ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55490 |
หน้า 6 จากทั้งหมด 24 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 08 ส.ค. 2018, 07:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
ความหมาย สภาวะ สภาพ, สภาวะ ความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเอง, ธรรมดา สภาวธรรม หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งเป็นเองตามธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย ปัจจัย เหตุที่ให้ผลเป็นไป, เหตุเครื่องหนุนให้เกิด ฯลฯ ปฏิจจสมุปบาท “การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน เกิดขึ้นพร้อม” สภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดขึ้น, การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา สภาวทุกข์ ทุกข์ที่เป็นเองตามคติแห่งธรรมดา ได้แก่ ทุกข์ประจำสังขาร คือ ชาติ ชรา มรณะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 08 ส.ค. 2018, 07:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: คุณโรสเห็นประการใดขอรับ เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น อย่างที่ว่าความเป็นอนัตตนั้นต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ ตัวอย่าง อ้างคำพูด: ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเรา จะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ
|
เจ้าของ: | Rosarin [ 08 ส.ค. 2018, 10:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: คุณโรสเห็นประการใดขอรับ เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้ ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่ กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 07:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
ตามรอย วัดร้างในบางกอก ตอนที่ ๑ วัดที่สาบสูญ https://pantip.com/topic/37938772 เรื่องน่าศึกษาสำหรับชาวพุทธ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 07:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: คุณโรสเห็นประการใดขอรับ เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้ ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่ กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ อ้างคำพูด: รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 09:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
"ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน" ข้าพเจ้าไม่ขอนับถือศาสนาใดๆในโลกทั้งนั้น แต่หากจะต้องเลือกนับถือแล้ว ข้าพเจ้าขอเลือกนับถือพระพุทธศาสนา" จากคำปราศรัยในที่ประชุมปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ของ ด.ร.อัมเบดการ์ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอมาจากตระกูลต่างๆกัน ย่อมมีความเสมอกัน เมื่อมาสู่ธรรมวินัยนี้แล้ว เหมือนมหาสมุทร ย่อมเป็นที่รวมของน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำและทะเลต่างๆ เมื่อมาสู่มหาสมุทรแล้วก็ไม่สามารถจะแยกได้ ว่าน้ำส่วนไหนมาจากที่ใด" https://www.facebook.com/10000523227183 ... =3&theater https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5BFD7348 https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 09:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: คุณโรสเห็นประการใดขอรับ เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้ ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่ กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ อ้างคำพูด: รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต ไปแสดงธรรมตรงไหม แต่การทำฟังของตน ไม่เคยทำปัญญา ของตัวเองเลย จะให้ว่าไงคะ แล้วจะรู้ได้ไง ว่าการกล่าวตาม คำตถาคตได้ตรงความจริง ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 09:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: คุณโรสเห็นประการใดขอรับ เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้ ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่ กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ อ้างคำพูด: รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต ไปแสดงธรรมตรงไหม แต่การทำฟังของตน ไม่เคยทำปัญญา ของตัวเองเลย จะให้ว่าไงคะ แล้วจะรู้ได้ไง ว่าการกล่าวตาม คำตถาคตได้ตรงความจริง ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10 ๗-๘ ปี ที่ฟังแม่สุจินมาจนก๊อปแม่สุจินมาทั้งดุ้นแล้ว |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 09:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: คุณโรสเห็นประการใดขอรับ เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้ ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่ กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ อ้างคำพูด: รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต ไปแสดงธรรมตรงไหม แต่การทำฟังของตน ไม่เคยทำปัญญา ของตัวเองเลย จะให้ว่าไงคะ แล้วจะรู้ได้ไง ว่าการกล่าวตาม คำตถาคตได้ตรงความจริง ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10 ๗-๘ ปี ที่ฟังแม่สุจินมาจนก๊อปแม่สุจินมาทั้งดุ้นแล้ว มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 10:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
Rosarin เขียน: มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ ฟังใคร |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 10:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ ฟังใคร คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้ บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 10:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ ฟังใคร คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้ บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ? |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 10:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ ฟังใคร คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้ บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ? ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2018, 10:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ ฟังใคร คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้ บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ? ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ส.ค. 2018, 11:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ต่อไปกุลบุตรผู้จะบวช อย่างน้อยต้อง 15 วัน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ ฟังใคร คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้ บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ? ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้ ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน |
หน้า 6 จากทั้งหมด 24 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |