วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 355 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

cool
นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง
คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ
อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร
กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้
ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ
ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน
:b32: :b32:


สิกขาบทไหนที่พูดนั่นน่ะยกมาสิ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

cool
นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง
คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ
อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร
กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้
ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ
ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน
:b32: :b32:


สิกขาบทไหนที่พูดนั่นน่ะยกมาสิ :b1:


มีไหมล่ะให้โกนหัวห่มกาสาวพัตรแล้วรับเงินก็ยกมาสิจะได้รู้ว่าใครที่ทำผิดน่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

cool
นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง
คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ
อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร
กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้
ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ
ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน
:b32: :b32:


สิกขาบทไหนที่พูดนั่นน่ะยกมาสิ :b1:


มีไหมล่ะให้โกนหัวห่มกาสาวพัตรแล้วรับเงินก็ยกมาสิจะได้รู้ว่าใครที่ทำผิดน่ะ
:b32: :b32:



ตรงๆอย่างนั้น ไม่มีหรอกคุณโรส ถ้าย้อนไปเมื่อครั้งพุทธกาล 2600 กว่าปี โน้น พระเณรมีผู้อุปัฏฐากดูแล จะเรียนจะศึกษาอะไรมีอุบาสกอุบาสิกาจัดการให้ ย้อนมาปัจจุบันเป็นไง จึงบอกว่าให้ดูมองภาพความเป็นจริงของสังคมกว้างๆ นี่

อ้างคำพูด:
มองให้กว้าง ก็ไม่รู้นะ แต่จะลองยกตัวอย่าง ให้ดู ค่าใช้จ่ายภายในวัด/สำนัก มีอะไรบ้าง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเก็บขยะ แต่ละเดือนๆ ค่าก่อสร้างกุฏิวิหาร ค่าบูรณะปฏิสังขรณ์กุฎีวิหารลานเจดีย์ที่คร่ำคร่า แต่ละปีๆ ฯลฯ จะให้วัดแต่ละวัดๆทำอย่างไร ถ้าอย่างนั้นรัฐบาลต้องจัดงบประมาณให้วัดทั่วประเทศ ข่าวว่าทั้งประเทศมีวัดสามหมื่นกว่าวัด สำนักสงฆ์อีก คิกๆๆ

ไม่ให้พระจับเฮินเอง ทางรัฐก็ต้องจัดคนรับใช้พระแต่ละรูปๆ พระจะไปไหนก็ต้องไปส่ง จะไปเรียนหนังสือก็ต้องไปส่ง สมุดดินสอปากกาก็ต้องหาให้ เขาว่าพระทั่วประเทศมีประมาณสามแสนกว่ารูป ก็ต้องจัดคนรับใช้พระสามแสนกว่าคน อิอิ

viewtopic.php?f=1&t=56221


ถ้าไปคิดอย่างสำนักบ้านธัมมะ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องสึกให้หมด ไม่ต้องมีภิกษุ เหมือนไม่มีภิกษุณี ศาสนาก็ฉิบหายสิคุณโรส :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

cool
นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง
คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ
อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร
กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้
ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ
ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน
:b32: :b32:


สิกขาบทไหนที่พูดนั่นน่ะยกมาสิ :b1:


มีไหมล่ะให้โกนหัวห่มกาสาวพัตรแล้วรับเงินก็ยกมาสิจะได้รู้ว่าใครที่ทำผิดน่ะ
:b32: :b32:



ตรงๆอย่างนั้น ไม่มีหรอกคุณโรส ถ้าย้อนไปเมื่อครั้งพุทธกาล 2600 กว่าปี โน้น พระเณรมีผู้อุปัฏฐากดูแล จะเรียนจะศึกษาอะไรมีอุบาสกอุบาสิกาจัดการให้ ย้อนมาปัจจุบันเป็นไง จึงบอกว่าให้ดูมองภาพความเป็นจริงของสังคมกว้างๆ นี่

อ้างคำพูด:
มองให้กว้าง ก็ไม่รู้นะ แต่จะลองยกตัวอย่าง ให้ดู ค่าใช้จ่ายภายในวัด/สำนัก มีอะไรบ้าง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเก็บขยะ แต่ละเดือนๆ ค่าก่อสร้างกุฏิวิหาร ค่าบูรณะปฏิสังขรณ์กุฎีวิหารลานเจดีย์ที่คร่ำคร่า แต่ละปีๆ ฯลฯ จะให้วัดแต่ละวัดๆทำอย่างไร ถ้าอย่างนั้นรัฐบาลต้องจัดงบประมาณให้วัดทั่วประเทศ ข่าวว่าทั้งประเทศมีวัดสามหมื่นกว่าวัด สำนักสงฆ์อีก คิกๆๆ

ไม่ให้พระจับเฮินเอง ทางรัฐก็ต้องจัดคนรับใช้พระแต่ละรูปๆ พระจะไปไหนก็ต้องไปส่ง จะไปเรียนหนังสือก็ต้องไปส่ง สมุดดินสอปากกาก็ต้องหาให้ เขาว่าพระทั่วประเทศมีประมาณสามแสนกว่ารูป ก็ต้องจัดคนรับใช้พระสามแสนกว่าคน อิอิ

viewtopic.php?f=1&t=56221

Kiss
ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 09 ส.ค. 2018, 11:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

:b32:
เป็นสาวกใครก็ฟังคำของคนๆนั้น
คิดสิเวลาร้องเพลงต้องเป็นศิษย์หรือคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

:b32:
เป็นสาวกใครก็ฟังคำของคนๆนั้น
คิดสิเวลาร้องเพลงต้องเป็นศิษย์หรือคะ


ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ฟังแม่บริหาร เป็นศิษย์แม่บริหาร :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 00:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

:b32:
เป็นสาวกใครก็ฟังคำของคนๆนั้น
คิดสิเวลาร้องเพลงต้องเป็นศิษย์หรือคะ


ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ฟังแม่บริหาร เป็นศิษย์แม่บริหาร :b32:

:b12:
ฟังคำสอนนั้นน่าเหมือนร้องเพลง
คนร้องคนแรกคือต้นฉบับคนที่ร้องถูกเลียนแบบมีทั่วประเทศได้ใช่ไหม
เวลาที่มีคนฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วไปบอกต่อก็เหมือนต้นฉบับ
คนฟังที่รู้ว่าคนร้องคนแรกเป็นใครฟังปุ๊บรู้ปั๊บว่าเพลงนี้ใครเป็นคนร้องคนแรกก็จำได้ไง
เพราะเคยฟังเคยร้องตามมาก่อนพอได้ฟังอีกก็รู้ไงคะว่าเป็นเพลงของใครคำตถาคตก็เช่นกันน๊า
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 06:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

:b32:
เป็นสาวกใครก็ฟังคำของคนๆนั้น
คิดสิเวลาร้องเพลงต้องเป็นศิษย์หรือคะ


ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ฟังแม่บริหาร เป็นศิษย์แม่บริหาร :b32:

:b12:
ฟังคำสอนนั้นน่าเหมือนร้องเพลง
คนร้องคนแรกคือต้นฉบับคนที่ร้องถูกเลียนแบบมีทั่วประเทศได้ใช่ไหม
เวลาที่มีคนฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วไปบอกต่อก็เหมือนต้นฉบับ
คนฟังที่รู้ว่าคนร้องคนแรกเป็นใครฟังปุ๊บรู้ปั๊บว่าเพลงนี้ใครเป็นคนร้องคนแรกก็จำได้ไง
เพราะเคยฟังเคยร้องตามมาก่อนพอได้ฟังอีกก็รู้ไงคะว่าเป็นเพลงของใครคำตถาคตก็เช่นกันน๊า
:b32: :b32:

cool
ไม่มีใครรู้ความจริงของเห็นที่กำลังเห็นเพราะเห็นดับแล้ว
และไม่ได้มีแค่เห็นแต่เป็นจิตคิดนึกพาตนเห็นผิดจากคำสอน
ครบ6ทางอายตนะตลอดเวลาจนกว่าจะเริ่มฟังความจริงถูกตรง
ตามคำสอนทีละคำเพื่อให้จิตถูกปรุงแต่งตามคำสอนได้ตรงทางบ้าง
คือแทรกรู้เพิ่มเข้ามาคั่นไม่รู้ได้ทีละน้อยท่ามกลางอกุศลที่ไม่รู้ของตน
จนกว่ารู้แทรกได้ตรงครบ6ทางจนกิเลสแทรกเข้าไม่ได้ต้องอาศัยการฟัง
และพึ่งการคิดตรงคำวาจาสัจจะตรงปรมัตถสัจจะทีละคำจนรู้เท่าทันกิเลสได้
ต้องดับกิเลสได้ละเอียดทีละ1ขณะตรงทางตรงคำตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีจริงๆค่ะ
ดับกิเลสที่ไม่รู้ของตนที่ไหลไปไม่ขาดสายด้วยการฟังเพื่อให้รู้เท่าเอาทันกิเลสตนเองนะคะ
:b12:
การทำไปตามความคิดตนเองเป็นการเชื่อกิเลสตนเองจึงอยากไปทำอยากคือโลภะติดทำไม่ฟัง
ปัญญาแรกเกิดจากฟังตรงๆตรงมากทีละคำตรงขณะสลับกับกิเลสของตนเองกิเลสแย่งนั่งในจิตใจ
มานานแสนนานแล้วเมื่อไหร่จะพึ่งคำตถาคตเพื่อให้คำจริงของตถาคตนำทางจิตพาจิตออกจากกิเลสได้
คำตถาคตเป็นความจริงที่ตรงสัจจะที่เมื่อรู้ทันและตรงแล้วจะตรงทุกเมื่อเพราะถึงความตรงได้ด้วยคำตถาคต
อ่านและทบทวนคำต่างๆข้างบนนี้ที่โรสเขียนไตร่ตรองตามตรงทีละคำไม่ใส่คิดเห็นเพิ่มเข้าไปคิดให้ตรงคำ
จึงจะเป็นผู้ตรงต่อสัจจะคำตถาคตที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงคือรู้สิ่งที่กำลังมีได้เท่านั้นไม่มีใครเอากิเลสออกได้เลย
เพราะทุกอย่างกำลังเกิดดับอย่างรวดเร็วสลับกันดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเป็นอนันต์ฟังพระพุทธพจน์เพื่อรู้ทัน
เพื่อให้จิตคิดถูกตามได้จนกว่าดับไม่รู้ที่ไหลไปไม่ขาดสายนั้นได้เพื่อเพิ่มรู้คือปัญญาตามคำสอนของตถาคต
:b4: :b4:
:b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 07:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

:b32:
เป็นสาวกใครก็ฟังคำของคนๆนั้น
คิดสิเวลาร้องเพลงต้องเป็นศิษย์หรือคะ


ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ฟังแม่บริหาร เป็นศิษย์แม่บริหาร :b32:

:b12:
ฟังคำสอนนั้นน่าเหมือนร้องเพลง
คนร้องคนแรกคือต้นฉบับคนที่ร้องถูกเลียนแบบมีทั่วประเทศได้ใช่ไหม
เวลาที่มีคนฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วไปบอกต่อก็เหมือนต้นฉบับ
คนฟังที่รู้ว่าคนร้องคนแรกเป็นใครฟังปุ๊บรู้ปั๊บว่าเพลงนี้ใครเป็นคนร้องคนแรกก็จำได้ไง
เพราะเคยฟังเคยร้องตามมาก่อนพอได้ฟังอีกก็รู้ไงคะว่าเป็นเพลงของใครคำตถาคตก็เช่นกันน๊า
:b32: :b32:

cool
ไม่มีใครรู้ความจริงของเห็นที่กำลังเห็นเพราะเห็นดับแล้ว
และไม่ได้มีแค่เห็นแต่เป็นจิตคิดนึกพาตนเห็นผิดจากคำสอน
ครบ6ทางอายตนะตลอดเวลาจนกว่าจะเริ่มฟังความจริงถูกตรง
ตามคำสอนทีละคำเพื่อให้จิตถูกปรุงแต่งตามคำสอนได้ตรงทางบ้าง
คือแทรกรู้เพิ่มเข้ามาคั่นไม่รู้ได้ทีละน้อยท่ามกลางอกุศลที่ไม่รู้ของตน
จนกว่ารู้แทรกได้ตรงครบ6ทางจนกิเลสแทรกเข้าไม่ได้ต้องอาศัยการฟัง
และพึ่งการคิดตรงคำวาจาสัจจะตรงปรมัตถสัจจะทีละคำจนรู้เท่าทันกิเลสได้
ต้องดับกิเลสได้ละเอียดทีละ1ขณะตรงทางตรงคำตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีจริงๆค่ะ
ดับกิเลสที่ไม่รู้ของตนที่ไหลไปไม่ขาดสายด้วยการฟังเพื่อให้รู้เท่าเอาทันกิเลสตนเองนะคะ
:b12:
การทำไปตามความคิดตนเองเป็นการเชื่อกิเลสตนเองจึงอยากไปทำอยากคือโลภะติดทำไม่ฟัง
ปัญญาแรกเกิดจากฟังตรงๆตรงมากทีละคำตรงขณะสลับกับกิเลสของตนเองกิเลสแย่งนั่งในจิตใจ
มานานแสนนานแล้วเมื่อไหร่จะพึ่งคำตถาคตเพื่อให้คำจริงของตถาคตนำทางจิตพาจิตออกจากกิเลสได้
คำตถาคตเป็นความจริงที่ตรงสัจจะที่เมื่อรู้ทันและตรงแล้วจะตรงทุกเมื่อเพราะถึงความตรงได้ด้วยคำตถาคต
อ่านและทบทวนคำต่างๆข้างบนนี้ที่โรสเขียนไตร่ตรองตามตรงทีละคำไม่ใส่คิดเห็นเพิ่มเข้าไปคิดให้ตรงคำ
จึงจะเป็นผู้ตรงต่อสัจจะคำตถาคตที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงคือรู้สิ่งที่กำลังมีได้เท่านั้นไม่มีใครเอากิเลสออกได้เลย
เพราะทุกอย่างกำลังเกิดดับอย่างรวดเร็วสลับกันดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเป็นอนันต์ฟังพระพุทธพจน์เพื่อรู้ทัน
เพื่อให้จิตคิดถูกตามได้จนกว่าดับไม่รู้ที่ไหลไปไม่ขาดสายนั้นได้เพื่อเพิ่มรู้คือปัญญาตามคำสอนของตถาคต



อ้างคำพูด:
การทำไปตามความคิดตนเองเป็นการเชื่อกิเลสตนเองจึงอยากไปทำอยากคือโลภะติดทำไม่ฟัง


คุณโรสคิดแบบหนึ่ง ถ้ายังงั้นคนที่ตื่นเช้ามา ก็อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน กินอาหาร ไปทำงาน เป็นต้น มันก็เป็นกิเลสหมดสิงั้น

พรุ่งนี้วันพระคนอยากไปวัดไปฟังพระสวดพระเทศน์ก็เป็นกิเลสสิงั้น :b13: จะไปทางไหนเอ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ฟังให้มันตรงไม่มีใครช่วยกันได้
ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาของผู้นั้นเอง
ที่เว้นโทษที่จะทำให้ตนไปอบายภูมิค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=101cfbifulF4


โอ้ยวนไปวนมา คิกๆๆ

ตนสะสมปัญญาตามลำดับไหมล่ะสุตมยปัญญาไม่ลำเอียงเข้าข้างใครแม้แต่ตนเองค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4



สุตะอีกแระ คิกๆๆๆ

:b32:
เป็นสาวกใครก็ฟังคำของคนๆนั้น
คิดสิเวลาร้องเพลงต้องเป็นศิษย์หรือคะ


ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ฟังแม่บริหาร เป็นศิษย์แม่บริหาร :b32:

:b12:
ฟังคำสอนนั้นน่าเหมือนร้องเพลง
คนร้องคนแรกคือต้นฉบับคนที่ร้องถูกเลียนแบบมีทั่วประเทศได้ใช่ไหม
เวลาที่มีคนฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วไปบอกต่อก็เหมือนต้นฉบับ
คนฟังที่รู้ว่าคนร้องคนแรกเป็นใครฟังปุ๊บรู้ปั๊บว่าเพลงนี้ใครเป็นคนร้องคนแรกก็จำได้ไง
เพราะเคยฟังเคยร้องตามมาก่อนพอได้ฟังอีกก็รู้ไงคะว่าเป็นเพลงของใครคำตถาคตก็เช่นกันน๊า
:b32: :b32:

cool
ไม่มีใครรู้ความจริงของเห็นที่กำลังเห็นเพราะเห็นดับแล้ว
และไม่ได้มีแค่เห็นแต่เป็นจิตคิดนึกพาตนเห็นผิดจากคำสอน
ครบ6ทางอายตนะตลอดเวลาจนกว่าจะเริ่มฟังความจริงถูกตรง
ตามคำสอนทีละคำเพื่อให้จิตถูกปรุงแต่งตามคำสอนได้ตรงทางบ้าง
คือแทรกรู้เพิ่มเข้ามาคั่นไม่รู้ได้ทีละน้อยท่ามกลางอกุศลที่ไม่รู้ของตน
จนกว่ารู้แทรกได้ตรงครบ6ทางจนกิเลสแทรกเข้าไม่ได้ต้องอาศัยการฟัง
และพึ่งการคิดตรงคำวาจาสัจจะตรงปรมัตถสัจจะทีละคำจนรู้เท่าทันกิเลสได้
ต้องดับกิเลสได้ละเอียดทีละ1ขณะตรงทางตรงคำตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีจริงๆค่ะ
ดับกิเลสที่ไม่รู้ของตนที่ไหลไปไม่ขาดสายด้วยการฟังเพื่อให้รู้เท่าเอาทันกิเลสตนเองนะคะ
:b12:
การทำไปตามความคิดตนเองเป็นการเชื่อกิเลสตนเองจึงอยากไปทำอยากคือโลภะติดทำไม่ฟัง
ปัญญาแรกเกิดจากฟังตรงๆตรงมากทีละคำตรงขณะสลับกับกิเลสของตนเองกิเลสแย่งนั่งในจิตใจ
มานานแสนนานแล้วเมื่อไหร่จะพึ่งคำตถาคตเพื่อให้คำจริงของตถาคตนำทางจิตพาจิตออกจากกิเลสได้
คำตถาคตเป็นความจริงที่ตรงสัจจะที่เมื่อรู้ทันและตรงแล้วจะตรงทุกเมื่อเพราะถึงความตรงได้ด้วยคำตถาคต
อ่านและทบทวนคำต่างๆข้างบนนี้ที่โรสเขียนไตร่ตรองตามตรงทีละคำไม่ใส่คิดเห็นเพิ่มเข้าไปคิดให้ตรงคำ
จึงจะเป็นผู้ตรงต่อสัจจะคำตถาคตที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงคือรู้สิ่งที่กำลังมีได้เท่านั้นไม่มีใครเอากิเลสออกได้เลย
เพราะทุกอย่างกำลังเกิดดับอย่างรวดเร็วสลับกันดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเป็นอนันต์ฟังพระพุทธพจน์เพื่อรู้ทัน
เพื่อให้จิตคิดถูกตามได้จนกว่าดับไม่รู้ที่ไหลไปไม่ขาดสายนั้นได้เพื่อเพิ่มรู้คือปัญญาตามคำสอนของตถาคต



อ้างคำพูด:
การทำไปตามความคิดตนเองเป็นการเชื่อกิเลสตนเองจึงอยากไปทำอยากคือโลภะติดทำไม่ฟัง


คุณโรสคิดแบบหนึ่ง ถ้ายังงั้นคนที่ตื่นเช้ามา ก็อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน กินอาหาร ไปทำงาน เป็นต้น มันก็เป็นกิเลสหมดสิงั้น

พรุ่งนี้วันพระคนอยากไปวัดไปฟังพระสวดพระเทศน์ก็เป็นกิเลสสิงั้น :b13: จะไปทางไหนเอ้า

:b32:
ไปทำไม่รู้เพิ่มทับถมไม่รู้ที่มีอยู่แล้วก็ไม่ฟังคำสอนที่ถูกต้องเองไม่ใช่เหรอแล้วจะทำอะไรได้ไหมไม่รู้ก็สะสม
หนทางรู้มีทางเดียวอันเอกคือจิตได้ยินตามคำสอนที่แท้จริงรู้อารมณ์วิปัสสนา=ภาวนาถูกตามอริยสัจจธรรม
โดยพึ่งคำตถาคตเพื่อให้จิตคิดถูกตามได้ตามเป็นจริงไปแล้วไม่รู้ก็คือไม่รู้ว่าอะไรคือรู้ถูกเข้าใจถูกตามได้ไง
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


ไปทำไม่รู้เพิ่มทับถมไม่รู้ที่มีอยู่แล้วก็ไม่ฟังคำสอนที่ถูกต้องเองไม่ใช่เหรอแล้วจะทำอะไรได้ไหมไม่รู้ก็สะสม
หนทางรู้มีทางเดียวอันเอกคือจิตได้ยินตามคำสอนที่แท้จริงรู้อารมณ์วิปัสสนา=ภาวนาถูกตามอริยสัจจธรรม
โดยพึ่งคำตถาคตเพื่อให้จิตคิดถูกตามได้ตามเป็นจริงไปแล้วไม่รู้ก็คือไม่รู้ว่าอะไรคือรู้ถูกเข้าใจถูกตามได้ไง


เขาไปทำบุญ บุญมีอะไรบ้าง บุญมี ๓ อย่างก็มี เช่น บุญกิริยาวัตถุ ๓ ก็คือ ทาน ศีล ภาวนา เขาจะไม่รู้เชียวหรือว่า ทานคืออันหยัง แม่นบ่คับ ทานก็คือการให้ เขามีอาหารคาวหวานไปถวายพระนี่ก็ทานแล้ว คิกๆๆ เป็นบุญแว้ว (แล้ว) :b13: หรือจะเอาบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ยิ่งเปิดกว้างเข้าไปใหญ่ เช่น เวยยาวัจจมัย ช่วยเขาทำนั่นทำนี่ก็เป็นบุญอีกแว้ว แค่นี้คุณโรสยังไม่รู้อีกหรือขอรับ ไหนลองบอกตรงๆให้กรัชกายน้อยนอนตายตาหลับถี :b32: ว่าไม่รู้เอ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2018, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ไปทำไม่รู้เพิ่มทับถมไม่รู้ที่มีอยู่แล้วก็ไม่ฟังคำสอนที่ถูกต้องเองไม่ใช่เหรอแล้วจะทำอะไรได้ไหมไม่รู้ก็สะสม
หนทางรู้มีทางเดียวอันเอกคือจิตได้ยินตามคำสอนที่แท้จริงรู้อารมณ์วิปัสสนา=ภาวนาถูกตามอริยสัจจธรรม
โดยพึ่งคำตถาคตเพื่อให้จิตคิดถูกตามได้ตามเป็นจริงไปแล้วไม่รู้ก็คือไม่รู้ว่าอะไรคือรู้ถูกเข้าใจถูกตามได้ไง


เขาไปทำบุญ บุญมีอะไรบ้าง บุญมี ๓ อย่างก็มี เช่น บุญกิริยาวัตถุ ๓ ก็คือ ทาน ศีล ภาวนา เขาจะไม่รู้เชียวหรือว่า ทานคืออันหยัง แม่นบ่คับ ทานก็คือการให้ เขามีอาหารคาวหวานไปถวายพระนี่ก็ทานแล้ว คิกๆๆ เป็นบุญแว้ว (แล้ว) :b13: หรือจะเอาบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ยิ่งเปิดกว้างเข้าไปใหญ่ เช่น เวยยาวัจจมัย ช่วยเขาทำนั่นทำนี่ก็เป็นบุญอีกแว้ว แค่นี้คุณโรสยังไม่รู้อีกหรือขอรับ ไหนลองบอกตรงๆให้กรัชกายน้อยนอนตายตาหลับถี :b32: ว่าไม่รู้เอ้า


:b12:
กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาเป็นไปเพื่อละไม่รู้ที่มีตัวตนไปเอาเพิ่มขึ้นติดทำไม่ฟังไงคะ
การทำฟังจึงเป็นกุศลสูงสุดเพราะใช้ตาและหูที่มีฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามได้ค่ะ
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 355 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร