วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 18:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2017, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2017, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_1692.jpg
IMG_1692.jpg [ 59.08 KiB | เปิดดู 4266 ครั้ง ]
:b2: :b2: :b2:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2017, 21:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:



จุดสำคัญ..อยู่ตรง..ที่ทำสีแดง...แค่นั้น

ทำความเข้าใจให้กระจ่าง..ตรงนี้ให้ได้แค่นั้น...ว่า..ไม่มีอยู่จริงอย่างไร...อย่างไรจึงว่าไม่มีอยู่จริง..

อย่าไปให้ค่า.ยกยอมันว่าเป็นสภาวะธรรม...เดียวจะหลง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2017, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ขณะจิต เขียน:
น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:



จุดสำคัญ..อยู่ตรง..ที่ทำสีแดง...แค่นั้น

ทำความเข้าใจให้กระจ่าง..ตรงนี้ให้ได้แค่นั้น...ว่า..ไม่มีอยู่จริงอย่างไร...อย่างไรจึงว่าไม่มีอยู่จริง..

อย่าไปให้ค่า.ยกยอมันว่าเป็นสภาวะธรรม...เดียวจะหลง..


สาธุ ขอบคุณท่านกบ ที่สะกิดเตือน

ที่ว่าอัศจรรย์ใจ เพราะไม่เคยเข้าใจมาก่อน อัศจรรย์เพราะพระพุทธองค์ท่านตรัสบอกมานานแสนนาน

พอรู้แล้วก็ผ่านไป มันเปลี่ยนไป ด้วยตัวมันเอง เป็นธรรมดา


ที่ว่าไม่มีอยู่จริง คือมันไม่มีขณะที่ดำรงค์อยู่จริง เป็นการประกอบชั่วคราวของสังขารธรรมต่างๆ

เป็นการไหลเนื่องไป ไม่หยุดนิ่ง เมื่อก่อนคิดว่ายั่งยืน มีอยู่จริง ก็เป็นเพียงในสัญญา จิตมั่นหมายเอาเอง

คิดตามคำสอนอย่างชาวโลกที่ถือกัน จึงต้องทุกข์เพราะการผูกรัด หน่วงเหนี่ยว ของที่เปลี่ยนแปลง


ที่ว่าไม่มีอยู่จริง เพราะอุปทานเอา สมมุติเอา ถือความเป็นเจ้าของด้วยความหลง อย่างมนุษย์ทั่วไป

สื่งต่างๆมีความเคลื่อนเป็นธรรมดา เฝ้าดู ใช้สอย ไม่ครอบครอง ละวาง เบาสบาย :b16:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2017, 05:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดีครับ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2017, 07:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




korova_karta.png
korova_karta.png [ 112.74 KiB | เปิดดู 4217 ครั้ง ]
ขณะจิต เขียน:
น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:


สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีจริงสัมผัสได้จริง ไม่ว่าคนหรือสัตว์ย่อมสัมผัสได้จริงเหมือนกันหมด
แต่สิ่งที่สัมผัสนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน เปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับตลอดเวลาบังคับบัญชาไม่ได้
เพราะมันเป็นอนัตตา เพราสัตว์ทั้งหลายจะเข้าใจว่าสิงเหล่าเป็นอัตตา เช่น เราเห็น เราได้ยิน
เราได้กลิ่น เป็นต้น ตรงนี้ต่างหากที่ควรแยกแยะให้ตรงต่อตามความเป็นจริง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2017, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1-zone_lungpor.jpg
1-zone_lungpor.jpg [ 68.37 KiB | เปิดดู 4233 ครั้ง ]
:b8: อนัตตา สาธุ :b42:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2017, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2017, 13:21
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ขณะจิต เขียน:
น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:


สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีจริงสัมผัสได้จริง ไม่ว่าคนหรือสัตว์ย่อมสัมผัสได้จริงเหมือนกันหมด
แต่สิ่งที่สัมผัสนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน เปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับตลอดเวลาบังคับบัญชาไม่ได้
เพราะมันเป็นอนัตตา เพราสัตว์ทั้งหลายจะเข้าใจว่าสิงเหล่าเป็นอัตตา เช่น เราเห็น เราได้ยิน
เราได้กลิ่น เป็นต้น ตรงนี้ต่างหากที่ควรแยกแยะให้ตรงต่อตามความเป็นจริง


เห็นด้วยกับคุณลุงหมานครับ
สิ่งที่ผัสสะทัั้ง 3 อย่าง จาก อายตนะภายนอก อายตนะภายใน วิญญาณขันธ์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่เราสัมผัสได้ แต่สิ่งนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา หรือหมายความว่าสมมติ ตามคำของครูบาอาจารย์ ซึ่งผมจะเรียก สมมติ นั้นว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลกนี้ ซึ่ง จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2017, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




download.jpg
download.jpg [ 9.78 KiB | เปิดดู 4204 ครั้ง ]
:b9: มีเหมือนไม่มี ไม่มีเหมือนมี :b23: :b23: :b23:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2017, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ทราบไหมคะที่เขียนอย่างนี้เป็นความเห็นผิด...มิจฉาทิฏฐิ
ขณะจิต เขียน:
น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:

สัมมาทิฏฐิจะเกิดก็ต่อเมื่อคิดไตร่ตรองตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ว่าความเป็นจริงคืออะไรเพื่อประกอบการพิจารณาเพราะว่าทุกอย่าง
เป็นสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีจริงๆไม่ใช่ไม่มีแต่มีแล้วตั้งแต่เกิดทุกขณะ
เพราะเป็นความเข้าใจว่าชีวิตคืออะไรตั้งแต่เกิดจนตายมีแล้วค่ะ
เป็นทุกขณะที่มีร่างกายและจิตใจตอนที่ลืมตามองเห็นโลกนะ
ทรงตรัสรู้ความจริงทุกอย่างที่ปรากฏว่ามีแล้วตามเป็นจริง
ในโลกของเห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสรู้สิ่งกระทบคิดนึกที่มี
เป็นสิ่งที่กำลังมีจริงๆที่เรียกตามภาษาบาลีว่า ธัมมะ
ความจริงเป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่งเห็นจริงตามปกติของภพ
คือเดี๋ยวนี้อยู่ในภพภูมิคนที่เรียกว่ามนุษยโลก
เป็นอะไรที่รู้ว่าเป็นคนแล้วคิดตามคำสอนได้
จะเลือกฟังหรือเลือกทำขึ้นกับปัญญานะคะ
ก็เพราะปัญญารู้ว่าไม่มีตัวตนต้องไปทำ
แต่ถ้ามีตัวตนไปทำขึ้นนั่นไม่ใช่ปัญญา
สุตมยปัญญาจะเกิดได้ต้องทำยังไง
ลองพิจารณาว่าทำไงปัญญาจะเกิด
อยู่ดีๆก็คิดแต่จะไปทำลืมไปไหม
พระพุทธเจ้าตรัสให้ใช้ปัญญา
คิดเองปัญญามีไม่พอนะคะ
ฟังพระพุทธพจน์ก่อนทำ
ยังไม่รู้ไปทำไม่มีปัญญา
ปัญญารู้ว่าต้องฟังก่อน
ตอนที่ปัญญารู้ละไม่รู้
เป็นกิจของปัญญา
ไม่ใช่ตัวตนทำ
ทุกอย่างมี
แต่ไม่รู้น๊า
ละไม่รู้
คือฟัง
สิกขาคือศึกษาให้เข้าใจด้วยการไตร่ตรองให้รู้เพื่อรู้นั้นเองละตัวตนเพราะเห็นโทษที่ไม่รู้มาก่อน
http://www.dhammahome.com
:b4: :b4:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2017, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ทราบไหมคะที่เขียนอย่างนี้เป็นความเห็นผิด...มิจฉาทิฏฐิ
ขณะจิต เขียน:
น่าอัศจรรย์ใจ ในข้อที่ว่าสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัส นึกคิดอยู่นี้ไม่มีความเป็นอยู่ที่แท้จริง เป็นสภาวะแห่งความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ที่ประสบ ความสุขที่พานพบก็เช่นเดียวกัน พระพุทธองค์ยืนยันคำนี้มานานแสนนาน แต่มวลมนุษย์รวมถึงตัวเรากลับยึดติดดิ้นรน สมแล้วกับการถูกทุกข์กัดกิน ถมทับมานานแสนนานเช่นกัน...ขณะจิตเอ๋ย ทุกข์เพราะโง่ โง่จึงทุกข์สาสม :b23: :b23: :b2: :b34:


http://www.dhammahome.com
:b4: :b4:
onion onion onion


บางทีการแสดงความรู้สึกออกเป็นคำพูด ก็มีข้อจำกัดในการแสดง :b21:

แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่เต็มหัวใจ :b9:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2017, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2017, 20:21
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Re: สิ่งที่เห็นอยู่ เป็นอยู่นี้ ไมมีจริง

Re: สิ่งที่เห็นอยู่ ก็เห็นอยู่ว่ามีอยู่
Re: เป็นอยู่นี้ ก็เป็นอยู่นี่
Re: ไม่มีจริง. เป็นอุบายเพื่อความหน่าย

ถ้าปักใจยึดมั่นว่า ไม่มีจริง ย่อมเห็นผิด เฉดเช่น พ่อแม่ พระฯท่านสอนย่อมว่า มี
ผู้โง่เขลาเฝ้าคร่ำครวญ ปล่อยอัตตายึดมั่นในอนัตตา
ธรรมทั้งปวง พุทธองค์ทรงตรัสสอน เพื่อเห็น 2 สิ่งลวง ล้วนยอดทรามอย่าได้มั่น
แม้บุคคลในโลกว่า สิ่งนี้มีตถาคตก็ทรงตรัสว่า มี
แม้บุคคลในโลกว่า สิ่งนี้ไม่มีตถาคตก็ทรงตรัสว่า ไม่มี
เพราะทั้ง มีและไม่มี อยู่คู่โลก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2017, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้า ก็ไม่เคยเห็น ไยเชื่อว่าจริง

รูปนาม เบื้องหน้า จริงหรือไม่จริง

นิพพานล่ะอยู่ไหน ใครเคยไปจริง ..... :b23:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2017, 23:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2017, 20:21
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตาบอดคลำช้าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2017, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Amanta เขียน:
ตาบอดคลำช้าง


:b11: ผมก็คลำๆไป

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 132 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร