วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2019, 13:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เดือดร้อนไปแสวงหาหนทางเพราะไม่รู้จักฟังให้เข้าใจ
https://www.dhammahome.com/video/topic/2414


ถ้าขาดปัญญาขาดโยนิโสมนสิการแล้วต่อให้ฟังฟังจนหูฉีกไปถึงท้ายทอยก็ไม่เข้าใจ
เพราะอะไร ? เพราะเสียงจากคนพูดเป็นเพียงปรโตโฆสะอย่างหนึ่ง แล้วปรโตโฆสะก็มีทั้งถูกทั้งผิด ยิ่งไปฟังแม่สุจินพูดจบข่าวหลงไม่รู้เหนือรู้ใต้

:b12:
แล้วเข้าใจไหมตอนเห็น1ขณะมีตาแล้วก็ดับไม่มีหูนะคะ
จิตเห็นคือจักขุวิญญาณ=1จักขุปสาทรูป+2สีที่มหาภูตรูป+3จิต
คนตาบอดไม่มีข้อ1และคนตายไม่มีข้อ3และคนเป็นที่ขาดฟังคือขาดปัญญาแปลว่าไม่มีปัญญาเจตสิกเกิดค่ะ
เพราะปัญญาเกิดตอนฟังตามคำสอนว่างี้ค่ะ...สุตมยปัญญา...ชาตินี้ฟังนะฟังคำตถาคตเข้าใจกี่คำไม่ใช่อ่าน
ฟังเสียงใช้จิตได้ยินไม่มีแสงอ่ะ...จิตได้ยินคือโสตวิญญาณ=1โสตปสาทรูป+2เสียง+3จิต/ตอนฟังไม่มีแสง
:b9:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2019, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระพุทธเจ้าตรัสแสดงความจริงทุกคำ(ให้คนที่กำลังฟังเท่านั้น)เพื่อให้เข้าใจความจริงถูกตามได้
https://youtu.be/VsRf0PSKgVc


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2019, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าตรัสแสดงความจริงทุกคำ(ให้คนที่กำลังฟังเท่านั้น)เพื่อให้เข้าใจความจริงถูกตามได้
https://youtu.be/VsRf0PSKgVc

ถ้าคิดว่าตนเองเป็นพุทธบริษัทก็ให้เริ่มฟัง
เพราะคนที่ไม่ต้องฟังในชาติสุดท้ายมี2คน
คือ1พระพุทธเจ้า/2พระปัจเจกพุทธเจ้า
ไตร่ตรองว่าตัวเองเป็นข้อ1หรือเป็นข้อ2
ถ้าไม่ใช่ทั้ง2คนนี้เริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2019, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บัณฑิต คือ คนฉลาด หรือ คนที่ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา มีคุณสมบัติที่ท่านแสดงไว้หลายแบบหลายอย่างเช่น ในพุทธพจน์ต่อไปนี้

"ภิกษุทั้งหลาย คนพาลมีกรรมเป็นเครื่องกำหนด บัณฑิตมีกรรมเป็นเครื่องกำหนด ต่างก็ปรากฏแจ่มฉายด้วยความประพฤติของตน ผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ พึงรู้ว่า เป็นพาล คือ ด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต...
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ พึงรู้ว่าเป็นบัณฑิต คือ ด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต..." (องฺ.ติก.20/441/128)

"ภิกษุทั้งหลาย ลักษณะของบัณฑิต เครื่องหมายของบัณฑิต แนวความประพฤติของบัณฑิตมี ๒ ประการ ดังนี้ กล่าวคือ บัณฑิตเป็นผู้มีปกติคิดความคิดดี มีปกติพูดถ้อยคำดี มีปกติทำการดี"

"ภิกษุทั้งหลาย ผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ พึงทราบว่าเป็นบัณฑิต กล่าวคือ ตั้งปัญหาโดยแยบคาย และเมื่อคนอื่นแก้ปัญหาแยบคาย ด้วยถ้อยคำกลมกล่อม สละสลวย ได้เหตุได้ผล ก็อนุโมทนา"

"ภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี ๒ ดังนี้ คือ ผู้แบกภาระที่ไม่มาถึง ๑ ผู้ไม่แบกภาระที่มาถึง ๑....

"บัณฑิต ๒ ดังนี้ คือ ผู้แบกภาระที่มาถึง ๑ ผู้ไม่แบกภาระที่ไม่มาถึง ๑..."

"ภิกษุพาล ปรารถนาคำสรรเสริญที่ไม่เป็นจริง ความเด่น ออกหน้าในหมู่ภิกษุ ความเป็นใหญ่ในอาวาสทั้งหลาย และการบูชาในตระกูลคนอื่น เขาคิดว่า ขอให้คนทั้งหลาย ทั้งพวกคฤหัสถ์ และบรรพชิต จงสำคัญว่า สิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว ก็เพราะอาศัยเราคนเดียว ขอให้ทั้งสองพวกนั้นจงอยู่ในอำนาจของเราเท่านั้น ในกิจน้อยใหญ่ ไม่ว่าอย่างใดๆ คนพาลมีความดำริดังนี้ ความริษยา และมานะ จึงมีแต่พอกพูน"

"สัตบุรุษทั้งหลายไปในติดทุกสถาน สัตบุรุษไม่ปราศรัยเพราะอยากได้ถาม บัณฑิตถูกสุขหรือทุกข์ก็ตามกระทบเข้า ย่อมไม่แสดงอาการขึ้นๆลงๆ

"บัณฑิตไม่ทำชั่วเพราะเหตุแห่งตน หรือเพราะเหตุแห่งบุคคลอื่น ไม่พึงปรารถนาบุตร ทรัพย์ รัฐ ความสำเร็จแก่ตน โดยไม่ชอบธรรม บัณฑิตนั้น พึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญาประกอบด้วยธรรม"

"ผู้ใด เขาสักการะก็ตาม ไม่สักการะก็ตาม ย่อมมีสมาธิไม่หวั่นไหว เป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท ผู้นั้น ซึ่งมีปกติเพ่งพินิจ ทำความเพียรตลอดเวลา เห็นแจ้งด้วยความเข้าใจอันสุขุม ยินดีในความสิ้นอุปาทาน ท่านเรียกว่าสัตบุรุษ"

"คนไขน้ำย่อมไขน้ำไป ช่างศรย่อมดัดลูกศร ช่างถากย่อมถากไม้ บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน"

"หงส์ ก็ดี นกกระเรียนก็ดี นกยูงก็ดี ช้างก็ดี เนื้อฟานทั้งหลายก็ดี ย่อมกลัวราชสีห์ทั้งนั้น จะวัดที่ร่างกายไม่ได้ ฉันใด ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ถึงแม้เป็นเด็ก ถ้ามีปัญญา ก็นับว่าผู้ใหญ่ แต่ถ้าโง่ ถึงร่างกายจะใหญ่โต ก็หาเป็นผู้ใหญ่ไม่"

"คนมีสุตะน้อยนี้ ย่อมแก่ไปเหมือนโคถึก เนื้อของเขาย่อมเจริญ แต่ปัญญาหาเจริญไม่"

"คนจะชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ เพียงเพราะมีผมหงอกก็หาไม่ ถึงวัยของเขาจะหง่อม ก็เรียกว่าแก่เปล่า ส่วนผู้ใด มีสัจจะ มีธรรม มีอหิงสา มีความบังคับควบคุมตน มีความฝึกตน ผู้นั้นแลเป็นปราชญ์ สลัดมลทินได้แล้ว เรียกได้ว่า เป็นผู้ใหญ่"

"ห้วงน้ำน้อย ไหลดังสนั่น ห้วงน้ำใหญ่ ไหลนิ่งสงบ สิ่งใดพร่อง สิ่งนั้นดัง สิ่งใดเต็ม สิ่งนั้นเงียบ คนพาล เหมือนหม้อมีน้ำครึ่งเดียว บัณฑิต เหมือนห้วงน้ำที่เต็ม"

"ผู้ใดเป็นพาล รู้ตัวว่าเป็นพาล ก็ยังนับว่าเป็นบัณฑิตได้บ้าง ส่วนผู้ใดเป็นพาล สำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต ผู้นั้นแล เรียกว่าเป็นพาลแท้ๆ"

"สัตบุรุษไม่มีในชุมนุมใด ชุมนุมนั้น ไม่ชื่อว่าสภา ผู้ใดไม่พูดเป็นธรรม ผู้นั้นไม่ใช่สัตบุรุษ ละราคะ โทสะ โมหะ โมหะแล้ว พูดเป็นธรรม จึงจะเป็นสัตบุรุษ"

"ผู้ใดเป็นธีรชน เป็นคนกตัญญูกตเวที คนหากัลยาณมิตร มีความภักดีมั่น กระทำกิจเพื่อผู้ตกทุกข์ด้วยตั้งใจจริง คนอย่างนั้น ท่านเรียกว่าสัตบุรุษ" (ขุ.ชา.27/2466/541)

(ที่นี้ตัดคัมภีร์อ้างอิงออกหมด)


บัณฑิต ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์, ผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา


บัณฑิตชาติ เผ่าพันธ์บัณฑิต, เหล่านักปราชญ์, เชื้อนักปราชญ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คุณจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
คุณต้องย้อนเข้ามาดูตรงที่กายใจคุณมี
ไม่ใช่ส่งออกไปดูแต่ข้างนอกที่ไม่มีอยู่จริง
เพราะอริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
กำลังมีปรากฏให้รู้ได้เดี๋ยวนี้เท่านั้นจะรู้ถูกตัวตนตามได้
ต้องกำลังฟังและคิดตามอยู่เข้าใจความจริงตรง1สัจจะคือ
รู้ตรงทางตรงสัจจะที่กายใจกำลังมีตรงตัวจริงธัมมะคือเอกายโนมัคโค
ไม่ใช่ส่งออกไปกว้านอกุศลนอกตัวรู้ไหมคะสัญญาจำคำต่างๆได้มากเป็นอกุศลไม่รู้ตรงจริงค่ะ
พึ่งคิดตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีคืออาศัยฟังผู้อื่นกล่าวตามคำตถาคตให้คิดเห็นถูกตรงตามได้
https://youtu.be/MJWfG-YoJGk
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คุณจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
คุณต้องย้อนเข้ามาดูตรงที่กายใจคุณมี
ไม่ใช่ส่งออกไปดูแต่ข้างนอกที่ไม่มีอยู่จริง
เพราะอริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
กำลังมีปรากฏให้รู้ได้เดี๋ยวนี้เท่านั้นจะรู้ถูกตัวตนตามได้
ต้องกำลังฟังและคิดตามอยู่เข้าใจความจริงตรง1สัจจะคือ
รู้ตรงทางตรงสัจจะที่กายใจกำลังมีตรงตัวจริงธัมมะคือเอกายโนมัคโค
ไม่ใช่ส่งออกไปกว้านอกุศลนอกตัวรู้ไหมคะสัญญาจำคำต่างๆได้มากเป็นอกุศลไม่รู้ตรงจริงค่ะ
พึ่งคิดตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีคืออาศัยฟังผู้อื่นกล่าวตามคำตถาคตให้คิดเห็นถูกตรงตามได้
https://youtu.be/MJWfG-YoJGk


คุณปฤษฎีหายไปไหน ช่วยพาคุณโรสกลับสำนักบ้านธัมมะทีเถอะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัดข้ามมานี่เลย

คนดี มีปัญญา ที่เรียกว่าบัณฑิต หรือสัตบุรุษนี้ เมื่อใครไปเสวนาคบหา หรือเมื่อเขาเองทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้ หรือความดีงามแก่ผู้อื่น ชักจูงให้ผู้อื่นมีความรู้ความเห็นถูกต้อง หรือให้มีศรัทธาที่จะถือตามอย่างตน อย่างใดอย่างหนึ่ง จะโดยการสั่งสอน การแนะนำ หรือกระจายความรู้ความเข้าใจนั้นออกไปทางหนึ่งทางใดก็ตาม ด้วยความปรารถนาดี ด้วยความเมตตากรุณา ก่อให้เกิดสัมมาทิฏฐิ และการประพฤติดีปฏิบัติชอบขึ้น ก็เรียกว่า เป็นกัลยาณมิตร

กัลยาณมิตร ในแง่ที่เป็นผู้ซึ่งคนอื่นควรเข้าไปคบหาเสวนา นอกจากจะกำหนดด้วยคุณสมบัติต่างๆ เท่าที่ได้กล่าวมาแล้ว อาจพิจารณาจากคุณธรรมหลักเพียง ๔ หรือ ๕ ประการ ที่ท่านกล่าวไว้ในความหมายของกัลยาณมิตตตา

กัลยาณมิตตตา คือ ความมีกัลยาณมิตรนั้น ท่านแสดงความหมายว่า ได้แก่ การเสวนา สังเสวนา คบหา ภักดี มีจิตใฝ่โน้มไปหาบุคคลที่มีศรัทธา มีศีล มีสุตะ คือเป็นพหูสูต มีจาคะ และมีปัญญา

ในบรรดาคุณธรรม ๕ อย่างนี้ บางแห่งท่านแสดงไว้เพียง ๔ เว้นสุตะ แสดงว่า สุตะมีความจำเป็นน้อยกว่าข้ออื่นอีก ๔ ข้อ และท่านขยายความเชิงแนะนำว่า เมื่อไปอยู่ในถิ่นใดก็ตาม ก็เข้าสนิทสนม สนทนา ปราศรัย ถกถ้อยปรึกษากับผู้ประกอบด้วยศรัทธา ผู้ประกอบด้วยศีล ผู้ประกอบด้วยจาคะ ผู้ประกอบด้วยปัญญา ศึกษาเยี่ยงอย่างศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา ของคนที่มีคุณสมบัติอย่างนั้นๆ * (ดู องฺ.อฏฺฐก.23/144/290)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
คุณต้องย้อนเข้ามาดูตรงที่กายใจคุณมี
ไม่ใช่ส่งออกไปดูแต่ข้างนอกที่ไม่มีอยู่จริง
เพราะอริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
กำลังมีปรากฏให้รู้ได้เดี๋ยวนี้เท่านั้นจะรู้ถูกตัวตนตามได้
ต้องกำลังฟังและคิดตามอยู่เข้าใจความจริงตรง1สัจจะคือ
รู้ตรงทางตรงสัจจะที่กายใจกำลังมีตรงตัวจริงธัมมะคือเอกายโนมัคโค
ไม่ใช่ส่งออกไปกว้านอกุศลนอกตัวรู้ไหมคะสัญญาจำคำต่างๆได้มากเป็นอกุศลไม่รู้ตรงจริงค่ะ
พึ่งคิดตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีคืออาศัยฟังผู้อื่นกล่าวตามคำตถาคตให้คิดเห็นถูกตรงตามได้
https://youtu.be/MJWfG-YoJGk


คุณปฤษฎีหายไปไหน ช่วยพาคุณโรสกลับสำนักบ้านธัมมะทีเถอะ :b32:

Kiss
ดูลมหายใจของตัวเองดีไหม
มันขาดหายไปทุกขณะ
ต่อให้นั่งดูลมไปจนตาย
ทุกชาติเลยก็ไม่รู้ว่า
นั่งๆอยู่เนี่ยตายแล้ว
ทุก1ขณะจิตก็ไม่รู้
เห็นความไม่รู้ไหม
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 24 เม.ย. 2019, 11:35, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
คุณต้องย้อนเข้ามาดูตรงที่กายใจคุณมี
ไม่ใช่ส่งออกไปดูแต่ข้างนอกที่ไม่มีอยู่จริง
เพราะอริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
กำลังมีปรากฏให้รู้ได้เดี๋ยวนี้เท่านั้นจะรู้ถูกตัวตนตามได้
ต้องกำลังฟังและคิดตามอยู่เข้าใจความจริงตรง1สัจจะคือ
รู้ตรงทางตรงสัจจะที่กายใจกำลังมีตรงตัวจริงธัมมะคือเอกายโนมัคโค
ไม่ใช่ส่งออกไปกว้านอกุศลนอกตัวรู้ไหมคะสัญญาจำคำต่างๆได้มากเป็นอกุศลไม่รู้ตรงจริงค่ะ
พึ่งคิดตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีคืออาศัยฟังผู้อื่นกล่าวตามคำตถาคตให้คิดเห็นถูกตรงตามได้
https://youtu.be/MJWfG-YoJGk


คุณปฤษฎีหายไปไหน ช่วยพาคุณโรสกลับสำนักบ้านธัมมะทีเถอะ :b32:

Kiss
ดูลมหายใจของตัวเองดีไหม
มันขาดหายไปทุกขณะ
ต่อให้นั่งดูลมไปจนตาย
ทุกชาติเลยก็ไม่รู้ว่า
นั่งๆอยู่เนี่ยตายแล้ว
ทุก1ขณะจิตก็ไม่รู้
เห็นความไม่รู้ไหม
:b32: :b32:



มาอีกแระลมหายใจ :b32: ถ้าเป็นแบบนี้ คุณโรสแนะนำเขายังไง

ลมหายใจหาย เหมือนไม่หายใจ

ผมฝึกนั่งสมาธิมาได้เกือบ 2 เดือนแล้วครับ แรกๆก็จับลมหายใจ คู่ กับ พุทโธ แต่ตอนนี้จับลมหายใจอย่างเดียวแล้ว พอถึงจุดหนึ่ง ลมหายใจค่อยๆหายจนเหมือนไม่หายใจ ความรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนขาดอากาศหายใจ
ผมก็ต้องพยายามหายใจตลอดเลยครับ เป็นแบบนี้ตลอด ไปต่อไม่ได้ ควรทำไงครับ หรือผมคิดไปเอง ขอความรู้หน่อยครับจะเอาไปปรับแก้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
คุณต้องย้อนเข้ามาดูตรงที่กายใจคุณมี
ไม่ใช่ส่งออกไปดูแต่ข้างนอกที่ไม่มีอยู่จริง
เพราะอริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
กำลังมีปรากฏให้รู้ได้เดี๋ยวนี้เท่านั้นจะรู้ถูกตัวตนตามได้
ต้องกำลังฟังและคิดตามอยู่เข้าใจความจริงตรง1สัจจะคือ
รู้ตรงทางตรงสัจจะที่กายใจกำลังมีตรงตัวจริงธัมมะคือเอกายโนมัคโค
ไม่ใช่ส่งออกไปกว้านอกุศลนอกตัวรู้ไหมคะสัญญาจำคำต่างๆได้มากเป็นอกุศลไม่รู้ตรงจริงค่ะ
พึ่งคิดตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีคืออาศัยฟังผู้อื่นกล่าวตามคำตถาคตให้คิดเห็นถูกตรงตามได้
https://youtu.be/MJWfG-YoJGk


คุณปฤษฎีหายไปไหน ช่วยพาคุณโรสกลับสำนักบ้านธัมมะทีเถอะ :b32:

Kiss
ดูลมหายใจของตัวเองดีไหม
มันขาดหายไปทุกขณะ
ต่อให้นั่งดูลมไปจนตาย
ทุกชาติเลยก็ไม่รู้ว่า
นั่งๆอยู่เนี่ยตายแล้ว
ทุก1ขณะจิตก็ไม่รู้
เห็นความไม่รู้ไหม
:b32: :b32:



มาอีกแระลมหายใจ :b32: ถ้าเป็นแบบนี้ คุณโรสแนะนำเขายังไง

ลมหายใจหาย เหมือนไม่หายใจ

ผมฝึกนั่งสมาธิมาได้เกือบ 2 เดือนแล้วครับ แรกๆก็จับลมหายใจ คู่ กับ พุทโธ แต่ตอนนี้จับลมหายใจอย่างเดียวแล้ว พอถึงจุดหนึ่ง ลมหายใจค่อยๆหายจนเหมือนไม่หายใจ ความรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนขาดอากาศหายใจ
ผมก็ต้องพยายามหายใจตลอดเลยครับ เป็นแบบนี้ตลอด ไปต่อไม่ได้ ควรทำไงครับ หรือผมคิดไปเอง ขอความรู้หน่อยครับจะเอาไปปรับแก้

Kiss
ลองทำความเข้าใจใหม่สิคะคำสอนตรงปัจจุบันขณะตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎกเลยค่ะมีแล้วไม่ได้ทำ
:b9:
ดูลมหายใจของตัวเองดีไหมมันขาดหายไปทุก1ขณะ
ต่อให้นั่งดูลมไปจนตายทุกชาติเลยก็ไม่รู้ว่า
นั่งๆอยู่เนี่ยตายแล้วทุก1ขณะจิตก็ไม่รู้
เห็นความไม่รู้ไหมขณิกมรณะและ
เดี๋ยวนี้เกิน1ขณะมีถึงแสนโกฏิขณะ
ตายแล้วทั้งแสนโกฏิขณะประมาทการฟังตายทิ้งเปล่าๆ
ดับแล้วเป็นอดีตแล้วเดี๋ยวนี้ไม่รู้ตลอดเวลาเพราะไม่ทำสุตมยปัญญาตรงขณะ
เพราะไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไงคะบอกว่าให้ฟังเพื่อเพิ่มปัญญาก่อนจิตออกจากร่างกายนี้
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ขณิกมรณะคือไม่มีแม้แต่ลมหายใจ
ที่ดูตัวเองเนี่ยมีลมตลอดน่ะ
ยึดตัวตนตามเห็นผิด
เห็นว่ามีตัวเราหายใจ
555มีกิเลสระดับอภิมหากิเลส
บอกให้คิดตามให้เข้าใจตรงขณะ
คำสอนของตถาคตฟังเพื่อเข้าใจ-ถูก-ตรง-ตาม-ได้เท่านั้นไม่ใช่ไปทำไม่รู้เพิ่ม
เดี๋ยวนี้จิตเกิดดับทีละ1ขณะแปลว่าตายแล้วยังรู้สึกว่ายังมีลมหายใจก็ตัวตนคิดเองไงคะคืออวิชชาไงคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ขณิกมรณะคือไม่มีแม้แต่ลมหายใจ
ที่ดูตัวเองเนี่ยมีลมตลอดน่ะ
ยึดตัวตนตามเห็นผิด
เห็นว่ามีตัวเราหายใจ
555มีกิเลสระดับอภิมหากิเลส
บอกให้คิดตามให้เข้าใจตรงขณะ
คำสอนของตถาคตฟังเพื่อเข้าใจ-ถูก-ตรง-ตาม-ได้เท่านั้นไม่ใช่ไปทำไม่รู้เพิ่ม
เดี๋ยวนี้จิตเกิดดับทีละ1ขณะแปลว่าตายแล้วยังรู้สึกว่ายังมีลมหายใจก็ตัวตนคิดเองไงคะคืออวิชชาไงคะ
:b32: :b32:

:b12:
เข้าใจไหมคะว่าปัญญามีไม่พอถึงยังเกิดอยู่
พอไปอ่านคำว่าไม่มีตัวตนก็จะไปทำให้ไม่มีตัวตน
คิดไม่รอบทุกด้านอยากรู้คำไหนอยากให้ตรงก็ไปทำหรือ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่ไม่มีใครสามารถคิดเองได้ต้องฟังแล้วคิดตาม
เพราะผู้ที่จะทำจนถึงปัญญาระดับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีเพียง1คนในจักรวาลนี้
ที่เหลือยังทำตามๆกันไปตามคิดเอาเองยังไงทำให้เป็นแบบพระองค์ไม่ได้พระองค์ตรัสรู้เพื่อมาบัญญัติทุกคำ
เพื่อให้ศึกษาให้เข้าใจตามคำสอนของพระองค์...จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมด้วยการฟังพระธรรม...
ทำปัญญาตามลำดับตามปกติฟังแล้วคิดไตร่ตรองตามเข้าใจสะสมปัญญาแล้วตอนไม่ฟังทำกิเลสเพิ่มเยอะ
:b16:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 13:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาไม่ได้มีความหมายว่าสูญ หรือไม่มีอะไร ว่างเปล่า นะคุณโรส :b32: :b32: :b32:

อนัตตาในความหมายที่แท้จริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน หมายถึง ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเรา ไม่ได้เป็นเรา ไม่ได้เป็นใคร เป็นของใคร เหมือนเคยบอกคุณโรสไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ไม่ใช่ความไม่มีตัวตนบุคคลใดที่สูญ แต่คือไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เหมือน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ที่หลุดลอกออกไปจะหมายเอาว่าเป็นเรา มีเราอยู่ในนั้นก็ไม่ได้ เมื่อมันหลุดลอกออกแต่เราก็ไม่ตาย ในนั้นไม่มีเรา เราไม่มีในนั้น นั่นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราสักแต่เป็นอาการหนึ่งๆที่มีลักษณะเฉพาะตัว อาศัยกรปรกันเกิดขึ้นมีความดำรงอยู่โดยความเป็นชีวิตรูป เพราะมีใจครองนั่นเอง อุปาทินนกรูปทั้งปวง เป็นต้น ในส่วนของนามก็พิจารณาในทำนองเดียวกัน ก็ถ้าความรู้สึกทั้งปวงคือเรา เมื่อความรู้สึกนั้นดับไป เราก็ย่อมตายตามไปด้วย ดังนี้ ในสิ่งนั้นจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่ได้หมายถึงความสูญ ไม่มีความตัวบุคคลใดในทางที่สูญแต่อย่างใดครับ

สายพระป่าท่านจะสอนสติปัฏฐานโดยตรง จะมีหลายวิชาที่ไม่ใช่แค่ท่องจำบรรพต่างๆ แต่เป้นทางเดินที่เข้าไปปฏิบัติให้รู้เห็นตามจริง โดยจะต่างจากการท่องจำปริยัติ ทการท่องจำมันดีนะครับแต่แค่จำมาโม้ไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์แท้จริงตามที่พระศาสดาตรัสสอน สิ่งนั้นก็ไม่มีประโยชน์แก่คนนั้น ทั้งๆที่เป็นของสูงค่ายิ่ง :b18: :b18: :b18:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 13:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่คุณโรสกับท่านกรัซกายก็เหมาะสมกันนะครับ เนื้อคู่กันแน่ๆ แต่ท่านทั้ง 2 ก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยกันมา :b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2019, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
ท่านกรัซกายกับคุณโรสคงเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ :b32: :b32: :b32:

:b12:
เวรกรรมที่โลกสร้างมาให้เจอกันทั้งลานธรรมจักรเนี่ยแหละ...มีคนที่ไหนมีแต่ความคิดหลากหลายดับแล้ว
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร