ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สติปัฏฐาน ๔ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55996 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 มิ.ย. 2018, 04:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | สติปัฏฐาน ๔ | ||
......... "เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางไปอันเอกฯ แสดงว่ามีมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ อย่างเดียวที่จะทำให้เราบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ทางอื่นหมดสิทธิ หรือไม่ว่าจะทางใดๆ ก็ต้องมาทางสายนี้เท่านั้น เพราะทางสายสายนี้ สุดท้ายจะไปรวมลงที่ มรรคจิตเหมือนกันหมด จึงเรียกว่า ทางสายเดียว ที่ไม่ข้องแวะกับทางสายอื่น เรียกว่าทางสายกลาง แม้จะตรัสไว้วา่ สติปัฏฐาน ๔ ผู้เดินก็เดินทางเดียวทางใดทางเท่านั้น คือ จะไม่พร้อมกันทั้ง ๔ สาย ทางใดเมื่อเข้าถึงมรรคเป็นอันว่าถึงแล้ว ธัมมานุปัสสนา เป็นอันว่า ได้ครอบคลุมไปถึง กายานุปสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ด้วย เพราะธรรมเหล่านั้น ก็เป็นธัมมานุปัสสนาด้วย เมื่อเจริญหมวด กายานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรม หมวดธัมมนุปัสสนาไปด้วย เมื่อเจริญหมวด เวทนานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรม หมวดธัมมนุปัสสนาไปด้วย เมื่อเจริญหมวด จิตตานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรม หมวดธัมมนุปัสสนาไปด้วย เมื่อเจริญหมวด ธ้มมานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรมทั้ง ๔ หมวดไปด้วย การที่เราท่านทั้งหลาย ได้พากันเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารตลอดกาลนานหลายหมื่นปีแสนปี ก็เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริงอริยสัจ ๔ เหล่านั้น เราและท่านทั้งหลาย ได้เห็นแล้ว ได้ถอนตัณหาที่จะนำไปสู่ภพแล้ว ตัดมูลรากของทุกข์ให้หมดสิ้นไป บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว ชนเหล่าใด ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์โดยประการทั้งปวง ไม่รู้มรรคอันเป็นทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ไม่สามารถจะทำที่สุดแห่งทุกข์ในวัฏฏะได้ จึงต้องเข้าถึงความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตลอดไป ชนเหล่าใด รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดของทุกข์ รู้ความดับทุกข์โดยประการทั้งปวง รู้มรรค ๘ อันเป็นทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ชนเหล่านั้นถึงพร้อมด้วยเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ในวัฏฏะได้ ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตลอดไป ทางนี้เท่านั้นที่เป็นไปเพื่อมรรคผล ทางอื่นไม่มีเลย ท่านทั้งหลาย จงดำเนินไปตามเส้นทางนี้เถิด เพราะเส้นทางนี้เป็นที่ลุ่มหลง แห่งมารและเสนามาร เมื่อท่านทั้งหลาย ดำเนินไปตามทางนี้แล้ว จักทำทุกข์ในวัฏฏสงสารทั้งสิ้นให้เด็ดขาดลงไปไม่มีเหลือ เราได้ทราบทางนี้ว่าเป็นที่สลัดออกซึ่งลูกศรทั้งหลาย มีราคะเป็นต้น ด้วยตนเองอย่างแน่นอนแล้ว จึงได้บอกแก่พวกท่าน ท่านทั้งหลาย จงรีบทำความเพียร เพื่อเผากิเลสให้สิ้นไปจากขันธสันดาน เพราะพระตถาคตทั้งหลายเป็นแต่ผู้ชี้บอกทางให้เท่านั้น เมื่อชนเหล่าใดปฏิบัติตามทางที่ตถาคตชี้บอกไว้แล้ว เพ่งด้วยฌานทั้ง ๒ คือ อารัมมนูปนิชฌาน ลักขนูปนิชฌาน ได้แก่ เจริญสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ชนเหล่านั้น ย่อมหลุดพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร กล่าวคือ วัฏฏะเป็นในภูมิ ๓
|
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 มิ.ย. 2018, 16:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติปัฏฐาน ๔ |
จขกท.ไปลอกมาจากไหน เขาเรียกว่าลอกมาทั้งดุ้น เอานี่ อ้างคำพูด: ได้ยินเสียงด่าตัวเอง นั่งสมาธินั่งดูลม แล้วมามองกระจกแบบใช้ตาเพ่ง. กระจกมันบิดไปบิดมา บางทีก็ได้ยินเสียงคนพูดถึงเรื่องที่ผมคิด แต่มองไม่เห็นคน ตอนนี้เพี้ยนครับ อาการแบบนี้เขาเรียกจิตหลอกรึเปล่า ตอนนี้ลำบากมาก หนวกหูเสียงด่ามาเป็นอาทิตย์แล้วครับ ได้ยินเสียงความคิดของตัวเองอีก หนวกหูมาก พอจะมีวิธีแก้ใหมครับ. เขาเป็นอะไร แล้วจะทำยังไง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 มิ.ย. 2018, 16:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติปัฏฐาน ๔ |
ลุงหมาน เขียน: ......... "เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางไปอันเอกฯ แสดงว่ามีมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ อย่างเดียวที่จะทำให้เราบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ทางอื่นหมดสิทธิ หรือไม่ว่าจะทางใดๆ ก็ต้องมาทางสายนี้เท่านั้น เพราะทางสายสายนี้ สุดท้ายจะไปรวมลงที่ มรรคจิตเหมือนกันหมด จึงเรียกว่า ทางสายเดียว ที่ไม่ข้องแวะกับทางสายอื่น เรียกว่าทางสายกลาง แม้จะตรัสไว้วา่ สติปัฏฐาน ๔ ผู้เดินก็เดินทางเดียวทางใดทางเท่านั้น คือ จะไม่พร้อมกันทั้ง ๔ สาย ทางใดเมื่อเข้าถึงมรรคเป็นอันว่าถึงแล้ว ธัมมานุปัสสนา เป็นอันว่า ได้ครอบคลุมไปถึง กายานุปสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ด้วย เพราะธรรมเหล่านั้น ก็เป็นธัมมานุปัสสนาด้วย เมื่อเจริญหมวด กายานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรม หมวดธัมมนุปัสสนาไปด้วย เมื่อเจริญหมวด เวทนานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรม หมวดธัมมนุปัสสนาไปด้วย เมื่อเจริญหมวด จิตตานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรม หมวดธัมมนุปัสสนาไปด้วย เมื่อเจริญหมวด ธ้มมานุปัสสนา ก็เท่ากับได้เจริญธรรมทั้ง ๔ หมวดไปด้วย การที่เราท่านทั้งหลาย ได้พากันเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารตลอดกาลนานหลายหมื่นปีแสนปี ก็เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริงอริยสัจ ๔ เหล่านั้น เราและท่านทั้งหลาย ได้เห็นแล้ว ได้ถอนตัณหาที่จะนำไปสู่ภพแล้ว ตัดมูลรากของทุกข์ให้หมดสิ้นไป บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว ชนเหล่าใด ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์โดยประการทั้งปวง ไม่รู้มรรคอันเป็นทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ไม่สามารถจะทำที่สุดแห่งทุกข์ในวัฏฏะได้ จึงต้องเข้าถึงความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตลอดไป ชนเหล่าใด รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดของทุกข์ รู้ความดับทุกข์โดยประการทั้งปวง รู้มรรค ๘ อันเป็นทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ชนเหล่านั้นถึงพร้อมด้วยเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ในวัฏฏะได้ ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตลอดไป ทางนี้เท่านั้นที่เป็นไปเพื่อมรรคผล ทางอื่นไม่มีเลย ท่านทั้งหลาย จงดำเนินไปตามเส้นทางนี้เถิด เพราะเส้นทางนี้เป็นที่ลุ่มหลง แห่งมารและเสนามาร เมื่อท่านทั้งหลาย ดำเนินไปตามทางนี้แล้ว จักทำทุกข์ในวัฏฏสงสารทั้งสิ้นให้เด็ดขาดลงไปไม่มีเหลือ เราได้ทราบทางนี้ว่าเป็นที่สลัดออกซึ่งลูกศรทั้งหลาย มีราคะเป็นต้น ด้วยตนเองอย่างแน่นอนแล้ว จึงได้บอกแก่พวกท่าน ท่านทั้งหลาย จงรีบทำความเพียร เพื่อเผากิเลสให้สิ้นไปจากขันธสันดาน เพราะพระตถาคตทั้งหลายเป็นแต่ผู้ชี้บอกทางให้เท่านั้น เมื่อชนเหล่าใดปฏิบัติตามทางที่ตถาคตชี้บอกไว้แล้ว เพ่งด้วยฌานทั้ง ๒ คือ อารัมมนูปนิชฌาน ลักขนูปนิชฌาน ได้แก่ เจริญสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ชนเหล่านั้น ย่อมหลุดพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร กล่าวคือ วัฏฏะเป็นในภูมิ ๓ จขกท.บอกหน่อยสิใครสำนักใดเขียน ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 มิ.ย. 2018, 17:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติปัฏฐาน ๔ |
ก็บอกแล้ว ไม่เชื่อเอง คิกๆๆ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |