วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 11:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 129 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
วิสยรูป7คือรูปที่ปรากฏให้สติระลึกตามได้ให้ตรงทีละ1คำตรงจริงที่กายใจตนกำลังมี
เป็นรูปที่ปรากฏตามปกติในชีวิตประจำวันทุกขณะที่ตื่นขึ้นมาลืมตาดูโลกจนกระทั่งหลับไป
แค่ระลึกคำเหล่านี้ให้ตรงความจริงทั่วตัวบ่อยๆตรงความจริงที่มีนี้แหละคือความจริงที่ปัญญาตนมี
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตาม
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ
รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตาม
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ

รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:


รู้ชัดทีละคำ รู้ทีละธาตุละธาตุ มันยังไง :b14:

เอาชัดๆแบบนี้สิคุณโรส จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

-ตา เห็นหนอ

-หู เสียงหนอ

-จมูก กลิ่นหนอ

-ลิ้น ขณะนั้นรู้สึกเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อะไรก็ว่าไปตาม เช่น เปรี้ยวหนอ เป็นต้น

-กาย สัมผัสอ่อนแข็งอะไรยังก็กำหนดไปตามนั้น รู้อ่อนก็อ่อน รู้สึกแข็งก็แข็ง

-ใจ ขณะนั้นมันคิดอะไรยังไงก็ว่าไปตามนั้น เช่น มันฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งซ่านหนอ รู้สึกเป็นสุข ก็สุขหนอ รู้สึกทุกข์ ก็ทุกข์หนอ เป็นต้น

คุณว่าให้ชัดสิ เอ้าว่าไป เพื่อที่ฟังผู้ดูเขาจะได้นำไปใช้ได้ :b35:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสทำวิธีที่คุณว่านั่นให้ชัดก่อนนะขอรับ แล้วก็แก้ปัญหาภาคปฏิบัติต่อไปนี้ เช่น ตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
เมื่อเช้ามีเหตุการณ์ที่ทำให้หนูตกใจมากๆ คือว่า ในตอนเช้าหนูจะฟังเทปเกี่ยวกับการทำสมาธิ แล้วหนูก็กำลังตามลมหายใจ เข้าออก ตามซักครู่ หนูรู้สึกเมื่อมีแสงสว่าง (ใหญ่มาก) วิ่งเข้าใส่ตัวหนู จนทำให้หนูตกใจ แต่ก็ยังสามารถกำหนดรู้ว่า ตกใจหนอ อยากรู้จังค่ะว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างนี้


อ้างคำพูด:
เห็นตัวเองเป็นพระ

ในบางเวลาที่เราทำกิจวัตรประจำวัน จะเห็นตัวเองมีมืองอกขึ้นที่หลังอีก 2 มือ แล้วมีชฎาอยู่บนศีรษะ เห็นบ่อยจนตกใจเหมือนกัน แต่ที่แปลกที่สุด คือ ตอนเวลาสวดมนต์จะเห็นตัวเองเป็นพระ เพราะอะไรก้อไม่รู้ ใครก็ได้ช่วยตอบทีเป็นมานานแล้ว กลุ้มใจเหมือนกันหาคำตอบไม่ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ด้วย
อ้างคำพูด:
คิดด่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่ได้ตั้งใจจะลบลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จิตมันแว๊บขึ้นมา จะทำอย่างไร จะให้คำหยาบคำด่า หรืออะไรที่คิดอกุศลหายไปค่ะ พยายามนึกคิดในสิ่งที่ดี..สวดมนต์ก็แล้วยังไม่หยุดไปรบกวน แนะนำด้วยค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2018, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตามน
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ

รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:


รู้ชัดทีละคำ รู้ทีละธาตุละธาตุ มันยังไง :b14:

เอาชัดๆแบบนี้สิคุณโรส จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

-ตา เห็นหนอ

-หู เสียงหนอ

-จมูก กลิ่นหนอ

-ลิ้น ขณะนั้นรู้สึกเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อะไรก็ว่าไปตาม เช่น เปรี้ยวหนอ เป็นต้น

-กาย สัมผัสอ่อนแข็งอะไรยังก็กำหนดไปตามนั้น รู้อ่อนก็อ่อน รู้สึกแข็งก็แข็ง

-ใจ ขณะนั้นมันคิดอะไรยังไงก็ว่าไปตามนั้น เช่น มันฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งซ่านหนอ รู้สึกเป็นสุข ก็สุขหนอ รู้สึกทุกข์ ก็ทุกข์หนอ เป็นต้น

คุณว่าให้ชัดสิ เอ้าว่าไป เพื่อที่ฟังผู้ดูเขาจะได้นำไปใช้ได้ :b35:

Kiss
:b12:
ระลึกตามตอนฟังพระพุทธพจน์สมาธิต้องมั่นคงไม่วอกแวก
ฝึกใหม่ๆกำหนดรู้ตรงคำตรงที่กายใจมีทีละ1คำที่ละจุด
คิดตรง1คำยังไม่ถึงสติเพราะต้องชำนาญจนเร็วขึ้น
จนรู้ทั่วตัว6ทาง7รูปรูปที่8คือรูปพิเศษที่ตาเห็นด้วย
เพราะปัจจุบันขณะต้องทันรูปที่เกิดแล้วมีก่อนดับค่ะ
เพราะกะพริบตานั้นดับครบ6ทางนับไม่ถ้วนเลย
ไม่ทันก็ให้ทราบว่าสติยังไม่เกิดคือยังมีกิเลส
ดีไม่ได้เพราะไม่รู้ความจริงฟังเพื่อเข้าใจค่ะ
จนกว่ารู้ตรงตลอดจนไม่รู้แทรกเข้าไม่ได้
และรู้ชัดตรงฐานที่เกิดแล้วโดยอนัตตา
:b16:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตามน
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ

รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:


รู้ชัดทีละคำ รู้ทีละธาตุละธาตุ มันยังไง :b14:

เอาชัดๆแบบนี้สิคุณโรส จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

-ตา เห็นหนอ

-หู เสียงหนอ

-จมูก กลิ่นหนอ

-ลิ้น ขณะนั้นรู้สึกเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อะไรก็ว่าไปตาม เช่น เปรี้ยวหนอ เป็นต้น

-กาย สัมผัสอ่อนแข็งอะไรยังก็กำหนดไปตามนั้น รู้อ่อนก็อ่อน รู้สึกแข็งก็แข็ง

-ใจ ขณะนั้นมันคิดอะไรยังไงก็ว่าไปตามนั้น เช่น มันฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งซ่านหนอ รู้สึกเป็นสุข ก็สุขหนอ รู้สึกทุกข์ ก็ทุกข์หนอ เป็นต้น

คุณว่าให้ชัดสิ เอ้าว่าไป เพื่อที่ฟังผู้ดูเขาจะได้นำไปใช้ได้ :b35:

Kiss
:b12:
ระลึกตามตอนฟังพระพุทธพจน์สมาธิต้องมั่นคงไม่วอกแวก
ฝึกใหม่ๆกำหนดรู้ตรงคำตรงที่กายใจมีทีละ1คำที่ละจุด
คิดตรง1คำยังไม่ถึงสติเพราะต้องชำนาญจนเร็วขึ้น
จนรู้ทั่วตัว6ทาง7รูปรูปที่8คือรูปพิเศษที่ตาเห็นด้วย
เพราะปัจจุบันขณะต้องทันรูปที่เกิดแล้วมีก่อนดับค่ะ
เพราะกะพริบตานั้นดับครบ6ทางนับไม่ถ้วนเลย
ไม่ทันก็ให้ทราบว่าสติยังไม่เกิดคือยังมีกิเลส
ดีไม่ได้เพราะไม่รู้ความจริงฟังเพื่อเข้าใจค่ะ
จนกว่ารู้ตรงตลอดจนไม่รู้แทรกเข้าไม่ได้
และรู้ชัดตรงฐานที่เกิดแล้วโดยอนัตตา
:b16:
:b55: :b55:


อิอิ

ฟังพระพุทธพจน์ที่ไหนอ่ะ

พูดจัง กาย ใจ :b32:

กายคุณโรสนี่ใช่กายในกายานุปัสสนาไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 05:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตามน
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ

รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:


รู้ชัดทีละคำ รู้ทีละธาตุละธาตุ มันยังไง :b14:

เอาชัดๆแบบนี้สิคุณโรส จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

-ตา เห็นหนอ

-หู เสียงหนอ

-จมูก กลิ่นหนอ

-ลิ้น ขณะนั้นรู้สึกเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อะไรก็ว่าไปตาม เช่น เปรี้ยวหนอ เป็นต้น

-กาย สัมผัสอ่อนแข็งอะไรยังก็กำหนดไปตามนั้น รู้อ่อนก็อ่อน รู้สึกแข็งก็แข็ง

-ใจ ขณะนั้นมันคิดอะไรยังไงก็ว่าไปตามนั้น เช่น มันฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งซ่านหนอ รู้สึกเป็นสุข ก็สุขหนอ รู้สึกทุกข์ ก็ทุกข์หนอ เป็นต้น

คุณว่าให้ชัดสิ เอ้าว่าไป เพื่อที่ฟังผู้ดูเขาจะได้นำไปใช้ได้ :b35:

Kiss
:b12:
ระลึกตามตอนฟังพระพุทธพจน์สมาธิต้องมั่นคงไม่วอกแวก
ฝึกใหม่ๆกำหนดรู้ตรงคำตรงที่กายใจมีทีละ1คำที่ละจุด
คิดตรง1คำยังไม่ถึงสติเพราะต้องชำนาญจนเร็วขึ้น
จนรู้ทั่วตัว6ทาง7รูปรูปที่8คือรูปพิเศษที่ตาเห็นด้วย
เพราะปัจจุบันขณะต้องทันรูปที่เกิดแล้วมีก่อนดับค่ะ
เพราะกะพริบตานั้นดับครบ6ทางนับไม่ถ้วนเลย
ไม่ทันก็ให้ทราบว่าสติยังไม่เกิดคือยังมีกิเลส
ดีไม่ได้เพราะไม่รู้ความจริงฟังเพื่อเข้าใจค่ะ
จนกว่ารู้ตรงตลอดจนไม่รู้แทรกเข้าไม่ได้
และรู้ชัดตรงฐานที่เกิดแล้วโดยอนัตตา
:b16:
:b55: :b55:


มันไม่ชัด เอาใหม่

ทาง ตา (จักขุ)

ทาง หู (โสต)

ทาง จมูก (ฆาน)

ทาง ลิ้น (ชิวหา)

ทาง กาย (กาย)

ทาง ใจ (จิตต์, มโน, วิญญาณ)


คุณโรสนำวิธีอะไรของคุณใส่เข้าไปให้ตรงช่องแต่ละช่องตามนั้น :b35: สาธุ ๓ คร้ั้ง ๕ ครั้งก็ได้เอ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ภิกษุทั้งหลาย การที่ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้จะเข้าไปยึดถือร่างกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ ว่าเป็นตัวตน ยังดีกว่าจะยึดถือจิต ว่าเป็นตัวตน เพราะว่า กายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ ยังปรากฏให้เห็นว่าดำรงอยู่ปีหนึ่งบ้าง ๒ ปีบ้าง ๓-๔-๕ ปีบ้าง ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง เกินกว่านั้นบ้าง
แต่สิ่งที่เรียก ว่า จิต มโน หรือวิญญาณ นี้ เกิดดับอยู่เรื่อย ทั้งคืนทั้งวัน" (สํ.นิ.16/231/114)


ที่ว่า จิต...ดับ เกิด เกิด ดับ ดับ เกิด เกิด ดับ มิใช่ดับแล้วดับเลยอย่างที่เข้าใจกัน นี่ดับ นั่นเกิด...ความคิดนี่ดับไป ความคิดใหม่เกิดต่อ สังเกตดู ตั้งแต่ตื่นเช้ามา เราคิดเรื่องอะไรบ้าง คิดอยู่เรื่องเดียวหรือว่ามันคิดสารพัดเรื่อง วิบคิดเรื่องนี้ วิบคิดเรื่องนั้น ขณะนี้คิดเรื่องนั้น อีกขณะคิดอีกเรื่องหนึ่ง ขณะที่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น เป็นต้น

ร่างกาย (รูป) ก็ที่เห็นๆอยู่นี่แหละอย่าคิดเลยเถิด ร่างกายที่ภาษาทางธรรมบอกละเอียดว่ามันมีส่วนผสมใหญ่ๆอยู่ ๔ อย่าง ในสติปัฏฐานท่านก็ให้พิจารณาร่า่งกายนี้เอง ที่เรียกกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

คุณโรสพูดตามหลักอภิธรรมเด๊ะเลย เช่นที่ ตาเห็นแสงสี นี่มันพระอภิธรรม ตา เห็น รูป นี่มันพระสุตตันตะ

อภิธรรมแยกย่อยไปละเอียด แล้วคุณโรสเรียน จะว่าเรียนก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าฟังคลิปดีกว่า ฟังแล้วฟังอีกฟังแล้วเชื่อตามนั้น ฟังไปฟังมาหลงหาทางกลับที่เดิมไม่ถูก :b32: :b32:

การเห็นการเกิดดับของรูปนาม (รูปนามมันชีวิตนี่แหละ) นั้นต้องเห็นด้วยปัญญา ด้วยภาวนามยปัญญา

เช่นเห็น

อ้างคำพูด:
อุทยัพพยานุปัสสนา หรือเรียกสั้นๆว่า อุทยัพพยญาณ ญาณหรือปัญญา อันตามเห็นความเกิดดับ คือ พิจารณาความเกิดขึ้นและความดับไปแห่งเบญจขันธ์ จนเห็นปัจจุบันธรรมที่กำลังเกิดขึ้น และดับสลายไปๆ ชัดเจน เข้าใจภาวะที่เป็นของไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาตามความอยากของใคร หยั่งทราบว่า สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้น ครั้นแล้ว ก็ต้องดับไป ล้วนเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งหมด เมื่อเกิดการรับรู้ หรือเคลื่อนไหวใดๆ ในแต่ละขณะ ก็มองเห็นนามธรรม รูปธรรม และตัวรู้หรือผู้รู้ที่เกิดขึ้นแล้วทั้งรูปธรรม นามธรรม และตัวรู้นั้นก็ดับไปพร้อมกันทั้งหมด เป็นความรู้เห็นชัดแก่กล้า (พลววิปัสสนา) ทำให้ละนิจจสัญญา สุขสัญญา และอัตตสัญญาได้



เรื่องนี้ไม่ใช่ฟัง/พูด ตามๆกันไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b32:
ทำไมถึงเป็นคนที่คนอื่นบอกแล้วไม่รู้จักการไปนั่งทำความเข้าใจจากการฟังจริงตามปกติ
เข้าใจไหมว่าการอ่านเป็นจิตคิดนึกหลังเห็นดับไปแล้วมันตามกิเลสตนเองไม่ทันไปแล้วค่ะ
ฟังคลิปบ้านธัมมะนั้นน่ะตาก็ดูคลิปหูก็ฟังเสียงจากคลิปแล้วก็ฝึกระลึกวิสยรูป7ที่ตัวไปด้วย
ฟังไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องหวังอะไรฟังเพื่อเข้าใจตามตรงคำเท่านั้นค่ะทุกอิริยาบทรู้ตามวิสยรูป
ทางหนึ่งทางใดก็ได้ทีละคำให้ตรงกับความรู้สึกที่ชัดที่สุด1ตัวธัมมะระลึกอันไหนได้ก่อนก็ทำไป
ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกได้ครบทั้ง6ทางตามที่กายใจตนรู้ชัดตรงโดยไม่ขาดการฟังคือฟังจริงๆ
ไม่ใช่มาอ่านมันไม่ตรงสภาพธรรมเสียงต้องมีเสียงจริงๆให้ได้ยินเพื่อไตร่ตรองตรงลักษณะที่มีจริงๆ
เพราะไม่มีเราจึงมีแต่สิ่งที่กำลังมีจริงๆคือเหตุปัจจัยละเอียดตามพระอภิธรรมคือจิต เจตสิก รูป นิพพาน
https://youtu.be/ewClhL_02Ac
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ทำไมถึงเป็นคนที่คนอื่นบอกแล้วไม่รู้จักการไปนั่งทำความเข้าใจจากการฟังจริงตามปกติ
เข้าใจไหมว่าการอ่านเป็นจิตคิดนึกหลังเห็นดับไปแล้วมันตามกิเลสตนเองไม่ทันไปแล้วค่ะ
ฟังคลิปบ้านธัมมะนั้นน่ะตาก็ดูคลิปหูก็ฟังเสียงจากคลิปแล้วก็ฝึกระลึกวิสยรูป7ที่ตัวไปด้วย
ฟังไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องหวังอะไรฟังเพื่อเข้าใจตามตรงคำเท่านั้นค่ะทุกอิริยาบทรู้ตามวิสยรูป
ทางหนึ่งทางใดก็ได้ทีละคำให้ตรงกับความรู้สึกที่ชัดที่สุด1ตัวธัมมะระลึกอันไหนได้ก่อนก็ทำไป
ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกได้ครบทั้ง6ทางตามที่กายใจตนรู้ชัดตรงโดยไม่ขาดการฟังคือฟังจริงๆ
ไม่ใช่มาอ่านมันไม่ตรงสภาพธรรมเสียงต้องมีเสียงจริงๆให้ได้ยินเพื่อไตร่ตรองตรงลักษณะที่มีจริงๆ
เพราะไม่มีเราจึงมีแต่สิ่งที่กำลังมีจริงๆคือเหตุปัจจัยละเอียดตามพระอภิธรรมคือจิต เจตสิก รูป นิพพาน
https://youtu.be/ewClhL_02Ac
:b12:
:b4: :b4:


มาอีกแระ จิต เจตสิก รูป นิพพาน

ทำไมถึงไม่กล้าสู้ความจริงนะ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
ต้องรู้ความจริงที่กายใจตน
คือกรรมฐานตอนฟัง
เพื่อคิดถูกตรงคำ
ตรงจริงทันที
:b1:
มีแต่ความคิดผิดไปทำตามสิ่งที่เห็น
คือเห็นผิดเป็นคนสัตว์วัตถุ
มีแต่ทำตามๆกันลืม
ว่าต้องคิดตามน
คำสอน
:b16:
ขาดการฟังจึงไม่มีปัญญาเพิ่ม
การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมี
ตอนคิดตามฟังคำจริงเท่านั้น
:b20:
พึ่งคิดตามคำสัจจะคือ
ฝึกระลึกตามคำตถาคต
แยกนาม_รูปตามวิสยรูป7
คือสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้
ตามปกติประจำวัน
ตอนลืมตาตื่นรู้
1เห็น_แสงสี
2ยิน_เสียง
3ดม_กลิ่น
4ลิ้ม_รส
กายปสาทะอีก3ธาตุ
ธาตุน้ำไม่ปรากฏกระทบ
แต่ทำให้ดินไฟลมเกาะกลุ่ม
5อ่อน_แข็งคือธาตุดิน2ลักษณะ
6เย็น_ร้อนคือธาตุไฟ2ลักษณะ
7ตึง_ไหวคือธาตุลม2ลักษณะ

รู้ชัดทีละ1คำตรงจริง
ที่รู้สึกที่กายจิตตน
ผ่านอายตนะ6ตอนตื่น
คือวิปัสสนาภาวนาของจริงระลึกที่กายจิตตน
:b12:
:b4: :b4:


รู้ชัดทีละคำ รู้ทีละธาตุละธาตุ มันยังไง :b14:

เอาชัดๆแบบนี้สิคุณโรส จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

-ตา เห็นหนอ

-หู เสียงหนอ

-จมูก กลิ่นหนอ

-ลิ้น ขณะนั้นรู้สึกเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อะไรก็ว่าไปตาม เช่น เปรี้ยวหนอ เป็นต้น

-กาย สัมผัสอ่อนแข็งอะไรยังก็กำหนดไปตามนั้น รู้อ่อนก็อ่อน รู้สึกแข็งก็แข็ง

-ใจ ขณะนั้นมันคิดอะไรยังไงก็ว่าไปตามนั้น เช่น มันฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งซ่านหนอ รู้สึกเป็นสุข ก็สุขหนอ รู้สึกทุกข์ ก็ทุกข์หนอ เป็นต้น

คุณว่าให้ชัดสิ เอ้าว่าไป เพื่อที่ฟังผู้ดูเขาจะได้นำไปใช้ได้ :b35:

Kiss
:b12:
ระลึกตามตอนฟังพระพุทธพจน์สมาธิต้องมั่นคงไม่วอกแวก
ฝึกใหม่ๆกำหนดรู้ตรงคำตรงที่กายใจมีทีละ1คำที่ละจุด
คิดตรง1คำยังไม่ถึงสติเพราะต้องชำนาญจนเร็วขึ้น
จนรู้ทั่วตัว6ทาง7รูปรูปที่8คือรูปพิเศษที่ตาเห็นด้วย
เพราะปัจจุบันขณะต้องทันรูปที่เกิดแล้วมีก่อนดับค่ะ
เพราะกะพริบตานั้นดับครบ6ทางนับไม่ถ้วนเลย
ไม่ทันก็ให้ทราบว่าสติยังไม่เกิดคือยังมีกิเลส
ดีไม่ได้เพราะไม่รู้ความจริงฟังเพื่อเข้าใจค่ะ
จนกว่ารู้ตรงตลอดจนไม่รู้แทรกเข้าไม่ได้
และรู้ชัดตรงฐานที่เกิดแล้วโดยอนัตตา
:b16:
:b55: :b55:


มันไม่ชัด เอาใหม่

ทาง ตา (จักขุ)

ทาง หู (โสต)

ทาง จมูก (ฆาน)

ทาง ลิ้น (ชิวหา)

ทาง กาย (กาย)

ทาง ใจ (จิตต์, มโน, วิญญาณ)


คุณโรสนำวิธีอะไรของคุณใส่เข้าไปให้ตรงช่องแต่ละช่องตามนั้น :b35: สาธุ ๓ คร้ั้ง ๕ ครั้งก็ได้เอ้า



คุณโรสแห่งโฮมสะเตย์ จัดวิธีปฏิบัติแบบวิสยรูป 7 อะไรที่ว่า ให้ลงที่ ตา หู จมูก เป็นต้นนั่นสิ :b35: สาธุ ๕ ครั้ง :b8: ๙ ครั้งก็ได้เอ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายจะสรุปนะขอรับ มีอะไรสงสัยข้องหทัยก็ท้วงติงได้ :b16:

วิสยรูป 7 อะไรที่ว่านั้น นำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตไม่ได้ เพราะไม่ใช่วิธีปฏิบัติ มันเป็นวิธีเรียนจาก 1 ถึง 7 มีอะไรบ้าง ?
เอาแค่เรื่องรูป ตำราฝ่ายพระอภิธรรมได้จำแนกแจกแจงละเอียดยิบได้ตั้ง 28 รูป นี่เป็นหลักการเรียน ไม่ใช่หลักปฏิบัติ ดังนั้น คุณโรส จึงจัดให้ลงที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ได้ ทำบ่ได้ ดังนั้น ทั้งสำนักโฮมสะเตย์นั่น เป็นการเพ้อไปตามรายละเอียดที่คัมภีร์แจกแจงไว้

จริงไม่จริง เถียงสิเถียง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2018, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกายจะสรุปนะขอรับ มีอะไรสงสัยข้องหทัยก็ท้วงติงได้ :b16:

วิสยรูป 7 อะไรที่ว่านั้น นำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตไม่ได้ เพราะไม่ใช่วิธีปฏิบัติ มันเป็นวิธีเรียนจาก 1 ถึง 7 มีอะไรบ้าง ?
เอาแค่เรื่องรูป ตำราฝ่ายพระอภิธรรมได้จำแนกแจกแจงละเอียดยิบได้ตั้ง 28 รูป นี่เป็นหลักการเรียน ไม่ใช่หลักปฏิบัติ ดังนั้น คุณโรส จึงจัดให้ลงที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ได้ ทำบ่ได้ ดังนั้น ทั้งสำนักโฮมสะเตย์นั่น เป็นการเพ้อไปตามรายละเอียดที่คัมภีร์แจกแจงไว้

จริงไม่จริง เถียงสิเถียง :b32:

ใครจะไปจัดให้ใครได้ล่ะคะ
กายใจตนเองถ้ามีปัญญา
ก็จัดการไปสิคะพึ่งตน
คิดตามคำปรมัตถ์
ตรงวิสยรูป7ที่
กายใจตนมี
ไม่ส่งออก
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 129 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร