อาการสนทนาไม่อยู่กับร่องกับรอย ...

หาฝอยหาตะเข็บไปเรื่อย

ปกติมีบ้านเรือนอยู่ทำมาหาเลี้ยงชีพสุจริตแล้วไปทำตามๆกันใส่ชุดขาว
แล้วไปส่งเสริมให้พระภิกษุมีเงินผิดไหมขวนขวายหาเงินตัวเป็นเกลียวเชียวแหละ
เข้าวัดไปนอนวัดไปเป็นภาระให้คนบวชหาเงินเลี้ยงผิดไหมสวนทางกับพระพุทธเจ้าทั้งหมด
จะให้ว่ายังไงคะทำเพื่อลาภสักการะเพื่อขนคนเข้าวัดและสร้างที่พักให้ชาวบ้านมานอนผิดไหม

อาบัติแปลว่ามีกิเลสเพิ่มแล้วสำนึกผิดด้วยการปลงอาบัติแปลว่าจะไม่ทำผิดซ้ำอีกใช่ไหมคะ
แล้วปลงอาบัติทุกวันไหมรับเงินทุกวันเลยตรงต่อความผิดที่ทำตามๆกันไหมส่งตัวเองไปนรก
ยังไม่รู้สึกตัวไม่สำนึกแล้วก็เริ่มต้นฟังคำสอนเลยชาตินี้จะมีปัญญาเพิ่มไหมคะ
มีบ้านดีๆอยู่อยู่ดีๆก็อยากบวชเพราะบวชแล้วมีเงินใช้ใช่ไหมล่ะ555กิเลสน๊า
รู้ไหมบวชแปลว่าสละอาคารบ้านเรือนเพื่อทำตามคำสอนไม่ประกอบอาชีพ
ยังกลับไปรับเงินเพิ่มความผิดให้ตัวเองตกนรกชาวบ้านก็ไม่รู้ถึงถวายเงินไงคะ
เร่งทำตามๆกันโดยไปเปลี่ยนชุดเหมือนดีเลยเนาะ555อยากเร่งอะไรล่ะถึงทำแบบนั้น
ตาไม่บอดก็บอกให้มองดูตัวเองไงคะเดี๋ยวนี้ดับแสนโกฏิขณะอยากถึงนิพพานหรือคะ
เลยใส่ชุดขาวทำตามๆกันโดยไม่ฟังอะไรเลยไม่ดูตาม้าตาเรือเลยรึไงว่าพระพุทธเจ้าบอกอะไร
มีคนมาบอกให้ฟังก็ใช้ปัญญาฟังนั้นน่ะหือๆๆๆ...ด้วยการใช้หูฟังไม่เข้าใจเหรอ
ตามคำสอนปัญญาเกิดต้องตรงทางแรกก่อนไงเข้าใจไหมล่ะ...เออนะคนเรา

นี่ก็อีกคนไม่ดูตาม้าตาเรือไปอ่านว่าปัญญาเกิดได้ยังไงให้มันเข้าใจตรงทางที่ปัญญาเกิดนะนะนะ
เออนะคนเราคิดว่าคนที่เขาฟังน่ะฟังเล่นๆฟังสนุกๆอย่างนั้นหรือคะปรามาสการฟังจะเกิดปัญญาเองรึ

พิจารณาสิเห็นอะไรที่เป็นพฤติกรรมทำตามๆกันบ้างทั่วประเทศไทยเลยแห่ไปเผยแพร่ผิดๆต่างประเทศอีก

พูดไปอย่างหลง ๆ เจื้อยแจ้วไปเรื่อย
มัวแต่ดูหนังสือ ความคิดก็ได้แต่หลงไปกับตัวหนังสือ ... ไหลไปตาม สังขารอันว่าด้วยเรื่องปัญญา
ไปดูผิดที่ ก็ไหลไปเรื่อย

เหมือนคนเดินป่าแล้วดูแผนที่เดินป่าแล้วเที่ยวชี้นกชี้ไม้ ว่านั่นนก นั่นไม้ ไปเรื่อย

เหมือนนักสืบที่สืบคดี แต่ดันสืบผิดที่ จะไขคดีได้อย่างไร

ซึ่งคนที่เขาปฏิบัติเพียรพิจารณาเข้าไปในขันธ์ที่ตนถือครอง
เขาก็เห็นชัดแจ้งในสิ่งนั้น ว่าปัญญามันเกิด-ตั้งอยู่ตรงไหน ดับตรงไหน
เกิด-ตั้งอยู่อย่างไร และดับอย่างไร
และปัญญาจะเจริญขึ้นด้วยปัจจัยอย่างไร
มันไม่ได้เกิดนอกขันธ์ ไม่ได้เจริญขึ้นนอกขันธ์สักกาหน่อย

รู้จักNOWไหมคะ
ทุกคำคือเดี๋ยวนี้
คิดตามคำสอน
ตรง1คำไหน
ต้องรู้สึกได้ว่า
กำลังทำอะไร

คุณเอกอนคะ
ความรู้สึกตัว
ไม่ใช่ความคิด
แต่การคิดตามคำสอนได้
ต้องกำลังฟังเสียงอยู่อ่ะค่ะ
ตรงคำทีละคำและกำลังปรุงคิดตามเสียงค่ะ
อันที่กำลังทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การฟังคำสอนนั้นน่ะค่ะ
คือการทำตามใจกิเลสที่ส่งออกทางตาเนื้อเห็นผิดน่ะค่ะก็เข้าใจสิคะ
ว่ากำลังทำกิเลสใหม่เพิ่มอยู่ค่ะเพราะไม่ได้กำลังทำฟังจึงไม่ใช่ปัญญาไงคะก็คือเป็นกิเลสตรงขณะอ่ะค่ะ

มีตัวตนแยกออกไปทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่ฟังคำสอนอยู่นั่นน่ะ
ทำไม่รู้สึกตัวตามเป็นทำรู้สึกตัวตามความคิดตัวเองค่ะ
การทำความรู้สึดตัวค้องอาศัยฟังคำสอนอยู่ฟังอยู่แล้ว
ตอนนี้กำลังฟังไหมหรือกำลังคิดนึกตามตัวอักษรที่เห็นผิด
ที่อ่านไปมโนไปเอ้อไม่เข้าใจว่าฟังตรงปัจจุบันทำยังไงเอ้อนะ

ตามสบายค่ะ เราเดินกันคนละรูปแบบปฏิบัติ
ซึ่งในแบบทางเดินของคุณ เอกอนไม่ได้สนใจเลย

จริง ๆ ไม่ได้อ่านเลย เพราะมันไม่มีอะไรที่น่าเข้าไปทำความรู้เลย

พิมพ์ไปเถอะ เอกอนไม่ได้สนใจจะอ่านหรอก
เพราะ เรื่องราวที่คุณชื่นชอบในการนำมากล่าว มันเลยความน่าเชื่อถือไปแล้วล่ะค่ะ

ฟังคำสอนมีรูปแบบเดียวค่ะมีทางเดียวด้วยนะคะ
เอกอนใช้ตาฟังตลอดเวลาเลยนั่นหรือคะทำปัญญา
จิตได้ยินมีดังนี้ค่ะจิตได้ยินคือมีจิตที่ไม่ใช่คนตาย+มีหูและหูไม่หนวก+มีเสียงค่ะ/ไม่มีตัวอักษรเลยค่ะ

คนมีปัญญาเขาพล่ามเรื่อยเปื่อยขนาดนี้เชียวหรือ
ดูจะหยุดความฟุ้งซ่านของสังขารตัวเองไม่ได้เลยนะนี่

มองตาเนื้อที่เห็นของตัวเองไม่ชัดหรือคะ
ต้องอาศัยคนอื่นชี้ให้เห็นค่ะเอกอน
เอกอนกำลังดูตามคิดเห็นผิด
ไม่ได้กำลังทำฟังเสียงค่ะ
คิดออกไหมคะโลกของเสียงทางเดียวเท่านั้น
ที่ทำให้คิดถูกตามคำสอนตรงทุกทางได้ไงคะ

แสดงธรรมเทียวไปตามขันธ์ อายตนะ อย่างละเอียดทุกเสี้ยววินาที ทำได้อย่างไม่มีจบสิ้น

แต่ หยุด เพียงแค่เสี้ยววินาที กลับแสดงออกมาไม่ได้

ก็ตอนนี้หลงเข้าใจผิด
คิดว่าตัวเองดีแล้วไงคะ
จะดีได้ยังไงกิเลสใหม่ดับ
เพิ่มทุกขณะถึงแสนโกฏิขณะ
เอกอนคิดว่าเจริญปัญญาแยกออกไปหลับตาหรือคะ
ขาดสุตมยปัญญาตรงทางคือจิตได้ยินอยู่เดี๋ยวนี้จะไปรู้ตอนไหนคะ

เอกอนไม่เสียเวลาคุยกับคุณแล้วนะ
คุณฟุ้งซ่านเกินไป

อ่านคำในวงเล็บให้รู้สึกตัวก่อนตายนะคะ
(ทิ้งเห็นผิดได้ตอนกำลังฟังเท่านั้นค่ะ)
ไม่แต่งต่อเติมคิดเกินคำที่อ่านในวงเล็บค่ะ