วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 00:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2019, 05:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"บุญ" กับ "กุศล" แตกต่างกัน

ละความชั่ว ทำความดี
เกิดความสุขอิ่มเอิบใจ
เรียกว่า.. "บุญ"

การพัฒนาบุญให้เกิดปัญญา
เรียกว่า.. "กุศล"

บุญเจริญอยู่ในจิตใจผู้ใดจิตผู้นั้นย่อมไม่โน้มไปทำบาป
แต่ถ้าไม่รู้จักพัฒนาบุญให้เป็นกุศลด้วย
ยามหมดอำนาจแห่งบุญ
บาปจะเจริญงอกงามเข้ามาแทนที่

เราทำทานเพื่อหวังบุญ เราก็จะได้รับบุญได้รับอานิสงส์นั้น
เมื่อใดเราทำทานโดยเพิ่มวัตถุประสงค์จากเดิมเข้าไปว่า
เพื่อตัดความโลภ ความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว
เราจะได้กุศลและยังได้เสวยผลแห่งบุญตามเหตุที่ทำอยู่ดี

โอวาทธรรม : พระอาจารย์คม อภิวโร







ความจำไม่ดี
ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือลูกอยากจะทราบว่าคนที่เกิดมาอย่างเช่นลูกนี้เป็นต้น ความจำไม่ค่อยดี ได้หน้าลืมหลัง สวดมนต์ภาวนาไปก็เลอะๆเลือนๆ ก็อยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า วิธีที่จะทำบุญทำกุศล ให้เกิด “ปัญญาบารมี” ปัจจุบันทันด่วน คือให้จำได้เหมือนกับเขาทั้งหลายนั้น มีบ้างหรือเปล่าเจ้าคะ ขอหลวงพ่อได้โปรดเมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ

หลวงพ่อ : มี ต้องไปใช้ชาติหน้า

ผู้ถาม : ทำชาตินี้ได้ชาตินี้ไม่มีหรือครับ?

หลวงพ่อ : ไม่มี เขาเอาปัจจุบันทันด่วนนี่ ถ้าค่อยๆทำมันมี คือใช้ “อานาปานุสสติ” นะ จิตจะค่อยๆ ทรงตัว ความจำจะดีขึ้น ในเมื่อความจำดีขึ้น ปัญญามันก็ดีขึ้น ใช้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกทุกวัน
เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนับ ๑ ถึง ๑๐ หายใจเข้าออกนับเป็น ๑ หายใจเข้าออกนับเป็น ๒ ตั้งใจอย่างนี้ครั้งละ ๑๐ ก่อนหลับ ๑๐ หลังจากตื่นอีก ๑๐ เท่านั้นพอ ไม่กี่วัน ค่อยๆ ทำไปนะ

จากหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ปีที่ ๓๓ ฉบับที่ ๓๗๕ หน้า ๑๐๒
โดย หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี













#กรรมฐาน_๕

#พระอุปัชฌายะสอนกรรมฐาน_๕

คือ เกสา-ผม โลมา-ขน นขา- เล็บ
ทันตา-ฟัน ตโจ-หนัง

#ในกรรมฐานทั้ง_๕ นี้ มีหนังเป็นที่สุด
ทำไมจึงสอนถึงหนังเท่านั้น ? เพราะเหตุ
ว่า หนัง มันเป็นอาการใหญ่ คนเราทุกคน
ต้องมีหนังหุ้มห่อ ถ้าไม่มีหนัง ผม ขน เล็บ
ฟัน ก็อยู่ไม่ได้ ต้องหลุดหล่นทำลายไป
เนื้อ กระดูก เอ็น และอาการทั้งหมดใน
ร่างกายนี้ ก็จะอยู่ไม่ได้ ต้องแตกต้อง
ทำลายไป

#คนเราจะหลงรูปก็มาหลง_หนัง
หมายความสวยๆ งามๆ เกิดความรักใคร่
แล้วก็ปรารถนาเพราะมาหมายอยู่ที่หนัง
เมื่อเห็นแล้วก็สำคัญเอาผิวพรรณของมัน
คือผิว ดำ-ขาว-แดง-ดำแดง-ขาวแดง ผิว
อะไรต่ออะไร ก็เพราะหมายสีหนัง ถ้าไม่มี
หนังแล้ว ใครเล่าจะหมายว่าสวยงาม ?
ใครเล่าจะรักจะชอบจะปรารถนา ? มีแต่
จะเกลียดหน่ายไม่ปรารถนา ถ้าหนังไม่หุ้ม
ห่ออยู่แล้ว เนื้อเอ็นและอาการอื่นๆ ก็จะ
อยู่ไม่ได้ ทั้งจะประกอบกิจการอะไรก็ไม่ได้

#จึงว่าหนังเป็นของสำคัญนัก
จะเป็นอยู่ได้กินก็เพราะหนัง จะเกิดความ
หลงสวยหลงงามก็เพราะมีหนัง ฉะนั้นพระอุปัชฌายะท่านจึงสอนถึงแต่หนังเป็นที่สุด

#ถ้าเรามาตั้งใจพิจารณา
จนให้เห็นความเปื่อยเน่าเกิดอสุภนิมิต
ปรากฏแน่แก่ใจแล้ว ย่อมจะเห็นอนิจจ
สัจจธรรม ทุกขสัจจธรรม อนัตตาสัจจ
ธรรม จึงจะแก้ความหลงสวยหลงงาม
อันมั่นหมายอยู่ที่หนัง ย่อมไม่สำคัญ
หมายและไม่ชอบใจ ไม่ปรารถนาเอา
เพราะเห็นตามความเป็นจริง

#เมื่อใดเชื่อคำสอนของพระอุปัชฌายะ
ไม่ประมาทแล้ว จึงจะได้เห็นสัจจธรรม
ถ้าไม่เชื่อคำสอนพระอุปัชฌายะ ย่อมแก้
ความหลงของตนไม่ได้ ย่อมตกอยู่ในบ่วง
แห่งรัชชนิอารมณ์ ตกอยู่ในวัฏจักร

#เพราะฉะนั้น คำสอนที่พระอุปัชฌายะ
ได้สอนแล้วแต่ก่อนบวชนั้น เป็นคำสอนที่
จริงที่ดีแล้วเราไม่ต้องไปหาทางอื่นอีก ถ้า
ยังสงสัย ยังหาไปทางอื่นอีกชื่อว่ายังหลงงมงาย ถ้าไม่หลงจะไปหาทำไม คนไม่หลง
ก็ไม่มีการหา คนที่หลงจึงมีการหา หาเท่าไร
ยิ่งหลงไปไกลเท่านั้น ใครเป็นผู้ไม่หา มาพิจารณาอยู่ในของที่มีอยู่นี้ ก็จะเห็นแจ้ง
ซึ่งภูตธรรม ฐีติธรรม อันเกษมจากโยคาสวะทั้งหลาย.."

#โอวาทธรรมคำสอนองค์ท่าน
#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตโต












#หลวงพ่อเองไม่ได้สอนให้ทอดทิ้งพ่อแม่

"ให้รักเคารพปฏิบัติพ่อแม่ ขนาดพระ
พุทธองค์ประสูติได้ ๗ วัน พระมารดา
สวรรคตขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นเทวบุตร พอเป็นพระพุทธเจ้าตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศพระศาสนา ยังขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็น
เวลา ๓ เดือน ไม่ได้ลงมาจนออกพรรษาจึง
ลงมา ที่เราตักบาตรเวโท นั่นคือที่ท่านขึ้น
ไปโปรดพระมารดา"

#เมื่อพระองค์ตรัสรู้ก็ได้มาโปรดพระบิดาที่กรุงกบิลพัสดุ์ พระบิดาก็ได้เป็นพระโสดาบัน โปรดอีกครั้งที่สองได้เป็นพระอนาคามี โปรดครั้งที่สามได้เป็นพระอรหันต์วาระสุดท้าย ได้ยกพระบิดาขึ้นฝั่ง คือไม่ใช่พระเจ้าสุทโธทนะสวรรคต แต่พระเจ้าสุทโธทนะนิพพาน เพราะท่านได้เป็นพระอรหันต์

#พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยทอดทิ้งบิดามารดา
ถึงในอดีตก็ไม่ทอดทิ้ง อย่างในทศชาติ
ชาดก สมัยท่านเป็นพระสุวรรณสามมีพ่อแม่ตาบอดท่านก็เลี้ยงดู หรือแม้พระสาวกอย่างพระสารีบุตร มีแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีพี่น้องตั้งเจ็ดคน เวลาท่านจะนิพพานท่านยังไปนอน
ในห้องที่ท่านเกิด เพื่อโปรดมารดาจนได้เป็นพระโสดาบัน ไม่ตกนรกแล้ว ท่านจึงนิพพาน

#แต่พระโมคคัลลานะโปรดแม่ไม่ได้
เพราะแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างสุด ก็อาจเป็นบุพกรรมของท่านที่ท่านเคยฆ่าแม่ ท่านกับ
แม่จึงลงกันไม่ได้ แม่จึงตกไปทางต่ำ นอกนั้นพระอรหันต์ทั้งหลายทั้งปวงไม่เคยทอดทิ้งมารดาบิดา

#อย่างองค์หลวงตา
พอท่านสำเร็จมรรคผล ท่านไปอยู่ห้วยทราย ท่านก็เอาโยมมารดาไปบวชที่วัดสถานีทดลอง แล้วมาอยู่ที่บ้านตาด ถ้าโยมมารดาไม่ได้บวชอยู่บ้านตาด ท่านก็คงหนีจากบ้านตาด เพราะ
ที่ท่านก็กว้างขวาง แต่นี่โยมมารดาท่านบวช ท่านจึงอยู่เฝ้าโยมมารดาของท่าน ท่านดูแลโยมมารดาของท่านอย่างดี

#หลวงพ่อจัดอาหารตรงหน้าของท่าน
เวลาอาหารมาประเคน หลวงพ่อตักอาหารส่งถวายหลวงตา หลวงตาก็ส่งต่อ และหลวงพ่อตักอาหารเลี้ยงแขกและเข้าไปในครัวด้วย เวลามีทุเรียนมา หลวงตาก็บอก เอ้อ นี่ โยมมารดานะ ท่านว่า เรามาอยู่ที่นี่เพราะโยมมารดา ไม่ได้อยู่เพราะใครอื่น

หลวงพ่อได้ยินท่านพูดอย่างนี้ก็สะอึกในใจ
จริง ๆ หลวงตาท่านนึกถึงโยมมารดาท่าน
อย่างสุดซึ้ง เพราะฉะนั้นอาหารไหนที่โยมมารดาชอบ ท่านเตือนครั้งเดียว หลวงพ่อ
ก็รู้เลย ไม่ต้องให้ท่านพูดครั้งที่สองที่สาม
เราก็ตักอาหารใส่ถาดให้โยมมารดาท่าน เพราะท่านมาอยู่ที่บ้านตาดเพราะโยมมารดาของท่าน ท่านเกี่ยวข้องกับโยมมารดาของท่านหลวงพ่ออยู่ ๑๒ ปี ได้เห็นอากัปกิริยาที่ครูบาอาจารย์ปฏิบัติต่อโยมมารดาของท่าน

#อย่างหลวงปู่มั่น พอแม่ท่านอายุมาก ท่าน
ก็บวชเป็นชีให้ นำมาอยู่ทางนครพนม แล้วก็ผ่านไปทางมุกดาหาร ไปทางบ้านห้วยทราย โยมย่าของหลวงพ่อยังพูดให้ฟัง ว่าท่านให้
ใช้สาแหรกยาว ๆ มีโยมสองคนหามโยมมารดาของหลวงปู่มั่น ตัวผอม ๆ สองคนหามได้ หามไปตามทางเกวียน หามโยมมารดาหลวงปู่มั่น แล้วหลวงปู่มั่นท่านก็เดินตามหลังกับคณะ
สงฆ์เจ็ดแปดองค์ถึงสิบองค์ พอมาถึงบ้าน
ห้วยทราย ท่านก็จัดที่พักให้เล็ก ๆ แยกจากที่พักพระสงฆ์ เวลาบิณฑบาตตอนเช้า ท่าน
ได้อาหารในบาตรของท่าน ท่านก็แวะเข้าไปหาโยมมารดาของท่านก่อน ท่านจะเอาพระองค์นึงเดินตามไปด้วย ท่านเลือกอาหารในบาตรของท่านให้โยมมารดาทานก่อน แล้วตอนเที่ยงให้ทานอีกทีนึง ท่านเดินเอามาให้ก่อน เพราะถ้ารอพระจัดอาหารเสร็จจะสายเกินไป ท่านดูโยมมารดาท่านถึงขนาดนั้น

#โยมย่าของหลวงพ่อเห็นก็สงสัยว่า
เอ ญามั่นท่านทำอะไร ก็เลยไปดู โอ ท่าน
เป็นห่วงแม่ของท่าน พอท่านบิณฑบาตมา
ก็เอาอาหารไปให้แม่ของท่านก่อน เสร็จแล้ว
จึงเข้าไปฉันพร้อมกับพระ โยมย่าเห็นอย่างนั้น ก็เลยเอาอาหารที่คนแก่ชอบเอาไปให้แต่เช้ามืดเลย เอาข้าวเหนียวร้อน ๆ ไปให้แต่เช้ามืดเลย เอาไปให้โยมแม่ของหลวงปู่มั่นฉันก่อน ท่านก็ว่า "เอ้อ ลูกเอ้ย แม่แดงเขาเอาอาหารมาให้แม่แล้วล่ะ ต่อไปไม่ต้องก็ได้ แม่แดงเขาเอามาให้ทุกวันอยู่แล้ว"

#นี่ก็คือหลวงปู่ครูบาอาจารย์
ท่านไม่ได้ห่างเหินจากพ่อแม่ของท่าน ท่าน
ไม่ลืม เพราะท่านยึดแนวแถวปฏิปทาแนว
แถวของพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก อย่างพระองค์หนึ่ง เป็นลูกเศรษฐี พ่อแม่ก็ห้าม ท่านก็ว่า โอ้ ถ้าผมไม่ได้บวชผมตายดีกว่า นอนไม่กินข้าว พ่อแม่ก็เลยยอม เพราะดีกว่าตาย ถ้าตายก็ไม่เห็นกัน ไปบวชอย่างน้อยก็ยังได้เห็นหน้าลูก

#พอท่านบวชแล้วก็เข้าป่าปฏิบัติ
หลังจากนั้นพ่อแม่ท่านก็หมดตัว เพราะไม่มี
คนช่วยงาน และคงเสียอกเสียใจที่ท่านบวชด้วย พระที่เข้าไปในป่า ไปเจอท่านก็เลยบอกท่านว่าตอนนี้พ่อแม่ท่านตกทุกข์ได้ยาก ท่านจึงรีบออกมาจากป่า ท่านก็เลยไปปลูกกะต๊อบอยู่หลังวัดให้พ่อแม่อยู่ เวลาไปบิณฑบาตมาก็เอาอาหารในบาตรให้พ่อแม่กินก่อน พอเหลือท่านจึงฉันต่อ

#พระสงฆ์อื่นเห็นก็คิดว่า
พระองค์นี้บวชมาหาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ทำให้
คนตำหนิศาสนาได้ ก็เลยไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เรียกพระองค์นี้
มาถามว่าท่านบิณฑบาตให้พ่อแม่ใช่ไหม
ท่านก็รับว่าใช่ ข้าพระองค์บิณฑบาตมาจะให้พ่อแม่กินก่อน จากนั้นจึงฉันต่อภายหลัง และถ้าได้ผ้ามาและผ้าของพ่อแม่ขาด ข้าพระองค์ก็จะนำผ้าที่ได้มา มาย้อมให้เป็นสีที่ฆราวาสใช้ได้แล้วมอบให้พ่อแม่ใช้

#พระพุทธเจ้าถามว่า_ทำไมเธอจึงทำอย่างนี้

ท่านตอบว่าข้าพระองค์เป็นลูกคนเดียวของ
พ่อแม่ ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์แล้วนับถือเลื่อมใส ว่าเป็นหนทางพ้นทุกข์จึงขอบวชจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่ห้ามไม่ให้บวช ข้าพระองค์จึงไม่ทานอาหารถ้าไม่ได้บวช พ่อกับแม่จึงยอมให้บวช พอบวชแล้วข้าพระองค์จึงเข้าป่าไป พอทราบข่าวว่าพ่อกับแม่เงินทองเสียหาย จึงรับมาดูแล

#แทนที่พระพุทธเจ้าจะตำหนิ
แต่ท่านสาธุแล้วกล่าวว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ควรจะดูเป็นตัวอย่าง เราเกิดมาภพใดชาติใด ถึงเราจะเป็นนกแขกเราก็ยังเลี้ยงพ่อแม่ เราเป็นนกหงษ์เราก็เลี้ยงพ่อแม่ เราเป็นราชสีห์
ในป่าเราก็ไม่เคยทอดทิ้งพ่อแม่ ถึงเราเกิด
เป็นสัตว์เดรัจฉานเราก็ไม่เคยทอดทิ้งพ่อแม่ ขอให้เราทั้งหลายดูแลพ่อแม่ ในยุคใดสมัยใดไม่มีศาสนา ไม่มีใครสอนใคร แต่ยังมีผู้ปฏิบัติต่อพ่อแม่ รักเคารพในพ่อแม่ ปฏิบัติดูแลพ่อแม่ เขายังไปสวรรค์ได้ นี่คือหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา

#โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์
#องค์หลวงพ่ออินทร์ถวาย_สันตุสสโก









ปรามาสพระอริยเจ้า

ผู้ถาม เรื่องพระอริยเจ้าก็มีอยู่นิดคือว่า การปรามาสพระอริยเจ้าด้วยเจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม โมโหด้วยความตั้งใจก็ตาม อยากเรียนถามว่า จะมีกรรมมากไหมครับ?

หลวงพ่อ ก็ลงนรกด้วย เจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม ลงเหมือนกัน

ผู้ถาม ไม่ต้องสอบสวนหรือครับ?

หลวงพ่อ ไม่ต้องสอบ… สบาย ก็ไม่ยาก ก็ไปขอขมาต่อพระพุทธเจ้าเสียซิ ถ้าไม่พบพระพุทธเจ้าก็พระพุทธรูป
ผู้ถาม ต้องไปพบพระพุทธรูปที่วัดท่าซุง หรือว่า
หลวงพ่อ ไม่จำเป็น…ที่บ้านก็ได้ ให้นึกว่าท่านคือพระพุทธเจ้า เพราะพระอริยเจ้านี่ ขอขมาโดยตรงตัวไม่มีผล อย่างสมมุติยกทรงเป็น “โสดาตาบัน” ใช่ไหม

ผู้ถาม เดี๋ยว ๆ ครับ ตามศัพท์พระไตรปิฎกเขาเรียก “โสดาบัน” ครับ
หลวงพ่อ ได้นี่มันหนักแน่ “โสดาตะบัน” นี่ขั้นเอกพิชีนะ เพราะตะบันจนกรทั่งแน่นปั๋งไม่คลายตัว สมมุติว่า ยกทรงเป็นพระโสดาบัน เขาไปด่าไปว่าเข้านินทาเข้าก็บาป ใช่ไหม…ไปขอโทษโดยตรงกับยกทรงนี่ไม่มีผล ต้องขอโทษโดยตรงกับพระพุทธเจ้า เพราะว่าความเป็นพระโสดาบัน ไม่ใช่เกิดจากยกทรงเกิดจากพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์

ผู้ถาม แล้วอย่างพระโสดาบันที่บวชเป็นพระ กับโสดาบันที่เป็นฆราวาส ถ้าเราปรามาสโทษจะเป็นอย่างไรครับ?
หลวงพ่อ คือกัน

ผู้ถาม เพราะฉะนั้นพวกเราจำไว้นะ ฆราวาสที่เป็นพระอริยะมีเยอะแยะ

หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พระโสดาบันไปตันแค่ศีล ๑.เคารพพระพุทธเจ้า ๒.เคารพพระธรรม ๓.เคารพพระอริยสงฆ์ ๔.มีศีล ๕ บริสุทธิ์ องค์พระโสดาบันมีแค่นี้

ผู้ถาม อุ้ยตายแล้ว หลวงพ่อนี่เทศน์ไม่เหมือนกับโทรทัศน์เดี๋ยวนี้ยังออกอากาศปาว ๆ อยู่นะครับ ว่าพระโสดาบัน ๑.สักกายทิฏฐิ ต้องตัดขันธ์ ๕ โดยเด็ดขาด

หลวงพ่อ เอาเลื่อยที่ไหนมาตัด เดี๋ยวก่อน … พระโสดาบันถ้าตัดขันธ์ ๕ เด็ดขาด ลองคิดดู นางวิสาขา ท่านเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ปี ขันธ์ ๕ นะคนเดียวนะ พออายุ ๑๖ ได้อีก ๕ ขันธ์…มีผัว ต่อไปก็ลูกชาย ๑๐ คน มีผู้หญิง ๑๐ คน ลูกทั้งหมด ๒๐ คน ตัดหรือไม่ตัด ตัดหรือต่อ … พระโสดาบันกับสกิทาคามี สองอยางยังแต่งานได้ ไม่แต่งานก็อนาคามีขึ้นไปเท่านั้นเอง ไอ้เทศน์อย่างนั้น ท่านเทศน์ถูกของท่าน แต่ไม่ถูกตามพระไตรปิฎก

ผู้ถาม อย่างนี้ฆราวาส ที่จะเป็นพระโสดาบัน แค่ศีล ๕

หลวงพ่อ แค่นั้นแหละ เขาเรีย “สัตตักขัตตุง”

ผู้ถาม อย่างนี้เป็นฆราวาสก็ดีกว่าเป็นพระซิครับ?

หลวงพ่อ โอ้ย ดีกว่าเยอะ…ความจริงแล้วฆราวาสถ้าพูดตามส่วน เขาได้เปรียบกว่าพระมาก ๑.เจี๊ยะไม่เลือกเวลา ประการที่ ๒ เข้าวิกได้

ผู้ถาม หลวงพ่อรู้ด้วยหรือครับ?

หลวงพ่อ อ้าว…เคยเป็นฆราวาสมาก่อนนี่ ประการที่ ๓ มีผัวมีเมียได้ ประการที่ ๔ หลับตื่นสายได้ พระตื่นสายไม่ได้ใช่ไหม…เช้ามืดต้องทำวัตรสวดมนต์ ต้องเจริญกรรมฐาน ถ้าพลาดหน่อยเดียวพระลงนรก สมมุติว่ามีปลาหนึ่งตัวนะ พระมีปลาหนึ่งตัว ฆราวาสมีปลา ๑๐๐ ตัว ตัวขนาดเดียวกัน พระฆ่าปลาหนึ่งตัว ฆราวาสฆ่าปลา ๑๐๐ ตัว พระโทษมากกว่า ก็เพราะว่าทรงศีลเป็นบุคคลที่ชาวบ้านเขาต้องบูชา นี่ละบาปมาก พระไม่ใช่เรื่องเล็กนะ

ผู้ถาม โอ้ย ไม่บวชดีกว่า

หลวงพ่อ ใช่…ยกทรงก็เคยเสียท่ามา ๑๘ ปีแล้วซิ

หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ที่มา:เพจบันทึกธรรมพระราชพรหมยาน








เรามาฝึกใจของเรา
ได้ก็ไม่ดีใจ เสียไปก็ไม่เสียใจ ทำเป็นกลาง
อยู่ก็ดีใจ ไปก็ไม่เสียใจ
ใครจะเกลียดเรา ก็ไม่เสียใจ
ใครจะรักเรา ก็ไม่ลืมตัว
เมื่อเราทำใจเป็นกลาง
เราถือว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นทุกข์ทั้งนั้น
มันเป็นกังวลทั้งนั้น
มันเป็นภาระหนักทั้งนั้น
ไม่ว่าจะไปจับอะไรสักอย่างหนึ่ง
ใจเราก็เหมือนกัน
ถ้าเราวางใจเสียได้
ไม่ไปยึดว่าเป็นของเรา
ไม่ไปยึดว่าสิ่งนั้นจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
จะต้องได้มาอย่างนั้น จะต้องได้มาอย่างนี้
จิตเราก็สบาย

หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ









อยากได้วัตถุมงคลที่มีพลังสูง
ผู้ถาม :: หลวงพ่อคะอ่านประวัติหลวงพ่อปานแล้วมีความรู้สึกว่า ถ้าเรามีวัตถุมงคลที่มีพลังสูง เช่น ยันต์เกราะเพชร ก็ดีนะคะ ตอนที่ลาวปล่อยของมาแล้ว ของอื่นแตกหมด แต่ยันต์เกราะเพชรนี้อยู่ไม่เป็นไร ทำให้นึกอยากได้ของที่แจ๋วๆอย่างนั้นคะ
หลวงพ่อ :: จะเอาเพชรสีอะไรล่ะ สีน้ำมันก๊าด จะไปยากอะไร ยันต์เกราะเพชรบทเสกกับบทเขียนก็มี พระพุทธคุณ คือ อิติปิโส บทต้น แล้วทุกวันก็ต้องบูชาด้วย อิติปิโส ๑ จบ มีพระองค์ไหนก็เหมือนกัน หรือ มีพระคล้องคอ เวลาสวด อิติปิโส ก็นึกถึง บารมีของพระพุทธเจ้า ห้องที่สองนึกถึง บารมีพระธรรม ห้องที่สามนึกถึง บารมีพระอรหันต์ทั้งหลาย พวกบูชายันต์เกราะเพชรก็ต้องใช้บทนี้เป็นประจำ ถ้าไม่ใช้ประจำฉันก็ไม่แน่ใจว่าคุ้มครองได้นะ
ผู้ถาม :: ก็แสดงว่ายังมีวัตถุมงคลที่มีพลังสูงจริง
หลวงพ่อ :: มันอยู่ที่เราด้วย ทำมาให้ดีแล้ว เราดีเท่าของหรือเปล่า ถ้าเรามีความเข้มแข็งแล้วเราก็ดีเท่าของ อย่างเขาเอารถยนต์มาให้เรา เราใช้ไม่เป็น รถยนต์ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยใช่ไหม เขาให้มาแล้วเราก็ใช้ให้ถูกทางด้วย ก่อนที่จะใช้ต้องหาน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเผาอะไรพวกนี้ ใช่ไหม …..ก็เหมือนกัน เมื่อได้พระมาแล้ว นึกน้อมความดีของพระ นึกถึงความดีของพระ ไม่มีอะไรมาก อิติปิโส บทเดียวพอ ทุกๆวัน ตอนเช้าตื่อนขึ้นมานึกถึงบารมี นึกถึงพระที่เรามีอยู่
ผู้ถาม :: บางคนห้อยพระราคาเป็นแสนก็ตาย
หลวงพ่อ :: ถ้าถึงวาระก็ต้องตาย ความจริงที่ให้มีพระคล้องคอท่านมีความหมาย ให้ทำใจให้เป็นพระ ว่าเราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงสอนในหลักใหญ่ ๓ ประการ
๑ .สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง พวกเธอทั้งหลายจงอย่าทำความชั่วทุกอย่าง.
๒. กุสะลัสสูปะสัมปะทา จะสร้างแต่ความดี
๓. สะจิตตะปริโยทะปะนัง จงทำจิตให้ผ่องใสจากกิเลส แล้วก็ลงท้ายว่า
เอตัง พุทธานะสาสะนัง เราขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์สอนอย่างนี้เหมือนกันหมด
นี่ท่านต้องการทำจิตให้เป็นพระ ไม่ใช่เอาพระไปตีกับชาวบ้าน บางทีพาพระไปขโมยเขาเสียอีก พระขโมยของตั้งแต่ ๑ บาทขึ้นไป ศิลขาดหมดแล้ว พาพระไปกินเหล้าเป็นปาจิตตีย์ พาพระไปเล่นการพนัน พระก็ถูกสึก ไม่ไหว ใช่ไหมคุณ

หลวงพ่อวัดท่าซุงตอบปัญหาธรรม โดย หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี








ถ้าขาดสติ..โอกาสที่จิตใจจะวิ่งไปตามอารมณ์ภายนอกมันก็มีมากขึ้น
และอารมณ์ทั้งหลายก็ย่อมครอบงำจิตให้หลงใหลมัวเมาได้ง่ายขึ้น

หลวงปู่กินรี จันทิโย








วัดที่เป็นเนื้อนาบุญ
กลิ่นศีลกลิ่นธรรมหอมฟุ้งออกไป
เดี๋ยวเทพเจ้าเหล่าเทวดาท่านก็ไปตาม
ลูกหลานบริวารมาช่วยกันบำรุงรักษา

วัดไหนมีพ่อแม่ครูอาจารย์
เป็นสถานบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา
วัดนั้นก็รุ่งเรืองด้วยมรรคผล
ดึงดูดจิตข้ามพ้นคลองน้ำหมาเน่าเข้าสู่โลกุตระ

โอวาทธรรม : พระอาจารย์คม อภิวโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร