วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2018, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณลุงหมานที่ให้ข้อคิดดีๆแก่หนูค่ะ
:b8: ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาพูดคุยและเข้ามาอ่านทุกท่านด้วยค่ะ


หายไปทำมาหากิน หาเงินเลี้ยงลูกช่วยสามีอีกแรง สามีคงแรงตกเล็กน้อยตั้งแต่ลูกสาวทั้งสองเข้ามหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายเยอะมากกกกก

ประกาศยาผีไม่ได้บอกหน่อยดีกว่า ใครปวดเมื่อยเข่าก็หาอ้อยดำที่ข้อม่วงๆสัก ๗ ข้ออย่างต่ำ มีมากก็ใส่เพิ่มไปอีกก็ดี เอาอ้อยทั้งท่อนนั่นแหละ ทุบๆให้ท่อนอ้อยแตก ห้ามปอกเปลือกอ้อยเด็ดขาด ส่วนท่อนที่ข้อไม่สีม่วงจะใส่ลงไปก็ได้เพราะนั่นก็เป็นยาบำรุงกำลัง นำไปต้มพร้อมกับใบเตย ๔-๕ ใบ ใส่น้ำให้ท่วมอ้อยเหมือนเวลาหุงข้าวนั่นแหละ ระวังด้วยใช้อ้อยดำของไทยไม่มีรสหวานนะจ้ะ ไม่ใช่อ้อยดำฝรั่งที่หวานๆอันนี้ใช้ไม่ได้ค่ะ

ไม่ต้องเคี่ยว พอเดือด ก็หรี่ไฟแล้วต้มอีกสักครู่ไม่นานนะให้เนื้ออ้อยสุก อย่าใส่น้ำตาลหรืออะไรลงไปเด็ดขาด กินน้ำอ้อยนั้นตอนท้องว่าง กินวันละ ๓ ครั้งๆ ละ ๑ แก้วใหญ่

ถ้าใครขี้งกหน่อยก็จะรู้ว่าในกากอ้อยกับใบเตยที่ต้มแล้วที่รินน้ำออกแล้วนั้น จะมีตัวยาหลงเหลืออยู่ในกาก ให้นำกากมาใส่น้ำต้มอีกครั้ง ไว้ดื่มแทนน้ำก็ได้ น้ำครั้งที่ ๒ นี้ดื่มได้ตามใจ

ส่วนกากอ้อยก็เอาไปใส่กระถางต้นไม้ หรือเทใส่โคนต้นไม้ก็ได้ ไม่ต้องทิ้งลงถังขยะก็จะดีมากๆ ลดขยะ

เคยบอกเพื่อนไปนะ เพื่อนปวดเข่ามานานหลายปี เนื่องจากถือศีล ๘ แล้วทีนี้ทำงานวุ่นข้าวเช้าไม่ได้กิน กะจะกินข้าวก่อนเที่ยง แต่พอเที่ยงก็ไม่ได้กินอีก เป็นแบบนี้ประจำ บางวันก็ได้กินข้าวแค่มื้อเดียวบ้าง เรียกว่าอดอาหารเป็นว่าเล่น แล้วก็นั่งสมาธิด้วย สุดท้ายคือเข่าเสื่อม หมอบอกว่าเข่าขาดสารอาหาร ก็ทนอยู่กันไปแบบสภาพนั้นมาหลายปี จะนั่งเก้าอี้ยังต้องค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งด้วยความเจ็บปวด

ดิฉันก็แนะนำอ้อยดำใบเตยนี้ให้ แถมยังตัดอ้อยดำที่บ้านไปให้ด้วย ดิฉันบอกว่าอีก ๓ วันจะพบความเปลี่ยนแปลง พอ ๓ วัน พี่คนนี้แกก็มาบอกดิฉันว่า เช้าขึ้นมาพี่นั่งชักโครก พี่ลงนั่งเหมือนปกติได้ เข่าก็ดีขึ้น

กินแล้วไม่ใช่ว่าจะหายขาดนะคะ แต่พอรู้ว่าเข่าเริ่มไม่ดี ก็กินเข้าไป คือกินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายนั่นแหละค่ะ

แนะนำเพื่อนผู้ชายไปคนหนึ่ง แกนั่งสมาธิจนเข่าเสีย แกกินแล้วดีขึ้นอีกตามระเบียบ แกไปนั่งกินก๋วยเตี๊ยวที่สะพานควาย เจอร้านก๋วยเตี๊ยวมีอ้อยดำวางอยู่ ก็คุยกับเจ้าของร้านๆ บอกว่าเข่าเสียกินแล้วดีขึ้น ก็กินมาเรื่อยๆ มีคนรู้จักจะคอยตัดอ้อยดำจากเมืองกาญจน์มาให้เป็นประจำ เจ้าของร้านก็เลยแจกอ้อยดำให้เพื่อนของดิฉันไปกินด้วย

ส่วนตัวดิฉันเองเดินลื่นเกือบจะหกล้มหลายครั้ง จนเข่าเจ็บ กินยาคลายกล้ามเนื้อกับแก้อักเสบ ครบอย่างละ ๓ แผง ก็คือ กินยาทั้งหมด ๖ แผงติดต่อกัน ก็ยังไม่หาย ทีนี้ฟังพี่สาวกับอาม่าแถวบ้านเรื่องอ้อยดำก็ไม่เคยเชื่อเลย เชื่อแต่ยาฝรั่ง ทีนี้มันหมดหนทางไง ไปต่อไม่ได้ ก็เลยเอาวะลองดู ปรากฏว่า ๓ วันผ่านไปดีขึ้นเห็นๆ ทีนี้แหละดิฉันก็ปลูกไว้ที่หน้าบ้าน วิวดอกม้งดอกไม้ไม่เอาแล้ว เอาเข่าก่อน แล้วก็บอกคนต่อไปเรื่อยๆ เจอใครปวดเข่าก็บอกไป

พูดถึงอาม่าแล้วสงสารจับใจ แกปลูกอ้อยดำไว้ในรั้วบ้าน พอแก่ตัวความขลังของอำนาจก็หมดไป ลูกชายแกก็เลยถางอ้อยดำของแกทิ้งเนื่องจากทำให้วิวบ้านรกรุงรัง

อาม่าก็คร่ำครวญกับพี่สาวของดิฉันว่า ....มันทำลายหัวใจช้าน(ฉัน)

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2018, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


เล่าเรื่องผีๆ ต่อ

พ่อของดิฉันนั้นเรียนจบพระอภิธรรม ก่อนที่พ่อของดิฉันจะตายไปนั้น ดิฉันได้ประจบพ่อ อยากให้พ่อดีใจด้วยการบอกพ่อว่า ดิฉันจะเรียนพระอภิธรรมเหมือนพ่อ พ่อก็ดีใจยกมืออนุโมทนาท้วมหัว แบบดีใจสุดๆ

ในคืนที่พ่อตายนั้น พ่อก็มาให้ดิฉันเห็นทันที

คือพ่อได้มอบร่างเป็นอาจารย์ใหญ่แก่โรงพยาบาล พ่อตายที่บ้านเวลาเย็นหน้าหนาวก็เลยเอาศพไว้ที่บ้านได้ในคืนนั้น ดิฉันก็กะจะจุดธูปไว้ทั้งคืนไม่ให้ดับ เตียงที่ตั้งศพพ่อนั้นอยู่ใกล้กับโต๊กินข้าวและเก้าอี้ กลางดึกแล้วทุกคนที่นอนเป็นเพื่อนศพก็เริ่มนอนพัก ดิฉันก็นอนไม่หลับก็ได้แต่นอนหลับตาไปงั้นๆ แหละ พ่อสุดที่รักตายไปใครจะหลับลง

ทีนี้ในขณะหลับตาอยู่นั้น ก็มีภาพของพ่อปรากฏขึ้นทั้งๆที่หลับตาอยู่นั่นแหละ พ่อนั่งที่เก้าอี้มุมโต๊ะกินข้าว แล้วชี้ไปที่กระถางธูปที่โต๊ะใกล้เตียงที่ศพพ่ออยู่ ที่พ่อชี้ไปนั้นเพราะธูปกำลังจะหมดดอกแล้ว ทำนองบอกใบ้ว่าดิฉันต้องมาจุดธูปต่อตามที่ตั้งใจไว้ว่าจะจุดธูปไม่ให้ดับทั้งคืน ทีนี้ดิฉันก็ลืมตาขึ้นหันไปมองที่กระถางธูป เอ้ยธูปจะหมดดอกแล้วจริงๆ ด้วย ยุ่งล่ะทีนี้ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว

ตอนนั้นพ่อก็พ่อเถอะ ดิฉันก็กลัวเป็นนะ รักก็ส่วนรักสิ ดิฉันก็เลยเอาเท้าสะกิด(ถีบๆ)เท้าหลานสาวที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้าม คือคนทั้งหมดจะนอนเป็นสองแถว แล้วเอาเท้าชนกัน ให้หลานสาวไปจุดธูปต่อแทนดิฉัน แต่ไม่ได้บอกหลานว่า ปู่มาเตือนให้จุดธูป

พ่อของดิฉันมาแบบใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ท่านเสีย หน้าตาแจ่มใสไม่มีความเศร้าอะไรให้เห็น เหมือนคนปกติที่หน้าตาแจ่มใสนั่นแหละ

วันต่อมา ศพพ่อตั้งอยู่ที่วัดแล้ว โรงพยาบาลให้จัดงานสวดศพได้ตามปกติ จบงานสวดศพถึงจะมารับศพไปเป็นอาจารย์ใหญ่ ทีนี้ญาติพ่อก็มาจากต่างจังหวัดหลายคน หนึ่งในนั้นก็เป็นหลานเขยของพ่อ ที่พ่อไม่ค่อยชอบนักเพราะเป็นพวกสายดำรวยจากการพนัน พ่อจะไม่ชอบ หลานเขยคนนี้ดันไปนอนเตียงที่พ่อนอนตายเข้า เจอดีสิ โดนดึงขาลากให้ลงจากเตียงทั้งคืน แต่หลานเขยของพ่อนั้นสายดำอยู่แล้วไม่กลัวค่ะ หน้าด้านนอนมันทั้งคืน ตื่นเช้าก็มาเล่าให้ทุกคนฟังว่า โดนดึงขาทั้งคืน (สมน้ำหน้า)

ทีนี้เตียงนี้ก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา คุณแม่ของดิฉันค่ะ ประกาศไม่เอาเตียงนี้ไว้ในบ้าน
ดิฉันก็เลยเอามานอนเอง อบอุ่นดีเหมือนมีพ่ออยู่ใกล้ๆ ส่วนผ้าแพรที่คลุมศพนั้นดิฉันก็เอามาห่มนอน หมอนอะไรเอามาหมด ปอกหมอนนั้นทุกวันนี้ลูกสาวเอาไปใช้ที่หอพัก 555 ผ้าแพรลูกสาวก็เคยเอาไปใช้ห่มที่ห่อพัก แต่ตอนนี้เอามาคืนดิฉันแล้ว

พ่อก็มาหาดิฉันอีก ทีนี้มาทวงคำสัญญาค่ะ

บอกแล้วว่าเอาเตียงไปนอนเอง เป็นเตียงไม้ทีดูไปก็สวยดีนะ กะไปตั้งไว้ห้องที่คนในบ้านดูทีวีกัน เอาไว้นอนดูทีวีกันในบ้าน ดิฉันก็เลยนอนให้ทีวีดูหลับคาเตียงนั้นเป็นประจำแล้วก็นอนมาเรื่อยๆ เพราะพอดีกับลูกเริ่มโตแล้วด้วย ก็เลยไม่นอนกับลูกแล้ว เตียงนี้จะแปลกอย่างหนึ่งคือ จะมีเสียงเหมือนใครเคาะเตียงเป็นประจำ อยากรู้ว่าเสียงเป็นอย่างไรก็ลองเคาะประตูไม้ดูค่ะ เสียงชัดเจน ก๊อกๆๆ

นอกจากเสียงเคาะก๊อกๆ ที่จะได้เจอเฉพาะตัวดิฉันเองเท่านั้น คนอื่นไม่เคยได้ยินกัน และก็ไม่มีอะไรน่ากลัว โดนดึงขาก็ไม่มี ลูกสาวมานอนหลับทั้งคืน พี่สาวก็เคยมานอนที่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น

แล้วพ่อของดิฉันตอนยังมีชีวิตอยู่เป็นคนที่ชอบมีเซียงเพียวอิ้วพกติดตัวตลอด ดังนั้นเมื่อพ่อจากไป บ้านดิฉันก็จะมีกลิ่นเซียงเพียวอิ้วโชยมาได้กลิ่นบ้างบางครั้ง ก็นึกในใจพ่อมาแล้ว พ่อมาแล้ว

หลังจากที่พ่อเสียไปนานเป็นเดือนแล้วเดือนเล่า ดิฉันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเรียนพระอภิธรรมสักที กะเบี้ยวอยู่แล้ว เรื่องเรียนนี่ขี้เกียจมาก สมัยที่จบปริญญาตรีใหม่ๆก็ประกาศไว้ในใจตัวเองว่า ชั้นจะไม่เรียนอะไรอีกแล้วขี้เกียจเรียนหนังสือ เบื่อการท่องหนังสือสอบ หลอนมากเรียกว่าหลังจากจบมหาวิทยาลัยแล้ว ยังฝันร้ายอีกหลายปี ฝันร้ายว่าไปเรียนไม่ทันบ้าง ไปสอบไม่ทันบ้าง เนื่องมาจากสันดานของดิฉันเองคือชอบไปเข้าห้องเรียนสาย กับชอบโดดเรียนประจำ ยิ่งฝันแบบนี้ทำให้เกลียดการเรียนหนังสือจับใจ

ครึ่งปีผ่านไปหลังจากพ่อตาย

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ครึ่งปีผ่านไปหลังจากพ่อตาย ดิฉันก็ยังไม่คิดจะเรียนพระอภิธรรม

บ่ายๆวันหนึ่ง แต่บรรยากาศสบายไม่ได้มีแดดอะไร ดิฉันกับลูกสาวทั้งสอง และหลานสาวอีก ๓ คน มาเล่นตีแบดกันหน้าบ้านของดิฉัน เด็กๆ ก็ตีแบดกันสนุกสนาน ทีนี้หลานสาวเจ้าตัวเล็กสุดอายุน้อยสุดเป็นหลานปู่ หลานคนเล็กสุดคนนี้อายุประมาณ ๗ ขวบได้ตอนนั้น แกรักปู่มาก ทุกคนกำลังสนใจอยู่กับการเล่นแบด และการนับว่าใครจะออกจากการเล่น ก็สนุกสนานเย้าหยอกกันเรื่องการตีของแต่ละคน

พลันเจ้าตัวเล็กก็ร้องตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ แล้วชี้ไปที่หน้าบ้านปู่ บอกกับพี่ทุกคนและดิฉันว่า "ปู่ๆๆๆ"
แกบอกว่าปู่ยืนอยู่ตรงต้นกล้วยเล็กๆที่เพิ่งปลูก พวกเราก็วิ่งกรูกันไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลานคนเล็กก็เล่าด้วยความดีใจแบบแกได้เห็นปู่ยืนมองพวกเราเล่นอยู่ตรงนั้น สีหน้าแกดีใจอย่างชัดเจน

ส่วนเตียงที่ดิฉันนอนนั้น ดิฉันก็มีได้ยินเสียงเคาะบ้างในบางครั้ง

เช้าตรู่วันหนึ่งขณะที่หลับอยู่นั้นก็ได้ตื่นขึ้นแบบยังไม่ลืมตา พอตื่นปุ๊บก็เห็นภาพปั๊บทันทีที่ยังไม่ลืมตา
เห็นพ่อยืนอยู่ที่ข้างตู้หน้าห้องนอน แล้วพ่อยื่นมือขึ้นไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนหลังตู้มาถือไว้ ดิฉันก็รีบลืมตาขึ้นแล้วไปหยิบกระดาษที่หลังตู้มาอ่านดูทันที เป็นกระดาษที่เป็นลายมือของพ่อที่ดิฉันเอามาเก็บไว้บนหลังตู้หลังจากที่พ่อเสียไปแล้ว กระดาษที่อยู่บนหลังตู้มีอยู่แผ่นเดียวคือลายมือของพ่อเป็นกระดาษA4ที่เขียนเกี่ยวกับพระอภิธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงตลอดพรรษากาล แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ (ดิฉันขอย่อนะคะว่าทั้ง ๓ นัยคือ วิตถารนัย สัังเขปนัย และ นาติวิตถารนาติสังเขปนัย)

เมื่อพ่อได้อธิบายนัยต่างๆทั้งสามนัยเกือบจนหน้ากระดาษA4แผ่นนี้แล้ว ก็มีย่อหน้าสุดท้ายปิดท้ายว่า

" ฉะนั้น ท่านสาธุชนพุทธมามกะทั้งหลาย เมื่อได้ทราบประวัติการปรากฏขึ้นแห่งพระอภิธรรมดังกล่าวนี้ ขอได้พยายามศึกษาโดยความเลื่อมใสศรัทธา ให้มีความรู้แตกฉาน เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์พุทธศาสนาต่อไปโดยทั่วกัน เทอญ. "

จบหน้าแรก พลิกไปอีกหน้าเจอข้อความต่อไปดังนี้ค่ะ

" และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ตรัสเตือนไว้ว่า
อุฏฺฐหถ นิสีทถ โก อตฺโก สุปิเตน โว ฯ
ลุกขึ้นเถิดท่านทั้งหลาย เชิญท่านทั้งหลายนั่งเถิด ท่านทั้งหลายจะมัวหลับไหลเอาประโยชน์อะไร ในเมื่อชาวโลกถูกภัยต่างๆ คุกคามอยู่อย่างนี้ เชิญท่านทั้งหลายศึกษาเพื่อสันติเถิด "

อะพิโถ ดิฉันก็หลับไม่ลงแล้วล่ะค่ะ ตื่นทันทีนี่เล่นมาทวงกันไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้ ถ้าทวงหนักกว่านี้เข้าดิฉันจะอยู่อย่างไร ตอนนี้ก็คิดถึงพ่อดีใจที่พ่อมาให้เห็นชัดเจนเป็นภาพสีเหมือนลืมตาเห็นพ่อ ดีใจก็ดีใจ แต่ก็หนักใจด้วยพร้อมๆ กัน เพราะว่าต้องเรียนหนังสืออีกแล้วๆ ไม่ใช่แค่ไม่กี่ปี แต่ตั้งเกือบ ๘ ปี คิดในใจไม่น่าเลยเรา ไม่น่าไปประจบพ่อให้พ่อดีใจก่อนตายเลย ก็เลยเลือกที่จะเรียนทางไปรษณีย์ดีกว่า จบเร็วดีแล้วก็ไม่ต้องออกไปเรียนไปสอบให้ลำบาก

เรียนไปรษณีย์ส่งแบบฝึกหัดไปครั้งแรก ถูกหมดทุกข้อ เป็นที่น่าประทับใจสำหรับคนเรียนใหม่ๆ แบบเรา แต่บทเรียนชุดที่สองที่ได้รับนั้นอ่านแล้วก็เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจ หาคนตอบก็ไม่มีใครตอบได้ ส่วนคนที่ตอบได้เราก็ไม่เข้าใจคำตอบอีก โทรไปถามที่สำนักงานของที่เรียนทางไปรษณีย์ก็ไม่ได้เรื่อง ส่งคำตอบแบบฝึกหัดชุดที่สองไป ก็ได้รับชีสเรียนชุดที่ ๓ และอีกหลายชุดจนจบคอร์ดพร้อมแบบฝึกหัดและซีดี ก็เริ่มอ่านและเรียนต่อไปด้วยตัวเอง อ่านแต่ละครั้งนั้นอ่านกลับไปกลับมาใหม่หลายรอบ ก็คลุมเคลือสิ้นดีไม่ได้เข้าใจอะไรได้เต็มที่ มันมีแต่ความสงสัย อยากรู้อยากเข้าใจให้ได้จริงๆ

และแล้วดิฉันจึงต้องไปนั่งเรียนจนได้ Ha Ha Ha :b13:

นับแต่นั้นมา พ่อก็ไม่ได้มาหาอีกเลย เสียงเคาะเตียงนอนก็หายไป
ความรู้สึกเสียดายก็บังเกิดขึ้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเหมือนมีพ่อวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
บางครั้งหมาตัวเล็กที่เลี้ยงไว้ในบ้าน ก็เหมือนกำลังเล่นกับใครอยู่กลางบ้าน ทุกคนในบ้านก็มองออกว่าหมากำลังเล่นสนุกอยู่เหมือนมีคนเล่นด้วย มีหมุนรอบๆเหมือนดีใจ

การที่ดิฉันเห็นพ่อที่ตายไปแล้วได้ขณะหลับตานั้น ดิฉันไม่ได้มีฤทธิ์เดชเวทมนต์อะไร
แต่ที่เห็นได้นั้นเกิดจากอำนาจจิตของพ่อ เป็นความสามารถของบุคคลที่เกิดในภพภูมินั้นๆ
เช่น เทวดาสามารถทำให้เราเห็นได้ เปรตอสุรกายก็สามารถเช่นกัน

:b8: สุดท้ายของเรื่องนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณลุงหมานเป็นอย่างสูง ที่แนะนำดิฉันให้ไปเรียนที่ อชว. ซึ่งทำให้ดิฉันสำนึกตลอดมาว่า ดิฉันมาเรียนได้ถูกที่ถูกทางแล้วจริงๆ ที่นี่มีสีสรรดั้งเดิมเหมือนคนเรียนในยุคแรกๆ คงความขลังในตำนานของการเรียน ณ ที่แห่งนี้ไว้อย่างน่าจดจำไม่รู้ลืมค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องเห็นผีในตอนกลางวันนั้น มีเรื่องเล่าคือ บ้านของพี่ชายดิฉันนั้นเป็นเรือนไทยโบราณของยาย ที่ยายได้ให้บ้านไว้ แม่ของดิฉันก็เลยลื้อมาปลูกใหม่เป็นบ้านของพี่ชาย

หน้าเรือนไทยที่ปลูกใหม่นี้เป็นสนามฟุตบอลที่เด็กๆลูกหลานพากันมาเล่นบอลทุกบ่าย

มีอยู่วันหนึ่ง เด็กก็เตะฟุตบอลไปโดนบ้านบ่อยเข้า ก็เลยมีตามานั่งตรงหน้าต่างชั้นบน แล้วมองมาที่เด็กเล่นฟุตบอลที่สนาม เท่านั้นแหละค่ะ นักฟุตบอลวงแตก แยกย้ายกันกลับบ้าน

เป็นที่รู้กันว่าบ้านนี้ไม่มีคนแก่ แล้วใครมานั่งมองซะอีกล่ะ นอกจากผี

:b47: :b47: :b47: :b47: :b47:

ตอนกลางวันเหมือนกันอีกเรื่องหนึ่งค่ะ

ดิฉันจะสอนให้ลูกสาวทำสมาธิ ลูกสาวก็ชอบนั่งชิงช้าที่ระเบียงหลังบ้าน ดิฉันก็บอกว่าอย่านั่งเล่นเพลิดเพลินอย่างเดียว แบ่งเวลาขณะที่นั่งชิงช้านั้นมาทำสมาธิสัก ๕ นาที ๑๐ นาทีก็ยังดี ลูกสาวก็ทำตามมาเรื่อยๆ

ตอนกลางนี้แหละค่ะที่ลูกสาวนั่งทำสมาธิที่ชิงช้าหลังบ้านเหมือนเคย นางก็นั่งหลับตาบนชิงช้าทำสมาธิไป
พอลืมตาขึ้นมาเท่านั้นแหละ ลูกสาวเห็นผู้ชายเดินผ่านหน้าเธอแล้วหายวับเข้าไปในกำแพงบ้าน
เผ่นสิคะ รออะไรอยู่ล่ะ นางเผ่นมาหาดิฉันแล้วเล่าให้ฟัง

กว่าชีวิตนางจะกลับไปใช้ชีวิตเดิมๆ คือนั่งชิงช้าเล่นที่ระเบียงหลังบ้าน นางใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะหายกลัวค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เชื่อ ผีซ่อนผัว! นิมนต์พระนั่งทางใน ชี้ผีบังบด 3 ตน เอาตัวไป

ชายวัย 56 ปี อดีตข้าราชการ เจ้าของร้านอาหารดังใน อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ หายออกจากบ้านขึ้นไปบนเทือกเขาภูพานนาน 9 วัน ภรรยานิมนต์พระมานั่งทางใน บอกยังไม่ตาย แต่ถูก ผีบังบด เอาตัวไปซ่อนไว้


https://www.thairath.co.th/content/1269237



:b8: ขอบคุณคุณกรัชกายที่มาลงเรื่องให้อ่านกัน น่าสนใจลึกลับมากผีบังบด

ตกลงได้เจอผัวหรือยัง แล้วผีบังบดบังจริงหรือไม่ ติดตามได้จากที่ไหนต่อ มาบอกด้วยนะคะถ้ารู้



พบแล้ว!! ครูบำนาญหายตัว 18 วัน อยู่กลางป่า เมียเชื่อ “ผีบังบด” บังตาหาศพไม่เจอ

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_1068830

ผีบังบดรับตัวไปอยู่ด้วยแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2018, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณคุณกรัชกาย ที่นำมาให้อ่านนะคะ

ต่อด้วยเรื่องนี้เลยค่ะ เรื่องของปู โลกเบี้ยว

พี่ปู(โลกเบี้ยว) เล่าเรื่องจากประสบการณ์จริง บอลลูนตก ที่เขาใหญ่


https://www.youtube.com/watch?v=Hugd_H86wo8

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2018, 19:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ...

เข้ามาอ่านด้วยคน ... ^^

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2018, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b1: ...

เข้ามาอ่านด้วยคน ... ^^

:b16: :b16: :b16:



:b12: ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผี ก็มาเล่าให้อ่านกันด้วยนะคะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2018, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


เกือบ ๒๐ ปีที่แล้ว พี่ชายคนโตของดิฉันได้ตายไป พี่ชายจะรักลูกสาวทั้งสองของดิฉันมาก
โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็ก เพราะว่าเป็นหลานสาวอายุยังไม่ถึง ๒ ขวบ กำลังน่ารัก
ส่วนลูกสาวคนโตเพิ่งเข้าเรียนชั้นอนุบาล อายุเกือบ ๔ ขวบ

ทีนี้พี่ชายก็มาด่วนตายจากไป ดิฉันก็คิดว่าพี่จะต้องคิดถึงหลานๆ เป็นแน่
ในงานสวดศพวันที่ ๗ ดิฉันก็ได้จุดธูปบอกพี่ชายที่หน้าโลงศพในศาลาก่อนจะกลับบ้าน

ดิฉันก็บอกว่า ไปหาหลานๆ บ้างนะ อยากให้ไปหาเพราะรู้ว่าพี่คิดถึงหลาน
ดิฉันและลูกๆ จะนอนด้วยกัน และเปิดไฟสว่างจ้าทั้งห้อง เพื่อสะดวกในการดูแลเด็ก ส่วนสามีไปทำงานที่ต่างจังหวัดในตอนนั้น

คืนนั้นเองเมื่อทุกๆ คนหลับกันหมด ลูกสาวคนโตและคนเล็ก ก็ได้ฝันเรื่องเดียวกันสถานที่ในฝันคือห้องนอน
ตอนเช้าตื่นขึ้นมา เด็กๆ ก็มาเล่าให้ฟังว่า ลุงมาหาและเอาหลานคนเล็กนั่งตักแล้วเล่นหยอกล้อกัน
ส่วนหลานสาวคนโตก็นั่งข้างๆ นั่งเล่นสนุกหัวเราะกันใหญ่ทั้ง ๓ คน
ลูกสาวทั้งสองคนเล่าเหมือนกันทุกอย่างว่าเล่นอะไรกันบ้าง แล้วก็ช่วยกันเล่าให้ดิฉันฟังอย่างสนุกสนาน

ดิฉันก็ถามลูกว่า แล้วแม่ล่ะ แม่อยู่ที่ไหนตอนลุงมา ลูกสาวทั้งสองก็ตอบว่าแม่ก็นอนอยู่ตรงที่แม่นอน
แม่หลับตลอดตอนลุงมา

มีช่วงที่เด็ดสุดคือ ลูกสาวคนโตบอกกับลุงว่า แม่ไม่มีเงิน ลูกสาวคนโตนั้นพูดรู้เรื่องแล้วเรื่องการประหยัดเงิน เพราะพ่อของเค้าทำงานคนเดียว ส่วนดิฉันนั้นออกจากงานมาเลี้ยงลูก ตอนที่สามีทำงานอยู่บริษัทฝรั่ง ได้เงินเดือนเยอะมาก สามีก็เลี้ยงได้สบายมากไม่ต้องประหยัด อยากได้อะไรก็ซื้อให้ พอสามีต้องย้ายไปอยู่บริษัทใหม่ ก็ได้เงินเดือนน้อยลง ครอบครัวเราจึงต้องประหยัด เคยมีครั้งหนึ่งที่ลูกสาวคนโตเห็นแมวน่ารัก ก็ขอแม่เลี้ยงแมว แม่ก็บอกว่าแม่ไม่มีเงินซื้อปลาทูให้แมวกินทุกวันหรอกนะ ลูกสาวก็บอกว่า งั้นก็เอาวิสกัสให้กินก็ได้ :b12:

เล่าเรื่องความฝันต่อยังไม่จบ ขณะที่ลุงมาหาเด็กๆ นั้น เจ้าลูกสาวคนโตก็บอกกับลุงว่าแม่ไม่มีเงิน แล้วลุงก็ตอบว่า เดี๋ยวลุงให้ และอีกหลายปีต่อมา ดิฉันก็ได้ส่วนแบ่งจากการขายตึกของพี่ชายที่ตายไป

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2018, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวานนี้มีพี่ข้างบ้าน แกไม่มีเงินซื้อกับข้าวให้หลานกิน พี่แกก็ทอดไข่ให้หลานกินเป็นอาหารเช้า
ทีนี้เด็กๆ ก็ประท้วงไม่ยอมกินกัน แกก็กลุ้มใจ แกก็เลยโทรศัพท์มาหาดิฉัน มาขอยืมเงิน ๑๐๐๐ บาท
แกบอกว่า แกอายๆ เหมือนกันยืมเงินอยู่เรื่อย

ตามธรรมดาแกก็ยืมเงินดิฉันใช้ทุกเดือนอยู่แล้ว บางครั้งก็ยืมหลายพันบาทก็มี
แล้วแกก็คืนทุกครั้ง แกยืมเงินดิฉันมานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ยืมแกจะค่อนข้างเกรงใจทุกครั้ง
ดิฉันก็รู้ว่าแกคงอายๆ เหมือนกัน ครั้งนี้ที่ยืมเมื่อวาน แกก็บอกมาเลยว่าแกอายดิฉันที่มายืมเงิน

ดิฉันก็บอกว่า ไม่ต้องอาย มายืมได้เลยดิฉันยินดีให้ยืม ความจริงถ้าดิฉันรวยดิฉันจะให้ไปเลยด้วยซ้ำ
แต่ดิฉันก็ติดภาระที่ลูกสาวทั้งสองเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งค่าลงทะเบียน ค่าใช้จ่ายต่างๆ เยอะม๊ากกกก
จึงช่วยใครไม่ได้เต็มที่ ก็มีช่วยบ้างคือช่วยขอบริจาคจากเพื่อนๆ เช่น เด็กไม่มีชุดนักเรียน
ในเปิดเทอมนี้มีเด็กผู้หญิงที่ขึ้นช่วงชั้นใหม่ ต้องเปลี่ยนแบบฟอร์มชุดนักเรียนใหม่ ทีนี้ยายของเด็กไม่มีตังค์ซื้อชุดนักเรียนใหม่ ก็มาขอให้ช่วย ดิฉันก็ขอบริจาคได้จากเพื่อน ๗๐๐ บาท ตัวดิฉันออกเงินเอง ๓๖๐ บาท ซื้อชุดนักเรียนหญิงชั้น ม.๔ ให้เด็ก เป็นเสื้อนักเรียน ๒ ตัว กระโปรง ๑ ตัว

ที่เล่ามานี้ไม่ได้โอ้อวดว่า ไปทำความดีอะไรมา แต่อยากจะบอกว่า คนเรานั้นอยู่แบบเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้ อะไรที่เราช่วยได้เราต้องช่วย อย่าปล่อยผ่านไปว่าธุระไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับชั้นทำไมไม่ดิ้นรนขวนขวายรับผิดชอบตัวเองกันให้ได้ แล้วก็ว่าชีวิตตัวเองนั้นสร้างตัวมาด้วยความลำบากจนสุขสบาย ทำไมไม่สู้แบบตนเองบ้างจะได้ไม่ลำบาก

โถ คนนั้นไม่เหมือนกันทุกคนหรอกค่ะ สติปัญญาโอกาสและความสามารถย่อมแตกต่างกันไป
จะให้ทุกคนแน่นอนเหมือนกันหมดไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคิดแบบนี้นะ ให้ใครไม่เป็น ช่วยใครไม่ได้
ช่วยได้แต่ครอบครัวตัวเอง อย่างนี้ก็อยู่แบบเห็นแก่ตัวในสังคม ไม่รู้จักทำบุญเผื่อแผ่เจือจานให้คนอื่น
เสร็จแล้วเมื่อคุณตายไป คุณก็ต้องทิ้งสมบัติที่คุณเหน็ดเหนื่อยหามาได้ไว้บนโลกใบนี้
บางคนอาจจะอ้างว่า สมบัติให้ลูกหลานตัวเองไม่ได้ทิ้งเสียหาย
ก็เป็นความคิดที่ค่อนข้างดีรักลูกหลาน และได้ผสมเอาความโง่เง้าเต่าตุ่นไว้ด้วย
เพราะสมบัติตัวเองไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ตนเองในภพหน้าเลย วัฏฏะข้างหน้าจะเอาอะไรกินใช้ น่าฉงฉาน

ขอให้รู้ไว้ว่า มนุษย์เรานั้นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

จงให้ความช่วยเหลือแก่คนอื่น แต่ช่วยด้วยความรอบครอบด้วยว่า ช่วยคลายทุกข์ร้อนให้เค้า
แต่เค้ายืมไปทำพินาศ เช่น เล่นการพนันก็อย่าให้ ถ้าเค้ากำลังอดข้าวกำลังลำบากก็ต้องช่วย เป็นต้น

ทีนี้จะวกกลับมาเรื่องเมื่อวาน พี่สาวข้างบ้านยืมตังค์
จะบอกว่าพี่สาวข้างบ้านนั้น แกก็หัวอกเดียวกันกับดิฉัน ดิฉันเองนั้นยามเมื่อฉุกเฉินก็มีญาติห่างๆ ยินดีให้ยืมตังค์ แล้วดิฉันก็รีบไปใช้คืนทันทีเหมือนกันด้วยความเกรงใจ

เราให้ความช่วยเหลือแก่คนอื่น
แล้วในขณะเดียวกัน เราเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วยเหมือนกัน

การที่คุณไม่ยอมช่วยเหลือใครเลยในวันนี้ ใจคอคับแคบแล้วไซร์
วันข้างหน้าตัวคุณเองเมื่อต้องการความช่วยเหลือเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากใครคนใดคนหนึ่ง
ก็จะไม่มีใครให้ความช่วยเหลือคุณเช่นกันค่ะ

มนุษย์นั้นเกิดมาแล้วก็ต้องเป็นอัญญมัญญะกัน คือ ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันนะคะ

--------------------------------------------------------

เล่าเรื่องความฝันต่อค่ะ

เมื่อสองเดือนก่อนนี้ได้ฝันว่า จู่ก็มีผู้หญิงสาวสวยตัวเล็กรูปร่างสมส่วน สูงประมาณ ๕๐ เซนติเมตรได้ ลอยวิ๊งๆๆมา แล้วมาตกปุ๊ข้างสามีของดิฉัน แล้วเธอยังทำท่ายิ้มแย้มกอดสามีดิฉันด้วย

ในฝันก็หึงๆ อยู่เหมือนกันนะ แต่พอรุ่งเช้าดิฉันก็ไปที่รั้วหลังบ้าน ก็จะมีรั้วช่วงหนึ่งที่ดิฉันเอาแผ่นหลังคากระเบื้องพิงรั้วไว้นานแล้ว จึงเป็นโพรงเป็นช่องว่างอยู่ ร้อยวันพันปีดิฉันก็ไม่เคยไปดูโพรงนั้น

แต่วันนั้นเป็นอะไรไม่รู้ ดิฉันนั่งลงมองไปในโพรงนั้น หน้อยแน่ะ ใครเอานางกวักแขนหักข้างนึงมาทิ้งไว้ในโพรงรั้วบ้านของดิฉันก็ไม่รู้

รั้วนั้นด้านบนจะเป็นลวดหนาม ข้างล่างเป็นสังกะสีกั้นระหว่างที่ดินญาติกับที่ดินของดิฉัน
แล้วรั้วสังกะสีนั้นก็แหวกได้ด้วย คือเป็นรั้วกั้นกันไปแบ่งเขตเท่านั้นไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย

คือก่อนเจอนางกวักแขนหักนี้ สองสามวันก่อนญาติเจ้าของที่ดินได้มาถางหญ้าตัดต้นไม้ตรงที่ดินบริเวณนั้นของเค้า เค้าคงเจอนางกวักแขนหัก เห็นว่าตามตำราแล้วเป็นสิ่งไม่ดีไม่ควรเก็บไว้ เค้าก็คงอยากให้รั้วฝั่งบ้านของดิฉันเก็บเอาไว้

ดิฉันก็บอกเพื่อนบ้านใกล้ๆ กันนั้นที่เช่าบ้านญาติคนนั้นอยู่
ปรากฏว่าเป็นของคนที่เช่าบ้านญาตินั้นแหละ ที่นำนางกวักแขนหักมาโยนไว้ที่รกๆกลางที่ดินญาตินั่นเอง

คนเช่าบ้านเล่าว่า ลูกของเธอทำนางกวักตกลงมาแขนหัก
เธอก็พยายามใช้กาวติดแขนนางกวักแล้ว แต่ก็ต่อไม่ติด
ทีนี้ต่อมา ลูกชายอายุประมาณ ๑๐ กว่าขวบของเธอนั้น ก็แขนหักติดต่อกันถึง ๒ ครั้ง
ส่วนลูกสาวคนเล็กของเธอ ก็ขาหักอีก

เธอก็เลยไปเช่านางกวักมาใหม่ แล้วเรียนเชิญนางกวักมาสิงสถิตย์ที่นางกวักใหม่ที่เช่ามา
แล้วเธอก็โยนนางกวักแขนหักทิ้งไปที่กลางทุ้งหญ้าดงไม้ที่รกๆ นั้น

ดิฉันก็บอกว่าให้เอาไปไว้ที่อื่น เธอก็เลยให้คนเอาไปไว้ที่อื่น แล้วเธอก็ขอโทษนางกวักแขนหักใหญ่เลย

ยังไม่จบ ล๊อตเตอรี่งวดนั้น เลขท้าย ๒ ตัว ออกเลขทะเบียนสองตัวหลังของรถสามีดิฉันค่ะ

เล่าให้อ่านสนุกๆ นะคะ
แต่มีข้อคิดอย่างหนึ่งค่ะว่า พระรัตนตรัยคือที่พึ่งอันสูงสุดของเราชาวพุทธ คนที่เคร่งครัดมากๆ ก็จะบอกว่าที่พึ่งอย่างอื่นของเราไม่มี เรามีแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันสูงสุดของพวกเรา

แต่ในช่วงที่โลกเรานั้นเว้นว่างจากศาสนาพุทธ
มนุษย์เราก็พึ่งผีสางเทวดากัน กราบไหว้ต้นไม้ เป็นต้น ซึ่งการทำอย่างนี้อยู่ในโลกทีึ่เป็นช่วงว่างเว้นจากศาสนาพุทธ ซึ่งมีระยะเวลายาวนานมากกว่าช่วงที่โลกมีศาสนาพุทธเสียอีก

ดังนั้น ก็ให้รู้ว่ามนุษย์เราพึ่งพาเรื่องแบบนี้มานานแล้ว แล้วก็วนเวียนกันต่อๆไปอีก
ไม่ได้พูดให้ไปเช่านางกวัก หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ นะคะ
แต่อยากจะให้ทำความเข้าใจเท่านั้นว่า ทางที่ดีอย่าไปดิ้นรนหาวัตถุสิ่งใดอะไรมาเป็นที่พึ่งดีกว่า
สิ่งเหล่านี้ที่พึ่งได้จริงนั้น อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ แต่ว่าถ้าทำไม่ดีขึ้นมา ด้านร้ายอาจจะมาแทน

ไปประมาทสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นะคะ ทางทีดีอย่าหาเข้ามาจะดีกว่า
ให้คุณนั้นดิฉันก็ไม่เห็นนะคะ เห็นว่าบูชามานานก็เห็นยังจนกันอยู่
แต่เวลารูปปั้นแตกหักเสียหายขึ้นมา กลับดูเหมือนจะให้โทษซะงั้น

ดิฉันเห็นบางบ้าน มีนางกวักตั้งมีน้ำแดงวาง แต่เล่นการพนันหูดับตับแลบ หมดเนื้อหมดตัว ถามว่านางกวักให้คุณอะไรบ้าง ซึ่งกรณีนี้แค่ทำตัวเองให้ดีก็ไม่จนแล้ว

การที่เราจะมีโชคลาภ ได้ดิบได้ดีนั้น เราต้องกระทำเหตุดีให้เกิดขึ้นก่อนด้วยการ กระทำกุศล
แล้วกุศลที่ทำนี้จะชักนำพาวิปากดีมาหาเราเอง ขอให้เชื่อมั่นในความดีเข้าไว้ ต้องได้ดีแน่ในอนาคต
แม้ว่าวันนี้อะไรๆ มันจะไม่ดี แต่วันหน้าต้องดี ถ้ายังต้องทำมาหากินก็ต้องหมั่นขยันประกอบกิจการงานด้วยความซื่อสัตย์ขยันอดทน เป็นคนมีคุณธรรมด้วย

อยากได้วิปากที่ดีเร็วๆ ก็ให้ทำบุญทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติกรรมฐานค่ะ นั่นแหละที่พึ่งอย่างดีเสียยิ่งกว่ารูปปั้นอะไร ต้นไม้ที่ไหนเสียอีกค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2018, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อๆ หรือจบแล้ว Kiss

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2018, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ต่อๆ หรือจบแล้ว Kiss


cool ยังไม่จบคะลุง ลุงส่งเรื่องผี มาประกวดสักเรื่องสิ

มีแบบเหลือเชื่อมากเลยนะ ฟังแล้วไม่น่าเชื่อ แต่คนที่เจอคือสามีของหนูเอง
เขาไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง กลับมาเล่าให้ฟังว่า เจอผีหลอกในโรงแรมที่ต่างจังหวัด

ในคืนวันที่เจอผีนั้น สามีแกก็ดูหนังฝรั่งจนหลับไป มาตื่นอีกทีหนังฝรั่งจบแล้วก็ขึ้นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ เรียงพรืดตามที่เราเห็นกันตอนหนังจบนั่นแหละ คุณสามีแกก็ตื่นขึ้นมาลืมตาเห็นผีออกมาจากทีวี

ผีออกมาจากทีวี มายืนให้แกเห็นทั้งตัว มาตอนหนังฝรั่งจบ แต่เป็นผีผู้หญิงไทย ใส่ผ้าถุงกับเสื้อผ้าเก่าๆ
มายืนให้เห็น แล้วก็หายไป

หนูล่ะขำ กลับมาถึงบ้านบอก.....เธอๆ ชั้นเจอผีหลอกในโรงแรม
ทีงี้มาเล่าให้เราฟัง ทีเจอผู้หญิงตัวเป็นๆ แบบที่ต้องจ่ายตังค์ ไม่เห็นจะเคยมาเล่าให้ฟังบ้างเลย อิดวก

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2018, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
หนูล่ะขำ กลับมาถึงบ้านบอก.....เธอๆ ชั้นเจอผีหลอกในโรงแรม
ทีงี้มาเล่าให้เราฟัง ทีเจอผู้หญิงตัวเป็นๆ แบบที่ต้องจ่ายตังค์ ไม่เห็นจะเคยมาเล่าให้ฟังบ้างเลย อิดวก


ผีที่เขาห่อผ้าไว้ ผีแบบนี้ใครที่ไหนจะกล้าเอามาเล่า น่ากลัวจะตายไป เล่าดีไม่ดี แม่เกิดเฮี้ยนขึ้นมามิหัวแบ๊ะเหรอ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
หนูล่ะขำ กลับมาถึงบ้านบอก.....เธอๆ ชั้นเจอผีหลอกในโรงแรม
ทีงี้มาเล่าให้เราฟัง ทีเจอผู้หญิงตัวเป็นๆ แบบที่ต้องจ่ายตังค์ ไม่เห็นจะเคยมาเล่าให้ฟังบ้างเลย อิดวก


ผีที่เขาห่อผ้าไว้ ผีแบบนี้ใครที่ไหนจะกล้าเอามาเล่า น่ากลัวจะตายไป เล่าดีไม่ดี แม่เกิดเฮี้ยนขึ้นมามิหัวแบ๊ะเหรอ



นั่นสิคะลุง แต่หนูยั้งๆ ไว้ได้เพราะคิดได้ว่า เดี๋ยวสามีเจ็บป่วยไป เงินทองจะไม่คล่องมือหนู
ตอนหลังหนูใช้นโยบายโซ่เงินคล้องใจ สามีก็เลยชนะใจหนูมาโดยตลอด ครอบครัวมีความสุขค่ะ s005

พอจริงๆ แล้ว ความสบายใจต่างหากที่เป็นความสุข สบายใจมีเงินเลี้ยงดูลูก
ใจเราสบายซะแล้ว ความสุขก็มาเอง

เล่าให้อ่านต่อ
สามีหนูเวลานอน จะดับไฟ ห้องนอนมืดสนิท ตอนหลังพอมีเรื่องผีหลอกลูก
สามีก็จะนอนแบบเปิดไฟสว่างจ้าในห้องนอน ตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้

ลูกสาวซะอีกที่ถูกผีหลอก กลับมาปิดไฟนอนแล้ว ส่วนพ่อมันยังเปิดไฟนอนสว่างจ้าอยู่เลยค่ะ :b12:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่องภพภูมินั้น
เราพิสูจน์ได้ด้วยตาที่สามารถเห็นได้แค่ ๒ ภูมิ คือ
- ภูมิที่เป็นภูมิของมนุษย์ ซึ่งเป็นสุคติภูมิ และ
- ภูมิที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเป็นทุคติภูมิ หรือ อบายภูมิ ๑ ภูมิเท่านั้น สัตว์เดรัจฉานอาศัยร่วมโลกใบเดียวกับมนุษย์

ในภูมิส่วนที่เหลืออีก ๒๙ ภูมินั้น จะมีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่มีประสบการณ์ตรงจริงๆ เช่น พระอรหันต์ที่มีอภิญญา ท่านสามารถท่องเที่ยวไปดูภพภูมิเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง เช่น พระมาลัย ที่หลายคนคงทราบเรื่องราวของท่านมาแล้ว ว่าท่านไปนรก ไปสวรรค์ และคนธรรมดาที่โดนผีหลอก ซึ่งผีก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่า เห็นเทวดา หรือว่าเห็นเปรตเห็นอสุรกาย เพราะบางครั้งเทวดาก็มาหลอกให้คนกลัวก็มี

คนไทยส่วนมากเป็นชาวพุทธที่เชื่อเรื่องภพภูมิ เชื่อเรื่องของเทพ,ฑูต,ผีปีศาจ ซึ่งภพภูมิเหล่านี้ก็คือ เทวดา เปรต อสุรกาย ซึ่งเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่มีในพระไตรปิฎก

ความศรัทธาที่มีต่อคำสอนของพระพุทธองค์นั้น เป็นกุศล
แต่ถ้าเมื่อไรมางมงายหาโชคลาภหรือหาทางดับทุกข์กับ เทวดา เปรต อสุรกาย เมื่อนั้นไม่ใช่ศรัทธา ไม่ใช่กุศล แต่เป็นความโง่งมงาย

ภพภูมิต่างๆ มีจริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะไปแสวงหาทางดับทุกข์ หรือหาทางร่ำรวย กับภพภูมิเหล่านั้น
บางทีมีทุกข์ก็ไปหาคนทรงผี ในสำนักต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหาเงินจากคนที่ได้รับความทุกข์อยู่

จะบอกว่าเทวดาไม่อยากมายุ่งกับมนุษย์หรอกนะ
เหมือนกับคนเรานั่นแหละก็ไม่เคยไปนั่งกอดหมาเน่าที่ตายแล้ว
คนทรงกี่คนต่อกี่คน ก็บอกว่าเทวดามาเข้าร่างตนเองทั้งนั้น ไม่ใช่เปรตอสุรกายมาเข้าร่าง

ปัจจุบันก็มีคนทรงอยู่มากมายที่ทำมาหากินกับความเชื่อของคน
ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้จริงๆ สักอย่าง ถ้าช่วยได้จริงคนทรงนั้นต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อน ช่วยให้ตนเองได้รวยมหาศาลก่อน รวยแล้วก็ไม่ต้องมานั่งทรงเจ้าเข้าผีให้เหน็ดเหนื่อยหรอกนะ ไหนจะต้องมานั่งแสดงกิริยาอาการต่างๆ ให้คนเชื่อถือ ต้องฟังคนรบเร้าให้ช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันมีคนมาหาไม่ได้พักผ่อน ดูๆ แล้วก็ไม่ได้สบายเอาเสียเลย

ทำไม ทำไม แล้วก็ทำไม ถ้ามีความสามารถมากมาย ทำไมไม่คลายทุกข์ให้ตนเองรวยมหาศาล
ไม่ต้องมาทำอะไรให้เหนื่อยเพื่อได้เงิน จะบอกว่าทรงเจ้าเข้าผีเพื่อช่วยเหลือคน งั้นก็ไม่ต้องเอาเงินมากมายก็ได้ เอาแค่ไม่เกิน ๑๐ บาทเป็นพิธีพอ หรือไม่ก็ฟรีตลอดงานการคลาายทุกข์ชาวบ้าน ทำพิธีอะไรก็สงเคราะห์ทำให้ฟรี เพราะว่าตนเองรวยแล้วจากความสามารถที่ตนมีอยู่ ทำไปเพื่อช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ รวยมหาศาลแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงแน่นอน

ถ้ามีความสามารถจริง ทำไมไม่รวยซะเองก่อน ที่เห็นส่วนมากก็เหมือนจะจนๆ กันอยู่ด้วยซ้ำไป
บางคนมีทำรวยอู้ฟู่อวดคน มีรถเบนซ์ป้ายแดง มีบ้านใหญ่โต แต่แอบกู้เงินนอกระบบกับชาวบ้านธรรมดา ลุงที่เป็นนายทุนเงินกู้นั้นซี้ปึกกับดิฉัน แกเล่าให้ฟังแบบขำๆ ว่าคนทรงมากู้เงินแกไปล้านนึง

เห็นบางคนทำอวดรวย อย่าเพิ่งรีบเชื่อเน้อ ถ้าเค้ารวยจริงช่วยจริง มันต้องฟรีตลอดงาน
ดูงานแจกยาของหมอแสงเป็นตัวอย่างล่ะกัน เท่าที่ดูหมอแสงแจกจริงทุกเม็ดไม่มีการขาย อันนี้พูดเพราะเห็นว่าช่วยเหลือกันจริงไม่ขายค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron