วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2020, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่แน่
"ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่แน่​ ชอบก็ไม่แน่
ไม่ชอบก็ไม่แน่ รักก็ไม่แน่ ชังก็ไม่แน่ อยาก
ไปก็ไม่แน่ อยากอยู่ก็ไม่แน่ ดีก็ไม่แน่ ชั่วก็
ไม่แน่ เอาแต่คำว่า "ไม่แน่" มาบริกรรม มาใช้เป็นเครื่องมือพิจารณาชีวิตของตัวเอง ปัญญาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การมองเห็นความไม่เที่ยงจะแจ่มแจ้ง ฝึกสมาธิภาวนาทุกวัน เจริญสติ
ทุกอิริยาบท จิตจะพร้อมที่จะเกิดปัญญาอยู่ตลอดเวลา
จะมองอะไร จะมองไม่เหมือนคนอื่นเขาและ
จะมองบางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นเขามองข้ามหรือมองไม่เห็น มองแล้วจะเกิดความสลดสังเวชในชีวิตที่เป็นทุกข์ และเกิด นิพพิทา ความเบื่อหน่ายในทุกข์ที่ลึกซึ้ง เกิดความรู้ความเข้าใจในสัจจธรรมเพราะจิตพร้อมที่จะ
รู้อยู่แล้วพร้อมที่จะเห็นอยู่แล้ว

อย่าไปมองตัวเองในแง่ร้ายว่า เรามีบุญน้อย วาสนาน้อย เราทำไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้ คิดอย่างนั้นก็คือยังตกอยู่ในบ่วงแห่งมาร เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความคิดผิด โชคดีว่าเรามีตัวอย่างที่ดีที่จะค้านความคิดนี้ได้.. "

#พระองคุลีมาล_ฆ่าคน_๙๙๙_คน

"ท่านก็ยังบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เวลา
เรากลุ้มใจท้อแท้ว่าไม่ไหวแล้ว บุญเราน้อย วาสนาเราน้อยเหลือเกิน กรรมเก่าอะไรหนอ
มาขัดขวางอยู่เรื่อย แหม... เราน่าสงสาร
เหลือเกิน ตรงนี้แหละที่ต้องหยุด..หยุด..แล้วถามตัวเองว่า เคยฆ่าคนถึง ๙๙๙ คนไหม ก็คงไม่เคยหรอกนะ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ายังมีหวัง ยังมีหนทางต่อไป.. "
-----------------------------
#ธรรมโอวาท
#พระอาจารย์ชยสาโร_ภิกขุ










#ปรทัตตูปชีวีเปรต

บรรดาปรทัตตูปชีวีเปรตพวกนั้นความจริงเป็นเปรตมีกรรมเบาแล้ว เปรต 11 จำพวกได้บอกมาแล้วว่าไม่มีโอกาสจะโมทนาส่วนบุญ หรือสัตว์นรกก็เหมือนกัน คนที่ตายไปแล้ว ถ้าเลยลงไปนรก หรือเป็นเปรต 11 จำพวก บรรดาญาติโยมที่อยู่ในชาตินี้หรือคนที่มีความหวังดีคิดจะสงเคราะห์ทำบุญส่วนกุศลอุทิศไปให้ อันนี้ไม่มีโอกาส ไม่มีทางที่จะได้โมทนา โปรดจำไว้ด้วย เรียกว่าโมทนาไม่ไหว เพราะว่าไม่มีโอกาส มันทุกข์ทรมานมากเหลือเกิน ทั้งเจ็บทั้งปวดทั้งร้อน ไม่มีเวลายินดีกับอะไรทั้งหมด

ตานี้พอมาถึงปรทัตตูปชีวีเปรต พวกนี้มีกรรมไม่มาก ไม่มีหนอนกิน ไม่มีไฟไหม้ ไม่มีหอกเสียบแทง แต่ทว่าต้องเดินหิว ไปทางไหนๆ หาอะไรกินไม่ได้ รออย่างเดียว คือใครเขาจะมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บ้าง ถ้าใครเขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ได้รับโมทนาก็มีความสบาย ฉะนั้น เวลาทำบุญ หากว่าท่านทั้งหลายที่ทำบุญแล้วเปล่งวาจาเฉพาะญาติ ใครเขาทำบุญที่ไหนก็ตาม ต้องเป็นคนที่ทำบุญแล้วได้บุญนะ ถ้าทำบุญแล้วไม่ได้บุญ เปรตพวกนี้ก็ไม่ไปล้อมอยู่ ถ้าใครเขาทำบุญแล้วเป็นบุญ เปรตพวกนี้จะไปยืนล้อมอยู่สะพรั่งรอบๆบริเวณนั้น คอยโอกาสที่ได้รับโมทนา

ที่มา: หนังสือไตรภูมิ หน้า 96 โดยพระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)











(๑)
ให้ฝึกสติ ฝึกให้มันกล้า มันพอ มันมีกำลัง
ถ้าสติของเรามันกล้าพอแล้ว อารมณ์มันจะตามมาได้ที่ไหน
ถ้าสติของเราอ่อนแออยู่ มันก็ตามมาได้นั่นแหละ
นี่ความบกพร่องมันอยู่ที่ตรงนี้
เหล่านั้นไม่ให้ติดตามมา...
(๒)
คนเราไม่อยากหนีจากทุกข์ ถ้าอยากหนีจากทุกข์คงจะพ้นทุกข์อยู่หรอก ... พระพุทธเจ้าท่านให้พิจารณาดู ... ‘ในสิ่งที่เกิดหรือเป็น’ นี่ก็เพราะว่าเราไม่ดูไม่พิจารณาเลย กลับเห็นว่าของตายเป็นของเป็น เห็นของเน่าของเหม็น กลายเป็นของหอม... พระพุทธเจ้าท่านว่าของที่อยู่กับตัวนั้นเป็นสิ่งโสโครก เราไม่เห็นตาม เราไม่ดูตามพระพุทธเจ้า ...ไม่เห็นว่าเนื้อหนังร่างกายของคนเรานั้นเป็นสิ่งเน่าเหม็นโสโครก เป็นของที่เน่าเปื่อย ...ถ้าเราเห็นเป็นจริงแล้ว มีทางที่จะเบื่อหน่าย…
(๓)
ถ้าหากว่าใครพิจารณากายให้เห็นชัดเจน
คนนั้นจะเห็นธรรม..
เกิดก็เกิดจริง แก่ก็แก่จริง เจ็บก็เจ็บจริง
ตายก็ตายจริง นี่เรียกว่าสัจธรรม
เป็นของจริงทั้งนั้น
(๔)
เรื่องการปฏิบัติธรรมของพวกเราก็เหมือนกัน
ไม่ต้องสงสัยที่อื่น มาดูที่กายกับใจของพวกเรานี้
อันนี้แหละมันเป็นสิ่งปิดบังคุณธรรมไว้
ไม่ให้เราเห็นธรรม ก็เพราะกายของพวกเรานี้แหละ
ถ้าหากว่าใครพิจารณากายให้เห็นชัดเจน ...
คนนั้นจะเห็นธรรม เห็นสภาพความแปรปรวนของกาย
เกิดก็เกิดจริง แก่ก็แก่จริง เจ็บก็เจ็บจริง
ตายก็ตายจริง นี่เรียกว่าสัจธรรม เป็นของจริงทั้งนั้น
ให้เรารู้จักสภาพความเป็นจริงอย่างนี้ อย่าไปหลงใหล
(๕)
ถึงแม้ว่าเราไม่มีปัญญามาก ขอแต่ว่ารู้กายรู้ใจของเราเท่านั้นก็พอ เราไม่ได้ปฏิสัมภิทา คือความแตกฉานในอรรถธรรม…ก็พ้นทุกข์ไปได้เหมือนกัน ขอแต่ว่ารู้ความจริงเท่านี้ก็พอ เห็นกายเห็นใจ เห็นความจริงอยู่อย่างนี้ ก็พอที่จะพ้นทุกข์ไปได้
(๖)
บุญจะให้คุณ ต่อเมื่อผู้ให้ลืมไปแล้ว
(๗)
ที่อยากพ้นทุกข์ในวัฏสงสารนั้นไม่ค่อยมีหรอก
มีแต่อยากร่ำอยากรวย ต่อจากนั้นไป ร่ำรวยให้ถึงที่แล้ว
จึงจะหาทางหนีจากทุกข์
มันหนีไม่ได้หรอก มันติดแล้ว มันติดกองทุกข์
มันติดร่ำติดรวย ติดยศฐาบรรดาศักดิ์
แก้ไขก็ยาก ถ้าไม่ฝ่าฟันเอาจริงๆ แล้ว มันไม่ได้

หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล









...จึงต้อง
“เข้าใจความเป็นจริงของธรรมชาติ”
แล้วต้องรับให้ได้ เช่น ..
เวทนาก็มีอยู่ ๓ ชนิด
“มีสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ “

.
ก็วนกันไป เวียนกันมาอย่างนี้
จะเป็นอย่างไรก็รับได้
ไม่ต้องวิ่งเข้าหา หรือขับไล่ไสส่ง
เวลามีความสุข
ก็อย่าไปอยากให้อยู่ไปนานๆ
เวลามีความทุกข์ ก็อย่าไปอยากให้หายไป
.
ถ้ายังอยู่ก็อยู่ไป ..รู้ว่าเดี๋ยวก็หายไปเอง
“กำหนดรู้ไปตามความเป็นจริง”
ตอนนี้สุขก็รู้ว่าสุข ..ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์

.
แต่”ใจ”
ไม่ต้องไปเกิดความอยากอย่างใดอย่างหนึ่ง
นี่คือ..”วิธีปฏิบัติ”.
.........................
.
หนังสือทวนกระแส หน้า 31
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









#มันด้าน #มันโลภ #อยากได้ของคนอื่น #มันไม่ระวัง
ระวังอะไร ก็ระวังสำรวมจิตใจที่มันมืดบอดด้วยความโลภ โกรธ หลงนี่ไง ไม่มีเมืองอิ่มเมืองเมืองพอ ได้หนึ่งจะเอาสอง พอได้สอง ขอเป็นสาม ขาดสติความยั้งคิด สัมปชัญญะ ความรู้ตัวมันก็พาคิดแบบโง่ๆไปเรื่อย เรื่องดีๆมีมากมาย มันไม่คิด ไปคิดเอาแต่เรื่องที่มันทำร้ายจิตใจ เผาใจทำลายใจด้วยบาปและความชั่วที่เกิดจากความคิด ที่ไร้การควบคุม มันจึงได้คิดแบบชั่วๆโง่ๆ และผิดๆไปเรื่อย ต้องได้ระวังให้จงหนัก อย่าให้ความคิดมันติดหล่ม พาล่มจมไปเรื่อย ไม่รู้บาปรู้บุญ มันก็ด้านเกินไปนะ สำหรับผู้ที่ประกาศตนเป็นชาวพุทธน่ะ มันพุทธแต่ในทะเบียนบ้าน ในบัตรประชาชน แต่ใจตกเป็นทาสของกิเลส นี่มันน่าละอายนะ ให้พากันขบคิดแล้วแก้ไขใหม่เสีย ให้มีสติควบคุมความคิดของตนอยู่ตลอดเวลา มันห้ามไม่ให้คิดไม่ได้ แต่จิตจงอย่าขาดการควบคุมด้วยสติ มีสติ รู้ตัว รู้ตามและรู้ใจตน เป็นใช้ได้

พระอาจารย์.รังสรรค์
6 เมษายน 2563











#อุบายระงับความโกรธ

#๑_ให้ระลึกถึงโทษของความโกรธ
ว่าความโกรธนั้นให้โทษประการต่าง ๆ
หาคุณมิได้เลย ผู้ไม่โกรธตอบผู้โกรธตน
ก่อนผู้นั้นได้ชื่อว่า ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก

#๒_ให้ระลึกถึงความดีของเขา
เพราะแต่ละคนย่อมมีทั้งความดีและ
ความไม่ดีอยู่ในตัว ถ้าหาความดีไม่ได้จริง ๆ
ก็ให้นึกสงสารเขาว่าต่อไปจะต้องประสบผลร้าย จากการประพฤติไม่ดีอย่างนี้

#๓_ให้คิดถึงความจริงที่ว่า
การโกรธคือการทำให้ตัวเองทุกข์
คนที่โกรธแล้วเป็นสุขไม่มีในโลก

#๔_ให้พิจารณาว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมที่เกิดจากความโกรธ จะทำให้
ตัวเองตกต่ำลงไปอีก

#๕_ให้พิจารณาพระจริยาวัตรในปางก่อนของพระศาสดาว่า พระพุทธเจ้าของเรานั้น กว่าจะตรัสรู้ ก็ได้ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลายตลอดเวลายาวนาน ได้ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยยอมเสียสละแม้แต่พระชนม์ชีพของพระองค์เอง เมื่อทรงถูกข่มเหงกลั่นแกล้ง เบียดเบียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ก็ไม่ทรงแค้นเคือง ทรงเอาดีเข้าตอบ ถึงแม้เขาจะตั้งตัวเป็นศัตรู

#๖_พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา
ความโกรธมีโทษก่อผลร้ายมากมายฉันใด เมตตาก็มีคุณก่อให้เกิดผลดีมากฉันนั้น ผู้มีเมตตาย่อมสามารถเอาชนะใจคนอื่น ซึ่ง
เป็นชัยชนะที่เด็ดขาด ไม่กลับแพ้ ผู้ตั้งอยู่
ในเมตตาชื่อว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง
และผู้อื่น
--------------
#ธรรมโอวาท
#หลวงพ่อพุธ_ฐานิโย









...แต่ "สติการตามรู้" นี่สำคัญ
ให้รู้อยู่กับการเคลื่อนไหว
ของร่างกายก็ได้..ของเวทนาก็ได้

..เวลาเกิดสุขเวทนา
เกิดทุกขเวทนาขึ้นมา
ก็ให้รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น
ตอนนี้กำลังสุข..ตอนนี้กำลังทุกข์
"รู้แล้วปล่อยวาง"

..ไม่ให้มีอารมณ์กับสิ่งที่รู้อยู๋
ทุกข์ก็ไม่ให้มีอารมณ์
สุขก็ไม่ให้มีอารมณ์กับมัน
"สุขก็ไม่ยึดติด..ทุกข์ก็ไม่ปัด"

..สุขก็รู้ว่าสุข ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์
"ปล่อยมันไปตามเรื่อง"
เพื่อจะได้ไม่เกิดทุกข์อีกชั้นหนึ่งขึ้นมา
คือ ..ทุกข์ใจ.
...............................
.
ตอบปัญหาคาใจเล่ม5 หน้า165
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








#อย่าทำเพื่อให้คนอื่นยกย่อง อันนั้นเป็นความอยาก

..... ทำเพื่อเป็นข้อปฏิบัติ อันนั้นล่ะเป็นการปฏิบัติธรรม ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น ทำเพื่อให้คนอื่นยกย่อง อันนั้นไม่เป็นข้อปฏิบัติ จึงว่าให้ระมัดระวังความอยากมันจะแซงขึ้นมา มาทำลายข้อปฏิบัติของเรา

มันต้องทำด้วยความเป็นธรรม ทำเพื่อธรรม ทำเพื่อชำระ ไม่ได้ทำเพื่อความอยาก ทำแล้วสบายใจ

ใครรู้ก็ไม่สนใจ ใครไม่รู้ก็ไม่สนใจ ใครรู้เราก็สบาย ใครไม่รู้เราก็สบาย ความสบายเป็นข้อปฏิบัติของเรา

ธรรมมีแต่จะทำให้เราร่มเย็นเป็นสุข สิ่งเหล่านี้จึงให้พากันเข้าใจ .

"หลวงปู่แบน ธนากโร"








เราไม่อยากพ้นทุกข์กันบ้างหรือ
ปล่อยให้กิเลสย่ำยี แก้มันสิกิเลส มีทุกคน มันพาทุกข์ ถ้าตามกิเลสมันก็ทุกข์ ถ้าไม่ตามมันก็ไม่ทุกข์ มันพ้นทุกข์เพราะเราละ เรารู้เท่ามันแล้ว เราเกิดมาทุกข์ลำบาก เพราะโลภะ โทสะ โมหะ ก็ศึกษาเอาว่าจะละอย่างไร เราจะเอาไปทำไม
..
โอวาทหลวงพ่อสมบูรณ์ กันตสีโล









"จงอย่าใช้ชีวิตอยู่ให้หนักบ้านเมือง
ทำชีวิตให้มีประโยชน์ ดำรงตนเป็นคนให้
ไม่ใช่เป็นคนเอา

ถ้าทุกคนช่วยกัน บ้านเมืองก็เจริญ
แต่ถ้าคิดแต่จะเอา บ้านเมืองก็ฉิบหายมีปัญหา

อย่าไปแก้ที่อื่น ต้องแก้ที่ตัวเองให้ใจตัวเองแก้ไขตัวเอง
ทำตัวเองให้เจริญ มีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง
ไม่อยู่รกแผ่นดิน"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ







"พุทโธ ใจสงบเยือกเย็น"

" .. ให้เราเข้าวัดฟังธรรม เราฟังดูซิ "เวลานี้จิตใจของเรามันอยู่ธรรมใดภูมิใดภพใด ให้รู้จัก" จิตของเราอยู่ในกุศลหรืออกุศลก็ให้รู้จัก ให้เรานึกบริกรรม "พุทโธ๊ พุทโธ" เพ่งเล็งดูจิตของเราใน "พุทโธ" นั้น

ถ้าจิตของเราเป็นกุศลมันเป็นยังไง "คือจิตมีความสงบ มันไม่ส่งหน้าส่งหลัง" ส่งซ้ายส่งขวา ส่งบนส่งล่าง ตั้งอยู่จำเพาะท่ามกลางผู้รู้ "พุทโธ๊ พุทโธ มันมีใจเยือกใจเย็น" ใจสุข ใจสบาย

"กายะลหุตา จิตตะลหุตา" จิตเบา กายมันก็เบา ไม่หนัก ไม่หน่วง ไม่ง่วง ไม่เหงา หายทุกข์หายยาก หายความลำบากรำคาญ สบายอกสบายใจ นั่นแหละตัวบุญตัวกุศลแท้ ไม่ใช่อื่นเป็นบุญ

ตัวสุขตัวสบายแท้ นี้จะได้เป็นบุญเป็นวาสนาเป็นบารมีของเรา เป็นนิสัยของเรา ติดตนนำตัวไปทุกภพทุกชาติ นี่แหละให้เข้าใจไว้ "จิตของเราสงบเป็นสมาธิคือกุศล" อกุศลเป็นยังไง คือจิตเราไม่ดี จิตทะเยอทะยาน จิตดิ้นรนภวังค์พะวง จิตทุกข์จิตยาก จิตไม่มีความสงบ มันเลยเป็นทุกข์ เรียกว่าอกุศล ความทุกข์ทั้งหลายไม่ได้อยู่ที่อื่น เราต้องฟังดูที่นี่หละ ถ้าจิตของเราวุ่นวายเดือดร้อน ก็ทำให้ตกทุกข์ได้ยาก ให้พากันรู้พากันเข้าใจ ไม่ใช่มาจากอื่น มาจากจิต .. "

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร










#อย่าทำเพื่อให้คนอื่นยกย่อง อันนั้นเป็นความอยาก

..... ทำเพื่อเป็นข้อปฏิบัติ อันนั้นล่ะเป็นการปฏิบัติธรรม ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น ทำเพื่อให้คนอื่นยกย่อง อันนั้นไม่เป็นข้อปฏิบัติ จึงว่าให้ระมัดระวังความอยากมันจะแซงขึ้นมา มาทำลายข้อปฏิบัติของเรา

มันต้องทำด้วยความเป็นธรรม ทำเพื่อธรรม ทำเพื่อชำระ ไม่ได้ทำเพื่อความอยาก ทำแล้วสบายใจ

ใครรู้ก็ไม่สนใจ ใครไม่รู้ก็ไม่สนใจ ใครรู้เราก็สบาย ใครไม่รู้เราก็สบาย ความสบายเป็นข้อปฏิบัติของเรา

ธรรมมีแต่จะทำให้เราร่มเย็นเป็นสุข สิ่งเหล่านี้จึงให้พากันเข้าใจ .

"หลวงปู่แบน ธนากโร"











#เฮ็ดให้มันเห็นเถอะเรื่องอันนี้

วางจิตลงเป็นผ้าเช็ดเท้า. เบิ่งเป็นดินพู่น. มันจังค่อยเห็นอรรถเห็นธรรม. ของพระองค์เจ้า.
#เร่งเด๊ะ
ความเพียร. ให้มันเกิดในใจเจ้าของ.
มันจังค่อยสิรู้จัก. ความเพียรนี่แหละตัวเอก.

หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร