วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 19:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ผม..ส่วนใหญ่..จะมาทางฝัน..

ตั้งแต่พยายาม..จะละสังโยชน์3 โน้น...เขาจะบอกเป็นสัญญลักษณ์..มาเป็นระยะๆ..เราจะรู้สึกได้ว่า..แต่ละสัญญาลักษณ์..นั้นหมายถึงอาไร..

เมื่อต้นปี...พวกหมอดูทั้งหลายก็ว่าราศีผมจะถูกราหูอม..รึไรนี้แหละ...คนใกล้ชิดเลยเอามาทัก...ไอ้เราก็กำลังเครียดกับการงานอยู่พอดี...มันก็มีโมโหนะซี...

" ราหูจะอมหัวผมรึ...ผมก็จะกินหัวราหูคืนนะ ..ราหูเป็นใคร..คืนนี้มาบอกด้วย..ถ้าแน่จริง "

เวลาโมโหนี้..มดก็หน้ามืดได้ พญาช้างใหญ่โตมาจากไหน..มันก็ไม่กลัวได้นะ . :b32: :b32:

มา..จริงๆ..555..

เข้าไปดูใกล้ๆ ..ตัวใหญ่..เข้ม..แบบชายไทยโบราณ .
เจอแล้ว..จะรออะไร ก็ขอ ซี..ขอ.." ไหน...ทำไมไม่ช่วยเหลือกันบ้างเลย "

555 มนุษย์....แทนที่จะขอดีดี..มีแดกดันเข้าไปด้วย..

ท่านก็พูดแบบไม่มองหน้า..ว่า.." ช่วย ไม่ใช่หน้าที่เรา ..คนที่จะช่วยคุณ..มีอยู่แล้ว " แล้วก็ชี้ไปทางซ้าย..ไกลๆ...

ผมไม่มองตาม...แต่ก็รู้ได้ว่า .ใครคือคนที่จะช่วยผม ..

คือ..พระพุทธเจ้า..ย่ากวนอิม..บรรดาท่านๆที่อยู่พระนิพพาน...นั้นแหละ

แต่..ตื่นขึ้นมา..ก็ไปขอพระราหูโพธิสัตว์..อยู่ดี .

:b13: :b13: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 10 พ.ย. 2018, 19:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 19:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


กลับมาที่ เด จา วู..

เป็นบ่อย..ตอนเด็กๆ .ทำให้ไปค้นคว้าหาตำราดูว่าใครเข้าศึกษาว่าเกิดจากอะไร....ก็คล้ายๆที่คุณแค่อากาศว่า..นั้นแหละ .คือ...การที่สมองจำแต่เฉพาะโครงร่างคร่าวๆ...พอไปเจอเหตุการณ์ที่โครงร่างคล้ายกัน .สมองก็จะตีคว่มหมายว่า..เคยพบเคยเจอมาแล้ว...

อันนี้..พวกนักจิตวิทยา..เขาว่า..

เด็กๆ..เราก็เชื่อ..เพราะเป็นเหตุเป็นผลดี...

แต่....

อิอิ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 19:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
มันก็เลยเป็นข้อดีให้พวกเรามีเรื่องได้มาสนทนากัน 555 มันก็ดีนะ..ผมว่าดีกว่าไปไล่แหย่กัน 555

ที่สำคัญมันสนุกตรงที่ไม่มีใครรู้ไปกับเรานอกจากคนที่เหมือนกัน เราก็พูดคุยกันสนุกในกลุ่มเเลยทีนี้ อิอิ

แค่อากาศ เขียน:
ผมเพิ่งนึกได้..เหมือนจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในเวบนี้ ผมตรงงอปลายยาวประบ่า เสื้อเชิ๊ตคอกลมสีขาว หรือเสื้อคอกระเช้าสีขาว กระโปรงนี่แหละไม่แน่ใจ หุ่นบางพอดี ไม่อ้วน ไม่อวบ จะดำเนินเรื่องราวสักอย่างกับผม ไม่แน่ใจว่า..มาหาเรื่องทะเลาะผม หรือจะคุยธรรมกันรู้เรื่องเป็นไปในแนวเดียวกันเข้าใจกันแบ่งปันสิ่งดีๆให้กัน เพราะผมจำไม่ได้แระ 555 คือพยายามไม่ใส่ใจมันเพราะคิดว่าตนเองไม่ถึงที่จะรู้เห็นอย่างนั้น ขนาดพระอริยะสงฆ์แต่ละระดับก็เห็นจริงเท็จต่างกัน ผมแค่คนหน้าตาดีไม่มีธรรม ไม่มีญาณ ไม่ถึงฌาณ เลยคิดว่าที่รู้เห็นก็คงไม่จริงหรือนึกคิดปรุงแต่งไปเอง เลยไม่ใส่ใจลืมๆมันไปแระ

:b32: :b32: :b32:

จริง ๆ ลานแห่งนี้ น่าอยู่นะ
แต่เอกอนก็สังเกตเห็นว่าคนเข้ามาสนทนาธรรมกันค่อนข้างน้อย
จะด้วยเหตุผลอะไร ก็ต่างคนต่างความคิด ก็คงจะด้วยเหตุผลมากมาย

ที่คุยกันโดยมากมักจะเป็นเรื่องที่ ออกจะวิชาการ
บางทีก็จะลึกในทางปฏิบัติมาก เป็นธรรมม๊ากมาก
จนบางครั้งคนก็ค่อนข้างที่จะมาตามดู แต่ก็คงไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นมากนัก
เพราะเกรงว่า จะโชว์เปิ่น หรือโชว์ความผิดพลาด และก็อาจจะเกรงนักปาด :b32:

เอกอนก็มีกลัวเช่นกัน และเอกอนก็ยังมีการแสดงความผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ นะ
เพียงแต่ไม่ค่อยถูกเอาความ ... :b32:

ซึ่งคนโดยมากก็คงจะกลัวเช่นกัน เพราะผู้ปฏิบัติธรรมก็มักจะเป็นผู้ที่กำลังก้าวเดิน

เอกอนก็ชอบที่จะเปิดแง่มุมการสนทนาให้มันมีผ่อนคลายบ้าง
เพราะจริง ๆ ผู้ปฏิบัติทุกคนล้วน ได้พบอะไรบางอย่างในการปฏิบัตินั่นล่ะ
จะไปพูดคุยกับเพื่อนที่ทำงาน กับคนที่ไม่ได้ปฏิบัติ เขาก็ไม่รู้เรื่องไปกับเราด้วย

ซึ่งสังคมในลานสนทนาธรรม ก็เป็นที่แห่งหนึ่งที่บางครั้งผู้ปฏิบัติจะได้มีโอกาสได้พูดคุย
กับคนที่เขาพอจะเข้าใจกันได้น่ะ :b1:

ให้ได้มีพื้นที่ที่ กล่าวถูกก็ได้รับการชื่นชมให้กำลังใจ
ผิดก็ได้รับการปรับทัศนะและให้กำลังใจ ... มันก็ทำให้การปฏิบัตินั้น
ในช่วงที่ยังไม่ถึงจุดหมาย อย่างน้อยเราก็ยังมีมิตรสหายร่วมทาง ช่วยกันประคับประคอง

ลานแห่งนี้ การมีหลาย ๆ บรรยากาศ น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้สำนักธรรมแห่งนี้ร่มเย็นน่าอยู่
และคงจะน่าที่จะมีผู้มีความรู้เข้ามาเยี่ยมเยียน ...

.... :b41: :b41:

จริง ๆ ในอดีตมีคนที่คอยมาสร้างสีสรรให้กับลานมากมาย

คนที่เอกอนนึกถึงอยู่เสมอ ๆ ก็ ท่านมู murano เพราะในลานแห่งนี้
ท่านมูจะมีความเด่นในเรื่องแนว sifi :b32:

ท่านเช่นนั้นก็โผล่มาบ้าง แต่หลัง ๆ ค่อนข้างเงียบ ๆ ไม่ค่อยสนทนาสักเท่าไร

ท่าน บุดดา ... จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ :b32: :b32: :b32:

อีกหลาย ๆ ท่าน ... ซึ่งท่านเหล่านี้ในวันเก่า ๆ มักจะเข้ามาโชว์ลีลาให้เอกอนได้อมยิ้มบ่อย ๆ

ซึ่งเอกอนก็ส่วนใหญ่จะได้เข้ามาติดตามความเคลื่อนไหว ดูลีลาไหวพริบของแต่ละท่านแล้ว :b16:
และก็อดที่จะเข้าไปร่วมวงแซว ๆ แหย่ ๆ พวกท่านไม่ได้

ลานแห่งนี้ช่วงนั้น มีหลายรสชาด มีทั้งสาระ และไร้สาระ :b32:
สาระน่ะคนอื่น ส่วนเอกอนจะไร้สาระเสียโดยมาก :b9:

...

แต่ช่วงนี้เอกอนคิดถึง Bwitch
ไม่รู้ทำไม คิดถึงมาหลายวันแล้ว ...

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 10 พ.ย. 2018, 19:51, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผม..ส่วนใหญ่..จะมาทางฝัน..

ตั้งแต่พยายาม..จะละสังโยชน์3 โน้น...เขาจะบอกเป็นสัญญลักษณ์..มาเป็นระยะๆ..เราจะรู้สึกได้ว่า..แต่ละสัญญาลักษณ์..นั้นหมายถึงอาไร..

เมื่อต้นปี...พวกหมอดูทั้งหลายก็ว่าราศีผมจะถูกราหูอม..รึไรนี้แหละ...คนใกล้ชิดเลยเอามาทัก...ไอ้เราก็กำลังเครียดกับการงานอยู่พอดี...มันก็มีโมโหนะซี...

" ราหูจะอมหัวผมรึ...ผมก็จะกินหัวราหูคืนนะ ..ราหูเป็นใคร..คืนนี้มาบอกด้วย..ถ้าแน่จริง "



s007 s007 s007

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 19:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


เอกอน..นี้..แปลกปะหลาดจริง...เหมือนแม่ผมอยู่อย่าง..ซึ่งผมทำอย่างไม่ได้..

นับถือ..นับถือ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 20:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนไทยนี้...แปลกมากนะครับ...ยังกับว่า..เป็นชนชาติแห่งพระพุทธศาสนา..เป็นพื้นที่สุดท้ายก่อนจะหลุดออกจากโลก...

คนไทย..นี้..ไม่ใช่ประเทศไทย..นะครับ...แต่คือชนชาติที่มีบ้านช่องหลังคาแหล่มๆ..สะโอดสะองค์..มีชดาแหลมเปียบ..

พระพุทธศาสนาไปเจริญที่ไหน..แสดงว่ามีคนไทยอยู่ที่นั้น..ครับ

:b9: :b9: :b9:

คือ ...
มันไปลงแก๊บกันได้ยังไงก็ไม่รู้นะ :b32: :b32: :b32:

ตอนที่เอกอนเล่าว่า สัญลักษณ์ทางธรรมแตกต่างกันไปน่ะ :b32:
เอกอนก็ไม่อยากจะเล่าต่อว่ามีสัญลักษณ์ประมาณไหนบ้าง
เพราะพูดไปคนอ่านตามอาจจะรับได้ยาก อย่างเช่น รูปสามเหลี่ยมแบบง่าย ๆ

:b32: ซึ่งมันจะเป็นไปได้ยังไง :b32:

ก็ให้ลองนึกว่าทุกอย่างมันล่มหลายหายไป จมดิน

และเมื่ออยู่ ๆ จะถูกค้นพบ มันก็ค่อย ๆ พบจากสิ่งที่มันปรากฎเหนือผิวดินเป็นอันดับแรก ๆ

อะไรที่โผล่ขึ้นมาก่อน เขาก็รีบคว้าไปว่านั่นคือ สัญลักษณ์ของหลักธรรมโบราณที่หายไป
เมื่อขุดลงไปก็พบสัญลักษณ์ขึ้นเรื่อย ๆ
ขุดกันลงไปจนกระทั่งถึงลูกนิมิตน่ะ ... :b1:

:b32:

การค้นพบในทุกสถานที่ จบลงที่ การขุดไปเจอลูกนิมิต

วัตถุถูกขุดค้นขึ้นมาจดหมดทุกซอก ทุกอณู

แต่ จิตใจของผู้คนยังไม่ถูกเติมเต็มด้วย สัจจะธรรม

...

การโหยหาการค้นพบ สัจจะธรรม ยังคงเกาะกินผู้ค้นหาต่อไป

...

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2018, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอกอน..นี้..แปลกปะหลาดจริง...เหมือนแม่ผมอยู่อย่าง..ซึ่งผมทำอย่างไม่ได้..

นับถือ..นับถือ..


ตรงที่ว่า เอกอนชอบเมากัญชาใช่ป่าว

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2018, 12:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุกับท่านทั้งสองครับ ท่านทั้ง 2 มีความคิดในมุมมองที่เวลาผมคุยด้วยก็รู้สึกดีตามครับ

ทำให้ผมกล้าคุยสตนทนาด้วย และกล้าคุยในหลายกระทู้ โดยมากผมจะอนุโมทนาท่านที่นำคำสอนหรือพระำไตรมาเผยแพร่ เพราะผมไม่ถึงจะพูดอะไรก็ลำบาก พอจะแสดงความเห็นก็คงยากจดจำเขามาไม่หมด 555
บางทีส่วนที่เราเข้าถึงกักอีกฝ่ายที่เขาเข้าถึงในแบบของเขามันต่างกัน แม้ทางเดียวกันก็เลยเกิดถกเถียงกันไป อีกประการคือพยายามอวด พยายามให้คนอื่นตามตนเลยเกิดขัดแย้ง

แต่การคุยในกระทู้นี้ของเราดีนะครับมีแต่ความเอ็นดูรู้สึกดีครับ
+ Kiss Kiss Kiss

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2018, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เอกอน..นี้..แปลกปะหลาดจริง...เหมือนแม่ผมอยู่อย่าง..ซึ่งผมทำอย่างไม่ได้..

นับถือ..นับถือ..


ตรงที่ว่า เอกอนชอบเมากัญชาใช่ป่าว

:b32: :b32: :b32:


คิก..คิก..คิก.. :b32: :b32: :b32:

ผมยังเคยเอาคำเอกอน ..เรื่องการ touching ..ไปเล่าให้แม่ฟัง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2018, 13:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
ขออนุโมทนาสาธุกับท่านทั้งสองครับ ท่านทั้ง 2 มีความคิดในมุมมองที่เวลาผมคุยด้วยก็รู้สึกดีตามครับ

ทำให้ผมกล้าคุยสตนทนาด้วย และกล้าคุยในหลายกระทู้ โดยมากผมจะอนุโมทนาท่านที่นำคำสอนหรือพระำไตรมาเผยแพร่ เพราะผมไม่ถึงจะพูดอะไรก็ลำบาก พอจะแสดงความเห็นก็คงยากจดจำเขามาไม่หมด 555
บางทีส่วนที่เราเข้าถึงกักอีกฝ่ายที่เขาเข้าถึงในแบบของเขามันต่างกัน แม้ทางเดียวกันก็เลยเกิดถกเถียงกันไป อีกประการคือพยายามอวด พยายามให้คนอื่นตามตนเลยเกิดขัดแย้ง

แต่การคุยในกระทู้นี้ของเราดีนะครับมีแต่ความเอ็นดูรู้สึกดีครับ
+ Kiss Kiss Kiss


หลังๆมา..มันขี้เกียจ..ที่จะไปถกเถียง..มองมาที่ตัวเอง..มันก็ไม่ได้ดีอะไรหนักหนา..รู้สึกรำคาญตัวเองมากกว่า...กว่าจะไปรำคาญใคร...ตัวเรายังมีอะไรให้ปรับปรุง..เยอะ..ไม่มีกะใจจะไปปรับปรุงใคร.. :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2018, 15:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ขออนุโมทนาสาธุกับท่านทั้งสองครับ ท่านทั้ง 2 มีความคิดในมุมมองที่เวลาผมคุยด้วยก็รู้สึกดีตามครับ

ทำให้ผมกล้าคุยสตนทนาด้วย และกล้าคุยในหลายกระทู้ โดยมากผมจะอนุโมทนาท่านที่นำคำสอนหรือพระำไตรมาเผยแพร่ เพราะผมไม่ถึงจะพูดอะไรก็ลำบาก พอจะแสดงความเห็นก็คงยากจดจำเขามาไม่หมด 555
บางทีส่วนที่เราเข้าถึงกักอีกฝ่ายที่เขาเข้าถึงในแบบของเขามันต่างกัน แม้ทางเดียวกันก็เลยเกิดถกเถียงกันไป อีกประการคือพยายามอวด พยายามให้คนอื่นตามตนเลยเกิดขัดแย้ง

แต่การคุยในกระทู้นี้ของเราดีนะครับมีแต่ความเอ็นดูรู้สึกดีครับ
+ Kiss Kiss Kiss


หลังๆมา..มันขี้เกียจ..ที่จะไปถกเถียง..มองมาที่ตัวเอง..มันก็ไม่ได้ดีอะไรหนักหนา..รู้สึกรำคาญตัวเองมากกว่า...กว่าจะไปรำคาญใคร...ตัวเรายังมีอะไรให้ปรับปรุง..เยอะ..ไม่มีกะใจจะไปปรับปรุงใคร.. :b32: :b32: :b32:



สาธุครับ คิดตรงกันเลยครับ :b17: :b17: :b17:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2018, 16:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ขออนุโมทนาสาธุกับท่านทั้งสองครับ ท่านทั้ง 2 มีความคิดในมุมมองที่เวลาผมคุยด้วยก็รู้สึกดีตามครับ

ทำให้ผมกล้าคุยสตนทนาด้วย และกล้าคุยในหลายกระทู้ โดยมากผมจะอนุโมทนาท่านที่นำคำสอนหรือพระำไตรมาเผยแพร่ เพราะผมไม่ถึงจะพูดอะไรก็ลำบาก พอจะแสดงความเห็นก็คงยากจดจำเขามาไม่หมด 555
บางทีส่วนที่เราเข้าถึงกักอีกฝ่ายที่เขาเข้าถึงในแบบของเขามันต่างกัน แม้ทางเดียวกันก็เลยเกิดถกเถียงกันไป อีกประการคือพยายามอวด พยายามให้คนอื่นตามตนเลยเกิดขัดแย้ง

แต่การคุยในกระทู้นี้ของเราดีนะครับมีแต่ความเอ็นดูรู้สึกดีครับ
+ Kiss Kiss Kiss


หลังๆมา..มันขี้เกียจ..ที่จะไปถกเถียง..มองมาที่ตัวเอง..มันก็ไม่ได้ดีอะไรหนักหนา..รู้สึกรำคาญตัวเองมากกว่า...กว่าจะไปรำคาญใคร...ตัวเรายังมีอะไรให้ปรับปรุง..เยอะ..ไม่มีกะใจจะไปปรับปรุงใคร.. :b32: :b32: :b32:



สาธุครับ คิดตรงกันเลยครับ :b17: :b17: :b17:


:b12: ... เหมี๋ยนกาน... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2018, 23:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เอกอน..นี้..แปลกปะหลาดจริง...เหมือนแม่ผมอยู่อย่าง..ซึ่งผมทำอย่างไม่ได้..

นับถือ..นับถือ..


ตรงที่ว่า เอกอนชอบเมากัญชาใช่ป่าว

:b32: :b32: :b32:


คิก..คิก..คิก.. :b32: :b32: :b32:

ผมยังเคยเอาคำเอกอน ..เรื่องการ touching ..ไปเล่าให้แม่ฟัง...

แล้วแม่ว่าไงล่ะ
สงสัยแม่คงจะบอกว่า ท่าจะมีเล่นกาวด้วย :b32:

คือเอกอนเคยอ่านการสนทนาธรรมที่อื่น ๆ
บางคน เขาก็มีเล่าว่าไปเห็นอดีตชาติของตัวเอง

บางคนก็เคยเห็นตัวเองเป็นสุนัขบ้าง แมวบ้าง เจ้าเมือง เจ้าหญิง แม่ค้าขนมจีน :b10: :b32:

เอกอนก็เคยเห็นนะ และเอกอนก็วางทิ้งเอาไว้อย่างนั้น
ยังไม่เคยกล้าเขาไปคุ้ยเขี่ย เพราะบางครั้งเราอาจจะยังไม่พร้อมและไม่เท่าทัน
พอเห็นทีไร และมันนออกจะหนักที่จะรับมือ ก็ฝังกลบไว้ก่อนเลย :b32:

เพราะ โลกธรรม จะสร้างสิ่งต่าง ๆ เพื่อล่อลวงเราให้อยู่กับ โลกธรรม

ถ้าสิ่งธรรมดาล่อลวงเราไม่ได้ มันก็จะสร้างนิมิตที่ :b5: :b5: :b5:

จนทุกวันนี้ ก็ยังฝังมันเอาไว้ :b32:
ส่วนใหญ่สิ่งที่เห็นมักจะฝังเอาไว้ :b32: เพราะยังไม่พร้อมจริง ๆ

อย่างกรณีน้องเม การเข้ามาของน้องเมทำให้สมาชิกลานปั่นป่วนพอสมควร :b1:
เอกอนมีความรู้สึกที่ดีกับน้องเมและกลุ่มของน้องเมนะ
เพราะเอกอนเคยเห็น กลุ่มนี้ในนิมิต
คือเห็นปุ๊บก็รู้สึกได้น่ะ
ซึ่งการแสดงที่หน้าลานอาจจะประหลาดอยู่มาก
แต่เอกอนไม่รู้สึกประหลาด เพราะสิ่งที่เห็นมันยากที่จะอธิบาย

และเอกอนก็อธิบายไม่ได้ด้วย "เดี๋ยวมันจะเสียเรื่อง"
ต้องปล่อยให้ทุกอย่างต้องดำเนินไป

ทุกวันนี้เทพบุตรเป็นมิจฉาฐิทิเยอะ
ส่วนคนคุกก็มีหันมาสนใจธรรมะเพราะพระอาจารย์นวลจันทร์

...เหมือนขั้วแม่เหล็กกำลังจะเตรียมพลิก...

คล้าย "หยินกับหยาง"

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2018, 03:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้..เพื่อนสนิทกำลังเป็น...

อาการ..จำเรื่องเก่าๆได้...อาการไปรู้อะไรของคนอื่นได้..

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2018, 14:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆถ้ามองอย่างเข้าใจในเหตุปัจจัยของแต่ละคนก็เข้าใจเขาได้นะครับคุณเอกอน 555...

เหมือนเรื่องน้องเมผมเจอบ่อย เรีนนมากจนอัตตาตัวหนังสือ แต่แทบจะไม่มีโอกาสให้เห็นสิ่งที่เรียนตามจริง เพราะรู้ด้วยสมมติความคิดทั้งหมด เมื่อเป็นดังนั้นก็เป็นปรกติที่จะหลงในหนังสือหลงความรู้ที่เรียน

..อุปมาเหมือนวิศวะกรสถาปัตยกรรมเรียนจบใหม่มีความรู้หลักการเพรียบพร้อม ได้วาดแปลนคำนวนโครงสร้างหนึ่งตามตำราเป๊ะๆ แต่ไม่เคยแม้แต่จะผะสงานที่ตนทำตามที่ออกแบบเรียนมา การดำเนินงานก็แค่คอยชี้สั่งช่างก่อสร้างให้ทำตามที่ตนรู้จากมหาลัยจากครู

..ซึ่งช่างก่อสร้างนั้นมีประสบการณ์สูงเคยทำงานมาเยอะมีประสบการณ์จากการลงมือทำจริงด้วยตนเอง เคยก่อสร้าง เคยตกแต่งงานมาหลายแบบหลายอย่าง หลายที่ เคยผิดพลาด เคยแก้ไขงานจนรู้หลักโครงสร้างในง่นทุกอย่าง ทั้งการรับน้ำหนักของเสาและคานในแบบต่างๆ รู้จุดที่ต้องยึดเป็นหลักในการทำโครงสร้างอาคารให้แข็งแรง รู้จุดที่ต้องใช้ขนาดเหล็กเพื่อรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร รู้ขนาดของคานที่ควรสร้างเพื่อรับน้ำหนักของอาคารแต่ละขนาด รู้จุดที่ต้องเชื่อมต่อแบ่งรับน้ำหนักความสูงและน้ำหนักที่เหล็กรับได้ เป็นต้น
..แต่ช่างนั้นคำนวนเหมือนวิศวะกรไม่ได้ พูดใช้ภาษาหลักการไม่ได้ พูดทับศัพท์ไม่ได้เท่านั้นเอง ทำให้ช่างก่อสร้างรู้ตัวว่าตนมีความรู้น้อย ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ เป็นคนเปิดใจกว้างจะรับรู้ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์แก่ตนและงาน ศึกษาในส่วนสำคัญๆที่ใช้ในงานเพิ่มเติมอยู่เสมอๆ

..ส่วนวิศวะนั้นถือว่าตนเรียนมาเยอะจบสูงมีใบประกาศทีครูดีมีชื่อเสียงหน้ามีตาโด่งดัง จึงทะนงตน หลงตน ถือตนไม่ยอมฟังใคร ทุกอย่างต้องเป็นในแบบตนเท่านั้นจึงจะถูก นอกนั้นผิดหมด ยิ่งอยู่กับช่างที่ไม่มีวุฒิการศึกษา จบ ป.๔ บ้าง, จบ ปวส.บ้าง ยิ่งหลงว่าตนสูงกว่าเขาไปใหญ่จนลืมนึกไปว่า ที่ช่างเหล่านั้นที่ยังทำงานได้อยู่ ก็เพราะมีประสบการณ์เยอะรู้เนื้องานและวิธีทำงาน วิธีแก้ไขงาน

วันหนึ่งบริษัทที่วิศวะกรนั้นรับงานอยู่ มีโปรเจคงานให้สร้างอาคารออกแบบตกแต่ง วิศวะกรนั้นก็อยากทำให้สวยหรูโชว์ศักยภาพตน จึงอแกแบบโครงสร้างอาคารมางดงามโดยคำนวนทุกอย่างตามแบบที่เรียนมาจากครู แบบที่สร้างมานั้นอลังการมาก ได้รับการยอมรับจากหลายฝ่ายที่ตรวจสอบ

แต่เมื่อแบบที่วศวะกรนั้นเขียนมาแล้วสั่งให้ทำช่างก่อสร้างทำ.. ช่างก่อสร้างดูแล้วพบว่าทั้งขนาดเหล็กและรูปทรงมันไม่สมกันมันรับกันไม่ได้โครงสร้างออกแบบมามีน้ำหนักลงเสามากไปขนาดของเหล็กและคานที่หล่อเล็กไปไม่แข็งแรงพอ รับน้ำหนักโครงสร้างไม่ได้ จำนวนเสาที่ค้ำจุนน้ำหนักก็น้อยไป รูปแบบโครงสร้างก็ไม่รับกับจุดกระจายน้ำหนักอาคาร

..เมื่อช่างบอกต่อวิศวะกร ..แล้ววิศวะกรก็โกรธแค้นร้อนว่าตนรู้จริงตนจบสูงคำนวนมาถูกต้องตามกฏของโครงสร้างน้ำหนัก(โดยไม่ยั้งคิดว่าช่างเขาเป็นคนเปิดกว้างใฝ่ศึกษาเรียนรู้ มีประสบการณ์จริง และศึกษาเรียนรู้มาบ้างเหมือนกัน) แล้ววิศวะกรก็ด่าตอกกลับช่างว่า..เอ็งจบแค่ ปวส.บ้าง. จบแค่ ป.๔ บ้าง พวกโง่บ้าง พวกกรรมกรไม่มีความรู้บ้าง เป็นแค่กรรมกรจะมารู้ดีกว่าคนจบสูงเป็นวิศวะกรได้อย่างไร จนเมื่ออาคารนั้นได้ก่อสร้างขึ้นโครงไปได้ไม่นานก็พังคลืนลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่วิศกรก็ไม่ฟังคำของช่าง ไม่ยอมต่อเติมเพิ่มเติมในส่วนที่ต้องรับและกระจายน้ำหนักรากฐานโครวสร้างของอาคาร ก็ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปอีก คนงานที่ก่อสร้างก็ตายขณะดำเนินงาน ช่างก็ที่รู้ว่าไปไม่รอดแล้วแม้เตือนแล้วแต่วิศวะกรก็ไม่ฟัง จึงลาออกจากงาน แล้วกคนงานก็ค่อยๆหนีหายไปเรื่อยๆ บริษัทที่รับงานก็ขาดทุน เกิดผลร้ายอื่นๆตามมา


..เปรียบน้องเมเป็นวิศวะกร ผู้รู้ที่ได้เห็นจริงที่น้องเมอวดข่มตำราก็เป็นเหมือนช่างก่อสร้างนั้น

..เมื่อเห็นดังนี้ก็ไม่มีอะไรให้ติดข้องใจน้องเมอีก ที่เห็นก็เพียงอัตตา มานะ อุปกิเลสนิวรณ์เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นปรกติของคนที่ท่องจำมามากรู้อะไรโดยความคิดสมมติไปก็ว่าจริง เหมือนวิศวะกรที่เรียนมาสูงเรียนมากแต่ไม่เคยทำก็หลงมาก คือ หลงความคิดตนเองไม่เคยเห็นของจริง หรือแม้แต่นักปฏิบัติธรรมที่ได้สัมผัสอะไรมามากจนหลงสิ่งที่ตนรู้เพราะมันเห็นแต่มันไม่ลงใจนั่นเอง ก็เป็นแบบน้องเม


..ผมมีโอกาสได้เจอพระอริยะหลายๆระดับ เช่น
- พระโสดาบัน ท่านไม่ถือตัวนะ ไม่หมกมุ่นธรรมด้วย แต่จิตท่านมันเจริญเองอยู่ทุกเมื่อ ท่านไม่เห็นตนเองต่างจากปุถุชนทั่วไปเลย ที่มีต่างก็คือศีลของตนสูงกว่าเขาแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง
- พระอริยะที่ระดับสูงขึ้น ท่านก็ไม่ยึดอะไรแม้ความเป็นตัวตนถือตนยังมีอยู่ แต่มีความอ่อนน้อมเอื้อเฟื้อใจดีมาก ไม่เป็นผู้มักโลภ มักโกรธ มักหลง มีอะไรก็ปล่อยผ่านไป
- ส่วนพระอรหันต์นี้ ท่านยิ่งสุดๆเลย ไม่ถืออะไร ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น มีแต่ความเมตตากรุณาสงสารต่อสัตว์ไม่หลงตน ไม่โม้ว่าบรรลุธรรม ไม่เพ้อหลงธรรมอะไรก็ดีหมดถ้าน้อมเข้าธรรมเครื่องกุศลอันเป็นบุญบารมีใ้แก่ขันธ์ของสัตว์ที่ทำและนำพาไปสู่มรรคผลได้ เว้นแต่จำเป็นเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาแบบหลวงตามหาบัว เป็นต้น ท่านมีความจำเป็นที่ต้องประกาศ
1. เพื่อให้คนได้ทำบุญทำทานสะสมบารมีแก่ขันธ์ของตน
2. เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนมาน้อมศึกษาธรรมปฏิบัติ


..เหมือนสมัยพุทธกาลมีพระที่ท่องจำตำราอภิรรม พระไตรได้เจนจบครบหมดแต่ปฏิบัติยังไม่ถึงธรรม แล้วมีความถือตัวสูง มีมานะมาก ว่าตนรู้พระไตรทั้งหมด ไม่ให้ความเคารพใครหน้าไหน ยึดหลงว่าตนสุดยอด ชอบคนสรรเสริญเยินยอ พอใจในลาภสักการะที่ได้รับจากการสาธยายธรรมในพระไตรปิฎกที่ตนท่องจำมา พระพุทธเจ้าทรงตรวจเห็น จึงทรงรับสั่งให้ไปอยู่กับพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ก็ไปทำอกุษลต่อพระเถระเพื่อสักการะตนอีกที่สุดก็จบลงด้วยเหตุชั่วนั้นสนองคืนตน

พระใบลานเปล่านี้มีมากในสมัยพุทธกาล ก็เจอหนักๆให้ละอายไปหลายคน ส่วรคนที่ถึฃแล้วท่านไม่ดูถูกปัญญาแม้น้แยนิด ไม่ดูถูกแม้คนที่ได้แต่ท่องจำธรรม แต่จะมองเพียงรู้มากคิดเยอะจบไม่เป็น แต่หากน้อมลงปฏิบัติถึงธรรมได้จะดีมาก เมื่อตัวตนไม่มีไม่เหลือความเป็นตัวตนแม้ธรรมที่ท่องจำมา มีเพียงทางที่ไปถึง เกื้อกูลโลกและพระพุทธศาสนาได้ จะเป็นกำลังให้พระพุทธศาสนาได้ แต่หากท่านดูแล้วมานะทอฏฐิฝังลึกจนเป็นสันดารล้าฃไม่ได้ ท่านก็เห็นว่าบ้าธรรมยังดีกว่าข้าอย่างอื่นที่เป็นกรรมชั่ว


..ผมก็มองน้องเมแบบนี้ จะพูดก็ได้เพียง เก่งธรรมเยาะ รู้ธรรมเยอะนะ แต่ไม่รู้ตัวเองเลย

..คนรู้ธรรมกับคนถึงธรรมมันต่างกันอย่างนี้เอง ความเห็น ความคิด การพูดจา การกระทำ ความระลึกได้มันต่างกันมากโขเลยนะ อิอิ
..คนที่ถึงธรรมสัมผัสธรรมได้น่ะ ที่ผมเคยพบเจอนะ เวลาท่านพบเจออะไรก็เอาจะลงธรรมหมดแต่ไม่หมกมุ่นในธรรม สบายๆ มีใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน มีเจตนาละเว้นจากความเบียดเบียน ปล่อยวางง่าย ไม่ติดใจข้องแวะสิ่งใด ทำให้ไม่มีความคิดชั่ว ระลึกชั่วไม่ออก ก็เลยพูดแต่วจีถ้อยคำที่ดี ทำก็ดีตามไป จิตใจก็แจ่มใสเบาสบาย ไม่ตรึงเครียด


- ทุกข์มีไว้ให้กำหนดรู้ ไม่ได้มีไว้ให้เสพย์
- สมุทัยเป็นสิ่งที่ควรละ ไม่ได้เป็นสิ่งที่เอาไว้ให้ยึดกอดเอามาเป็นเครื่องอยู่ของจิต
- นิโรธเป็นสิ่งที่ควรทำให้เข้าถึง ไม่ได้เป็นที่เอาไว้ให้เพ้อฝัน
- มรรคมีไว้ให้ทำ ไม่ได้มีไว้ให้ท่องจำ


..แม้ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนที่ดี หรือสูงกว่าน้องเมหรือใครๆ มีเวทนา รัก โลภ โกรธ หลงเสมอกัน ที่สำคัญคือมีหูซ้ายข้างหนึ่งเหมือนกัน 555 ผมเองก็มีคนที่เกลียดชังผมบ้าง ให้เกียรติบ้าง สนิทบ้าง มีความเห็นตรงกันบ้าง ขัดกันบ้าง เคารพกันบ้าง ตบหัวแล้วลูบหลังกันบ้าง

..ถ้ามองในมุมกลับกันถ้าน้องเมเขามองเราแบบนี้เหมือนกันล่ะ แล้วน้องเมเขาจึงพยายามจะแนะนำเราล่ะ แต่เพียงแค่จิตใจเขายังกุศลไม่ดีพอ ทำให้การคิด การพูด การพิมพ์ข้อความจึงดูไม่เหมาะสมตามจิตใจไปไปด้วยก็ได้ แต่ลึกๆจิตใจเขาอาจจะดีก็ได้ หรือเขาออาจจะพูดคุยสนิทเฮฮาแบบเพื่อฝูงคนสนิทคุยกันก็ได้

..ดังนั้นผมจะไปด่าใครก็ลำบาก ผมไม่ถึงธรรมไม่รู้ธรรมจะไปด่าบอกใครว่าผิด-ถูก ก็กระดากใจตน ทำได้แค่พูดในสิ่งที่ตนสัมผัสรู้เห็นได้บ้างนิดหน่อย อ้างคำพ่อแม่ครูบาอสจารบ์บ้างอ้างพระไตรบ้าง เอามาแนะนำก็จบแระ ถือว่าเอื้อเฟื้อกันแล้ว การแก้ความชั่วในตนมันเป็นเรื่องของเขามี่ต้องคิด การละกิเลสในตนมันเป็นเรื่องของเขาที่ต้องทำ มันเป็นทุกข์ของเขาไม่ใช่ของเรา

ส่วนตัวเราก็ต้องหลบหลีกให้มาก 5555 คนมือถือสากปากถือศีลมีเยอะในโลกนี้ และหนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นเรารวมอยู่ด้วย ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมสำรวมระวังตนดีกว่า อิอิ


อย่างไรผมก็ขออภัยท่านเอกอน และท่านกบ พร้อมทั้งผู้รู้ทุกท่านด้วยครับ..หากผมพูดกล่าวไม่เหมาะควร
..ผมมีความรู้และปัญญาน้อยนิด ไม่รู้ธรรม ไม่ถึงธรรม ก็ได้แต่เพ้อไปเรื่อยโปรดอย่าถือสาครับ
..สิ่งใดไม่สมควรน่าติเตียนก็ขอทุกท่านโปรดอดโทษให้แก่ผมด้วยครับ(อันนี้ก็เพ้อยาวไปเลยกระทู้นี้ อุปมา อุปไมย ยกตัวอย่างให้นึกภาพออกมากไป แต่สงสััยจะกลายเป็นทำให้งงมากกว่ามั้งครับ 555) ยังไงก็อดโทษให้แก่ผมด้วยนะครับ จะสำรวมระวังในคราวต่อไปครับ

:b12: :b12: :b12: :b8: :b8: :b8: :b9: :b9: :b9:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 14 พ.ย. 2018, 14:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร