ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=53575 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 07:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
เนื่องเพราะ...กระทู้..ตามสมมุติ viewtopic.php?f=1&t=53512&start=15 ................................ asoka เขียน: คำนี้ผมได้จากหลวงปู่ครูบาที่ทรงคุณธรรมมากของภาคเหนือรูปหนึ่ง ตอนไปเข้าฝึกกรรมฐานหนอ จึงจำแม่นขึ้นใจ ยังจำภาพวันที่ไปสอบอารมณ์กับท่านได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่ามีความหมายลึกซึ้งและเป็นเรื่องที่เป็นธรรมะจากใจไม่ใช่ธรรมะจากตำรา เพียงแต่อาศัยคำพูดในตำรา กบนอกกะลา เขียน: แล้ว..อโสกะ..ไม่สงสัย...อย่างผมบ้างหรอ?...ว่า..มีเวทนากสินแล้ว...แล้วจะมีกายกสิณมั้ย...มีจิตกสินมั้ย?... ถ้ากสิณ..แปลว่า...เพ่งรู้อยู่แต่สิ่งเดียว.... แล้ว...ถ้าเราระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า..มีพุทธานุสติ....แล้วอโสกะ..จะเรียกว่า..พุทธกสิณ..มั้ย? ทำไมไม่เรียก..ละคราบ.. ![]() ![]() ![]() asoka เขียน: :b12: พุทธานุสติ หรือกรรมฐานอันไหนมีชื่อเรียกอยู่แล้ว ก็ให้ใช้ตามนั้น ที่ยังไม่มีชื่อเรียก ถ้าเป็นการเพ่งกำหนดรู้อยู่สิ่งเดียวที่เป็น 1 เดียวไม่เอาอะไรอื่นเลยก็น่าจะเรียกเป็นกสิณได้ อย่างชาว...ที่เพ่งรูปดวงแก้วหรือพุทธรูปให้เป็น 1 เดียวก็เรียกว่าเป็นกสิณก็ได้ ![]() ถามกบหน่อยว่า....นี่กบจะเอาเป็นเอาตายให้อโสกะผิดให้ได้ ในเรื่องนี้ใช่ไหม? ผิดวิสัยนักปฏิบัติที่คิดว่าตนเองบรรลุธรรมแล้วนะ ![]() "สัพเพธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" ![]() ......................................................... จึงเกิดคำถามว่า.. แล้วทำไม..กสินจึงมีแค่ 10??..มีมากกว่านี้..ได้มั้ย ก่อนจะตอบ.. อยากนำเพื่อนๆ..มาช่วยคิดดู..กสิน10 ก่อนซิ..มีท่านใดเห็นอะไรใน..กสิน 10 ...เห็นข้ออะไรพิเศษ..เห็นนัยยะอะไรในกสิน..ตามความคิดตนบ้าง...คิดได้เสรี..เรื่อยเปื่อยได้..แต่ต้องมีหลักการในการใช้สังเกต..นะครับ... อ้างคำพูด: กสิณทั้ง 10 อย่าง แบ่งออกเป็น 2 พวก..(ตามจริตของผู้ฝึก) พวกที่หนึ่ง คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน 1 ปฐวีกสิณ (ธาตุดิน/ของแข็ง ไม่ใช่เฉพาะดิน) จิตเพ่งดิน โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นดิน หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปฐวี" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนิวรณ์ธรรมเสียได้โดยลำดับ กิเลศก็จะสงบระงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าขึ้น จิตนั้นก็ชื่อว่าตั้งมั่น เป็นอุปจารสมาธิ เมื่อทำได้สำเร็จปฐมฌานแล้ว ก็พึงปฏิบัติในปฐมฌานนั้นให้ชำนาญคล่องแคล่วด้วยดีก่อนแล้วจึงเจริญทุติยฌานสืบต่อไปได้ 2 เตโชกสิณ (ธาตุไฟ ธาตุร้อน) จิตเพ่งไฟ คือการเพ่งเปลวไฟ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นไฟ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "เตโช" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" 3 วาโยกสิณ (ธาตุลม) จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นลม หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "วาโย" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" 4 อากาสกสิณ (ช่องว่าง) จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ คือการเพ่งช่องว่าง โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นช่องว่าง เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อากาศ" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" 5 อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง วิธีเจริญอาโลกกสิณให้ผู้ปฏิบัติยึดโดยทำความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่ใช่เพ่งที่สีของแสงนั้น เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโลก" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" 6 อาโปกสิณ (ธาตุน้ำ/ของเหลว) จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ คือการเพ่งน้ำ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโป" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสจริต 7 โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณัง 8 นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณัง 9 ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณัง 10 โอทาตกสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณัง จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่าง ๆ ที่จิตจับเอาไว้ เป็นเอกคดารมย์ อ้างคำพูด: อำนาจฤทธิ์ในกสิณทางพระพุทธศาสนา[แก้] ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคน ๆ เดียวให้เป็นคนมาก ๆ ได้ ให้คนมากเป็นคน ๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้ วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้ นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้ ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้ โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์ โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81 ... 4%E0%B8%93 |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 07:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
จากกระทู้...กสิณ ฉันใด viewtopic.php?f=1&t=53558 กรัชกาย เขียน: กสิณท่านใช้วัตถุภายนอก
ดูหลักคร่าวๆพอเห็นเค้า (ทั้งหมดดู กท.กรรมฐาน) กสิณ “ทั้งหมด” “ทั้งสิ้น” “ล้วน” วัตถุที่เป็นอารมณ์อย่างเดียวล้วนในการเจริญกรรมฐาน เช่น ถ้าใช้ปฐวีคือดิน ก็เป็นปฐวีอย่างเดียวล้วน ไม่มีอย่างอื่นปน จึงเรียกว่า “ปฐวีกสิณ” ตามที่เรียกกันบัดนี้ แปลว่า วัตถุอันจูงใจคือจูงใจให้เข้าไปผูกอยู่, เป็นชื่อของกรรมฐานที่ใช้วัตถุของล้วนหรือสีเดียวล้วน สำหรับเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ มี ๑๐ อย่าง คือ ภูตกสิณ ๔ : ๑. ปฐวี ดิน ๒. อาโป น้ำ ๓. เตโช ไฟ ๔. วาโย ลม, วรรณกสิณ ๔ : ๕. นีลํ สีเขียว ๖. ปีตํ สีเหลือง ๗. โลหิตํ สีแดง ๘. โอทาตํ สีขาว ๙. อาโลโก แสงสว่าง ๑๐. อากาโส ที่ว่าง |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 07:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
เห็นนัยยะ...อะไรบ้าง... ผิด..ถูก...ไม่ใช่สาระ สาระ..คือ...ฝึกสงสัย..แก้ความสงสัย..อย่างมีเหตุมีผล.. |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ม.ค. 2017, 14:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
กบนอกกะลา เขียน: อ้างคำพูด: อำนาจฤทธิ์ในกสิณทางพระพุทธศาสนา ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคน ๆ เดียวให้เป็นคนมาก ๆ ได้ ให้คนมากเป็นคน ๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้ วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้ นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้ ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้ โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์ โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81 ... 4%E0%B8%93 นี่หมายถึงผล ซึ่งท่านว่าไว้ และก็นี่แหละที่บางบอร์ดคิดทำเพื่อจะเอาฤทธิ์เอาเดชจะเหาะจะดำดินจะเดินบนน้ำกัน ฯลฯ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 15 ม.ค. 2017, 14:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
![]() กบอธิบายกสิณตามสิ่งที่มีอยู่เดิมด้วยความเป็นนักอนุรักษ์นิยม ดีทำให้คนรู้เรื่องกสิณ 10 มากขึ้น อนุโมทนา ![]() อโศกะอธิบายเรื่องกสิณตามรากศัพท์ที่มาของบัญญัติคำนี้ว่า คือการทำอะไร ตัวธรรมของสมมุติบัญญัติคำนี้คืออะไร จึงต่างกัน กสิณ=การเพ่งรู้อยู่แต่สิ่งเดียว เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว จนเกิดสมาธิและฌาณ นี่คือความหมายอย่างยาวขึ้นมาอีกหน่อย แต่สภาวะเป็นอันเดียวกัน ![]() อโศกะมิได้บังคับให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ให้ทุกท่านพิจารณาตามหลักของเหตุและผลนะครับ "ลูกศิษย์ที่โตแล้ว ย่อมควรจะรู้จักคิดเองทำเองโดยไม่ทิ้งหลักการแห่งเหตุและผลที่ครูอาจารย์สอนไว้ ไม่ใช่คอยแต่จะลอกเรียนตำรา คำพูดของอาจารย์อยู่เสมอไปโดยไม่รู้จักโต ช่วยตัวเองไม่ได้สักที" ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 19:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
asoka เขียน: wink กบอธิบายกสิณตามสิ่งที่มีอยู่เดิมด้วยความเป็นนักอนุรักษ์นิยม ดีทำให้คนรู้เรื่องกสิณ 10 มากขึ้น อนุโมทนา ![]() ผม..ไม่ได้เป็นคนอธิบาย..นะครับ..อโสกะดูดีดี..มีสตินิดหนึ่ง...เป็นตามตำรา คำถามของผม...ถามนำเพื่อให้ได้คิด.. ก่อนจะคิดไปเรื่อยเปื่อย....ก็นำของตามตำรามาให้ดูก่อน...เพื่อให้ได้สังเกตุนัยยะของ..กสิน..ที่โบราณเขาว่า..มีแค่10... สังเกตุก่อนของเดิมก่อน..ก่อนพูด... อโสกะ....ไม่สงสัยรึคับว่า..ทำไมโบราณถึงว่าแค่ 10..???. อย่าด่วนดูถูกโบราณาจารย์นะครับ..อโสกะ...ดูของเก่าดีดี..ก่อน...ดูแล้วพิจารณา เอ้า...ผมจะลองชี้ให้ดูก่อนก็ได้.. ดูที่ผลที่กสินสามารถทำได้ดูซิ..อโสกะ...ลองคิดดูนะว่า...เราเพ่งดูสีของเราในจิตเราอยู่ดีดี..แล้วทำไมมันถึงโน้มให้สิ่งภายนอกกลายเป็นสีเดียวกับที่จิตเราเพ่งอยู่ได้ละ???...กรณีอื่นๆเช่น..กสินดิน(แทนของแข็ง)...เราก็เพ่งดินในจิตเราอยู่ดีดี..แล้วทำไมจึงสามารถโน้มให้สิ่งของภายนอกกลายเป็นของแข็งตามได้...ละ??..เป็นต้น กลับไปดููกสิน10 ...จะเห็น...มีกลุ่มของธาตุ...กลุ่มของสี... กลุ่มธาตุ..ก็มี...ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ...อากาศ(จัดใว้ในกลุ่มนี้ก่อน) กลุ่มสี..ก็มี...สีแดง..สีขาว..สีเขียว..สีเหลือง..แสงสว่าง (จัดใว้ในหมวดนี้ก่อน) กล่มธาตุ..นี้...ดูดูไป..ก็คล้ายๆกับเป็นวัตถุุดิบ(รููป)ตอนสร้างวัฎฎะสงสาร ส่วนกลุ่มสี..นี้..ดูดูไป..ก็คล้ายๆภาษาของจิต..รึ..แสดงออกถึงอารมณ์ของจิต... |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 15 ม.ค. 2017, 20:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
![]() อ๊บซ์ช่วยคิดเบา ๆ คิดค่อย ๆ ได้ป่าว อย่าคิดดัง คนเขาจะหลับจะนอน ![]() ![]() ![]() ย๊อเย่นนนนน... ![]() เอกอนจะรอดูอยู่เงียบ ๆ ว่าอ๊บซ์ จะนำไปถึงไหนต่อ... ดูซ้ายดูขวาดี ๆ ด้วยนะ อย่าชักนำ นำเสนออะไรที่มันล่อแหลมต่อการถูกเขี่ยลงถังด้วยนะ ... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 20:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
eragon_joe เขียน: :b6: ... อ๊บซ์ช่วยคิดเบา ๆ คิดค่อย ๆ ได้ป่าว อย่าคิดดัง คนเขาจะหลับจะนอน ![]() ![]() ![]() ย๊อเย่นนนนน... ![]() เอกอนจะรอดูอยู่เงียบ ๆ ว่าอ๊บซ์ จะนำไปถึงไหนต่อ... ดูซ้ายดูขวาดี ๆ ด้วยนะ อย่าชักนำ นำเสนออะไรที่มันล่อแหลมต่อการถูกเขี่ยลงถังด้วยนะ ... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มาม๊ะ...มาช่วยหน่อย.. ![]() ![]() กสิน ....ที่มีแค่..10....อาจมีความหมาย...ที่ลึกซึ้ง.. ไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่..สิ่งที่ถูกเพ่ง..ธรรมดาธรรมดา...แค่นั้น การเพ่งอันอื่น...จึงเรียกชื่ออื่นไป..เช่น...กาย..เวทนา..จิต...ธรรม..ก็อยู่ในอนุสสติ 10(อานาปานุุุุสติ...กายคตานุสติบ้าง.)....(อย่างที่อโสกะ...บอกว่า..เพ่งเวทนา...ถ้าจะจัดก็ควรจัดอยูู่ในอนุสสติ 10 นี้แหละ...ไม่ใช่อยู่ในฐานของคำว่ากสิณ) |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 20:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
asoka เขียน: "ลูกศิษย์ที่โตแล้ว ย่อมควรจะรู้จักคิดเองทำเองโดยไม่ทิ้งหลักการแห่งเหตุและผลที่ครูอาจารย์สอนไว้ ไม่ใช่คอยแต่จะลอกเรียนตำรา คำพูดของอาจารย์อยู่เสมอไปโดยไม่รู้จักโต ช่วยตัวเองไม่ได้สักที" ![]() ลอกแต่ตำรา..กับ..ลอกแต่คำครูบาอาจารย์... หากไม่ได้คิดพิจารณา..มันก็บ้าพอพอกัน..น้านแหละ...อโสกะเอ้ย เอ้า..ผมลองพูดตามความคิดของผมแล้ว.. แล้วอโสกะ..มีความคิดของอโสกะอย่างไร?....เพื่อนๆ..คิดอย่างไร...? ก็เว้า..มาได้เรย.. ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 15 ม.ค. 2017, 20:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
กบนอกกะลา เขียน: ![]() ![]() ![]() มาม๊ะ...มาช่วยหน่อย.. ![]() ![]() กสิน ....ที่มีแค่..10....อาจมีความหมาย...ที่ลึกซึ้ง.. ไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่..สิ่งที่ถูกเพ่ง..ธรรมดาธรรมดา...แค่นั้น การเพ่งอันอื่น...จึงเรียกชื่ออื่นไป..เช่น...กาย..เวทนา..จิต...ธรรม..ก็อยู่ในอนุสสติ 10(อานาปานุุุุสติ...กายคตานุสติบ้าง.)....(อย่างที่อโสกะ...บอกว่า..เพ่งเวทนา...ถ้าจะจัดก็ควรจัดอยูู่ในอนุสสติ 10 นี้แหละ...ไม่ใช่อยู่ในฐานของคำว่ากสิณ) โดยเบื้องต้น นั่นหมายความว่า เวทนากสิณ ก็คือ ใช้คำไม่ถูกหลักใช่มั๊ย อาจจะเป็นผู้ที่หนักไปในทางปฏิบัติ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือน่ะ เอกอนก็มีปัญหาในลักษณะการใช้คำเยอะอยู่ เพราะ...เป็นคนที่ศึกษาพระธรรมยังไม่มาก เวลาจะแสดงความเห็นอะไรก็ไม่ค่อยจะกล้าแสดงมากนัก เพราะเราไม่เท่าทันในเรื่องภาษาที่ใช้ ที่ใช้ภาษาเก่ง ๆ ในลานก็จะมี ท่านเช่นนั้น ท่านลุงหมาน ท่านกรัชกาย อย่างอ๊บซ์ ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องพอ ๆ กับเอกอนนี่ล่ะ ... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 15 ม.ค. 2017, 21:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
![]() ![]() ![]() ขอเอามาฝากไว้ที่นี่ก่อน |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 ม.ค. 2017, 21:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
eragon_joe เขียน: อย่างอ๊บซ์ ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องพอ ๆ กับเอกอนนี่ล่ะ ... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ที่ฝากใว้..อย่าฝากใว้นานซะละ... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 15 ม.ค. 2017, 23:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
eragon_joe เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ![]() ![]() ![]() มาม๊ะ...มาช่วยหน่อย.. ![]() ![]() กสิน ....ที่มีแค่..10....อาจมีความหมาย...ที่ลึกซึ้ง.. ไม่ใช่เป็นแต่เพียงแค่..สิ่งที่ถูกเพ่ง..ธรรมดาธรรมดา...แค่นั้น การเพ่งอันอื่น...จึงเรียกชื่ออื่นไป..เช่น...กาย..เวทนา..จิต...ธรรม..ก็อยู่ในอนุสสติ 10(อานาปานุุุุสติ...กายคตานุสติบ้าง.)....(อย่างที่อโสกะ...บอกว่า..เพ่งเวทนา...ถ้าจะจัดก็ควรจัดอยูู่ในอนุสสติ 10 นี้แหละ...ไม่ใช่อยู่ในฐานของคำว่ากสิณ) โดยเบื้องต้น นั่นหมายความว่า เวทนากสิณ ก็คือ ใช้คำไม่ถูกหลักใช่มั๊ย อาจจะเป็นผู้ที่หนักไปในทางปฏิบัติ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือน่ะ เอกอนก็มีปัญหาในลักษณะการใช้คำเยอะอยู่ เพราะ...เป็นคนที่ศึกษาพระธรรมยังไม่มาก เวลาจะแสดงความเห็นอะไรก็ไม่ค่อยจะกล้าแสดงมากนัก เพราะเราไม่เท่าทันในเรื่องภาษาที่ใช้ ที่ใช้ภาษาเก่ง ๆ ในลานก็จะมี ท่านเช่นนั้น ท่านลุงหมาน ท่านกรัชกาย อย่างอ๊บซ์ ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องพอ ๆ กับเอกอนนี่ล่ะ ... ![]() ![]() ![]() ศึกษา กาย เวทนา จิต ธรรม ก็เหนื่อยพอแรงแล้ว ส่วนกสิณบางประเภทที่ถูกดึงเข้าไปในกายคตาสติ ก็เป็นการประยุกต์โดยความลึกซึ้งของพระพุทธองค์ โดยมีเจตนาเพื่อนำมาเป็นอนุสติ ส่วนกสิณเพื่อการอย่างอื่นช่างมัน ไม่สนใจครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 17 ม.ค. 2017, 19:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
![]() ![]() ![]() กาย เวทนา จิต ธรรม....นี้ก็ครอบจักรวาลแล้วละคับ.. |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 17 ม.ค. 2017, 19:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม...กสิณถึงมีแค่10??? |
eragon_joe เขียน: ![]() ![]() ![]() ขอเอามาฝากไว้ที่นี่ก่อน ฝากนาน..คิดค่าธรรมเนียมค่าฝาก..นะเอ้อ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |