ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55490
หน้า 6 จากทั้งหมด 24

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ส.ค. 2018, 07:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

ความหมาย สภาวะ


สภาพ, สภาวะ ความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเอง, ธรรมดา

สภาวธรรม หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งเป็นเองตามธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย

ปัจจัย เหตุที่ให้ผลเป็นไป, เหตุเครื่องหนุนให้เกิด ฯลฯ

ปฏิจจสมุปบาท “การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน เกิดขึ้นพร้อม” สภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดขึ้น, การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา

สภาวทุกข์ ทุกข์ที่เป็นเองตามคติแห่งธรรมดา ได้แก่ ทุกข์ประจำสังขาร คือ ชาติ ชรา มรณะ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ส.ค. 2018, 07:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น


อย่างที่ว่าความเป็นอนัตตนั้นต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ ตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเรา จะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ส.ค. 2018, 10:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 07:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

ตามรอย วัดร้างในบางกอก ตอนที่ ๑ วัดที่สาบสูญ

https://pantip.com/topic/37938772

เรื่องน่าศึกษาสำหรับชาวพุทธ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 07:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 09:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

"ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน"

ข้าพเจ้าไม่ขอนับถือศาสนาใดๆในโลกทั้งนั้น แต่หากจะต้องเลือกนับถือแล้ว ข้าพเจ้าขอเลือกนับถือพระพุทธศาสนา"

จากคำปราศรัยในที่ประชุมปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ของ ด.ร.อัมเบดการ์

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอมาจากตระกูลต่างๆกัน ย่อมมีความเสมอกัน เมื่อมาสู่ธรรมวินัยนี้แล้ว เหมือนมหาสมุทร ย่อมเป็นที่รวมของน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำและทะเลต่างๆ เมื่อมาสู่มหาสมุทรแล้วก็ไม่สามารถจะแยกได้ ว่าน้ำส่วนไหนมาจากที่ใด"

https://www.facebook.com/10000523227183 ... =3&theater

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5BFD7348

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

เจ้าของ:  Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 09:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

cool
ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว
คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง
อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง
ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ
บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า
จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต
ไปแสดงธรรมตรงไหม
แต่การทำฟังของตน
ไม่เคยทำปัญญา
ของตัวเองเลย
จะให้ว่าไงคะ
แล้วจะรู้ได้ไง
ว่าการกล่าวตาม
คำตถาคตได้ตรงความจริง
ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม
ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน
ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10
:b32:
:b13: :b13:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 09:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

cool

ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว
คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง
อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง
ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ
บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า
จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต
ไปแสดงธรรมตรงไหม
แต่การทำฟังของตน
ไม่เคยทำปัญญา
ของตัวเองเลย
จะให้ว่าไงคะ
แล้วจะรู้ได้ไง
ว่าการกล่าวตาม
คำตถาคตได้ตรงความจริง
ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม
ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน
ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10
:b32:
:b13: :b13:


๗-๘ ปี ที่ฟังแม่สุจินมาจนก๊อปแม่สุจินมาทั้งดุ้นแล้ว :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 09:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

cool

ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว
คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง
อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง
ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ
บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า
จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต
ไปแสดงธรรมตรงไหม
แต่การทำฟังของตน
ไม่เคยทำปัญญา
ของตัวเองเลย
จะให้ว่าไงคะ
แล้วจะรู้ได้ไง
ว่าการกล่าวตาม
คำตถาคตได้ตรงความจริง
ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม
ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน
ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10
:b32:
:b13: :b13:


๗-๘ ปี ที่ฟังแม่สุจินมาจนก๊อปแม่สุจินมาทั้งดุ้นแล้ว :b32:

:b1:
มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ
:b16: :b16:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 10:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

เจ้าของ:  Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 10:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 10:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

เจ้าของ:  Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 10:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง
:b32:
:b13: :b13:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 10:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 11:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

cool
นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง
คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ
อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร
กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้
ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ
ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน
:b32: :b32:

หน้า 6 จากทั้งหมด 24 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/