให้ ไม่รู้วิธีกระทำเพื่อดับเหตุปัจจัย ของการเกิดภพชาติ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่รู้ชัดในลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง "ผัสสะ" และความรู้เหตุเกิด เหตุดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องออกไปแห่ง ผัสสายตนะทั้ง ๖ ตามความเป็นจริง แล้วหลุดพ้นได้ด้วยไม่ถือมั่น ฯ เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่แจ้งใน เหตุปัจจัยของการเกิดภพชาติปัจจุบัน เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่แจ้งในอริยสัจ ๔ ที่เป็นการเพื่อดับเหตุปัจจัยของการเกิดภพชาตปัจจุบัน เป็นเหตุปัจจัยให้ ไม่รู้วิธีกระทำ เพื่อดับเหตุปัจจัยของการเกิดภพชาติปัจจุบัน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |