วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2019, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


...............................................................
คาถาสุภาษิตของพระจูฬปันถกเถระ

[ ๓๗๓ ] เมื่อก่อน ญาณคติเกิดแก่เราช้า เราจึงถูกดูหมิ่น
และพี่ชายจึงขับไล่เราว่า จงกลับไปเรือนเดี๋ยวนี้เถิด เราถูกพี่ชายขับไล่แล้ว
ไปยืนร้องไห้อยู่ที่ใกล้ซุ้มประตูสังฆาราม เพราะยังมีความอาลัยในศาสนา
พระผู้มีพระภาคได้เสด็จมา ณ ที่นั้น ทรงลูบศีรษะเรา ทรงจับแขนเรา
พาเข้าไปสู่สังฆาราม

พระศาสดาทรงอนุเคราะห์ ประทานผ้าเช็ดพระบาทให้แก่เรา
ตรัสว่า จงอธิษฐานผ้าสะอาดผืนนี้ให้ตั้งมั่นดีโดยมนสิการว่า

“รโชหรณํๆ....ผ้าสำหรับเช็ดธุลีๆ”
จงตั้งจิตให้มั่น นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว เกิดความยินดีในศาสนา
ได้บำเพ็ญสมาธิให้เกิดขึ้นเพื่อบรรลุประโยชน์อันสูงสุด

เราระลึกถึงชาติก่อนๆ ได้..........
ชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว ได้บรรลุวิชชา ๓

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำสำเร็จแล้ว
พระจูฬปันถกเถระได้เนรมิตตนขึ้นพันหนึ่ง
นั่งอยู่ที่ชีวกัมพวันอันรื่นรมย์ จนถึงเวลาเขามาบอกนิมนต์

ครั้งนั้น พระศาสดาทรงส่งทูตไปบอกเวลาภัตตาหารแก่เรา
เมื่อทูตบอกเวลาภัตตาหารแล้ว เราได้เข้าไปเฝ้าโดยอากาศ
ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ลำดับนั้น พระศาสดาทรงรับรองเราผู้ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่
เราเป็นผู้ควรบูชาของโลกทั้งปวง
เป็นผู้ควรรับของอันเขานำมาบูชา
เป็นนาบุญแห่งหมู่มนุษย์ ได้รับทักษิณาทานแล้ว .

......................................................................................................

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๒๖
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน - เปตวัตถุ เถร - เถรีคาถา
หน้าที่ ๓๐๐ -๓๐๑ หัวข้อที่ ๓๗๓

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2019, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ง่ายๆสัก1บท
ข้าใจธรรมเพียงบทเดียว ก็เพียงพอ
คามณิ !
... เพราะเหตุว่า
ถึงแม้เขาจะเข้าใจธรรม
ที่เราแสดงสักบทเดียว
นั่นก็ยังจะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
และความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น
ตลอดกาลนาน
สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๗/๖๐๓.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2019, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ฟัวปุ๊บบรรลุเลย. มีอะไรเยอะมั้ย
ท่านพาหิยะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์. ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 18 พ.ค. 2019, 02:07, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2019, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ฟัวปุ๊บบรรลุเลย. มีอะไรเยอะมั้ย
ท่านพาหอนะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์. ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.


เอางั้นเลยนะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2019, 00:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[ ๓๗๓ ] เมื่อก่อน ญาณคติเกิดแก่เราช้า เราจึงถูกดูหมิ่น
และพี่ชายจึงขับไล่เราว่า จงกลับไปเรือนเดี๋ยวนี้เถิด เราถูกพี่ชายขับไล่แล้ว
ไปยืนร้องไห้อยู่ที่ใกล้ซุ้มประตูสังฆาราม เพราะยังมีความอาลัยในศาสนา
พระผู้มีพระภาคได้เสด็จมา ณ ที่นั้น ทรงลูบศีรษะเรา ทรงจับแขนเรา
พาเข้าไปสู่สังฆาราม

พระศาสดาทรงอนุเคราะห์ ประทานผ้าเช็ดพระบาทให้แก่เรา
ตรัสว่า จงอธิษฐานผ้าสะอาดผืนนี้ให้ตั้งมั่นดีโดยมนสิการว่า


.................................

ผมเคยอ่านประวัติพระเถระรูปนี้ อ่านถึงตอนพระศาสดาทรงอนุเคราะห์
ประทานผ้าเช็ดขาวสะอาดให้พระเถระรูปนี้ไปเจริญพระกรรมฐานเพียง
เท่านั้น

ก็เกิดความตรึกขึ้นมาในใจอย่างนี้ว่าจะพยายามรักษาผ้าขาวสะอาดผืนนี้
ให้ขาวสะอาดอยู่ดังเดิมยังไงผ้าขาวสะอาดผืนนี้ก็ย่อมเปอะเปื้อนถึงความ
แปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

โลกนี้ไม่มีอะไรควรยึดมั่นถือมั่น แค่นี้เองที่พระพุทธจะเจ้าบอกเรา พอตรึก
อย่างนี้น้ำตาก็ไหลด้วยความปิติ จิตก็ตั้งมั่นอยู่ด้วยความสุข ความฟุ้งซ้าน
แส่ส่ายหาอารมณ์ภายนอกไม่มี

มีสติรู้กายรู้ใจตนเองชัดเจนโดยไม่ได้บังคับ การอ่านธรรมะแล้วคิดนึกตรึก
ตรองตามโดยแยบคาย ก็เป็นเหตุให้จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เหมือนกัน
ไม่จำเป็นต้องห้ามนึกห้ามคิดเสมอไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2019, 05:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ใคร...เป็นผู้ตรีก

อ้างคำพูด:
ก็เกิดความตรึกขึ้นมาในใจอย่างนี้ว่าจะพยายามรักษาผ้าขาวสะอาดผืนนี้
ให้ขาวสะอาดอยู่ดังเดิมยังไงผ้าขาวสะอาดผืนนี้ก็ย่อมเปอะเปื้อนถึงความ
แปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

โลกนี้ไม่มีอะไรควรยึดมั่นถือมั่น แค่นี้เองที่พระพุทธจะเจ้าบอกเรา พอตรึก
อย่างนี้น้ำตาก็ไหลด้วยความปิติ จิตก็ตั้งมั่นอยู่ด้วยความสุข ความฟุ้งซ้าน
แส่ส่ายหาอารมณ์ภายนอกไม่มี


ท่านพาหิยะ..หรือ..เลิฟ เจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2019, 08:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ใคร...เป็นผู้ตรีก

อ้างคำพูด:
ก็เกิดความตรึกขึ้นมาในใจอย่างนี้ว่าจะพยายามรักษาผ้าขาวสะอาดผืนนี้
ให้ขาวสะอาดอยู่ดังเดิมยังไงผ้าขาวสะอาดผืนนี้ก็ย่อมเปอะเปื้อนถึงความ
แปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

โลกนี้ไม่มีอะไรควรยึดมั่นถือมั่น แค่นี้เองที่พระพุทธจะเจ้าบอกเรา พอตรึก
อย่างนี้น้ำตาก็ไหลด้วยความปิติ จิตก็ตั้งมั่นอยู่ด้วยความสุข ความฟุ้งซ้าน
แส่ส่ายหาอารมณ์ภายนอกไม่มี


ท่านพาหิยะ..หรือ..เลิฟ เจ

ผมครับ ... อ่านประวัติของพระจุฬปันถกเถระ
อ่านถึงตอนที่พระศาสดาประทานผ้าขาวให้ไป
พิจารณา ผมก็ตรึกถึงผ้าขาวอย่างที่เล่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2019, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
...............................................................
คาถาสุภาษิตของพระจูฬปันถกเถระ

[ ๓๗๓ ] เมื่อก่อน ญาณคติเกิดแก่เราช้า เราจึงถูกดูหมิ่น
และพี่ชายจึงขับไล่เราว่า จงกลับไปเรือนเดี๋ยวนี้เถิด เราถูกพี่ชายขับไล่แล้ว
ไปยืนร้องไห้อยู่ที่ใกล้ซุ้มประตูสังฆาราม เพราะยังมีความอาลัยในศาสนา
พระผู้มีพระภาคได้เสด็จมา ณ ที่นั้น ทรงลูบศีรษะเรา ทรงจับแขนเรา
พาเข้าไปสู่สังฆาราม

พระศาสดาทรงอนุเคราะห์ ประทานผ้าเช็ดพระบาทให้แก่เรา
ตรัสว่า จงอธิษฐานผ้าสะอาดผืนนี้ให้ตั้งมั่นดีโดยมนสิการว่า

“รโชหรณํๆ....ผ้าสำหรับเช็ดธุลีๆ”
จงตั้งจิตให้มั่น นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว เกิดความยินดีในศาสนา
ได้บำเพ็ญสมาธิให้เกิดขึ้นเพื่อบรรลุประโยชน์อันสูงสุด

เราระลึกถึงชาติก่อนๆ ได้..........
ชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว ได้บรรลุวิชชา ๓

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำสำเร็จแล้ว
พระจูฬปันถกเถระได้เนรมิตตนขึ้นพันหนึ่ง
นั่งอยู่ที่ชีวกัมพวันอันรื่นรมย์ จนถึงเวลาเขามาบอกนิมนต์

ครั้งนั้น พระศาสดาทรงส่งทูตไปบอกเวลาภัตตาหารแก่เรา
เมื่อทูตบอกเวลาภัตตาหารแล้ว เราได้เข้าไปเฝ้าโดยอากาศ
ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ลำดับนั้น พระศาสดาทรงรับรองเราผู้ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่
เราเป็นผู้ควรบูชาของโลกทั้งปวง
เป็นผู้ควรรับของอันเขานำมาบูชา
เป็นนาบุญแห่งหมู่มนุษย์ ได้รับทักษิณาทานแล้ว .

......................................................................................................

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๒๖
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน - เปตวัตถุ เถร - เถรีคาถา
หน้าที่ ๓๐๐ -๓๐๑ หัวข้อที่ ๓๗๓




รูปภาพ


อ่านหนังสือแล้วอิน จะเป็นอย่างนั้นบ้าง เอ้าผ้าขาว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2019, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


:b18:
Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใคร...เป็นผู้ตรีก

อ้างคำพูด:
ก็เกิดความตรึกขึ้นมาในใจอย่างนี้ว่าจะพยายามรักษาผ้าขาวสะอาดผืนนี้
ให้ขาวสะอาดอยู่ดังเดิมยังไงผ้าขาวสะอาดผืนนี้ก็ย่อมเปอะเปื้อนถึงความ
แปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

โลกนี้ไม่มีอะไรควรยึดมั่นถือมั่น แค่นี้เองที่พระพุทธจะเจ้าบอกเรา พอตรึก
อย่างนี้น้ำตาก็ไหลด้วยความปิติ จิตก็ตั้งมั่นอยู่ด้วยความสุข ความฟุ้งซ้าน
แส่ส่ายหาอารมณ์ภายนอกไม่มี


ท่านพาหิยะ..หรือ..เลิฟ เจ

ผมครับ ... อ่านประวัติของพระจุฬปันถกเถระ
อ่านถึงตอนที่พระศาสดาประทานผ้าขาวให้ไป
พิจารณา ผมก็ตรึกถึงผ้าขาวอย่างที่เล่านั้น

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร