วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 07:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
รู้ไหมคะว่าเริ่มดีจริงๆได้เมื่อเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
เข้าใจจิตที่กำลังเป็นไปตรงตามที่กำลังได้ยินค่ะ
สัจจะไม่มีการปรุงแต่งเกิดแล้วตามเหตุปัจจัย
โลกตามคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น
เป็นจิตแต่ละ1ดวงท่องเที่ยวดวงเดียว
ตั้งแต่เกิดจนตายไม่มีสัตว์บุคคล
ไม่มีตัวตนมีแต่จิตทีละ1ดวง
ตรงทีละ1ทางที่กำลังมี
เกิดแล้วดับทันทีโดย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย
มีคิดดีบ้างไม่ดีบ้างเอาไปได้แค่คิดถูก(คิดดี)หรือคิดผิด(คิดชั่ว)
เพราะยึดมั่นในสิ่งที่มีว่ามีตัวตนไปทำขึ้นแยกออกไปจากปกติ
แต่ปกติของตัวจริงธัมมะคือกำลังมีครบแล้วกำลังเกิดดับด้วยฟังเพื่อเพิ่มปัญญาก่อนตาย
ใครจะไปทำอะไรก็ตามโดยขาดการคิดไตร่ตรองตามคำสอนคือเป็นบ้าคือมีวิลาสต่างๆกันไปทำไม่ฟัง
ลืมว่าอยากเกิดเพื่อมาฟังคำสอนคุณค่าของคำสอนคือการเข้าใจตรง1สัจจะที่กายใจมีตรงตามคำสอนได้
:b12:
:b12: :b12:

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธัมมะไว้ละเอียดอย่างยิ่ง
ว่าเกิดดับตรงปัจจุบันขณะถึงแสนโกฏิขณะ
เป็นการตรัสรู้ด้วยทศพลญาณ1เดียว
ไม่ว่าจะกาลไหนที่มีพระพุทธเจ้า
กาลนั้นมีได้เพียง1พระองค์
ที่ทรงรู้ความจริงทั้งหมด
และเปล่งคำต่างๆให้
เข้าใจตรงเสียง
รู้ความหมาย
ตรงสัจจะ
ทันที
ดับเห็นผิดรู้ทันทีไม่มีการปรุงแต่งความคิดมีแต่ปรุงแต่งเข้าใจตรงสัจจะตามเสียงได้
เพราะเป็นอุชุปะติปัตติ=อุชุปฏิบัติ=สัมมาทิฏฐิ=คิดเห็นถูกตาม...คิดตามได้ตรงเท่านั้น
คือรู้ตรงสัจจะตรง1จริงตรง1ทางตรง1ธาตุตรงที่กายใจตัวเองกำลังมีเดี๋ยวนี้คืออริยสัจจะธัมมะ
:b16:
:b11: :b11:


สาธุๆๆๆ

ถูกต้องที่สุดเรยค่ะ คุณยายโรส

ผู้มีรู้อันเลิศ มีปฎิบัติอันเลิศ แบบเม ย่อมเห็น ชัดแจ้ง ว่า

ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคต ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น

tongue

อ่านแล้วไม่รู้หรือคะว่ายังโง่อยู่
ดับแสนล้านดวงจิตเดี๋ยวนี้รู้อะไรคะ
555ฟังก็ไม่เคยฟังให้เข้าใจตามความหมายตรงคำ
สัจจะไม่มีการคิดนึกแต่ที่คิดอยู่ว่าตัวรู้เลิศแปลว่าไม่มีปัญญา
คนที่กำลังฟังแล้วเข้าใจตรงสัจจะที่กำลังปรากฏเท่านั้นคือผู้รู้ตรงสัจจะตามคำสอน
บอกมาได้ว่าตัวรู้เลิศรู้ไหมคะแสนล้านขณะที่ดับไปตะกี้เลือกตรงทางเห็นตัวอักษรคือเห็นผิดสะสมมิจฉาแล้ว
:b32: :b32: :b32:


สาธุๆๆๆๆ

ถูกต้องที่สุดเรย ค่ะ คุณยายโรส

เม แกล้งโง่แหละค่ะ
ที่มาอ่านของคุณยาย

กว่าคุณยายจะออกตัวหนังสือมาได้
ดับไป12โกฎแสนล้านดวง แล้ว ไม่รู้เหรอค๊ะ

เผื่อคุณยายจะได้ไม่บอดนานกว่านี้ บอดมาเจ็ดปีแระไม่พอเหรอคะ
เพราะไปฟัง ยู่ทู๊ป คนตาบอดนำทาง คนตาบอดน่ะ

อ่านสาระที่ตัวเองเขียนเจอปัญญาไหมคะ
หรือมาอ่านปัญญาคือความเข้าใจที่
คนอื่นเขียนอธิบายให้คิดได้จึงมา
บอกว่ารู้ๆๆๆๆนั่นน่ะไม่ใช่ปัญญา
เพราะปัญญารู้ว่าไม่รู้ไม่ใช่รู้
ไม่เจริญอบรมมาจากฟัง
ก็ไม่มีปัญญาเข้าใจ
อธิบายไม่ได้
ได้แต่โมเม
ว่ารู้เลิศ
:b32: :b32:


ถูกต้องที่สุดเรยค่ะ คุณยาย
ปัญญาเลิศของเม

คือ การไม่ได้อาศํยเจตสิกอันเป็นจิตสังขาร

แระก็ จับกล การเกิด ดับ แสนล้าน สำหรับโกหกหลอกลวงคนโง่ได้

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue อ่อ
ลืมบอกว่า เจ็ดปีก่อน เมไปสอนพิเศษคนตาบอด ที่นั้นด้วย

คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ผมว่าพูดผิดไม่เห็นเป็นไรทำความเข้าใจให้ถูกต่อไปก็ไม่พูดผิด

ดีกว่าไปชี้ผู้ถามว่าเค้ามีนิวรณ์สงสัย อันนั้นมันคนละสงสัยแล้วครับ

เราพูดกลับไปกลับมา ขัดแย้งกันเองอย่างนี้ใครฟังใครก็งง สงสัย

บ้างว่าตัวตนไม่มี มีแต่สิ่งที่เกิดดับแล้วเห็นผิดว่ามีตัวตน มีบุคคล

บ้างว่าตัวตนไม่รู้จักตัวตน ต้องอาศัยต้นตอที่ตัวตน ? ให้พระอรหันต์ฟังก็งง

:b12:
พระพุทธเจ้าแสดงเหตุผลตรงเหตุปัจจัยที่กำลังมีและมีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็กำลังเกิดดับ
ชี้ไม่ตรงจะรู้ไหมว่าผิดอย่างไรความคิดเห็นนั้นผิดแน่นอนเพราะสัจจะตรงทางคืออริยสัจจะ
ก็คิดให้มันตรงสิคะไปท่องปัญญาทศพลญาณทำไมก็ปัญญาตนเองมีได้ตรงทีละ1ทางก็คิดตรงๆสิ
คุณกำลังทำอะไรล้วนเป็นปัจจัยภายนอกแต่จิตเกิดดับสืบต่ออยู่ภายในดับแสนล้านครั้งจะนับยังไงคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดตรงความหมายของคำตรงๆเช่น
ไม่มีเรา=ไม่มีเรา....จริงๆตรงปัจจุบัน
น้อมมาที่ตัวดูก็เข้าใจได้นี่ว่ายังมีเราอยู่
เห็นเป็นเราเห็น=เห็นยังเป็นเราเห็นอยู่
ไม่คิดเกินความหมายหรือคิดแต่งต่อเติมเพิ่มเอง
ฟังเสียงเท่าที่มีกำลังปรากฏตรงความหมายของคำตรงๆที่คิดต่อเองผิดทันทีก็ต้องเข้าใจว่าเป็นอกุศลแล้ว
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 23:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ผมว่าพูดผิดไม่เห็นเป็นไรทำความเข้าใจให้ถูกต่อไปก็ไม่พูดผิด

ดีกว่าไปชี้ผู้ถามว่าเค้ามีนิวรณ์สงสัย อันนั้นมันคนละสงสัยแล้วครับ

เราพูดกลับไปกลับมา ขัดแย้งกันเองอย่างนี้ใครฟังใครก็งง สงสัย

บ้างว่าตัวตนไม่มี มีแต่สิ่งที่เกิดดับแล้วเห็นผิดว่ามีตัวตน มีบุคคล

บ้างว่าตัวตนไม่รู้จักตัวตน ต้องอาศัยต้นตอที่ตัวตน ? ให้พระอรหันต์ฟังก็งง

:b12:
พระพุทธเจ้าแสดงเหตุผลตรงเหตุปัจจัยที่กำลังมีและมีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็กำลังเกิดดับ
ชี้ไม่ตรงจะรู้ไหมว่าผิดอย่างไรความคิดเห็นนั้นผิดแน่นอนเพราะสัจจะตรงทางคืออริยสัจจะ
ก็คิดให้มันตรงสิคะไปท่องปัญญาทศพลญาณทำไมก็ปัญญาตนเองมีได้ตรงทีละ1ทางก็คิดตรงๆสิ
คุณกำลังทำอะไรล้วนเป็นปัจจัยภายนอกแต่จิตเกิดดับสืบต่ออยู่ภายในดับแสนล้านครั้งจะนับยังไงคะ
:b32: :b32:


คำของพระพุทธเจ้า ไม่ขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมา ให้ผู้ฟังถามแล้วกระอักกระอ่วนอธิบายข้อนั้นก็ไม่ได้

งามทั้งในเบื้องต้นคือ ศีล ที่คนเราควรรักษา เพื่อระงับยับยั้งกาย วาจา ใจ ไม่ไปทำบาปอกุศล
งามในท่ามกลางคือ สมาธิ ที่ต้องอบรมจิตให้บริสุทธิ์ให้ตั่งมั่นอ่อนควรแก่การงาน
งามในที่สุดคือ ปัญญา เห็นสภาพเนื้อแท้ของธรรมตามจริง ( ปรมัตถ์ ) แทงตลอดอริยสัจ ๔

ปัจฉิมโอวาท “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

......................................................................................

ไม่ใช่เกิดดับนับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวใช่ตน อย่างนั้นก็ช่างมันเลยละกันจะสนใจทำไม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 00:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ผมว่าพูดผิดไม่เห็นเป็นไรทำความเข้าใจให้ถูกต่อไปก็ไม่พูดผิด

ดีกว่าไปชี้ผู้ถามว่าเค้ามีนิวรณ์สงสัย อันนั้นมันคนละสงสัยแล้วครับ

เราพูดกลับไปกลับมา ขัดแย้งกันเองอย่างนี้ใครฟังใครก็งง สงสัย

บ้างว่าตัวตนไม่มี มีแต่สิ่งที่เกิดดับแล้วเห็นผิดว่ามีตัวตน มีบุคคล

บ้างว่าตัวตนไม่รู้จักตัวตน ต้องอาศัยต้นตอที่ตัวตน ? ให้พระอรหันต์ฟังก็งง

:b12:
พระพุทธเจ้าแสดงเหตุผลตรงเหตุปัจจัยที่กำลังมีและมีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็กำลังเกิดดับ
ชี้ไม่ตรงจะรู้ไหมว่าผิดอย่างไรความคิดเห็นนั้นผิดแน่นอนเพราะสัจจะตรงทางคืออริยสัจจะ
ก็คิดให้มันตรงสิคะไปท่องปัญญาทศพลญาณทำไมก็ปัญญาตนเองมีได้ตรงทีละ1ทางก็คิดตรงๆสิ
คุณกำลังทำอะไรล้วนเป็นปัจจัยภายนอกแต่จิตเกิดดับสืบต่ออยู่ภายในดับแสนล้านครั้งจะนับยังไงคะ
:b32: :b32:


คำของพระพุทธเจ้า ไม่ขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมา ให้ผู้ฟังถามแล้วกระอักกระอ่วนอธิบายข้อนั้นก็ไม่ได้

งามทั้งในเบื้องต้นคือ ศีล ที่คนเราควรรักษา เพื่อระงับยับยั้งกาย วาจา ใจ ไม่ไปทำบาปอกุศล
งามในท่ามกลางคือ สมาธิ ที่ต้องอบรมจิตให้บริสุทธิ์ให้ตั่งมั่นอ่อนควรแก่การงาน
งามในที่สุดคือ ปัญญา เห็นสภาพเนื้อแท้ของธรรมตามจริง ( ปรมัตถ์ ) แทงตลอดอริยสัจ ๔

ปัจฉิมโอวาท “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

......................................................................................

ไม่ใช่เกิดดับนับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวใช่ตน อย่างนั้นก็ช่างมันเลยละกันจะสนใจทำไม

คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดถูกตาม...ตามได้ทีละคำตรงสัจจะที่มี...คิดตามได้เท่านั้น
สัจจะเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะถ้าไม่คิดตามจะเอาอะไรไปรู้ไปเข้าใจความจริงล่ะคะ
ก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วถึงแสนล้านขณะจึงเป็นผู้มีปกติจิตมีอกุศลศีลเข้าใจไหมคะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ผมว่าพูดผิดไม่เห็นเป็นไรทำความเข้าใจให้ถูกต่อไปก็ไม่พูดผิด

ดีกว่าไปชี้ผู้ถามว่าเค้ามีนิวรณ์สงสัย อันนั้นมันคนละสงสัยแล้วครับ

เราพูดกลับไปกลับมา ขัดแย้งกันเองอย่างนี้ใครฟังใครก็งง สงสัย

บ้างว่าตัวตนไม่มี มีแต่สิ่งที่เกิดดับแล้วเห็นผิดว่ามีตัวตน มีบุคคล

บ้างว่าตัวตนไม่รู้จักตัวตน ต้องอาศัยต้นตอที่ตัวตน ? ให้พระอรหันต์ฟังก็งง

:b12:
พระพุทธเจ้าแสดงเหตุผลตรงเหตุปัจจัยที่กำลังมีและมีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็กำลังเกิดดับ
ชี้ไม่ตรงจะรู้ไหมว่าผิดอย่างไรความคิดเห็นนั้นผิดแน่นอนเพราะสัจจะตรงทางคืออริยสัจจะ
ก็คิดให้มันตรงสิคะไปท่องปัญญาทศพลญาณทำไมก็ปัญญาตนเองมีได้ตรงทีละ1ทางก็คิดตรงๆสิ
คุณกำลังทำอะไรล้วนเป็นปัจจัยภายนอกแต่จิตเกิดดับสืบต่ออยู่ภายในดับแสนล้านครั้งจะนับยังไงคะ
:b32: :b32:


คำของพระพุทธเจ้า ไม่ขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมา ให้ผู้ฟังถามแล้วกระอักกระอ่วนอธิบายข้อนั้นก็ไม่ได้

งามทั้งในเบื้องต้นคือ ศีล ที่คนเราควรรักษา เพื่อระงับยับยั้งกาย วาจา ใจ ไม่ไปทำบาปอกุศล
งามในท่ามกลางคือ สมาธิ ที่ต้องอบรมจิตให้บริสุทธิ์ให้ตั่งมั่นอ่อนควรแก่การงาน
งามในที่สุดคือ ปัญญา เห็นสภาพเนื้อแท้ของธรรมตามจริง ( ปรมัตถ์ ) แทงตลอดอริยสัจ ๔

ปัจฉิมโอวาท “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

......................................................................................

ไม่ใช่เกิดดับนับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวใช่ตน อย่างนั้นก็ช่างมันเลยละกันจะสนใจทำไม

คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดถูกตาม...ตามได้ทีละคำตรงสัจจะที่มี...คิดตามได้เท่านั้น
สัจจะเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะถ้าไม่คิดตามจะเอาอะไรไปรู้ไปเข้าใจความจริงล่ะคะ
ก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วถึงแสนล้านขณะจึงเป็นผู้มีปกติจิตมีอกุศลศีลเข้าใจไหมคะ
onion onion onion

ปุถุ=หนาแน่น ชน=คน หนาแน่นด้วยกิเลสอวิชชา=ดับนับแสนโกฏิขณะ ทำอะไรได้ไหมคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 00:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ผมว่าพูดผิดไม่เห็นเป็นไรทำความเข้าใจให้ถูกต่อไปก็ไม่พูดผิด

ดีกว่าไปชี้ผู้ถามว่าเค้ามีนิวรณ์สงสัย อันนั้นมันคนละสงสัยแล้วครับ

เราพูดกลับไปกลับมา ขัดแย้งกันเองอย่างนี้ใครฟังใครก็งง สงสัย

บ้างว่าตัวตนไม่มี มีแต่สิ่งที่เกิดดับแล้วเห็นผิดว่ามีตัวตน มีบุคคล

บ้างว่าตัวตนไม่รู้จักตัวตน ต้องอาศัยต้นตอที่ตัวตน ? ให้พระอรหันต์ฟังก็งง

:b12:
พระพุทธเจ้าแสดงเหตุผลตรงเหตุปัจจัยที่กำลังมีและมีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็กำลังเกิดดับ
ชี้ไม่ตรงจะรู้ไหมว่าผิดอย่างไรความคิดเห็นนั้นผิดแน่นอนเพราะสัจจะตรงทางคืออริยสัจจะ
ก็คิดให้มันตรงสิคะไปท่องปัญญาทศพลญาณทำไมก็ปัญญาตนเองมีได้ตรงทีละ1ทางก็คิดตรงๆสิ
คุณกำลังทำอะไรล้วนเป็นปัจจัยภายนอกแต่จิตเกิดดับสืบต่ออยู่ภายในดับแสนล้านครั้งจะนับยังไงคะ
:b32: :b32:


คำของพระพุทธเจ้า ไม่ขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมา ให้ผู้ฟังถามแล้วกระอักกระอ่วนอธิบายข้อนั้นก็ไม่ได้

งามทั้งในเบื้องต้นคือ ศีล ที่คนเราควรรักษา เพื่อระงับยับยั้งกาย วาจา ใจ ไม่ไปทำบาปอกุศล
งามในท่ามกลางคือ สมาธิ ที่ต้องอบรมจิตให้บริสุทธิ์ให้ตั่งมั่นอ่อนควรแก่การงาน
งามในที่สุดคือ ปัญญา เห็นสภาพเนื้อแท้ของธรรมตามจริง ( ปรมัตถ์ ) แทงตลอดอริยสัจ ๔

ปัจฉิมโอวาท “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

......................................................................................

ไม่ใช่เกิดดับนับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวใช่ตน อย่างนั้นก็ช่างมันเลยละกันจะสนใจทำไม

คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดถูกตาม...ตามได้ทีละคำตรงสัจจะที่มี...คิดตามได้เท่านั้น
สัจจะเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะถ้าไม่คิดตามจะเอาอะไรไปรู้ไปเข้าใจความจริงล่ะคะ
ก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วถึงแสนล้านขณะจึงเป็นผู้มีปกติจิตมีอกุศลศีลเข้าใจไหมคะ
onion onion onion

ปุถุ=หนาแน่น ชน=คน หนาแน่นด้วยกิเลสอวิชชา=ดับนับแสนโกฏิขณะ ทำอะไรได้ไหมคะ


อินทรีย์พละพร้อม จิตผ่องแผ้วปราศจากกิเลสควรแก่การงานน้อมไปในญาณ อริยมรรคก็จัดการทำกิจในอริยสัจ ๔ เอง สภาวะนั้นมันเหนือกาลเหนือเวลา มันไม่เกิดดับเป็นแสนโกฏิขณะอย่างนั้นหรอกครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 05:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อะไรคือตน....ตนคืออะไร..หรือ?...

จึง..ไปฝึก...ไปหัด...ไปดัด ตนได้

ตน..คืออะไรเล่า..ไหนเคยว่าไม่มีตน


ที่ถามรู้ไหมว่ากำลังมีนิวรณ์คือลังเลสงสัย
คำสอนไม่ผิดแต่ตัวตนไม่รู้จักตนไงคะกบฯ
ไม่ได้กำลังฟังคำสอนเลยไม่คิดตามคำสอน
ยึดถือขันธ์5ว่าเป็นตัวตนขันธ์ที่มีกำลังเกิดดับ
ถ้าไม่อาศัยต้นตอที่ตัวตนจะรู้ไหมว่าจริงๆมีอะไรให้เห็น
และที่คิดไม่ตรงว่ากำลังเห็นสีเพียง1สีแปลว่าเห็นผิดจำผิดคิดผิดอยู่
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนจึงจะคิดตามเข้าใจถูกตามเสียงตรงความหมายทีละคำตรงขณะที่รู้สึกตัวตรงทาง
:b32: :b32:


:b32: :b32: :b32:

คำที่ผมถามนี้...ไม่ได้ถามเพราะผมสงสัย.. :b32: :b32:

แต่ถามเพื่อ..ชี้จุด.ที่โรส..ไม่เข้าใจ...ให้ได้เฉลียวใจตรวจสอบตนเอง

มาดูตน...ที่โรส...เข้าใจดูซิ..

ดูที่โรสตอบอย่างที่โรสเข้าใจดูนะ...ดูให้ดีดี..ว่า..จะไปฝึก..ไปหัด..ไปดัด..ตนได้มั้ย?

"ยึดถือขันธ์5ว่าเป็นตัวตนขันธ์ที่มีกำลังเกิดดับ
ถ้าไม่อาศัยต้นตอที่ตัวตนจะรู้ไหมว่าจริงๆมีอะไรให้เห็น
"

ก็ถ้าตนเป็นที่กำลังเกิดดับ...แล้วจะไปดัด..ไปหัด..อะไรมันละ..โรส?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อะไรคือตน....ตนคืออะไร..หรือ?...

จึง..ไปฝึก...ไปหัด...ไปดัด ตนได้

ตน..คืออะไรเล่า..ไหนเคยว่าไม่มีตน


ที่ถามรู้ไหมว่ากำลังมีนิวรณ์คือลังเลสงสัย
คำสอนไม่ผิดแต่ตัวตนไม่รู้จักตนไงคะกบฯ
ไม่ได้กำลังฟังคำสอนเลยไม่คิดตามคำสอน
ยึดถือขันธ์5ว่าเป็นตัวตนขันธ์ที่มีกำลังเกิดดับ
ถ้าไม่อาศัยต้นตอที่ตัวตนจะรู้ไหมว่าจริงๆมีอะไรให้เห็น
และที่คิดไม่ตรงว่ากำลังเห็นสีเพียง1สีแปลว่าเห็นผิดจำผิดคิดผิดอยู่
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนจึงจะคิดตามเข้าใจถูกตามเสียงตรงความหมายทีละคำตรงขณะที่รู้สึกตัวตรงทาง
:b32: :b32:


:b32: :b32: :b32:

คำที่ผมถามนี้...ไม่ได้ถามเพราะผมสงสัย.. :b32: :b32:

แต่ถามเพื่อ..ชี้จุด.ที่โรส..ไม่เข้าใจ...ให้ได้เฉลียวใจตรวจสอบตนเอง

มาดูตน...ที่โรส...เข้าใจดูซิ..

ดูที่โรสตอบอย่างที่โรสเข้าใจดูนะ...ดูให้ดีดี..ว่า..จะไปฝึก..ไปหัด..ไปดัด..ตนได้มั้ย?

"ยึดถือขันธ์5ว่าเป็นตัวตนขันธ์ที่มีกำลังเกิดดับ
ถ้าไม่อาศัยต้นตอที่ตัวตนจะรู้ไหมว่าจริงๆมีอะไรให้เห็น
"

ก็ถ้าตนเป็นที่กำลังเกิดดับ...แล้วจะไปดัด..ไปหัด..อะไรมันละ..โรส?

กบว่ากบมีปัญญาเข้าใจตาเนื้อกิเลสตัวเองไหมว่าเห็นเป็นคนสัตว์วัตถตัวอักษรอยู่นี้น่ะคิดสิมองไม่ชัดหรือคะ
ไม่เข้าใจเหรอว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเห็นสี1ขณะมีแสง+สีดับทันทีแล้วมืดไม่มีตัวอักษรหรือสิ่งใดๆเลยค่ะ
โลกตามความเป็นจริงตรงสัจจะแต่ละ1ขณะตรง1ทางมีชั่วคราวมันว่างเปล่าจากตัวตนไม่เข้าใจเหรอว่าปกติ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ผมว่าพูดผิดไม่เห็นเป็นไรทำความเข้าใจให้ถูกต่อไปก็ไม่พูดผิด

ดีกว่าไปชี้ผู้ถามว่าเค้ามีนิวรณ์สงสัย อันนั้นมันคนละสงสัยแล้วครับ

เราพูดกลับไปกลับมา ขัดแย้งกันเองอย่างนี้ใครฟังใครก็งง สงสัย

บ้างว่าตัวตนไม่มี มีแต่สิ่งที่เกิดดับแล้วเห็นผิดว่ามีตัวตน มีบุคคล

บ้างว่าตัวตนไม่รู้จักตัวตน ต้องอาศัยต้นตอที่ตัวตน ? ให้พระอรหันต์ฟังก็งง

:b12:
พระพุทธเจ้าแสดงเหตุผลตรงเหตุปัจจัยที่กำลังมีและมีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็กำลังเกิดดับ
ชี้ไม่ตรงจะรู้ไหมว่าผิดอย่างไรความคิดเห็นนั้นผิดแน่นอนเพราะสัจจะตรงทางคืออริยสัจจะ
ก็คิดให้มันตรงสิคะไปท่องปัญญาทศพลญาณทำไมก็ปัญญาตนเองมีได้ตรงทีละ1ทางก็คิดตรงๆสิ
คุณกำลังทำอะไรล้วนเป็นปัจจัยภายนอกแต่จิตเกิดดับสืบต่ออยู่ภายในดับแสนล้านครั้งจะนับยังไงคะ
:b32: :b32:


คำของพระพุทธเจ้า ไม่ขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมา ให้ผู้ฟังถามแล้วกระอักกระอ่วนอธิบายข้อนั้นก็ไม่ได้

งามทั้งในเบื้องต้นคือ ศีล ที่คนเราควรรักษา เพื่อระงับยับยั้งกาย วาจา ใจ ไม่ไปทำบาปอกุศล
งามในท่ามกลางคือ สมาธิ ที่ต้องอบรมจิตให้บริสุทธิ์ให้ตั่งมั่นอ่อนควรแก่การงาน
งามในที่สุดคือ ปัญญา เห็นสภาพเนื้อแท้ของธรรมตามจริง ( ปรมัตถ์ ) แทงตลอดอริยสัจ ๔

ปัจฉิมโอวาท “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

......................................................................................

ไม่ใช่เกิดดับนับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวใช่ตน อย่างนั้นก็ช่างมันเลยละกันจะสนใจทำไม

คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดถูกตาม...ตามได้ทีละคำตรงสัจจะที่มี...คิดตามได้เท่านั้น
สัจจะเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะถ้าไม่คิดตามจะเอาอะไรไปรู้ไปเข้าใจความจริงล่ะคะ
ก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วถึงแสนล้านขณะจึงเป็นผู้มีปกติจิตมีอกุศลศีลเข้าใจไหมคะ
onion onion onion

ปุถุ=หนาแน่น ชน=คน หนาแน่นด้วยกิเลสอวิชชา=ดับนับแสนโกฏิขณะ ทำอะไรได้ไหมคะ


อินทรีย์พละพร้อม จิตผ่องแผ้วปราศจากกิเลสควรแก่การงานน้อมไปในญาณ อริยมรรคก็จัดการทำกิจในอริยสัจ ๔ เอง สภาวะนั้นมันเหนือกาลเหนือเวลา มันไม่เกิดดับเป็นแสนโกฏิขณะอย่างนั้นหรอกครับ

:b12:
คิดทุกคำที่ไม่รู้จักเลยนะคุณ
รู้จักอินทรีย์คือความเป็นใหญ่ที่ตัวเองมีไหมคะ
ปัญญินทรีย์คือขณะที่ปัญญาเป็นใหญ่ในการรู้ความจริงที่ตัวเองกำลังมี
จักขุนทรียคือขณะที่เห็นเป็นใหญ่ในการเห็นที่กำลังเห็นไม่มีคิดนึกหรือความรู้สึกใดๆปน
อะไรกำลังเป็นใหญ่เดี๋ยวนี้ต้องรู้สึกตัว...ถ้าไม่รู้ก็สะสมอวิชชาแล้วเพราะดับแล้วแสนล้านขณะ
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 12:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อินทรีย์พละพร้อม จิตผ่องแผ้วปราศจากกิเลสควรแก่การงานน้อมไปในญาณ อริยมรรคก็จัดการทำกิจในอริยสัจ ๔ เอง สภาวะนั้นมันเหนือกาลเหนือเวลา มันไม่เกิดดับเป็นแสนโกฏิขณะอย่างนั้นหรอกครับ

:b12:
คิดทุกคำที่ไม่รู้จักเลยนะคุณ
รู้จักอินทรีย์คือความเป็นใหญ่ที่ตัวเองมีไหมคะ
ปัญญินทรีย์คือขณะที่ปัญญาเป็นใหญ่ในการรู้ความจริงที่ตัวเองกำลังมี
จักขุนทรียคือขณะที่เห็นเป็นใหญ่ในการเห็นที่กำลังเห็นไม่มีคิดนึกหรือความรู้สึกใดๆปน
อะไรกำลังเป็นใหญ่เดี๋ยวนี้ต้องรู้สึกตัว...ถ้าไม่รู้ก็สะสมอวิชชาแล้วเพราะดับแล้วแสนล้านขณะ
:b17: :b17:


บางครั้งอ่านแล้ว ทบทวนและตรองดูบ้างก็จะเป็นการดีนะ

จะได้ไม่แสดงอะไรเปิ่น ๆ ออกมามั่วตั้ว

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 12:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราจะพูดต้องคิด
พูดไม่คิดไม่ควรพูด

สัมมาทิฏฐิ
วาจานี้เป็นกุศล ควรเจริญ
วาจานี้เป็นอกุศล ควรละ

สัมมาสังกัปปะ
สิ่งนี้ควรพูด เราจะพูดสิ่งนี้
สิ่งนี้ไม่ควรพูด เราจะละสิ่งนี้

สัมมาวาจา
พูดแต่สิ่งที่ควรพูด เป็นกุศล
ละสิ่งที่ไม่ควรพูด เป็นอกุศล

สิ่งที่ผมพูด ผมอธิบายได้ และ ยินดีอธิบายเมื่อถูกถาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อินทรีย์พละพร้อม จิตผ่องแผ้วปราศจากกิเลสควรแก่การงานน้อมไปในญาณ อริยมรรคก็จัดการทำกิจในอริยสัจ ๔ เอง สภาวะนั้นมันเหนือกาลเหนือเวลา มันไม่เกิดดับเป็นแสนโกฏิขณะอย่างนั้นหรอกครับ

:b12:
คิดทุกคำที่ไม่รู้จักเลยนะคุณ
รู้จักอินทรีย์คือความเป็นใหญ่ที่ตัวเองมีไหมคะ
ปัญญินทรีย์คือขณะที่ปัญญาเป็นใหญ่ในการรู้ความจริงที่ตัวเองกำลังมี
จักขุนทรียคือขณะที่เห็นเป็นใหญ่ในการเห็นที่กำลังเห็นไม่มีคิดนึกหรือความรู้สึกใดๆปน
อะไรกำลังเป็นใหญ่เดี๋ยวนี้ต้องรู้สึกตัว...ถ้าไม่รู้ก็สะสมอวิชชาแล้วเพราะดับแล้วแสนล้านขณะ
:b17: :b17:


บางครั้งอ่านแล้ว ทบทวนและตรองดูบ้างก็จะเป็นการดีนะ

จะได้ไม่แสดงอะไรเปิ่น ๆ ออกมามั่วตั้ว

:b1:

:b32:
ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ลองพิจารณา
ให้ตรงกับที่ตาคุณกำลังดูว่าสิ่งที่เห็น
ผ่านม่านตาคุณเดี๋ยวนี้จำได้หมดเลยค่ะ
กำลังคิดเองตามที่ตาตัวเองเห็นจำผิดคิดผิด
โดยที่ยังไม่พูดอะไรสักคำคือคิดถึงสิ่งที่เห็นแล้ว
อ่ะ...ทีนี้อ่านให้ตัวเองฟังช้าๆดังๆคิดตามเสียงทีละคำ
ตัวเราเห็นผิดด้วยตาเนื้อคือเห็นคนสัตว์วัตถุคือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว
แต่ตรงสัจจะตรงปัจจุบันของเห็นดับไปตามอำนาจจิตทีละ1ขณะมีแค่สีเข้าใจไหม
ว่ากำลังคิดเห็นผิดไปตามการส่งออกคิดตามให้ตรงเฉพาะเห็นเท่านั้นมีแค่สี+แสง1สีดับในจักขุปสาทะรูปมืดๆ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2019, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
คนเราจะพูดต้องคิด
พูดไม่คิดไม่ควรพูด

สัมมาทิฏฐิ
วาจานี้เป็นกุศล ควรเจริญ
วาจานี้เป็นอกุศล ควรละ

สัมมาสังกัปปะ
สิ่งนี้ควรพูด เราจะพูดสิ่งนี้
สิ่งนี้ไม่ควรพูด เราจะละสิ่งนี้

สัมมาวาจา
พูดแต่สิ่งที่ควรพูด เป็นกุศล
ละสิ่งที่ไม่ควรพูด เป็นอกุศล

สิ่งที่ผมพูด ผมอธิบายได้ และ ยินดีอธิบายเมื่อถูกถาม

อริยสัจจะธัมมะมีตรงปัจจุบันขณะ
ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎก
ปัญญารู้ชัดว่าอะไรมีจริง
แต่อวิชชาไม่รู้ว่ามีกิเลส
เพราะกำลังคิดตาม
การมองเห็นผิด
ไม่ตรงสัจจะ
ตรงที่จิตมี
แปลว่าคิดเองตามนิมิตอดีตสีคร่าข้างนอกตา
คือไม่พึ่งคิดตามคำสอนทีละคำตรง1สัจจะที่ตัวเองมี
เลยกลายเป็นกิเลสตัวเองไหลไปตามความคิดตัวเองทั้งแสนโกฏิขณะคือความจริงปรากฏกับกิเลสของคุณ
:b16:
:b12: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร