วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2019, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นพ.รัตนพันธุ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า วานนี้ (28 มิ.ย.62) หลังสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ฟอกไตเสร็จแล้ว จะไอแต่พยายามกลั้นไว้ ส่งผลให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาโต้กลับ กระตุ้นให้หัวใจเต้นช้าลง ทำให้ท่านซึ่งเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งนี้ แนะนำคนที่เป็นโรคหัวใจอย่ากลั้นไอ เพราะเสี่ยงหัวใจเต้นช้าลง จนหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

https://pbs.twimg.com/media/D-N6MIGUIAE ... name=small

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2019, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พบแล้ว! ร่าง นศ.สาว โดดสะพานขัวพญาเม็งราย หลังจากเจ้าหน้าที่นับร้อยร่วมกันค้นหานานกว่า 5 ชั่วโมง ญาติเผยสุดเศร้า อยู่ระหว่างเข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้า

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2019, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
‘เมฆ วินัย’ เปิดใจหลังป่วยเป็นโรคเพมพิกอยด์ (โรคตุ้มน้ำพอง) ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ตุ่มขึ้นทั่วร่างกายเป็น 1 ใน 4 แสนคน มี 10 คนในเมืองไทย

รูปภาพ


มันขึ้นทุกที่ ขึ้นหัว ขึ้นหน้า ขึ้นคอ ขึ้นจั๊กแร้ ขึ้นที่ฝ่าเท้า ขึ้นที่ก้น ขึ้นที่ขาหนีบ ขึ้นที่โหนก ขึ้นทุกที่ที่มันขึ้นได้ ยกเว้นอวัยวเพศที่มันไม่ขึ้น หรือยังไม่ขึ้นก็ไม่รู้ :b16:

https://oneup-news.com/2019/06/15/b1-06 ... %E0%B8%A2/

หมอแจง โรคตุ่มน้ำพอง ไม่ใช่โรคหายาก ชี้มีทางรักษา แนะวิธีสังเกตอาการ!

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_2621738



อ้างคำพูด:
ศ.ดร.นพ.ประวิตร กล่าวว่า โรคผิวหนังมีจำนวนหลายพันโรค เพราะผิวหนัง เป็นอวัยวะที่อยู่ภายนอก
เมื่อเกิด ผื่น ตุ่ม ฝี หรือมีร่องรอยต่างๆ มักจะเห็นได้ง่าย จึงทำให้มีการตั้งชื่อโรคผิวหนังต่างๆ มากมาย
บางชื่อ อาจไม่เป็นที่คุ้นหูมากนักสำหรับคนไทย อาทิ เพมฟิกอยด์ ทำให้เข้าใจว่า เป็นโรคใหม่ ทั้งๆ ที่จริงมีมานานแล้ว
ร่างกายของแต่ละคน มักมีโอกาสทำงานผิดปกติ โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว อาจเนื่องมาจากสาเหตุที่ระบบอื่นๆ ในร่างกายเข้ามาจัดการควบคุมดูแลกันเอง ทำให้ไม่มีอาการแสดงออกมา ภูมิต้านทานของคนเรานั้น มีหน้าที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม และมะเร็ง

แต่บางครั้งภูมิต้านทานเหล่านี้ ก็จำผิด เลยกลับมาทำอันตรายอวัยวะของตนเอง หรือ เรียกว่า ภูมิเพี้ยน

ศ.ดร.นพ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้ภูมิเพี้ยน อาทิ ติดไวรัสบางตัว ทานยาบางตัว ทำให้สร้างภูมิคุ้มกันเพี้ยนขึ้นมา
แต่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นเอง โดยไม่มีสาเหตุ ภูมิคุ้มกัน สามารถทำงานผิดพลาดได้ตลอดเวลา โดยโรคนี้ ไม่มีวิธีป้องกัน เพราะเราไม่มีทางทราบว่า ภูมิคุ้มกันร่างกาย จะเพี้ยนตอนไหน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้จิตตก

ในส่วนของโรคตุ่มน้ำพอง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้ไม่บ่อย แต่ก็ไม่ใช่โรคหายาก สาเหตุเกิดจากความผิดปกติ ของระบบภูมิคุ้มกัน ที่มาทำลายโครงสร้าง ที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนัง หลุดออกจากกัน กลายเป็นตุ่มน้ำ และแผลถลอกรอยโรคสามารถพบได้ทั้งผิวหนัง และเยื่อบุ โรคที่พบบ่อย มี 2 กลุ่ม ได้แก่ โรคเพมฟิกัส และโรคเพมฟิกอยด์

โรคเพมฟิกัส มักพบในช่วงอายุ 50-60 ปี มีความผิดปกติที่ชั้นผิวหนังกำพร้า จะเกิดในผิวหนังชั้นตื้นกว่า แต่อาจกินบริเวณกว้าง ผู้ป่วย จึงมีแผลเสมือนถูกน้ำร้อนลวกเป็นบริเวณกว้าง และผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักมีแผลถลอกในช่องปากร่วมด้วย มีอาการเจ็บ และอาจพบแผลถลอกที่เยื่อบุบริเวณอื่นได้ เช่น ทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องคลอดและอวัยวะเพศ ที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ แตกได้ง่าย กลายเป็นแผลถลอก มีอาการปวดแสบมาก เมื่อแผลหายมักทิ้งรอยดำ โดยไม่เป็นแผลเป็น


……………

อ้างคำพูด:
ผมหลอกแม่กว่า 2 เดือน ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ที่ผ่านมา ผมนอนรักษาโรงพยาบาลเป็นเดือน ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ยาที่ใช้รักษาก็ราคาสูง ผมจึงคุยกับภรรยาว่า หากผมไม่ดีขึ้นเลย ให้ขายที่ดิน แล้วนำเงินไปเลี้ยงลูก
ผมจึงอยากฝากถึงรัฐบาล ให้นำยาตัวนี้มารักษาในโรงพยาบาล เพราะคนไทยไม่ได้ร่ำรวยทุกคน ผมโชคดีที่มีแฟนคลับ ผมอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะแฟนคลับ กลุ่มนักวิ่ง ทีมแพทย์ พยาบาล ทุกๆคน ที่ดูแลผมเป็นประจำ ภรรยา และครอบครัว ที่ส่งกำลังใจมามากมาย และส่งเงินมาช่วยเหลือกันเป็นจำนวนกว่าครึ่งล้าน จนสามารถนอนโรงพยาบาลนี้ได้อีก 2 เดือนเลย แฟนคลับบอกกับผมว่า รักษาตัวเองให้หาย ไม่หายไม่ต้องออก



อ้างคำพูด:
ด้าน ... ภรรยา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมาเราให้กำลังใจกันมาตลอด รู้สึกสงสาร เพราะโรคนี้มันทรมานมาก


นี่คือโรคทางด้านร่างกาย มีสารพัดโรค โรคบางอย่างเป็นแล้วรักษาตลอดชีวิต บางโรครักษาจนเงินทองที่สะสมไว้หมดเกลี้ยง เงินหมดก็ตาย ดังนั้น ความไม่มีโรคจึงเป็นลาภอันประเสริฐ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2019, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในที่นี้ เรามาเรียนรู้ศัพท์ธรรมะกัน

บัญญัติ การตั้งขึ้น, ข้อที่ตั้งขึ้น, การกำหนดเรียก, การเรียกชื่อ, การวางเป็นกฎไว้, ข้อบังคับ

อ้างคำพูด:
ศ.ดร.นพ.ประวิตร กล่าวว่า โรคผิวหนังมีจำนวนหลายพันโรค เพราะผิวหนัง เป็นอวัยวะที่อยู่ภายนอก
เมื่อเกิด ผื่น ตุ่ม ฝี หรือมีร่องรอยต่างๆ มักจะเห็นได้ง่าย จึงทำให้มีการตั้งชื่อโรคผิวหนังต่าง ๆ มากมาย
บางชื่อ อาจไม่เป็นที่คุ้นหูมากนักสำหรับคนไทย อาทิ เพมฟิกอยด์ ทำให้เข้าใจว่า เป็นโรคใหม่ ทั้งๆ ที่จริงมีมานานแล้ว



เดิมทีเดียวไม่มีชื่อเรียก หลังจากพบสมุฏฐานของโรคแล้ว ก็ตั้งชื่อให้มัน ลักษณะอย่างนี้อาการอย่างนี้ ชื่อว่า โรค...นี่แหละทางธรรมเรียกว่า "บัญญัติ" อย่างนี้ ชื่อว่า เพมฟิกอยด์

ทีนี้ก็นำไปเทียบกับชื่อคน ชื่อนั่นนี้ได้หมด เช่น คุณโรส ใช้ชื่อในลานนี้ Rorin บิ๊กทู่ กบนอกกะลา กรัชกาย เป็นต้น นี่แหละบัญญัติ

นี่เขาก็บัญญัติเรียกว่า บิ๊กไบค์

รูปภาพ

ข่าวมีว่า
อ้างคำพูด:
เด็กชายวัย 13 ปี เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ คาวาซากิ ZX10R 1,000 ซี.ซี. ซึ่งขี่มาด้วยความเร็วสูง จนกระทั่งมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ก็ได้ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์คันหนึ่งที่วิ่งมาตามทาง จากนั้นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ได้ไถลไปชนกับรถยนต์อีกคัน จนเป็นเหตุให้เด็กชายบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าขาด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว


เมื่อมันแหลกละเอียดอย่างนั้นแล้ว คนซื้อของเก่าก็เรียก เศษเหล็ก :b13: รับซื้อเป็นกิโล กิโลละๆ 75 ส.ต. แม้ว่าตอนซื้อมาร้านคันละเป็นแสนก็ตาม

เมื่อพูดยังงี้ มองไปทางธรรมก็เรียกว่า สมมติ อีก ถ้าไม่สมมติเรียกของสิ่งนี้ ชื่อว่า...ก็พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2019, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ : การต่อสู้กับมะเร็ง และความหวังสุดท้ายต่อสังคมการเมืองไทย

"ก่อนผมตาย... อยากจะเห็นประเทศไทยดีกว่าที่มันเป็นอยู่" ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตสมาชิกวุฒิสภาวัย 71 ปี พูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก เพราะก้อนเนื้อร้ายในลำคอโตขึ้นจนทำให้การพูดเป็นไปด้วยความยากลำบาก


https://www.bbc.com/thai/49310446?SThis ... 8doAr3Jleo

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2019, 01:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


[๒๒๗] เราได้ถวายโรงไฟแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี ได้ถวายอาวาสและ
เครื่องรองรับน้ำร้อนแก่ภิกษุอาพาธ ด้วยกรรมนั้น อัตภาพของเราอันผู้มี
ฤทธิ์นิรมิตดีแล้ว เราไม่รู้สึกป่วยไข้เลย นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม ในกัลป
ที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เราได้ถวายโรงไฟ ในกาลนั้น ด้วยการถวายโรงไฟนั้น
เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายโรงไฟ และในกัลปที่ ๗ แต่
กัลปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง เป็นจอมแห่งชน สมบูรณ์
ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้
ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอพยาธิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ อพยาธิกเถราปทาน.

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2019, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุทาหรณ์ดื่มเหล้าหนัก ป่วยจนต้องดูดเลือดออกจากกระเพาะอาหาร อย่าประมาทต่อชีวิต

***ภาพเหล่านี้ได้รับการอนุญาตจากผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยแล้วนะครับ***

น้ำสีแดงในชามนั้น คือเลือดที่ดูดออกจากกระเพราะอาหารของคนไข้ ปริมานเลือดน่าจะ 1,000 CC ได้ครับ
.
ทำไมถึงต้องดูดเลือดออกขนาดนี้ แล้วดูดเลือดทำไม ??
.
คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ ผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลด้วยอาการแบบนี้ คือคนที่เป็น ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ ฯลฯ
.
ซึ่งหมายถึงคนที่มีประวัติดื่มเหล้าดื่มเบียร์เป็นประจำ
.
ผู้ป่วยคนนี้ครับ เป็นคุณลุงเลิกเหล้ามาแล้ว 3 ปี แต่ก็ยังไม่รอดครับ เพราะแม้จะเลิกเหล้า แต่ตัวโรคมันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ มาทีละนิดเป็นเวลาเป็นปี และจึงเริ่มออกอาการ
.
แม้ตอนนี้คุณยังแข็งแรงดี สภาพร่างกายฟิต ดื่มได้ทุกวัน เหล้าเพียวยกได้ยกเอา ดื่มยันสว่าง อีก 3 ปีข้างหน้า ตับคุณอาจจะแข็งและเป็นอย่างในรูปภาพได้ครับ

ไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เตือนสติในการดื่ม เพื่อไม่ให้ประมาทต่อชีวิตและร่างกายของตัวเองครับ

สุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดคือคนที่รักเราครับ แท็กคนที่เรารักเถอะ ก่อนจะสายเกินไป


รูปภาพ


https://www.bugaboo.tv/watch/457749?fbc ... 8_Og9TgTgc

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2019, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
โรคที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคกิเลส
โรคไม่รู้ที่ฝังในจิตมีแล้วไม่ทำอะไร
ก็มีแล้วมาตั้งแต่เกิดแค่มีลมหายใจก็มีไม่รู้
เพราะไม่รู้จึงอยู่มาในหล้าโลกเพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในสงสาร
เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานานเพราะไม่รู้จึงคบพาลในตนเผาผลาญจิตตนเอง
ไม่รู้ว่าพาลอยู่ภายในจิตตนที่เพ่งโทษส่งออกไปกวาดอกุศลนอกตนมาทับถมลงในจิตตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเข้าใจได้สะสมเป็นปัญญาบารมีเพิ่มขึ้นได้ทีละน้อย
https://youtu.be/ED7FcWnqfFM
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2019, 01:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
โรคที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคกิเลส
โรคไม่รู้ที่ฝังในจิตมีแล้วไม่ทำอะไร
ก็มีแล้วมาตั้งแต่เกิดแค่มีลมหายใจก็มีไม่รู้
เพราะไม่รู้จึงอยู่มาในหล้าโลกเพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในสงสาร
เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานานเพราะไม่รู้จึงคบพาลในตนเผาผลาญจิตตนเอง
ไม่รู้ว่าพาลอยู่ภายในจิตตนที่เพ่งโทษส่งออกไปกวาดอกุศลนอกตนมาทับถมลงในจิตตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเข้าใจได้สะสมเป็นปัญญาบารมีเพิ่มขึ้นได้ทีละน้อย
https://youtu.be/ED7FcWnqfFM
onion onion onion


"ในภพที่เราเป็นมโหสถผู้เป็นทรัพย์ของรัฐกุลฑลตัณฑิละและนกกระทาบารมีเหล่านี้ เป็นปัญญาอุปบารมี

ในภพที่เราเป็นวิธูรบัณฑิตและสุริยพราหมณ์มาตังคะ ผู้เป็นศิษย์เก่าของอาจารย์บารมีทั้ง ๒ ครั้งนี้ เป็นปัญญาบารมี

ในภพที่เราเป็นพระราชาผู้มีศีล มีความเพียร เป็นผู้ก่อให้เกิดสัตตุภัสตชาดก บารมีนี้แล
เป็นปัญญาปรมัตถบารมี"

คุณยายจะต้องสะสมปัญญาบารมีไปอีกนานนะคะ

กว่าจะเป็นปรมัตถ์บารมี

เพราะคุณยายไม่เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ ปัญญาเจตสิก

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2019, 02:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองตรองดูนะค๊ะ คุณยาย ถ้าไม่สำคัญ พระพุทธองค์ไม่กล่าว ไม่มีสาระพระพุทธองค์ไม่ตรัส
จากพระชาติ สุเมธดาบส สะสมปัญญาบารมี อุปบารมี กว่าจนเป็นปรมัตถ์บารมี
ต้องใช้เวลาอีกกี่พระชาติ
กว่าจะถึงคืนวันทรงตรัสรู้


tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2019, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
โรคที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคกิเลส
โรคไม่รู้ที่ฝังในจิตมีแล้วไม่ทำอะไร
ก็มีแล้วมาตั้งแต่เกิดแค่มีลมหายใจก็มีไม่รู้
เพราะไม่รู้จึงอยู่มาในหล้าโลกเพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในสงสาร
เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานานเพราะไม่รู้จึงคบพาลในตนเผาผลาญจิตตนเอง
ไม่รู้ว่าพาลอยู่ภายในจิตตนที่เพ่งโทษส่งออกไปกวาดอกุศลนอกตนมาทับถมลงในจิตตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเข้าใจได้สะสมเป็นปัญญาบารมีเพิ่มขึ้นได้ทีละน้อย
https://youtu.be/ED7FcWnqfFM
onion onion onion


สำนักสุดโต่ง โรคมีสองอย่าง คือ โรคทางกาย ๑ โรคทางใจ ๑ :b1:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2019, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โรคที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคกิเลส
โรคไม่รู้ที่ฝังในจิตมีแล้วไม่ทำอะไร
ก็มีแล้วมาตั้งแต่เกิดแค่มีลมหายใจก็มีไม่รู้
เพราะไม่รู้จึงอยู่มาในหล้าโลกเพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในสงสาร
เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานานเพราะไม่รู้จึงคบพาลในตนเผาผลาญจิตตนเอง
ไม่รู้ว่าพาลอยู่ภายในจิตตนที่เพ่งโทษส่งออกไปกวาดอกุศลนอกตนมาทับถมลงในจิตตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเข้าใจได้สะสมเป็นปัญญาบารมีเพิ่มขึ้นได้ทีละน้อย
https://youtu.be/ED7FcWnqfFM
onion onion onion


สำนักสุดโต่ง โรคมีสองอย่าง คือ โรคทางกาย ๑ โรคทางใจ ๑ :b1:

รูปภาพ




ปรมัตถ์ธรรมโดยสังเขป ฉบับล่าสุดมั๊งคะ



tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2019, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


โรค ในที่นี้ก็คือกาย
ซึ่งเปรียบดังโรค เป็นดังลูกศร เปรียบดังฝี หัวหนอง เป็นสิ่งที่คับแค้น เป็นสิ่งเบียดเบียน

กายมี 2 อย่างคือ รูปกาย และ นามกาย
ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์

การจะบรรลุความไม่มีโรค คือนิพพาน ได้นั้น

ก็คือการละอุปาทานในอุปาทานขันธ์
เมื่ออุปาทานดับ ภพย่อมดับ
เมื่อภพดับ ความเกิดย่อมดับ
เมื่อความเกิดไม่มี ความแก่ ความตาย ความทุกข์ไรๆ ย่อมไม่มี

ซึ่งอาศัยหนทางอันประเสริฐ 8 ประการ
เป็นปัจจัย จึงจะละอุปาทานได้

คำของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ที่ว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
นิพพานเป็นสุข อย่างยิ่งจึงไม่ได้หมายความถึงความเป็นผู้มีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ดังที่ปุถุชนทั้งหลายกล่าวกัน ที่คนทั้งหลายคิดว่าความไม่มีโรคหรือความเจ็บป่วยทางกายนี่คือสุขแล้ว คือนิพพานแล้ว

แต่หมายเอาพระนิพพานอันไม่มีปฏิสนธิ ซึ่งเป็นสภาวะดับทุกข์โดยรอบ โดยส่วนเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2019, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
โรค ในที่นี้ก็คือกาย
ซึ่งเปรียบดังโรค เป็นดังลูกศร เปรียบดังฝี หัวหนอง เป็นสิ่งที่คับแค้น เป็นสิ่งเบียดเบียน

กายมี 2 อย่างคือ รูปกาย และ นามกาย
ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์


การจะบรรลุความไม่มีโรค คือนิพพาน ได้นั้น

ก็คือการละอุปาทานในอุปาทานขันธ์
เมื่ออุปาทานดับ ภพย่อมดับ
เมื่อภพดับ ความเกิดย่อมดับ
เมื่อความเกิดไม่มี ความแก่ ความตาย ความทุกข์ไรๆ ย่อมไม่มี

ซึ่งอาศัยหนทางอันประเสริฐ 8 ประการ
เป็นปัจจัย จึงจะละอุปาทานได้

คำของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ที่ว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
นิพพานเป็นสุข อย่างยิ่งจึงไม่ได้หมายความถึงความเป็นผู้มีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ดังที่ปุถุชนทั้งหลายกล่าวกัน ที่คนทั้งหลายคิดว่าความไม่มีโรคหรือความเจ็บป่วยทางกายนี่คือสุขแล้ว คือนิพพานแล้ว

แต่หมายเอาพระนิพพานอันไม่มีปฏิสนธิ ซึ่งเป็นสภาวะดับทุกข์โดยรอบ โดยส่วนเดียว


ไม่เอาความคิดนี้มาแต่ไหน ถ้าจะให้พูดตรงๆนะ คือ ยกเอาหลักมา ยกมาแล้วเข้าใจผิดบ้างถูกบ้าง

อ้างคำพูด:
โรค ในที่นี้ก็คือกาย


โรคก็โรค ไม่ใช่กาย ร่างกาย ก็ร่างกาย ไม่ใช่โรค นี่เล่นไปพูดว่า โรค คือกาย :b32: นี่เข้าใจผิด

อ้างคำพูด:
กายมี 2 อย่างคือ รูปกาย และ นามกาย
ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์


นี่เข้าใจผิด มั่ว

นามกาย ก็คือนามธรรม ได้แก่ เจตสิก

รูปกาย ก็คือรูป รูปขันธ์ หรือร่างกายนั่นเอง ที่เหลือก็เป็นนามธรรม จะเรียกนามกายก็เอา ซึ่งมันมีเจตสิกอยู่ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2019, 16:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดูพุทธพจน์สั้นๆ

ภิกษุทั้งหลาย โรค มี ๒ อย่าง คือ โรคทางกาย และโรคทางจิต

"สัตว์ที่ยืนยันได้ว่าตนปราศจากโรคทางจิต แม้เพียงครู่หนึ่งนั้น หาได้ยาก ยกเว้นแต่พระขีณาสพ" (องฺ.จตุกฺก.21/156/192)

โรคทางกายมีร้อยแปดจารไนไม่หวาดไหว เช่น โรคปอด โรคตับ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ฯลฯ โรคทางจิต ท่านหมายถึงกิเลส

อีกแห่งหนึ่งที่สอนนกุลบิดา


พุทธพจน์ที่สอนคหบดีผู้เฒ่าคนหนึ่งว่า

"ท่านพึงฝึกสอนตน ดังนี้ว่า: ถึงแม้ร่างกายของเราจะป่วยออดแอด แต่จิตของเราจักไม่ป่วยออดแอดไปด้วย" (สํ.ข.17/2/3)


ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน เป็นโรคทางกายหรือโรคทางจิต นึกออกไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร