วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 04:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อจาก


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57536


ประเภทของความรู้

เมื่อพูดถึงกระบวนการรับรู้แล้ว ก็ควรกล่าวถึงประเภทของความรู้ไว้ด้วย แม้ว่าจะต้องกล่าวถึงอย่างย่นย่อก็ตาม

ว่าตามแนวพุทธธรรม อาจแยกประเภทของความรู้ได้หลายนัย ดังนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก. จำแนกโดยสภาวะ หรือ โดยธรรมชาติของความรู้


วิธีจำแนกตามสภาวะอย่างง่ายๆ ก็คือ จำแนกตามหลักขันธ์ ๕

ความรู้เป็นนามธรรมจำพวกหนึ่ง ซึ่งกระจายอยู่ในนามขันธ์ (ขันธ์ที่เป็นนามธรรม หรือ หมวดนามธรรม) ๓ ขันธ์ คือ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์

ความรู้ที่จำแนกตามสภาวะของขันธ์ ได้แก่ สัญญา วิญญาณ และปัญญา

๑. สัญญา คือ ความรู้ทั้งหมดที่อยู่ในสัญญาขันธ์ ได้แก่ ความกำหนดได้ หมายรู้ รวมทั้งความรู้ที่เกิดจากการกำหนดหมาย หรือหมายรู้แล้วบันทึกเก็บรวมไว้เป็นวัตถุดิบของความคิดต่อๆไป ทำให้มีการรู้จัก จำได้ รู้ เข้าใจ และคิดได้ยิ่งๆขึ้นไป

สัญญา แบ่งตามอารมณ์ คือ สิ่งที่หมายรู้ หรือ กำหนดจดหมายไว้ มี ๖ ชนิด คือ

รูปสัญญา (สัญญาเกี่ยวกับรูป)

สัททสัญญา (สัญญาเกี่ยวกับเสียง)

คันธสัญญา (สัญญาเกี่ยวกับกลิ่น)

รสสัญญา (สัญญาเกี่ยวกับรส)

โผฏฐัพพสัญญา (สัญญาเกี่ยวกับสิ่งต้องกาย)

ธัมมสัญญา (สัญญาเกี่ยวกับเรื่องในใจ หรือสิ่งที่ใจรู้ และนึกคิด)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าโดยสภาพปรุงแต่ง สัญญาอาจแบ่งคร่าวๆ ได้ ๒ ระดับ คือ

๑) สัญญาขั้นต้น ได้แก่ ความหมายรู้ลักษณะอาการตามสภาวะของสิ่งนั้นๆ โดยตรง เช่น หมายรู้ สีเขียว ขาว ดำ แดง แข็ง อ่อน รสเปรี้ยว หวาน รูปร่างกลม แบน ยาว สั้น เป็นต้น * รวมทั้งความหมายรู้เกี่ยวกับบัญญัติต่างๆว่า แมว ว่าโต๊ะ ว่าเก้าอี้ ฯลฯ

๒) สัญญาซ้อนเสริม ได้แก่ ความหมายรู้ไปตามความคิดปรุงแต่ง * หรือตามความรู้ความเข้าใจในระดับต่างๆ เช่น หมายรู้ว่า สวย ว่าน่าเกลียด น่าชัง ว่าไม่เที่ยง ว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นต้น

ถ้าแยกย่อยออกไป สัญญาซ้อนเสริม หรือสัญญาสืบทอดนี้ ก็แบ่งได้เป็น ๒ พวกคือ

@สัญญาซึ่งเกิดจากความคิดปรุงแต่งที่เป็นอกุศล เรียกปปัญจสัญญา คือสัญญาฟ่ามเฝือ หรือสัญญาซับซ้อนหลากหลาย ซึ่งเกิดจากการแต่งเสริมเติมต่อให้พิสดาร ของตัณหา มานะ และทิฏฐิ เรียกอีกอย่างหนึ่ง ตามสำนวนอรรถกถาบางแห่งว่า กิเลสสัญญา แปลว่า สัญญาที่เกิดจากกิเลส หรือ สัญญาที่ประกอบด้วยกิเลส (สัญญาเจือกิเลส)
สัญญาพวกนี้ ถูกกิเลสปรุงแต่งให้ฟั่นเฝือ และห่างเหเฉไฉออกไปจากทางแห่งความรู้ ไม่เป็นเรื่องของความรู้ แต่เป็นเรื่องของการที่จะให้เกิดโลภะ โทสะ โมหะ แทนที่จะช่วยให้เกิดความรู้ กลับเป็นเครื่องปิดกั้นบิดเบือนความรู้ ดังได้เคยอธิบายแล้วข้างต้น
ยกตัวอย่าง เช่น หมายรู้ลักษณะที่ตนถือว่าน่าชัง หมายรู้ลักษณะอาการที่สนองความอยากได้อยากเอา หมายรู้ลักษณะอาการที่ตนเป็นคนยิ่งใหญ่ หมายรู้ลักษณะอาการในผู้อื่นที่ตนถือว่าต่ำต้อยด้อยกว่า หมายรู้ภาวะที่ตนเป็นเจ้าของ เป็นผู้ครอบครอง ฯลฯ


@สัญญาที่เกิดจากความคิดดีงาม หรือเกิดจากความรู้ความเข้าใจถูกต้อง เรียกว่า กุศลสัญญาบ้าง วิชชาภาคิยสัญญา (สัญญาที่ช่วยให้เกิดวิชชา) บ้าง หรือเรียกชื่ออื่นๆในทำนองนี้บ้าง
เป็นสัญญาที่ช่วยส่งเสริมความเจริญปัญญา และความงอกงามแห่งกุสลธรรม เช่น หมายรู้ลักษณะอาการที่ชวนให้เกิดความเป็นมิตร หมายรู้ลักษณะอาการ ซึ่งแสดงภาวะที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ภาวะที่เป็นของไม่เที่ยง ภาวะที่ไร้ตัวตน เป็นต้น

พระอรหันต์ก็มีสัญญา แต่เป็นสัญญาที่ปราศจากอาสวะ คือสัญญาไร้กิเลส * (ดู ม.อุ.14/341/232) พระอรหันต์ก็หมายรู้ปปัญจสัญญาตามที่ปุถุชนเข้าใจ หรือ ตามที่ท่านเองเคยเข้าใจเมื่อครั้งยังเป็นปุถุชน
แต่ท่านหมายรู้เพียงเพื่อเป็นความรู้ เพื่อใช้ประโยชน์ เช่น ในการช่วยแก้ไขปัญหาของผู้อื่น ไม่หมายรู้ในแง่ที่จะมีตัวตนออกรับความกระทบ แม้ผู้ปฏิบัติธรรมก็พึงดำเนินตามแนวทางเช่นนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่อ้างอิง * คคห. บนตามลำดับ

*เรียกว่า ปัญจทวาริกสัญญา แปลว่า สัญญาที่เป็นไปทางปัญจทวาร คือ ความหมายรู้เกี่ยวกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ สัญญาอื่นๆต่อจากนี้ไป เป็นสัญญาทางมโนทวารทั้งหมด

* ตัวอย่างแสดงสัญญาที่ เกิดจากความคิดปรุงแต่ง “เมื่อดำรงอยู่ในสัญญาอย่างยอด (สัญญาละเอียดประณีตสุด) ก็เกิดมีความคิดว่า เมื่อเราคิดจำนง ก็จะมีแต่เสีย เราไม่คิดจำนง จะดีกว่า หากว่าเราจะพึงคิดจำนงคิดปรุงแต่ง สัญญาเหล่านี้ก็คงจะดับไปเสีย และสัญญาอื่นที่หยาบก็จะพึงเกิดขึ้น อย่ากระนั้นเลย เราจะไม่จำนงละ จะไม่คิดปรุงแต่งละ" (ที.สี.9/286/229) สัญญาอย่างยอด = อากิญจัญญายตนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสดูแล้วทำความเข้าใจความหมาย คำว่า สัญญาให้ชัด แยกให้ชัด เอาให้ชัดเบยนะขอรับนะ :b35: ถ้าเรื่องนี้ยังคลุมๆเครือๆ อีกหน่อยจะจำเลขที่บ้านไม่ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 18:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย


เบื้องต้นทำความเข้าใจที่หัวข้อ "อรรถธรรมสัมพันธ์" ที่นี่ก่อน

viewtopic.php?f=1&t=57366&p=443137#p443137

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย



ก้าวต่อไปลงมือพิสูจน์เรียนรู้ด้วยตนเอง คือ ปฏิบัติเลย เพื่อให้รู้ว่าเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน น่ะมันไม่เที่ยงมันแปรปรวนยังไง มันเป็นทุกข์ยังไง แล้วที่ว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่นน่ะ จริงๆแล้วขณะที่ประสบทุกขเวทนา เรายึดไหม ต้องลองดู

เวทนานุปัสสนา สติตามดูเวทนา คือ ความรู้สึกสุขทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นอารมณ์ โดยรู้เท่าทันว่า เวทนานี้ก็สักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน เรา เขา (ข้อ ๒ ในสติปัฏฐาน ๔)

ตัวอย่างประกอบ

อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนว.......... คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรมและให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฏิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆ เล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้า วิ่งอยู่ตลอดเวลา เป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมา ดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน
บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ ว่า รู้สึกอย่างไร
อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไปคิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่า ผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ


ตัวอย่างนี้ประสบทุกขเวทนา คิดอุเบกขาได้แต่คิดอุเบกขาไม่ประสบความสำเร็จ แสดงว่ายึดมั่นถือมั่นอยู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 19:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย



ก้าวต่อไปลงมือพิสูจน์เรียนรู้ด้วยตนเอง คือ ปฏิบัติเลย เพื่อให้รู้ว่าเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน น่ะมันไม่เที่ยงมันแปรปรวนยังไง มันเป็นทุกข์ยังไง แล้วที่ว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่นน่ะ จริงๆแล้วขณะที่ประสบทุกขเวทนา เรายึดไหม ต้องลองดู

เวทนานุปัสสนา สติตามดูเวทนา คือ ความรู้สึกสุขทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นอารมณ์ โดยรู้เท่าทันว่า เวทนานี้ก็สักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน เรา เขา (ข้อ ๒ ในสติปัฏฐาน ๔)

ตัวอย่างประกอบ

อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนว.......... คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรมและให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฏิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆ เล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้า วิ่งอยู่ตลอดเวลา เป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมา ดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน
บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ ว่า รู้สึกอย่างไร
อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไปคิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่า ผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ


ตัวอย่างนี้ประสบทุกขเวทนา คิดอุเบกขาได้แต่คิดอุเบกขาไม่ประสบความสำเร็จ แสดงว่ายึดมั่นถือมั่นอยู่



ลุงกรัชกาย .. ต้อนเตือนเค้านะครับ การฝังเข็มมันอันตราย

ดูเวทนาในร่างกายแล้วอุเบกขา อันนี้เค้าไม่อุเบกขานะครับ ถ้าดูแล้วอุเบกขาเห็นไตรลักษณ์
เห็นวิปัสสนาญาณไปแล้ว ถ้าดูเวทนามันไม่อุเบกขาไม่สงบไปดูหมวดอื่นเถอะ

สิ่งที่ช่วยให้กายจิตสงบคือความสบายใจ ความอิ่มเอิบใจ ต้องหากรรมฐานให้ใจอยูในอารมณ์อันดี
เช่นอนุสติ ๑๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย


เบื้องต้นทำความเข้าใจที่หัวข้อ "อรรถธรรมสัมพันธ์" ที่นี่ก่อน

viewtopic.php?f=1&t=57366&p=443137#p443137

หลักการและจุดมุ่งหมาย ... เพียงเท่านั้นหรอครับ พอดีผมไปอ่านมิลินทปัญหา พระนาคเสน
สาธยายเรื่องพระอรหันต์ผู้พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ พูดถึงปฏิสัมภิทาแต่ละอย่างพิศดารมากซึ่ง
ผมไม่เคลียร์เลยอยากเข้าใจให้กระจ่าง

ยกมาเลยละกัน
พระภิกษุอันได้พระปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ จะเข้าสู่บริษัท ๔ ก็องอาจไม่สะดุ้งตกใจนั้น
แท้จริงอันว่าพระภิกษุได้พระปฏิสัมภิทา ๔ นึกในใจว่า ถ้าบริษัทถามอาตมาโดยอรรถ ก็จะแก้
โดยอรรถ ถามอาตมาโดยปัจจัยก็จะแก้โดยปัจจัย ถามอาตมาโดยเหตุ ก็จะแก้โดยเหตุ ถาม
อาตมาโดยนัย ก็จะแก้โดยนัย จะกระทำให้สิ้นสงสัยในปัญหาที่ถามนั้นๆ ประการหนึ่ง โย โกจิ
ปุคฺคโล อันว่าบุคคลทั้งปวงแม้จะถามซึ่งปัญหาในธัมมปฏิสัมภิทา ถ้าถามอาตมาโดยธรรม
อาตมาจะแก้โดยธรรม ถามโดยอมตธรรม จะแก้โดยอมตธรรม ถามโดยอสังขตธรรม และแก้
โดยอสังขตธรรม ถามโดยพระนิพพานธรรม และแก้โดยพระนิพพานธรรม ถามโดยสุญญูตธรรม
จะแก้โดยสุญญตธรรม ตามโดยอนิมิตธรรม จะแก้โดยอนิมิตธรรม ถามโดยอัปปณิหิตธรรม จะ
แก้โดยอัปปณิหิตธรรม ถามโดยอเนญชธรรม จะแก้โดยอเนญชธรรม ถามโดยอุเบกขาธรรม
จะแก้โดยอุเบกขาธรรม ถามโดยธรรมสิ่งไร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัยโดยธรรมนั้นๆ ประการ
หนึ่ง บุคคลผู้ใดจะถามปัญหาโดยนิรุตติปฏิสัมภิทา อาตมาจะวิสัชนาโดยนิรุตติปฏิบัติปฏิสัมภิทา
ถามโดยบท จะแก้โดยบท ถามโดยอนุบท จะแก้โดยอนุบท ถามโดยอักขระ จะแก้โดยอักขระ
ถามโดยสนธิ จะแก้โดยสนธิ ถามโดยพยัญชนะ จะแก้โดยพยัญชนะ ถามโดยอนุพยัญชนะ จะแก้
โดยอนุพยัญชนะ ถามโดยวรรณะ จะแก้โดยวรรณะ ถามโดยสระ จะแก้โดยสระ ถามโดยบัญญัติ
จะแก้โดยบัญญัติ ถามโดยโวหาร จะแก้โดยโวหาร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัย ประการหนึ่ง
โย โกจิ บุคคลทั้งปวงจักถามปัญหาในปฏิภาณสัมภิทา คือถามโดยปฏิภาณ จะแก้โดย
ปฏิภาณ ถามโดยอุปมา จะแก้โดยอุปมา ถามโดยรส จะแก้โดยรส ถามโดยลักษณะ จะแก้
โดยลักษณะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย


เบื้องต้นทำความเข้าใจที่หัวข้อ "อรรถธรรมสัมพันธ์" ที่นี่ก่อน

viewtopic.php?f=1&t=57366&p=443137#p443137

หลักการและจุดมุ่งหมาย ... เพียงเท่านั้นหรอครับ พอดีผมไปอ่านมิลินทปัญหา พระนาคเสน
สาธยายเรื่องพระอรหันต์ผู้พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ พูดถึงปฏิสัมภิทาแต่ละอย่างพิศดารมากซึ่ง
ผมไม่เคลียร์เลยอยากเข้าใจให้กระจ่าง

ยกมาเลยละกัน
พระภิกษุอันได้พระปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ จะเข้าสู่บริษัท ๔ ก็องอาจไม่สะดุ้งตกใจนั้น
แท้จริงอันว่าพระภิกษุได้พระปฏิสัมภิทา ๔ นึกในใจว่า ถ้าบริษัทถามอาตมาโดยอรรถ ก็จะแก้
โดยอรรถ ถามอาตมาโดยปัจจัยก็จะแก้โดยปัจจัย ถามอาตมาโดยเหตุ ก็จะแก้โดยเหตุ ถาม
อาตมาโดยนัย ก็จะแก้โดยนัย จะกระทำให้สิ้นสงสัยในปัญหาที่ถามนั้นๆ ประการหนึ่ง โย โกจิ
ปุคฺคโล อันว่าบุคคลทั้งปวงแม้จะถามซึ่งปัญหาในธัมมปฏิสัมภิทา ถ้าถามอาตมาโดยธรรม
อาตมาจะแก้โดยธรรม ถามโดยอมตธรรม จะแก้โดยอมตธรรม ถามโดยอสังขตธรรม และแก้
โดยอสังขตธรรม ถามโดยพระนิพพานธรรม และแก้โดยพระนิพพานธรรม ถามโดยสุญญูตธรรม
จะแก้โดยสุญญตธรรม ตามโดยอนิมิตธรรม จะแก้โดยอนิมิตธรรม ถามโดยอัปปณิหิตธรรม จะ
แก้โดยอัปปณิหิตธรรม ถามโดยอเนญชธรรม จะแก้โดยอเนญชธรรม ถามโดยอุเบกขาธรรม
จะแก้โดยอุเบกขาธรรม ถามโดยธรรมสิ่งไร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัยโดยธรรมนั้นๆ ประการ
หนึ่ง บุคคลผู้ใดจะถามปัญหาโดยนิรุตติปฏิสัมภิทา อาตมาจะวิสัชนาโดยนิรุตติปฏิบัติปฏิสัมภิทา
ถามโดยบท จะแก้โดยบท ถามโดยอนุบท จะแก้โดยอนุบท ถามโดยอักขระ จะแก้โดยอักขระ
ถามโดยสนธิ จะแก้โดยสนธิ ถามโดยพยัญชนะ จะแก้โดยพยัญชนะ ถามโดยอนุพยัญชนะ จะแก้
โดยอนุพยัญชนะ ถามโดยวรรณะ จะแก้โดยวรรณะ ถามโดยสระ จะแก้โดยสระ ถามโดยบัญญัติ
จะแก้โดยบัญญัติ ถามโดยโวหาร จะแก้โดยโวหาร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัย ประการหนึ่ง
โย โกจิ บุคคลทั้งปวงจักถามปัญหาในปฏิภาณสัมภิทา คือถามโดยปฏิภาณ จะแก้โดย
ปฏิภาณ ถามโดยอุปมา จะแก้โดยอุปมา ถามโดยรส จะแก้โดยรส ถามโดยลักษณะ จะแก้
โดยลักษณะ


แล้วสรุปได้ไหมว่า ไหนอรรถ ไหนธรรม แล้วทำให้เราหายสงสัยอรรถ สงสัยธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 20:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย


เบื้องต้นทำความเข้าใจที่หัวข้อ "อรรถธรรมสัมพันธ์" ที่นี่ก่อน

viewtopic.php?f=1&t=57366&p=443137#p443137

หลักการและจุดมุ่งหมาย ... เพียงเท่านั้นหรอครับ พอดีผมไปอ่านมิลินทปัญหา พระนาคเสน
สาธยายเรื่องพระอรหันต์ผู้พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ พูดถึงปฏิสัมภิทาแต่ละอย่างพิศดารมากซึ่ง
ผมไม่เคลียร์เลยอยากเข้าใจให้กระจ่าง

ยกมาเลยละกัน
พระภิกษุอันได้พระปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ จะเข้าสู่บริษัท ๔ ก็องอาจไม่สะดุ้งตกใจนั้น
แท้จริงอันว่าพระภิกษุได้พระปฏิสัมภิทา ๔ นึกในใจว่า ถ้าบริษัทถามอาตมาโดยอรรถ ก็จะแก้
โดยอรรถ ถามอาตมาโดยปัจจัยก็จะแก้โดยปัจจัย ถามอาตมาโดยเหตุ ก็จะแก้โดยเหตุ ถาม
อาตมาโดยนัย ก็จะแก้โดยนัย จะกระทำให้สิ้นสงสัยในปัญหาที่ถามนั้นๆ ประการหนึ่ง โย โกจิ
ปุคฺคโล อันว่าบุคคลทั้งปวงแม้จะถามซึ่งปัญหาในธัมมปฏิสัมภิทา ถ้าถามอาตมาโดยธรรม
อาตมาจะแก้โดยธรรม ถามโดยอมตธรรม จะแก้โดยอมตธรรม ถามโดยอสังขตธรรม และแก้
โดยอสังขตธรรม ถามโดยพระนิพพานธรรม และแก้โดยพระนิพพานธรรม ถามโดยสุญญูตธรรม
จะแก้โดยสุญญตธรรม ตามโดยอนิมิตธรรม จะแก้โดยอนิมิตธรรม ถามโดยอัปปณิหิตธรรม จะ
แก้โดยอัปปณิหิตธรรม ถามโดยอเนญชธรรม จะแก้โดยอเนญชธรรม ถามโดยอุเบกขาธรรม
จะแก้โดยอุเบกขาธรรม ถามโดยธรรมสิ่งไร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัยโดยธรรมนั้นๆ ประการ
หนึ่ง บุคคลผู้ใดจะถามปัญหาโดยนิรุตติปฏิสัมภิทา อาตมาจะวิสัชนาโดยนิรุตติปฏิบัติปฏิสัมภิทา
ถามโดยบท จะแก้โดยบท ถามโดยอนุบท จะแก้โดยอนุบท ถามโดยอักขระ จะแก้โดยอักขระ
ถามโดยสนธิ จะแก้โดยสนธิ ถามโดยพยัญชนะ จะแก้โดยพยัญชนะ ถามโดยอนุพยัญชนะ จะแก้
โดยอนุพยัญชนะ ถามโดยวรรณะ จะแก้โดยวรรณะ ถามโดยสระ จะแก้โดยสระ ถามโดยบัญญัติ
จะแก้โดยบัญญัติ ถามโดยโวหาร จะแก้โดยโวหาร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัย ประการหนึ่ง
โย โกจิ บุคคลทั้งปวงจักถามปัญหาในปฏิภาณสัมภิทา คือถามโดยปฏิภาณ จะแก้โดย
ปฏิภาณ ถามโดยอุปมา จะแก้โดยอุปมา ถามโดยรส จะแก้โดยรส ถามโดยลักษณะ จะแก้
โดยลักษณะ


แล้วสรุปได้ไหมว่า ไหนอรรถ ไหนธรรม แล้วทำให้เราหายสงสัยอรรถ สงสัยธรรม


ไม่ได้ครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย


เบื้องต้นทำความเข้าใจที่หัวข้อ "อรรถธรรมสัมพันธ์" ที่นี่ก่อน

viewtopic.php?f=1&t=57366&p=443137#p443137

หลักการและจุดมุ่งหมาย ... เพียงเท่านั้นหรอครับ พอดีผมไปอ่านมิลินทปัญหา พระนาคเสน
สาธยายเรื่องพระอรหันต์ผู้พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ พูดถึงปฏิสัมภิทาแต่ละอย่างพิศดารมากซึ่ง
ผมไม่เคลียร์เลยอยากเข้าใจให้กระจ่าง

ยกมาเลยละกัน
พระภิกษุอันได้พระปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ จะเข้าสู่บริษัท ๔ ก็องอาจไม่สะดุ้งตกใจนั้น
แท้จริงอันว่าพระภิกษุได้พระปฏิสัมภิทา ๔ นึกในใจว่า ถ้าบริษัทถามอาตมาโดยอรรถ ก็จะแก้
โดยอรรถ ถามอาตมาโดยปัจจัยก็จะแก้โดยปัจจัย ถามอาตมาโดยเหตุ ก็จะแก้โดยเหตุ ถาม
อาตมาโดยนัย ก็จะแก้โดยนัย จะกระทำให้สิ้นสงสัยในปัญหาที่ถามนั้นๆ ประการหนึ่ง โย โกจิ
ปุคฺคโล อันว่าบุคคลทั้งปวงแม้จะถามซึ่งปัญหาในธัมมปฏิสัมภิทา ถ้าถามอาตมาโดยธรรม
อาตมาจะแก้โดยธรรม ถามโดยอมตธรรม จะแก้โดยอมตธรรม ถามโดยอสังขตธรรม และแก้
โดยอสังขตธรรม ถามโดยพระนิพพานธรรม และแก้โดยพระนิพพานธรรม ถามโดยสุญญูตธรรม
จะแก้โดยสุญญตธรรม ตามโดยอนิมิตธรรม จะแก้โดยอนิมิตธรรม ถามโดยอัปปณิหิตธรรม จะ
แก้โดยอัปปณิหิตธรรม ถามโดยอเนญชธรรม จะแก้โดยอเนญชธรรม ถามโดยอุเบกขาธรรม
จะแก้โดยอุเบกขาธรรม ถามโดยธรรมสิ่งไร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัยโดยธรรมนั้นๆ ประการ
หนึ่ง บุคคลผู้ใดจะถามปัญหาโดยนิรุตติปฏิสัมภิทา อาตมาจะวิสัชนาโดยนิรุตติปฏิบัติปฏิสัมภิทา
ถามโดยบท จะแก้โดยบท ถามโดยอนุบท จะแก้โดยอนุบท ถามโดยอักขระ จะแก้โดยอักขระ
ถามโดยสนธิ จะแก้โดยสนธิ ถามโดยพยัญชนะ จะแก้โดยพยัญชนะ ถามโดยอนุพยัญชนะ จะแก้
โดยอนุพยัญชนะ ถามโดยวรรณะ จะแก้โดยวรรณะ ถามโดยสระ จะแก้โดยสระ ถามโดยบัญญัติ
จะแก้โดยบัญญัติ ถามโดยโวหาร จะแก้โดยโวหาร อาตมาจะแก้ให้สิ้นสงสัย ประการหนึ่ง
โย โกจิ บุคคลทั้งปวงจักถามปัญหาในปฏิภาณสัมภิทา คือถามโดยปฏิภาณ จะแก้โดย
ปฏิภาณ ถามโดยอุปมา จะแก้โดยอุปมา ถามโดยรส จะแก้โดยรส ถามโดยลักษณะ จะแก้
โดยลักษณะ


เมื่อต้องการเข้าใจให้กระจ่าง เช่น เวทนาเป็นต้น ก็ต้องลงมือทำอย่างที่บอก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย



ก้าวต่อไปลงมือพิสูจน์เรียนรู้ด้วยตนเอง คือ ปฏิบัติเลย เพื่อให้รู้ว่าเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน น่ะมันไม่เที่ยงมันแปรปรวนยังไง มันเป็นทุกข์ยังไง แล้วที่ว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่นน่ะ จริงๆแล้วขณะที่ประสบทุกขเวทนา เรายึดไหม ต้องลองดู

เวทนานุปัสสนา สติตามดูเวทนา คือ ความรู้สึกสุขทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นอารมณ์ โดยรู้เท่าทันว่า เวทนานี้ก็สักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน เรา เขา (ข้อ ๒ ในสติปัฏฐาน ๔)

ตัวอย่างประกอบ

อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนว.......... คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรมและให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฏิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆ เล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้า วิ่งอยู่ตลอดเวลา เป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมา ดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน
บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ ว่า รู้สึกอย่างไร
อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไปคิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่า ผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ


ตัวอย่างนี้ประสบทุกขเวทนา คิดอุเบกขาได้แต่คิดอุเบกขาไม่ประสบความสำเร็จ แสดงว่ายึดมั่นถือมั่นอยู่



ลุงกรัชกาย .. ต้อนเตือนเค้านะครับ การฝังเข็มมันอันตราย

ดูเวทนาในร่างกายแล้วอุเบกขา อันนี้เค้าไม่อุเบกขานะครับ ถ้าดูแล้วอุเบกขาเห็นไตรลักษณ์
เห็นวิปัสสนาญาณไปแล้ว ถ้าดูเวทนามันไม่อุเบกขาไม่สงบไปดูหมวดอื่นเถอะ

สิ่งที่ช่วยให้กายจิตสงบคือความสบายใจ ความอิ่มเอิบใจ ต้องหากรรมฐานให้ใจอยูในอารมณ์อันดี
เช่นอนุสติ ๑๐



แต่พอบอก ก็เป็นสะยังงั้น :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2019, 20:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
ลุงกรัชกาย ผมมีเรื่องที่มันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ผมกับไม่เข้าใจสงสัยแก้ให้กระจ่างใจไม่ได้สักที
สิ่งที่สงสัย คือ อรรถคืออะไร อย่างไรจึงเรียกว่าอรรถ ธรรมคืออะไรอะ อย่างไรจีงเรียกว่าธรรม อย่าง
ผมกล่าวเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อย่างนี้ อรรถคืออะไร อย่างไรคืออรรถ
ธรรมคืออะไร อย่างไรคือธรรม ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะครับ กุเกิลตอบปมไม่เคลียร์เลย



ก้าวต่อไปลงมือพิสูจน์เรียนรู้ด้วยตนเอง คือ ปฏิบัติเลย เพื่อให้รู้ว่าเวทนาไม่เที่ยง แปรปรวน น่ะมันไม่เที่ยงมันแปรปรวนยังไง มันเป็นทุกข์ยังไง แล้วที่ว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่นน่ะ จริงๆแล้วขณะที่ประสบทุกขเวทนา เรายึดไหม ต้องลองดู

เวทนานุปัสสนา สติตามดูเวทนา คือ ความรู้สึกสุขทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นอารมณ์ โดยรู้เท่าทันว่า เวทนานี้ก็สักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน เรา เขา (ข้อ ๒ ในสติปัฏฐาน ๔)

ตัวอย่างประกอบ

อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนว.......... คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรมและให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฏิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆ เล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้า วิ่งอยู่ตลอดเวลา เป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมา ดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน
บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ ว่า รู้สึกอย่างไร
อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไปคิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่า ผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ


ตัวอย่างนี้ประสบทุกขเวทนา คิดอุเบกขาได้แต่คิดอุเบกขาไม่ประสบความสำเร็จ แสดงว่ายึดมั่นถือมั่นอยู่



ลุงกรัชกาย .. ต้อนเตือนเค้านะครับ การฝังเข็มมันอันตราย

ดูเวทนาในร่างกายแล้วอุเบกขา อันนี้เค้าไม่อุเบกขานะครับ ถ้าดูแล้วอุเบกขาเห็นไตรลักษณ์
เห็นวิปัสสนาญาณไปแล้ว ถ้าดูเวทนามันไม่อุเบกขาไม่สงบไปดูหมวดอื่นเถอะ

สิ่งที่ช่วยให้กายจิตสงบคือความสบายใจ ความอิ่มเอิบใจ ต้องหากรรมฐานให้ใจอยูในอารมณ์อันดี
เช่นอนุสติ ๑๐



แต่พอบอก ก็เป็นสะยังงั้น :b32:


ผมไม่ยึดมั่นด้วยความเห็น ว่าเราเป็นเวทนา เวทนาเป็นเรา แต่ถือมั่นด้วย ฉันทะ ราคะ ในสุขโสมนัส
อันเกิดจากกามคุณ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 196 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร