วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 14:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2018, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


“ร่างกายเป็นรังของโรค
ต้องเจ็บป่วยอยู่เสมอเป็นธรรมดา
อย่าเศร้าหมองตามการเจ็บป่วยนั้น
ทำใจให้ปลอดโปร่ง และให้นึกเสมอว่า
การเจ็บการตายจะมาถึงเมื่อไรก็ได้
อย่าประมาท อย่ารั้งรอต่อการทำความดี
ในขณะที่ยังมีโอกาสทำความดี
จะได้ไม่ต้องเสียใจ แม้ความตายจะมาถึง
ในวินาทีใดก็ตาม"
-:- ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต -:-




"ถึงเราจะดีใจเสียใจ อย่างไรก็ตาม
สภาวะร่างกาย รูปนี้ของเรา
ก็เป็นอยู่ของมันเช่นนี้
มันเกิดมาแล้ว
มันก็แปรตามธรรมชาติ
แปรไป เจ็บไป ตายไป
พลัดพรากจากกันไปเป็นธรรมดา
ธรรมชาติมันเป็นอย่างนี้"
-:- หลวงปู่ชา สุภทฺโท -:-



บันทึกนิมิตกู้ชาติไทย
องค์หลวงตาเล่านิมิตภาวนาให้ฟังว่า ปกติทุกคืนท่านเข้าสมาธิภาวนาแผ่เมตตาจิตแก่สรรพสัตว์ ทั้งมวล อำนาจของจิตแผ่ไปไม่มีประมาณในสามแดนโลกธาตุ คืนหนึ่งจิตของท่านย่นเข้ามาสะดุดกึ๊ก อยู่ที่จุดเมืองไทยของเรา เกิดความห่วงโลกห่วงสงสาร ประเทศชาติบ้านเมืองถึงขั้นจะล่มจะจม ในนิมิตภาวนานั้นปรากฏว่า ชาติไทยมีแต่ความมืดดำปกคลุมมืดครึ้มไปหมด ในจิตอ่อนนิ่มแผ่ เมตตาไปทางใดประหนึ่งว่าจะหมดหวัง ทั้งๆ ที่ก่อนนี้ไม่เคยมีอะไรขวางกั้นทางเดินแห่งจิตที่เมตตา ครอบโลกธาตุนี้ได้เลย แม้พิจารณาแผ่เมตตา ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ก็เป็นเช่นนั้น จึงกำหนดจิตพิจารณาหาผู้ใดจะมาช่วยแบ่งเบาภาระและจุดประกายให้แสงสว่างแก่ประเทศชาติ ที่ดำมืดครื้มนั้นก็ไม่เห็นมี ประหนึ่งว่า “หมดหวังแล้วหนอ!”
ชาติบ้านเมืองคราวนี้ ถึงคราวที่จะสูญ สลายสิ้นชาติและพระพุทธศาสนาที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกมาเป็นเวลานาน มองไปช่องทางใดก็มีแต่ ทางคับแคบตีบตัน กว้างก็กว้างเพื่อตีบตัน เมื่อไม่เห็นมีผู้ใดที่พอจะช่วยได้แล้ว จึงกำหนดจิตย้อนเข้ามาภายในตน .. ปรากฏว่าเห็นเป็น แสงสว่างเพียงหิ่งห้อย จึงกำหนดจิตเข้าไปตามลำแสงอันน้อยนิดนั้น แม้จะเป็นช่องแคบๆ ก็จริงแต่ เมื่อกำหนดดูปรากฏว่าทะลุไปได้ พิจารณาดูแล้วแสงเพียงหิ่งห้อยนั้น ก็คือตัวท่านเอง
นอกจากนี้ ท่านยังกล่าวด้วยว่า การออกมาช่วยชาติในคราวนี้ของท่านจะมีอยู่ ๒ ทาง คือ ๑. จะเป็นทางบุญนำประชาชนไปสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ๒. จะเป็นทางบาปไปนรกสำหรับผู้ไม่เห็นด้วย ไม่อนุโมทนา แต่ คิดจ้องทำลาย ลบหลู่ เหยียบย่ำ สกัดกั้นการช่วยชาติ นิมิตภาวนาในครั้งนี้ถึงกับทำให้ท่านร้อง “โก้ก” และ ออกประกาศเลยว่า “ถ้าหลวงตาบัวยังไม่ตาย เมืองเรายังจมไม่ได้ นี่คือ กำลังใจของเรา มันพยายามแหวกว่ายเอาให้ได้ ส่วน ร่างกายไม่ต้องพูดถึงเลย มันหมดสภาพแล้ว ที่อยู่ได้ก็เพราะ กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหลวงตาตายแล้ว”
ที่มา :: บทที่ ๑๑ สละชีวิต..ค้ำชาติไทย
หนังสือ ญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์




"หากคิดจะตามใจเอาใจกิเลสแล้วไม่คิดจะเอาพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวนำทางเป็นที่พึ่งทางใจล่ะก็ จากนี้ไปก็สวดท่องบอกละของว่า กิเลส สรณัง คัจฉามิ นะ ไม่ใช่พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ..."
โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร