วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 08:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 07:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เนื่องเพราะ...กระทู้..ตามสมมุติ
viewtopic.php?f=1&t=53512&start=15
................................
asoka เขียน:
คำนี้ผมได้จากหลวงปู่ครูบาที่ทรงคุณธรรมมากของภาคเหนือรูปหนึ่ง ตอนไปเข้าฝึกกรรมฐานหนอ จึงจำแม่นขึ้นใจ
ยังจำภาพวันที่ไปสอบอารมณ์กับท่านได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่ามีความหมายลึกซึ้งและเป็นเรื่องที่เป็นธรรมะจากใจไม่ใช่ธรรมะจากตำรา เพียงแต่อาศัยคำพูดในตำรา


กบนอกกะลา เขียน:
แล้ว..อโสกะ..ไม่สงสัย...อย่างผมบ้างหรอ?...ว่า..มีเวทนากสินแล้ว...แล้วจะมีกายกสิณมั้ย...มีจิตกสินมั้ย?...

ถ้ากสิณ..แปลว่า...เพ่งรู้อยู่แต่สิ่งเดียว....
แล้ว...ถ้าเราระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า..มีพุทธานุสติ....แล้วอโสกะ..จะเรียกว่า..พุทธกสิณ..มั้ย?


ทำไมไม่เรียก..ละคราบ.. :b9: :b9: :b9:


asoka เขียน:
:b12:
พุทธานุสติ หรือกรรมฐานอันไหนมีชื่อเรียกอยู่แล้ว ก็ให้ใช้ตามนั้น ที่ยังไม่มีชื่อเรียก ถ้าเป็นการเพ่งกำหนดรู้อยู่สิ่งเดียวที่เป็น 1 เดียวไม่เอาอะไรอื่นเลยก็น่าจะเรียกเป็นกสิณได้
อย่างชาว...ที่เพ่งรูปดวงแก้วหรือพุทธรูปให้เป็น 1 เดียวก็เรียกว่าเป็นกสิณก็ได้
onion
ถามกบหน่อยว่า....นี่กบจะเอาเป็นเอาตายให้อโสกะผิดให้ได้
ในเรื่องนี้ใช่ไหม?
ผิดวิสัยนักปฏิบัติที่คิดว่าตนเองบรรลุธรรมแล้วนะ
cool

"สัพเพธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ"
:b38:

.........................................................
จึงเกิดคำถามว่า..

แล้วทำไม..กสินจึงมีแค่ 10??..มีมากกว่านี้..ได้มั้ย

ก่อนจะตอบ..

อยากนำเพื่อนๆ..มาช่วยคิดดู..กสิน10 ก่อนซิ..มีท่านใดเห็นอะไรใน..กสิน 10 ...เห็นข้ออะไรพิเศษ..เห็นนัยยะอะไรในกสิน..ตามความคิดตนบ้าง...คิดได้เสรี..เรื่อยเปื่อยได้..แต่ต้องมีหลักการในการใช้สังเกต..นะครับ...

อ้างคำพูด:
กสิณทั้ง 10 อย่าง

แบ่งออกเป็น 2 พวก..(ตามจริตของผู้ฝึก)

พวกที่หนึ่ง คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน

1 ปฐวีกสิณ (ธาตุดิน/ของแข็ง ไม่ใช่เฉพาะดิน) จิตเพ่งดิน โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นดิน หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปฐวี" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนิวรณ์ธรรมเสียได้โดยลำดับ กิเลศก็จะสงบระงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าขึ้น จิตนั้นก็ชื่อว่าตั้งมั่น เป็นอุปจารสมาธิ เมื่อทำได้สำเร็จปฐมฌานแล้ว ก็พึงปฏิบัติในปฐมฌานนั้นให้ชำนาญคล่องแคล่วด้วยดีก่อนแล้วจึงเจริญทุติยฌานสืบต่อไปได้
2 เตโชกสิณ (ธาตุไฟ ธาตุร้อน) จิตเพ่งไฟ คือการเพ่งเปลวไฟ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นไฟ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "เตโช" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
3 วาโยกสิณ (ธาตุลม) จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นลม หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "วาโย" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
4 อากาสกสิณ (ช่องว่าง) จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ คือการเพ่งช่องว่าง โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นช่องว่าง เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อากาศ" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
5 อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง วิธีเจริญอาโลกกสิณให้ผู้ปฏิบัติยึดโดยทำความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่ใช่เพ่งที่สีของแสงนั้น เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโลก" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง"
6 อาโปกสิณ (ธาตุน้ำ/ของเหลว) จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ คือการเพ่งน้ำ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโป" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด

พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสจริต

7 โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณัง

8 นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณัง

9 ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณัง

10 โอทาตกสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณัง จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน
ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่าง ๆ ที่จิตจับเอาไว้ เป็นเอกคดารมย์


อ้างคำพูด:
อำนาจฤทธิ์ในกสิณทางพระพุทธศาสนา[แก้]

ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคน ๆ เดียวให้เป็นคนมาก ๆ ได้ ให้คนมากเป็นคน ๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง

อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น

เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้

วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้

นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้

ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้

โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์

โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ

อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง

อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81 ... 4%E0%B8%93


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 15 ม.ค. 2017, 07:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 07:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จากกระทู้...กสิณ ฉันใด

viewtopic.php?f=1&t=53558

กรัชกาย เขียน:
กสิณท่านใช้วัตถุภายนอก

ดูหลักคร่าวๆพอเห็นเค้า (ทั้งหมดดู กท.กรรมฐาน)


กสิณ “ทั้งหมด” “ทั้งสิ้น” “ล้วน” วัตถุที่เป็นอารมณ์อย่างเดียวล้วนในการเจริญกรรมฐาน เช่น ถ้าใช้ปฐวีคือดิน ก็เป็นปฐวีอย่างเดียวล้วน ไม่มีอย่างอื่นปน จึงเรียกว่า “ปฐวีกสิณ”

ตามที่เรียกกันบัดนี้ แปลว่า วัตถุอันจูงใจคือจูงใจให้เข้าไปผูกอยู่, เป็นชื่อของกรรมฐานที่ใช้วัตถุของล้วนหรือสีเดียวล้วน สำหรับเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ มี ๑๐ อย่าง คือ

ภูตกสิณ ๔ : ๑. ปฐวี ดิน ๒. อาโป น้ำ ๓. เตโช ไฟ ๔. วาโย ลม,

วรรณกสิณ ๔ : ๕. นีลํ สีเขียว ๖. ปีตํ สีเหลือง ๗. โลหิตํ สีแดง ๘. โอทาตํ สีขาว ๙. อาโลโก แสงสว่าง ๑๐. อากาโส ที่ว่าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 07:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นนัยยะ...อะไรบ้าง...

ผิด..ถูก...ไม่ใช่สาระ

สาระ..คือ...ฝึกสงสัย..แก้ความสงสัย..อย่างมีเหตุมีผล..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:



อ้างคำพูด:
อำนาจฤทธิ์ในกสิณทางพระพุทธศาสนา

ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคน ๆ เดียวให้เป็นคนมาก ๆ ได้ ให้คนมากเป็นคน ๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง

อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น

เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้

วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้

นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้

ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้

โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์

โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ

อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง

อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81 ... 4%E0%B8%93



นี่หมายถึงผล ซึ่งท่านว่าไว้ และก็นี่แหละที่บางบอร์ดคิดทำเพื่อจะเอาฤทธิ์เอาเดชจะเหาะจะดำดินจะเดินบนน้ำกัน ฯลฯ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 14:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


wink
กบอธิบายกสิณตามสิ่งที่มีอยู่เดิมด้วยความเป็นนักอนุรักษ์นิยม ดีทำให้คนรู้เรื่องกสิณ 10 มากขึ้น อนุโมทนา
:b4:
อโศกะอธิบายเรื่องกสิณตามรากศัพท์ที่มาของบัญญัติคำนี้ว่า
คือการทำอะไร ตัวธรรมของสมมุติบัญญัติคำนี้คืออะไร
จึงต่างกัน

กสิณ=การเพ่งรู้อยู่แต่สิ่งเดียว เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว
จนเกิดสมาธิและฌาณ


นี่คือความหมายอย่างยาวขึ้นมาอีกหน่อย แต่สภาวะเป็นอันเดียวกัน
:b11:
อโศกะมิได้บังคับให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ให้ทุกท่านพิจารณาตามหลักของเหตุและผลนะครับ

"ลูกศิษย์ที่โตแล้ว ย่อมควรจะรู้จักคิดเองทำเองโดยไม่ทิ้งหลักการแห่งเหตุและผลที่ครูอาจารย์สอนไว้ ไม่ใช่คอยแต่จะลอกเรียนตำรา คำพูดของอาจารย์อยู่เสมอไปโดยไม่รู้จักโต
ช่วยตัวเองไม่ได้สักที"

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
wink
กบอธิบายกสิณตามสิ่งที่มีอยู่เดิมด้วยความเป็นนักอนุรักษ์นิยม ดีทำให้คนรู้เรื่องกสิณ 10 มากขึ้น อนุโมทนา

onion


ผม..ไม่ได้เป็นคนอธิบาย..นะครับ..อโสกะดูดีดี..มีสตินิดหนึ่ง...เป็นตามตำรา

คำถามของผม...ถามนำเพื่อให้ได้คิด..

ก่อนจะคิดไปเรื่อยเปื่อย....ก็นำของตามตำรามาให้ดูก่อน...เพื่อให้ได้สังเกตุนัยยะของ..กสิน..ที่โบราณเขาว่า..มีแค่10...

สังเกตุก่อนของเดิมก่อน..ก่อนพูด...

อโสกะ....ไม่สงสัยรึคับว่า..ทำไมโบราณถึงว่าแค่ 10..???.

อย่าด่วนดูถูกโบราณาจารย์นะครับ..อโสกะ...ดูของเก่าดีดี..ก่อน...ดูแล้วพิจารณา

เอ้า...ผมจะลองชี้ให้ดูก่อนก็ได้..

ดูที่ผลที่กสินสามารถทำได้ดูซิ..อโสกะ...ลองคิดดูนะว่า...เราเพ่งดูสีของเราในจิตเราอยู่ดีดี..แล้วทำไมมันถึงโน้มให้สิ่งภายนอกกลายเป็นสีเดียวกับที่จิตเราเพ่งอยู่ได้ละ???...กรณีอื่นๆเช่น..กสินดิน(แทนของแข็ง)...เราก็เพ่งดินในจิตเราอยู่ดีดี..แล้วทำไมจึงสามารถโน้มให้สิ่งของภายนอกกลายเป็นของแข็งตามได้...ละ??..เป็นต้น

กลับไปดููกสิน10 ...จะเห็น...มีกลุ่มของธาตุ...กลุ่มของสี...

กลุ่มธาตุ..ก็มี...ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ...อากาศ(จัดใว้ในกลุ่มนี้ก่อน)
กลุ่มสี..ก็มี...สีแดง..สีขาว..สีเขียว..สีเหลือง..แสงสว่าง (จัดใว้ในหมวดนี้ก่อน)

กล่มธาตุ..นี้...ดูดูไป..ก็คล้ายๆกับเป็นวัตถุุดิบ(รููป)ตอนสร้างวัฎฎะสงสาร
ส่วนกลุ่มสี..นี้..ดูดูไป..ก็คล้ายๆภาษาของจิต..รึ..แสดงออกถึงอารมณ์ของจิต...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: ...

อ๊บซ์ช่วยคิดเบา ๆ คิดค่อย ๆ ได้ป่าว อย่าคิดดัง คนเขาจะหลับจะนอน

:b32: :b32: :b32:

ย๊อเย่นนนนน... :b13:

เอกอนจะรอดูอยู่เงียบ ๆ ว่าอ๊บซ์ จะนำไปถึงไหนต่อ...

ดูซ้ายดูขวาดี ๆ ด้วยนะ อย่าชักนำ นำเสนออะไรที่มันล่อแหลมต่อการถูกเขี่ยลงถังด้วยนะ ...

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 20:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b6: ...

อ๊บซ์ช่วยคิดเบา ๆ คิดค่อย ๆ ได้ป่าว อย่าคิดดัง คนเขาจะหลับจะนอน

:b32: :b32: :b32:

ย๊อเย่นนนนน... :b13:

เอกอนจะรอดูอยู่เงียบ ๆ ว่าอ๊บซ์ จะนำไปถึงไหนต่อ...

ดูซ้ายดูขวาดี ๆ ด้วยนะ อย่าชักนำ นำเสนออะไรที่มันล่อแหลมต่อการถูกเขี่ยลงถังด้วยนะ ...

:b32: :b32: :b32:

:b32: :b32: :b32:

มาม๊ะ...มาช่วยหน่อย.. :b9: :b9:


กสิน ....ที่มีแค่..10....อาจมีความหมาย...ที่ลึกซึ้ง..
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่..สิ่งที่ถูกเพ่ง..ธรรมดาธรรมดา...แค่นั้น

การเพ่งอันอื่น...จึงเรียกชื่ออื่นไป..เช่น...กาย..เวทนา..จิต...ธรรม..ก็อยู่ในอนุสสติ 10(อานาปานุุุุสติ...กายคตานุสติบ้าง.)....(อย่างที่อโสกะ...บอกว่า..เพ่งเวทนา...ถ้าจะจัดก็ควรจัดอยูู่ในอนุสสติ 10 นี้แหละ...ไม่ใช่อยู่ในฐานของคำว่ากสิณ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 20:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

"ลูกศิษย์ที่โตแล้ว ย่อมควรจะรู้จักคิดเองทำเองโดยไม่ทิ้งหลักการแห่งเหตุและผลที่ครูอาจารย์สอนไว้ ไม่ใช่คอยแต่จะลอกเรียนตำรา คำพูดของอาจารย์อยู่เสมอไปโดยไม่รู้จักโต
ช่วยตัวเองไม่ได้สักที"

onion


ลอกแต่ตำรา..กับ..ลอกแต่คำครูบาอาจารย์...

หากไม่ได้คิดพิจารณา..มันก็บ้าพอพอกัน..น้านแหละ...อโสกะเอ้ย

เอ้า..ผมลองพูดตามความคิดของผมแล้ว..

แล้วอโสกะ..มีความคิดของอโสกะอย่างไร?....เพื่อนๆ..คิดอย่างไร...?

ก็เว้า..มาได้เรย.. :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 20:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:

มาม๊ะ...มาช่วยหน่อย.. :b9: :b9:


กสิน ....ที่มีแค่..10....อาจมีความหมาย...ที่ลึกซึ้ง..
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่..สิ่งที่ถูกเพ่ง..ธรรมดาธรรมดา...แค่นั้น

การเพ่งอันอื่น...จึงเรียกชื่ออื่นไป..เช่น...กาย..เวทนา..จิต...ธรรม..ก็อยู่ในอนุสสติ 10(อานาปานุุุุสติ...กายคตานุสติบ้าง.)....(อย่างที่อโสกะ...บอกว่า..เพ่งเวทนา...ถ้าจะจัดก็ควรจัดอยูู่ในอนุสสติ 10 นี้แหละ...ไม่ใช่อยู่ในฐานของคำว่ากสิณ)


โดยเบื้องต้น
นั่นหมายความว่า เวทนากสิณ ก็คือ ใช้คำไม่ถูกหลักใช่มั๊ย

อาจจะเป็นผู้ที่หนักไปในทางปฏิบัติ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือน่ะ

เอกอนก็มีปัญหาในลักษณะการใช้คำเยอะอยู่
เพราะ...เป็นคนที่ศึกษาพระธรรมยังไม่มาก
เวลาจะแสดงความเห็นอะไรก็ไม่ค่อยจะกล้าแสดงมากนัก
เพราะเราไม่เท่าทันในเรื่องภาษาที่ใช้

ที่ใช้ภาษาเก่ง ๆ ในลานก็จะมี ท่านเช่นนั้น ท่านลุงหมาน ท่านกรัชกาย

อย่างอ๊บซ์ ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องพอ ๆ กับเอกอนนี่ล่ะ ... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 21:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว




:b9: :b9: :b9:

ขอเอามาฝากไว้ที่นี่ก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 21:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

อย่างอ๊บซ์ ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องพอ ๆ กับเอกอนนี่ล่ะ ... :b32: :b32: :b32:


:b32: :b32: :b32:

ที่ฝากใว้..อย่าฝากใว้นานซะละ... :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:

มาม๊ะ...มาช่วยหน่อย.. :b9: :b9:


กสิน ....ที่มีแค่..10....อาจมีความหมาย...ที่ลึกซึ้ง..
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่..สิ่งที่ถูกเพ่ง..ธรรมดาธรรมดา...แค่นั้น

การเพ่งอันอื่น...จึงเรียกชื่ออื่นไป..เช่น...กาย..เวทนา..จิต...ธรรม..ก็อยู่ในอนุสสติ 10(อานาปานุุุุสติ...กายคตานุสติบ้าง.)....(อย่างที่อโสกะ...บอกว่า..เพ่งเวทนา...ถ้าจะจัดก็ควรจัดอยูู่ในอนุสสติ 10 นี้แหละ...ไม่ใช่อยู่ในฐานของคำว่ากสิณ)


โดยเบื้องต้น
นั่นหมายความว่า เวทนากสิณ ก็คือ ใช้คำไม่ถูกหลักใช่มั๊ย

อาจจะเป็นผู้ที่หนักไปในทางปฏิบัติ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือน่ะ

เอกอนก็มีปัญหาในลักษณะการใช้คำเยอะอยู่
เพราะ...เป็นคนที่ศึกษาพระธรรมยังไม่มาก
เวลาจะแสดงความเห็นอะไรก็ไม่ค่อยจะกล้าแสดงมากนัก
เพราะเราไม่เท่าทันในเรื่องภาษาที่ใช้

ที่ใช้ภาษาเก่ง ๆ ในลานก็จะมี ท่านเช่นนั้น ท่านลุงหมาน ท่านกรัชกาย

อย่างอ๊บซ์ ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องพอ ๆ กับเอกอนนี่ล่ะ ... :b32: :b32: :b32:


ศึกษา กาย เวทนา จิต ธรรม ก็เหนื่อยพอแรงแล้ว
ส่วนกสิณบางประเภทที่ถูกดึงเข้าไปในกายคตาสติ ก็เป็นการประยุกต์โดยความลึกซึ้งของพระพุทธองค์
โดยมีเจตนาเพื่อนำมาเป็นอนุสติ

ส่วนกสิณเพื่อการอย่างอื่นช่างมัน ไม่สนใจครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2017, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

กาย เวทนา จิต ธรรม....นี้ก็ครอบจักรวาลแล้วละคับ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2017, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:


:b9: :b9: :b9:

ขอเอามาฝากไว้ที่นี่ก่อน


ฝากนาน..คิดค่าธรรมเนียมค่าฝาก..นะเอ้อ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 109 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร