วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 19:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2020, 04:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...จึงต้อง
“เข้าใจความเป็นจริงของธรรมชาติ”
แล้วต้องรับให้ได้ เช่น ..
เวทนาก็มีอยู่ ๓ ชนิด
“มีสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ “

.
ก็วนกันไป เวียนกันมาอย่างนี้
จะเป็นอย่างไรก็รับได้
ไม่ต้องวิ่งเข้าหา หรือขับไล่ไสส่ง
เวลามีความสุข
ก็อย่าไปอยากให้อยู่ไปนานๆ
เวลามีความทุกข์ ก็อย่าไปอยากให้หายไป
.
ถ้ายังอยู่ก็อยู่ไป ..รู้ว่าเดี๋ยวก็หายไปเอง
“กำหนดรู้ไปตามความเป็นจริง”
ตอนนี้สุขก็รู้ว่าสุข ..ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์

.
แต่”ใจ”
ไม่ต้องไปเกิดความอยากอย่างใดอย่างหนึ่ง
นี่คือ..”วิธีปฏิบัติ”.
.........................
หนังสือทวนกระแส หน้า 31
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"โลกต้องไม่ให้ช้ำ ธรรมต้องไม่ให้เสีย อย่าปฏิบัติตนสุดโต่ง ต้องปฏิบัติธรรมสมกับฐานะและสภาพของแต่ละบุคคล เช่น การจะทำทาน ก็ให้ดูคนข้างหลังด้วย จะเอาอย่างคนมีทรัพย์มากๆ ไม่ได้

การจะรักษาศีลแปด ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษาในวันพระ แต่เลือกวันที่ไม่กระทบต่อการรับประทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว เพราะเป็นกิจกรรมที่สำคัญ

การภาวนาก็ไม่เน้นแต่เฉพาะนั่งหลับตาที่วัด เวลาทำการทำงาน เดินไปไหนมาไหน ก็พยายามมีสติระลึกรู้ จะปฏิบัติเก่งขนาดไหน แต่เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรือมีแต่คนรังเกียจหรือนินทาลับหลัง จะมีประโยชน์อะไร

โลกและธรรมสัมพันธ์กัน เราสามารถหาธรรมได้จากโลก ในขณะเดียวกันในทางธรรมก็มักมีเรื่องโลกๆ แฝงอยู่"

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ









“ถ้าเราเห็นว่า สิ่งใดจะทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง
หรือยินดีในกิเลสมากขึ้น เราก็ควรเก็บหัว เก็บขา
เข้าไปในกระดอง ไม่ให้มารมาทำลายเราได้
ยอมอยู่ในกระดองอย่างนั้นแหละ จนกว่ามาร
มันจะผ่านพ้นไป”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ









"ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจ
แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแค่ไหน
ทำความดีเสียขณะนี้ ตายแล้วก็จะไปดีเอง"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ









โยมถาม : หลวงปู่พระวัดบ้านกับพระวัดป่าต่างกันเนาะครับ เห็นยุบ้านผมบวชจนเฒ่าแล้วยังมาหาเล่นบั้งไฟยุเลย

หลวงปู่ศิลา : บวชหลายพรรษาบ่ปฏิบัติบวชเล่นๆๆ สิได้อิยัง
... คือจั่งหลวงปู่คำผา วัดวัดป่าคำนกถัว สกลนคร บรรลุธรรมแต่พรรษา 3 เห็นบ่เพิลมั่นเพียรภาวนา บวชเล่นๆๆสิได้ยังบวชจนตายกะบ่ได้ยัง

โยมถาม : แล้วเฮาสิรู้ได้จั่งได๋ครับว่าพระองค์ได๋บรรลุบ่บรรลุธรรม

หลวงปู่ศิลา : สันทิฏฐิโก ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ผู้ใดปฏิบัติ ผู้ใดบรรลุ ผู้นั้นย่อมเห็นประจักษ์ด้วยตนเอง นั้นพ่อแม่สอนมาแบบนั้น มีพ่อแม่มีไผคุยโอ้อวดบ่ว่าจะของบรรลุ บ่มีดอก แต่คนทั้งหลายพึ่งทราบได้ทั่วกันว่าท่านบรรลุด้วยการที่ปฏิบัติจริงเฮ็ดจริง

พระธรรมโอวาท หลวงปู่ศิลา จิตตสุโภ
วัดถ้ำพระนอน เทือกเขาดงมูล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์










“..รักใคร่สามัคคีกัน
อย่าอิจฉาริษยากัน อย่า
ใส่ร้ายป้ายสีกัน ยุยงให้
เกิดความแตกแยก ถ้า
ใครที่รู้ตัวว่าเป็นอย่างนั้น
ให้เปลี่ยนตัวเองน่ะ

เพราะผู้ที่ทำอย่างนี้
หนีไม่พ้นที่จะได้อยู่
ในที่มีภัยสงคราม ถูก
กับระเบิด ถูกปืนที่เขายิง
ระเบิดทึ่เขาทิ้ง จะเจ็บ
ปวดทรมานอย่างแสนสาหัส

จะเป็นคนที่ทนทุกข์
ทรมาน น่าเวทนาที่สุด
นี่แหละผลของกรรม
มันส่งให้เจ้าของผู้กระทำ
รับไปแต่ผู้เดียว อย่าพา
กันคิดกันทำน่ะลูกหลาน
อย่าพากันสร้างเหตุ
ที่จะพาเราไปตกต่ำ..”

โอวาทธรรม
หลวงปู่ปรีดา (ทุย) ฉันทกโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร