ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57351
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 มี.ค. 2019, 07:46 ]
หัวข้อกระทู้:  วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ

วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ก็คือ การนำเอาโยนิโสมนสิการมาใช้ในทางปฏิบัติ หรือ โยนิโสมนสิการที่เป็นภาคปฏิบัติ

วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ หรือ เรียกสั้นๆว่า วิธีโยนิโสมนสิการนี้ แม้จะมีหลายอย่างหลายวิธี แต่เมื่อว่าโดยหลักการ ก็มี ๒ แบบ คือ

@ โยนิโสมนสิการที่มุ่งสกัด หรือ กำจัดอวิชชาโดยตรง

@ โยนิโสมนสิการที่มุ่งสกัด หรือ บรรเทาตัณหา

โยนิโสมนสิการที่มุ่งกำจัดอวิชชาโดยตรงนั้น ตามปกติเป็นแบบที่ต้องใช้ในการปฏิบัติธรรมจนถึงที่สุด เพราะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจตามเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตรัสรู้

ส่วนโยนิโสมนสิการ แบบสกัด หรือ บรรเทาตัณหา มักใช้เป็นข้อปฏิบัติขั้นต้นๆ ซึ่งมุ่งเตรียมพื้นฐาน หรือ พัฒนาตนเองในด้านคุณธรรม ให้เป็นผู้พร้อมสำหรับการปฏิบัติขั้นสูงขึ้นไป เพราะเป็นเพียงขั้นขัดเกลากิเลส
แต่โยนิโสมนสิการหลายวิธีใช้ประโยชน์ได้ทั้งสองอย่าง คือ ทั้งกำจัดอวิชชา และบรรเทาตัณหาไปพร้อมกัน

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 มี.ค. 2019, 07:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

วิธีโยนิโสมนสิการเท่าที่พบในบาลี พอประมวลเป็นแบบใหญ่ๆ ได้ ดังนี้

๑. วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย

๒. วิธีคิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ

๓. วิธีคิดแบบสามัญลักษณ์

๔. วิธีคิดแบบอริสัจ/คิดแบบแก้ปัญหา

๕. วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์

๖. วิธีคิดแบบเห็นคุณ โทษ และทางออก

๗. วิธีคิดแบบรู้คุณค่าแท้ - คุณค่าเทียม

๘. วิธีคิดแบบเร้ากุศล

๙. วิธีคิดแบบอยู่กับปัจจุบัน

๑๐. วิธีคิดแบบวิภัชชวาท

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 มี.ค. 2019, 08:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

๑. วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย

วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย คือ พิจารณาปรากฏการณ์ที่เป็นผล ให้รู้จักสภาวะที่เป็นจริง หรือพิจารณาปัญหา หาหนทางแก้ไข ด้วยการค้นหาสาเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่สัมพันธ์ส่งผลสืบทอดกันมา
อาจเรียกว่า วิธีคิดแบบอิทัปปัจจยตา หรือ คิดตามหลักปฏิจจสมุปบาท จัดเป็นวิธีโยนิโสมนสิการแบบพื้นฐาน ดังจะเห็นว่า บางครั้งท่านใช้บรรยายการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ไม่เฉพาะเริ่มจากผล สืบค้นโดยสาวไปหาสาเหตุ และปัจจัยทั้งหลายเท่านั้น ในการคิดแบบอิทัปปัจจยตานั้น จะตั้งต้นที่เหตุแล้วสาวไปหาผล หรือ จับที่จุดใดๆ ในกระแส หรือ ในกระบวนธรรม แล้วค้นไล่ตามไปทางปลาย หรือ สืบย้อนมาทางต้น ก็ได้

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 มี.ค. 2019, 08:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

วิธีนี้กล่าวตามบาลี พบแนวปฏิบัติ ดังนี้

ก. คิดแบบปัจจัยสัมพันธ์ โดยอริยสาวกโยนิโสมนสิการที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดขึ้น ดังที่ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย การที่ปุถุชนขาดสุตะ จะพึงเข้าไปยึดถือเอาร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตรูปทั้ง ๔ นี้ โดยความเป็นอัตตา ยังดีกว่า
แต่การจะเข้าไปยึดถือเอาจิต โดยความเป็นอัตตา หาควรไม่

"ข้อนี้เพราะเหตุไร เพราะร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตรูปทั้ง ๔ นี้ ที่ดำรงอยู่ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปีบ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สืบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสืบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปีบ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ยังปรากฏ
แต่สิ่งที่เรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง นั้น เกิดขึ้นอย่างหนึ่ง ดับไปอย่างหนึ่ง ทั้งคืน ทั้งวัน

"ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้มีสุตะ ย่อมมนสิการโดยแยบคาย เป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาท ในกองมหาภูตนั้นว่า เพราะดังนี้ๆ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็ดับ

"อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา จึงเกิดสุขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นดับไป สุขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้น ก็ย่อมดับ ย่อมสงบไป
อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา จึงเกิดทุกขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้นดับไป ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้น ก็ย่อมดับ ย่อมสงบไป
อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งเวทนาที่ไม่สุขไม่ทุกข์ จึงเกิดอทุกขมสุขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้นดับไป อทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้น ก็ยอมดับ ย่อมสงบไป

"ภิกษุทั้งหลาย เพราะไม้สองอันครูดสีกัน จึงเกิดไออุ่น เกิดความร้อน แต่ถ้าแยกไม้ทั้งสองอันนั้นแหละ ออกเสียจากกัน ไออุ่นซึ่งเกิดจากการครูดสีกันนั้น ก็ดับไป สงบไป แม้ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา จึงเกิดสุขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นดับไป สุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้น ก็ย่อมดับ ย่อมสงบไป" *
(*สํ.นิ.16/236/116-สำหรับแบบมาตรฐานที่ว่า “...เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ฯลฯ “ พบได้ทั่วไป เช่น สํ.นิ.16/144/77; 154/84 ฯลฯ)

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 มี.ค. 2019, 09:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

ข. คิดแบบสอบสวน หรือ ตั้งคำถาม เช่น ที่พระพุทธเจ้าตรัสพิจารณาว่า

"เรานั้นได้มีความคิดว่า เมื่ออะไรมีอยู่หนอ อุปาทานจึงมี อุปาทานมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ?
ลำดับนั้น เพราะโยนิโสมนสิการ จึงรู้ได้ด้วยปัญญาว่า เมื่อตัณหามีอยู่ อุปาทานจึงมี อุปาทานมี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย

"ลำดับนั้น เราได้มีความคิดว่า เมื่ออะไรมีอยู่หนอ ตัณหาจึงมี ตัณหามี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ?
ลำดับนั้น เพราะโยนิโสมนสิการ จึงรู้ได้ด้วยปัญญาว่า เมื่อเวทนามีอยู่ ตัณหาจึงมี ตัณหามี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ฯลฯ"

เนื่องจากถือได้ว่า คำอธิบายในเรื่องปฏิจจสมุปบาท ที่ผ่านมาแล้วในบทหนึ่ง ก็เหมือนเป็นคำอธิบายวิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัยนี้ด้วยแล้ว คำอธิบายวิธีคิดแบบนี้ จึงยุติเพียงเท่านี้

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 มี.ค. 2019, 09:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็ดับด้วย

รูปภาพ

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 มี.ค. 2019, 14:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

กรัชกาย เขียน:
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็ดับด้วย

รูปภาพ


เพราะอะไรหนอ จึงคิด
เพราะอวิชชามี เป็นปัจจัย ให้สังขารเกิด มี

smiley

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 24 มี.ค. 2019, 07:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (๑.วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย)

กรัชกาย เขียน:
วิธีโยนิโสมนสิการเท่าที่พบในบาลี พอประมวลเป็นแบบใหญ่ๆ ได้ ดังนี้

๑. วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย

๒. วิธีคิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ

๓. วิธีคิดแบบสามัญลักษณ์

๔. วิธีคิดแบบอริสัจ/คิดแบบแก้ปัญหา

๕. วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์

๖. วิธีคิดแบบเห็นคุณ โทษ และทางออก

๗. วิธีคิดแบบรู้คุณค่าแท้ - คุณค่าเทียม

๘. วิธีคิดแบบเร้ากุศล

๙. วิธีคิดแบบอยู่กับปัจจุบัน

๑๐. วิธีคิดแบบวิภัชชวาท


:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/