วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 12:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 173 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2019, 03:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

รู้จักธัมมะไหม
ธัมมะ แปลว่า สิ่งที่มีจริง

สิ่งที่มีจริงมีจริงๆเป็นแต่ละ1
รู้จักแต่ละ1ไหมว่าเถรตรงมาก
เถรตรงแปลให้ตรงก่อน
เถรอ่านว่าเถ-ระแปลว่ามั่นคง
ตรงอ่านว่าตรงแปลว่าตรงคงที่ไม่เปลี่ยน
เถรตรงคือความมั่นคงตรงทางตรงจริงทีละ1ขณะจิต
เดี๋ยวนี้กำลังมีจิตแต่ละ1ขณะตรงทีละ1ทางครบทั้ง6ทางกำลังมี
และกำลังเป็นไปต่างๆนานาตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีแล้วไม่มีใครทำและไม่รู้ว่ามีไม่รู้อยู่แล้ว
:b32:
:b12: :b32: :b16:


เพี้ยน ธัมมะ แปลว่า สิ่งมีจริง คิกๆ เลอะเทอะ อย่างนี้เรียกว่า ธัมมะปฏิรูปปฏิสังขรณ์

:b1:
คนไทยตัดะออก
อ่านธรรมว่าทำ
ภาษาต้นฉบับ
อ่านว่า ธัมมะ
Dhamma
คือภาษาบาลี
ธัมมะแปลในภาษาไทยหมายถึง
สิ่งที่มีจริง(ที่กำลังมีจริงๆตรงขณะ)
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงขณะตรงทีละ1ทางเป็นธัมมะไม่ใช่ตัวตน
:b16:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2019, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

รู้จักธัมมะไหม
ธัมมะ แปลว่า สิ่งที่มีจริง

สิ่งที่มีจริงมีจริงๆเป็นแต่ละ1
รู้จักแต่ละ1ไหมว่าเถรตรงมาก
เถรตรงแปลให้ตรงก่อน
เถรอ่านว่าเถ-ระแปลว่ามั่นคง
ตรงอ่านว่าตรงแปลว่าตรงคงที่ไม่เปลี่ยน
เถรตรงคือความมั่นคงตรงทางตรงจริงทีละ1ขณะจิต
เดี๋ยวนี้กำลังมีจิตแต่ละ1ขณะตรงทีละ1ทางครบทั้ง6ทางกำลังมี
และกำลังเป็นไปต่างๆนานาตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีแล้วไม่มีใครทำและไม่รู้ว่ามีไม่รู้อยู่แล้ว
:b32:
:b12: :b32: :b16:


เพี้ยน ธัมมะ แปลว่า สิ่งมีจริง คิกๆ เลอะเทอะ อย่างนี้เรียกว่า ธัมมะปฏิรูปปฏิสังขรณ์

:b1:
คนไทยตัดะออก
อ่านธรรมว่าทำ
ภาษาต้นฉบับ
อ่านว่า ธัมมะ
Dhamma
คือภาษาบาลี
ธัมมะ แปลในภาษาไทยหมายถึงสิ่งที่มีจริง (ที่กำลังมีจริงๆตรงขณะ)
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงขณะตรงทีละ1ทางเป็นธัมมะไม่ใช่ตัวตน

:b16:
:b32: :b32:


พุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2019, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นแล้วนึกถึงคุณโรส คือ อยากจะเว้าว่า :b12: คุณโรสขอรับกลับมาเริ่มต้นใหม่เถอะ

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2019, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่เคยเห็นวัดไหนๆในเมืองไทยทำได้งดงาม (ศีล) ในสายตาสาธุชนก็อนุโมทนาชื่นตาชื่นใจที่จัดระเบียบ ได้สวยงามน่าเลือมใส แต่ในสายตา ... คิกๆๆๆ ก็คิดไปว่า กูจะทำยังไงถึงจะล้มมันได้แล้วยึดสมบัติวัดมาเป็นของตนว่ะ :b32:

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2019, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ยังไม่เคยเห็นวัดไหนๆในเมืองไทยทำได้งดงาม (ศีล) ในสายตาสาธุชนก็อนุโมทนาชื่นตาชื่นใจที่จัดระเบียบ ได้สวยงามน่าเลือมใส แต่ในสายตา ... คิกๆๆๆ ก็คิดไปว่า กูจะทำยังไงถึงจะล้มมันได้แล้วยึดสมบัติวัดมาเป็นของตนว่ะ :b32:

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater



ฝัน อยากเห็นที่ประชุมต่างๆ ที่สภาเรียบร้อยมีศีลมีธรรม แบบนี้จุงเบย
คริคริ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2019, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

รู้จักธัมมะไหม
ธัมมะ แปลว่า สิ่งที่มีจริง

สิ่งที่มีจริงมีจริงๆเป็นแต่ละ1
รู้จักแต่ละ1ไหมว่าเถรตรงมาก
เถรตรงแปลให้ตรงก่อน
เถรอ่านว่าเถ-ระแปลว่ามั่นคง
ตรงอ่านว่าตรงแปลว่าตรงคงที่ไม่เปลี่ยน
เถรตรงคือความมั่นคงตรงทางตรงจริงทีละ1ขณะจิต
เดี๋ยวนี้กำลังมีจิตแต่ละ1ขณะตรงทีละ1ทางครบทั้ง6ทางกำลังมี
และกำลังเป็นไปต่างๆนานาตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีแล้วไม่มีใครทำและไม่รู้ว่ามีไม่รู้อยู่แล้ว
:b32:
:b12: :b32: :b16:


เพี้ยน ธัมมะ แปลว่า สิ่งมีจริง คิกๆ เลอะเทอะ อย่างนี้เรียกว่า ธัมมะปฏิรูปปฏิสังขรณ์

:b1:
คนไทยตัดะออก
อ่านธรรมว่าทำ
ภาษาต้นฉบับ
อ่านว่า ธัมมะ
Dhamma
คือภาษาบาลี
ธัมมะ แปลในภาษาไทยหมายถึงสิ่งที่มีจริง (ที่กำลังมีจริงๆตรงขณะ)
จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงขณะตรงทีละ1ทางเป็นธัมมะไม่ใช่ตัวตน

:b16:
:b32: :b32:


พุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด :b1:

Kiss
เอาจริงๆนะ
ถามจริงๆจังๆ
และก็บอกตรงๆ
ให้รู้สึกตัวทันทีนะ
ดับเห็นผิดเดี๋ยวนี้ทันที
คือจิตเห็นสี1ขณะในตาดำ
ดับแล้วถึงจะเกิดจิตอีก5ทาง
รวมแล้วทั้ง6ทางเกิดดับสลับกัน
หมดไปทีละ1ทางไม่เกิดพร้อมกัน
และไม่ใช่เห็นสีเดิมเห็นใหม่ทุกวินาที
เป็นเราเห็นผิดคิดผิดทำผิดลืมทำปัญญา
ตามคำสอนทำปัญญาตรงปัจจุบันเริ่มที่1สุตะ
และถ้าไม่เริ่มที่1ตรงทางแสดงว่าเป็นกิเลสแสนล้านแล้ว
เพราะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วนแสนล้านดวงจิตมีแล้วกำลังเกิดดับแต่ไม่รูู้ว่ามีไม่รู้ แปลว่ามีกิเลสไงคะ
คิดไตร่ตรองให้เข้าใจความจริงตรงทางตาหูจมูกลิ้นกายใจตัวเองตัวจริงของธัมมะตรงปัจจุบันขณะดับที่กาย
ไม่มีตัวจริงธัมมะใดๆแม้แต่เศษเสี้ยววินาทีที่เกิดนอกสายตา...ตัวเองกำลังเห็นผิดเป็นคนอยู่นอกตาคือเห็นผิด
ไม่เข้าใจตรงสัจจะทีละ1ขณะแต่ละ1ขณะที่ไม่เกิดพร้อมกันไม่เกิดปนกันด้วยเข้าใจไหมปัญญาอยู่ไหนหนอ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2019, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ถามหน่อยสิคะ
ไม่สงสัยตัวเองเลยหรือ
ว่าทำไมถึงมีใครคนนึงพยายาม
มาบอกว่าให้เริ่มต้นฟังพระพุทธพจน์
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงคนเดียวในจักรวาลนี้
และคนที่จะตรัสรู้และมากล่าวตามทุกคำในพระไตรปิฎกอีก
คือพระพุทธเจ้าพระองค์ที่5ในภัทรกัปป์นี้และกาลที่ยังมีการประกาศคำสอนของพระสมณโคตม
จะไม่มีใครรู้ความจริงที่พระองค์ตรัสรู้เพราะทุกคนล้วนเป็นสาวกไม่สามารถบรรลุธรรมเองได้เข้าใจไหมคะ
อริยสัจจะธัมมะคือความจริงทุกคำในพระไตรปิฎกที่กำลังเกิดโดยอนัตตาตามเหตุตามปัจจัยที่เกิดดับในจิต
นิพพานเท่านั้นไม่มีเกิดดับเพราะเป็นสภาวะไร้ตัวตนด้วยปัญญาถึงขีดสุดในการไม่มีกิเลสคือไร้โลภะไม่ติดดี
ถ้ายังอยากได้อยากดีอยากรู้อยากทำมาหากินใช้เงินทองอยากได้บุญเพิ่มแปลว่าไม่รู้ว่าบุญแท้ๆคืออะไรจร้า
สละไม่ได้ไม่เรียกว่าบุญก็ยังมีตัวตนไปยึดดีถือดีถือว่าตัวดีกว่าเก่งกว่าเลิศกว่าใครลืมตัวขาดสุตมยปัญญายุ่
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2019, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ถามหน่อยสิคะ
ไม่สงสัยตัวเองเลยหรือ
ว่าทำไมถึงมีใครคนนึงพยายาม
มาบอกว่าให้เริ่มต้นฟังพระพุทธพจน์
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงคนเดียวในจักรวาลนี้
และคนที่จะตรัสรู้และมากล่าวตามทุกคำในพระไตรปิฎกอีก

คือพระพุทธเจ้าพระองค์ที่5ในภัทรกัปป์นี้และกาลที่ยังมีการประกาศคำสอนของพระสมณโคตม
จะไม่มีใครรู้ความจริงที่พระองค์ตรัสรู้เพราะทุกคนล้วนเป็นสาวกไม่สามารถบรรลุธรรมเองได้เข้าใจไหมคะ
อริยสัจจะธัมมะคือความจริงทุกคำในพระไตรปิฎกที่กำลังเกิดโดยอนัตตาตามเหตุตามปัจจัยที่เกิดดับในจิต
นิพพานเท่านั้นไม่มีเกิดดับเพราะเป็นสภาวะไร้ตัวตนด้วยปัญญาถึงขีดสุดในการไม่มีกิเลสคือไร้โลภะไม่ติดดี
ถ้ายังอยากได้อยากดีอยากรู้อยากทำมาหากินใช้เงินทองอยากได้บุญเพิ่มแปลว่าไม่รู้ว่าบุญแท้ๆคืออะไรจร้า
สละไม่ได้ไม่เรียกว่าบุญก็ยังมีตัวตนไปยึดดีถือดีถือว่าตัวดีกว่าเก่งกว่าเลิศกว่าใครลืมตัวขาดสุตมยปัญญายุ่
:b12:
:b12: :b12:


อ่าน คคห.คุณโรสแล้ว เหมือนคนเพ้อเจ้อ นี่พูดจากความรู้สึกนะ (ขออภัย) รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2019, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ถามหน่อยสิคะ
ไม่สงสัยตัวเองเลยหรือ
ว่าทำไมถึงมีใครคนนึงพยายาม
มาบอกว่าให้เริ่มต้นฟังพระพุทธพจน์
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงคนเดียวในจักรวาลนี้
และคนที่จะตรัสรู้และมากล่าวตามทุกคำในพระไตรปิฎกอีก

คือพระพุทธเจ้าพระองค์ที่5ในภัทรกัปป์นี้และกาลที่ยังมีการประกาศคำสอนของพระสมณโคตม
จะไม่มีใครรู้ความจริงที่พระองค์ตรัสรู้เพราะทุกคนล้วนเป็นสาวกไม่สามารถบรรลุธรรมเองได้เข้าใจไหมคะ
อริยสัจจะธัมมะคือความจริงทุกคำในพระไตรปิฎกที่กำลังเกิดโดยอนัตตาตามเหตุตามปัจจัยที่เกิดดับในจิต
นิพพานเท่านั้นไม่มีเกิดดับเพราะเป็นสภาวะไร้ตัวตนด้วยปัญญาถึงขีดสุดในการไม่มีกิเลสคือไร้โลภะไม่ติดดี
ถ้ายังอยากได้อยากดีอยากรู้อยากทำมาหากินใช้เงินทองอยากได้บุญเพิ่มแปลว่าไม่รู้ว่าบุญแท้ๆคืออะไรจร้า
สละไม่ได้ไม่เรียกว่าบุญก็ยังมีตัวตนไปยึดดีถือดีถือว่าตัวดีกว่าเก่งกว่าเลิศกว่าใครลืมตัวขาดสุตมยปัญญายุ่
:b12:
:b12: :b12:


อ่าน คคห.คุณโรสแล้ว เหมือนคนเพ้อเจ้อ นี่พูดจากความรู้สึกนะ (ขออภัย) รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ :b12:

:b12:
คนเราเนี่ยนะคะ
ไม่เคยคิดตรงตัวจริงธัมมะตรงทาง
มีแต่คิดไปตามความคิดเห็นของตน
ที่ไปอ่านไปท่องจำบัญญัติคำต่างๆ
มีการจำถึงอดีตคำที่เคยเห็นมาไงคะ
ลืมสิ่งที่ตถาคตบอกว่าจำคลาดเคลื่อน
จากความจริงที่กำลังปรากฏจนกว่าจะได้ฟัง
เกิดเข้าใจสิ่งที่จิตตนกำลังมีตรงตามที่กำลังได้ยิน
คำสอนของพระพุทธเจ้ารู้ความจริงถูกตรงตามได้ตอนฟัง
โดยการไตร่ตรองซ้ำไปซ้ำมาในคำที่กำลังได้ยินตรงตามเสียงทันที
อริยสัจจะธัมมะคือความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆที่กำลังปรากฏว่ามีตรงปัจจุบันตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
ซึ่งมีแล้วและกำลังเป็นไปตรงๆทีละ1คำตรงสัจจะตรงที่กายจิตมีแปลว่าความจริงมีจิตกระทบรูป/นามก่อนดับ
:b1:
ถามหน่อยสิคะในขณะที่จิตกำลังมีการเกิดทีละ1ขณะและดับทีละ1ขณะตามลำดับเรียงลำดับไม่ขาดสาย
คือการเกิดดับมีในจิตเกิดแล้วทีละ1ขณะตรงทางตรงจริงเป็นไปเองตรงตามเหตุตามปัจจัยตรงทีละ1จริงๆ
ไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้ไม่เข้าใจตรงสัจจะที่กายตัวเองมีแล้วก็คิดจำแต่บัญญัติคำไม่รู้ว่าตรงคำตรงจริงมีที่จิตตน
มีแล้วจิตนั้นน่ะไม่ได้ทำจิตแต่ละทางเกิดตรงไหนก็ดับตรงทางตรงขณะตรงที่กระทบทันทีไม่มีตัวเราไงคะ
:b16:
ไม่เคยจำว่าไม่มีเรา...มีแต่คิดอยากจะไปทำตามสัญญาที่ไปอ่านแล้วท่องมาเอาสัญญามาวางแผนทำ
บอกแล้วบอกอีกว่าไม่ต้องทำเพราะจิตมีแล้วเกิดแล้วตรงทีละ1ทางเป็นแต่ละ1ทางไม่ปนกันไม่ได้ทำ
เพราะจิตกำลังเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นปัจจุบันธรรมตรงทุกคำมีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 21 ส.ค. 2019, 20:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2019, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
บอกว่าให้ฟังให้เข้าใจตรงปัจจุบันตามปกติทุกวันก่อนไม่มีจิตครองร่างกายนี้
https://youtu.be/0XTusmCiw5A
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 19:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย

รูปภาพ

ใน ปทท.ก็ด้วย แยกกันตายเดี่ยว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2019, 02:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย

รูปภาพ

ใน ปทท.ก็ด้วย แยกกันตายเดี่ยว


คริคริ

ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป
จะรวมหมู่ หรือฉายเดี่ยว


ก็ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2019, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นความเห็นแง่มุมหนึ่ง

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

… ยุคนี้ เป็นการยากที่วิถีนักบวชที่เป็นไปเพื่อการถอยห่างจากกามราคะ ฯลฯ อย่างพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้โดยง่าย เหมือนยุคก่อน !
… พุทธเถรวาทแท้ๆ เป็นเป้าหมายอ่อนไหว เสื่อมสลายได้ง่าย มากกว่าที่หลายคนรู้!

... เทียนขี้ผึ้งแท้ 100 % มีข้อเด่นและข้อด้อย ต่างจากเทียนไขชนิดอื่น ๆ อย่างไร? พุทธธรรมแท้ ๆ ที่บริสุทธิ์ ก็ฉันนั้นแล.. ส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปได้ไกล แต่กลับละลายอย่างรวดเร็ว เมื่อโดนไฟและแรงลม เสมอๆ
... ไฟ = ถูกต่างศาสนาและกลุ่มอิทธพลที่ไม่เอาศาสนา..เบียดเบียน
... ลม = ลาภสักการะ
..เพราะธรรมชาติของศาสนาพุทธไม่สอนให้ข่มเหง ตอบโต้ใคร และไม่บังคับใครให้ต้องละกิเลส (แม้แต่ผู้นั้นบวชเป็นพระภิกษุเข้ามาแล้วก็ตาม!)

... อนึ่ง. ในเรื่องนี้. หลายคนยังเข้าใจผิดว่า. ลมแรง (ลาภสักการะ). จะช่วยทำให้ไฟมอดลงได้บ้าง. แต่ความจริงแล้ว. ในกรณีของเทียนขี้ผึ้งแท้ๆ. กลับตรงกันข้าม. แรงลมยิ่งกลับทำให้ไฟเผาไหม้เนื้อเทียนเร็วยิ่งขึ้น อีกต่างหาก..!
..
... ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า พระสงฆ์และองค์กรพระพุทธศาสนา..เป็นเป้าหมายอ่อนแอในทางการเมือง และขี้ปากชาวบ้าน (สำนักข่าว!) มาโดยตลอด แต่! อยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะการคุ้มครองของพระมหากษัตริย์
.... แต่ยุคนี้ พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ. ไม่เหมือนยุคก่อน ๆ อีกแล้ว..
..
... ในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ มียุคใดบ้างพระสงฆ์ล้างอลัชชีกันเองได้?
... มีการสังฆายนาครั้งใดบ้างที่พระสงฆ์สามารถจัดขึ้นกันเองได้?
... มีเมืองใดบ้างเป็นเมืองพุทธเพราะการจัดการของพระสงฆ์?
... มีเมืองใดบ้างหากผู้นำสูงสุด ไม่สนับสนุน..ศาสนาพุทธรุ่งเรืองขึ้นได้
... คำตอบคือ "ไม่เคยมี"

... ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า พระสงฆ์และองค์กรพุทธศาสนา..เป็นเป้าหมายอ่อนแอในทางการเมือง และขี้ปากชาวบ้าน (สำนักข่าว!) มาโดยตลอด แต่! อยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะการคุ้มครองของพระมหากษัตริย์
.... แต่ยุคนี้ พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ. ไม่เหมือนยุคก่อน ๆ อีกแล้ว..

.... ที่จริง. วิถีชาวบ้าน (การทำมาหากิน) กับศีล ๕ ยากที่จะไปด้วยกันได้ มาตั้งแต่ต้นนั่นแหละ.
... แต่ด้วยอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่คอยส่งเสริม ตักเตือน และบีบบังคับเป็นครั้งคราว ทำให้ศาสนา กลุ่มการเมืองและชาวบ้านไม่ออกห่างกันมากนัก. แต่ ปัจจุบันนี้ พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ !
....เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสนาพุทธจะอยู่คู่วิถีชีวิตคนไทย ไปได้อีกซักกี่เพลาหนอ?

.... ข้าพเจ้า มีข้อสงสัยต่อสังคมพุทธในเมืองไทย ในขณะนี้ว่า
.... "ทำไมเราไม่จัดระเบียบสังคมพุทธ ให้เป็นสังคมคุณธรรมแบบอิสลามบ้าง และ ขณะนี้ สิ่งที่ชาวพุทธควรเรียกร้อง ให้มากกว่าการเรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาลงในธรรมนูญ ก็คือ..การเรียกร้องให้สังคมคุณธรรมได้เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมชาวพุทธ เสียที ..เช่น คนพุทธ ต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้าทำงานทุกเช้า ผู้บริหารราชการทุกส่วน ต้องไปฟังธรรมทุกๆ วันพระ เป็นต้น

.... ในประเด็นนี้ หากศึกษาจากประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาแล้ว จะพบว่า การจัดการให้สังคมพุทธ เป็นสังคมคุณธรรมแบบเข็มข้นนั้น พระไม่เคยทำได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยทำ มีผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ คือ "พระมหากษัตริย์ " เช่น พระเจ้าอโศกมหาราช พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น

.... แต่ปัจจุบันอำนาจพระมหากษัตริย์ลดลงอยู่ใต้รัฐธรมนูญ จึงเป็นคำตอบว่า ในยุคนี้ จะฟื้นฟูสังคมคุณธรรมแบบพุทธขึ้นมาได้อีกครั้ง ก็ด้วยการบัญญัติลงไปในรัฐธรรมนูญ...เพียงเท่านั้น..ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว... แม้แต่นายก ก็พึ่งพาไม่ได้ มาแล้วก็ไป..!

… เพราะเหตุใด ขณะที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกพากันโหมกระแสต่อต้านอิสลาม แต่วิถีชีวิตแบบอิสลามกลับได้รับความสนใจจากชาวบ้านชาวเมือง ..แผ่ขยายไปทั่วโลก ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง!
... นั่นเพราะโลกปัจจุบัน เป็นโลกแห่งการต่อสู้ ดิ้นรน แข่งขัน แย่งชิง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา อันเป็นวิถีของผู้ครองเรือนที่ยังประกอบอยู่ด้วยความโลภ โกรธ หลง.
... ซึ่งกล่าวได้ว่า ในโลกปัจจุบันนี้ วิถีชีวิตแบบอิสลามเป็นวิถีชีวิตที่มีหลักการในพระคัมภีร์สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่สุด คืออยู่กันด้วยความโลภ โกรธ หลง ตามวิถีชาวบ้าน เช่น การทำสงคราม การเชือดสัตว์ทำอาหาร อนุญาติให้มีภรรยา 4 คน เป็นต้น
... มีหลักการดำเนินชีวิตตามวิถีผู้ครองเรือน..อย่างมีแบบแผนที่เคร่งครัด ที่คนทั้งชุมชนนำมาสู่การปฏิบัติกันจริง ๆ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน..และมีการช่วยเหลือ สนับสนุนพวกพ้องเดียวกัน มากที่สุดที่สุด!
... เช่น ในชุมชนมุสลิม จะไม่มีภาพพ่อแม่ดื่มเหล้าให้ลูกหลานเห็น อย่างเด็ดขาด! ในขณะเดียวกันเด็กหญิงเมื่อมีระดู เกิดกามราคะ ก็อนุญาติให้แต่งงานได้ ฯลฯ เป็นต้น..

... ฉะนั้น ยุคนี้ เป็นการยากที่วิถีนักบวชที่เป็นไปเพื่อการถอยห่างจากกามราคะ ฯลฯ อย่างพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้โดยง่าย เหมือนยุคก่อน !
... ซ้ำร้าย..ลูกหลานชาวพุทธที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์มากพอ. ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ตามแรงปลุกเร้าของสื่อที่ตนยึดถือ (ที่ถือทิฏฐิว่าตนได้เรียนตำรามามากกว่าคนยุคก่อน) เที่ยวไล่ด่าทอ เสียดสีนักบวชผู้พยายามประพฤติดีปฏิบัตชอบ หนักเข้าไปทุกวัน...
... ยุคนี้..ไม่ง่ายสำหรับผู้ครองสมณเพศในพระพุทธศาสนา อีกต่อไป

... เมื่อเป็นเช่นนี้ หากพระพุทธศาสนาไม่ได้รับการปกป้องและสนับสนุนจากรัฐฯ. และความเข้าใจจากชาวพุทธด้วยกันเองมากพอ วิถีนักบวช (พระภิกษุ) อาจต้องสูญสิ้นภายใน 100 ปีนี้ ก็เป็นได้
5252

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2019, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เป็นความเห็นแง่มุมหนึ่ง

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

… ยุคนี้ เป็นการยากที่วิถีนักบวชที่เป็นไปเพื่อการถอยห่างจากกามราคะ ฯลฯ อย่างพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้โดยง่าย เหมือนยุคก่อน !
… พุทธเถรวาทแท้ๆ เป็นเป้าหมายอ่อนไหว เสื่อมสลายได้ง่าย มากกว่าที่หลายคนรู้!

... เทียนขี้ผึ้งแท้ 100 % มีข้อเด่นและข้อด้อย ต่างจากเทียนไขชนิดอื่น ๆ อย่างไร? พุทธธรรมแท้ ๆ ที่บริสุทธิ์ ก็ฉันนั้นแล.. ส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปได้ไกล แต่กลับละลายอย่างรวดเร็ว เมื่อโดนไฟและแรงลม เสมอๆ
... ไฟ = ถูกต่างศาสนาและกลุ่มอิทธพลที่ไม่เอาศาสนา..เบียดเบียน
... ลม = ลาภสักการะ
..เพราะธรรมชาติของศาสนาพุทธไม่สอนให้ข่มเหง ตอบโต้ใคร และไม่บังคับใครให้ต้องละกิเลส (แม้แต่ผู้นั้นบวชเป็นพระภิกษุเข้ามาแล้วก็ตาม!)

... อนึ่ง. ในเรื่องนี้. หลายคนยังเข้าใจผิดว่า. ลมแรง (ลาภสักการะ). จะช่วยทำให้ไฟมอดลงได้บ้าง. แต่ความจริงแล้ว. ในกรณีของเทียนขี้ผึ้งแท้ๆ. กลับตรงกันข้าม. แรงลมยิ่งกลับทำให้ไฟเผาไหม้เนื้อเทียนเร็วยิ่งขึ้น อีกต่างหาก..!
..
... ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า พระสงฆ์และองค์กรพระพุทธศาสนา..เป็นเป้าหมายอ่อนแอในทางการเมือง และขี้ปากชาวบ้าน (สำนักข่าว!) มาโดยตลอด แต่! อยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะการคุ้มครองของพระมหากษัตริย์
.... แต่ยุคนี้ พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ. ไม่เหมือนยุคก่อน ๆ อีกแล้ว..
..
... ในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ มียุคใดบ้างพระสงฆ์ล้างอลัชชีกันเองได้?
... มีการสังฆายนาครั้งใดบ้างที่พระสงฆ์สามารถจัดขึ้นกันเองได้?
... มีเมืองใดบ้างเป็นเมืองพุทธเพราะการจัดการของพระสงฆ์?
... มีเมืองใดบ้างหากผู้นำสูงสุด ไม่สนับสนุน..ศาสนาพุทธรุ่งเรืองขึ้นได้
... คำตอบคือ "ไม่เคยมี"

... ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า พระสงฆ์และองค์กรพุทธศาสนา..เป็นเป้าหมายอ่อนแอในทางการเมือง และขี้ปากชาวบ้าน (สำนักข่าว!) มาโดยตลอด แต่! อยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะการคุ้มครองของพระมหากษัตริย์
.... แต่ยุคนี้ พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ. ไม่เหมือนยุคก่อน ๆ อีกแล้ว..

.... ที่จริง. วิถีชาวบ้าน (การทำมาหากิน) กับศีล ๕ ยากที่จะไปด้วยกันได้ มาตั้งแต่ต้นนั่นแหละ.
... แต่ด้วยอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่คอยส่งเสริม ตักเตือน และบีบบังคับเป็นครั้งคราว ทำให้ศาสนา กลุ่มการเมืองและชาวบ้านไม่ออกห่างกันมากนัก. แต่ ปัจจุบันนี้ พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ !
....เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสนาพุทธจะอยู่คู่วิถีชีวิตคนไทย ไปได้อีกซักกี่เพลาหนอ?

.... ข้าพเจ้า มีข้อสงสัยต่อสังคมพุทธในเมืองไทย ในขณะนี้ว่า
.... "ทำไมเราไม่จัดระเบียบสังคมพุทธ ให้เป็นสังคมคุณธรรมแบบอิสลามบ้าง และ ขณะนี้ สิ่งที่ชาวพุทธควรเรียกร้อง ให้มากกว่าการเรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาลงในธรรมนูญ ก็คือ..การเรียกร้องให้สังคมคุณธรรมได้เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมชาวพุทธ เสียที ..เช่น คนพุทธ ต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้าทำงานทุกเช้า ผู้บริหารราชการทุกส่วน ต้องไปฟังธรรมทุกๆ วันพระ เป็นต้น

.... ในประเด็นนี้ หากศึกษาจากประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาแล้ว จะพบว่า การจัดการให้สังคมพุทธ เป็นสังคมคุณธรรมแบบเข็มข้นนั้น พระไม่เคยทำได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยทำ มีผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ คือ "พระมหากษัตริย์ " เช่น พระเจ้าอโศกมหาราช พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น

.... แต่ปัจจุบันอำนาจพระมหากษัตริย์ลดลงอยู่ใต้รัฐธรมนูญ จึงเป็นคำตอบว่า ในยุคนี้ จะฟื้นฟูสังคมคุณธรรมแบบพุทธขึ้นมาได้อีกครั้ง ก็ด้วยการบัญญัติลงไปในรัฐธรรมนูญ...เพียงเท่านั้น..ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว... แม้แต่นายก ก็พึ่งพาไม่ได้ มาแล้วก็ไป..!

… เพราะเหตุใด ขณะที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกพากันโหมกระแสต่อต้านอิสลาม แต่วิถีชีวิตแบบอิสลามกลับได้รับความสนใจจากชาวบ้านชาวเมือง ..แผ่ขยายไปทั่วโลก ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง!
... นั่นเพราะโลกปัจจุบัน เป็นโลกแห่งการต่อสู้ ดิ้นรน แข่งขัน แย่งชิง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา อันเป็นวิถีของผู้ครองเรือนที่ยังประกอบอยู่ด้วยความโลภ โกรธ หลง.
... ซึ่งกล่าวได้ว่า ในโลกปัจจุบันนี้ วิถีชีวิตแบบอิสลามเป็นวิถีชีวิตที่มีหลักการในพระคัมภีร์สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่สุด คืออยู่กันด้วยความโลภ โกรธ หลง ตามวิถีชาวบ้าน เช่น การทำสงคราม การเชือดสัตว์ทำอาหาร อนุญาติให้มีภรรยา 4 คน เป็นต้น
... มีหลักการดำเนินชีวิตตามวิถีผู้ครองเรือน..อย่างมีแบบแผนที่เคร่งครัด ที่คนทั้งชุมชนนำมาสู่การปฏิบัติกันจริง ๆ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน..และมีการช่วยเหลือ สนับสนุนพวกพ้องเดียวกัน มากที่สุดที่สุด!
... เช่น ในชุมชนมุสลิม จะไม่มีภาพพ่อแม่ดื่มเหล้าให้ลูกหลานเห็น อย่างเด็ดขาด! ในขณะเดียวกันเด็กหญิงเมื่อมีระดู เกิดกามราคะ ก็อนุญาติให้แต่งงานได้ ฯลฯ เป็นต้น..

... ฉะนั้น ยุคนี้ เป็นการยากที่วิถีนักบวชที่เป็นไปเพื่อการถอยห่างจากกามราคะ ฯลฯ อย่างพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้โดยง่าย เหมือนยุคก่อน !
... ซ้ำร้าย..ลูกหลานชาวพุทธที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์มากพอ. ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ตามแรงปลุกเร้าของสื่อที่ตนยึดถือ (ที่ถือทิฏฐิว่าตนได้เรียนตำรามามากกว่าคนยุคก่อน) เที่ยวไล่ด่าทอ เสียดสีนักบวชผู้พยายามประพฤติดีปฏิบัตชอบ หนักเข้าไปทุกวัน...
... ยุคนี้..ไม่ง่ายสำหรับผู้ครองสมณเพศในพระพุทธศาสนา อีกต่อไป

... เมื่อเป็นเช่นนี้ หากพระพุทธศาสนาไม่ได้รับการปกป้องและสนับสนุนจากรัฐฯ. และความเข้าใจจากชาวพุทธด้วยกันเองมากพอ วิถีนักบวช (พระภิกษุ) อาจต้องสูญสิ้นภายใน 100 ปีนี้ ก็เป็นได้
5252



คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2019, 11:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เป็นความเห็นแง่มุมหนึ่ง

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

… ยุคนี้ เป็นการยากที่วิถีนักบวชที่เป็นไปเพื่อการถอยห่างจากกามราคะ ฯลฯ อย่างพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้โดยง่าย เหมือนยุคก่อน !
… พุทธเถรวาทแท้ๆ เป็นเป้าหมายอ่อนไหว เสื่อมสลายได้ง่าย มากกว่าที่หลายคนรู้!

... เทียนขี้ผึ้งแท้ 100 % มีข้อเด่นและข้อด้อย ต่างจากเทียนไขชนิดอื่น ๆ อย่างไร? พุทธธรรมแท้ ๆ ที่บริสุทธิ์ ก็ฉันนั้นแล.. ส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปได้ไกล แต่กลับละลายอย่างรวดเร็ว เมื่อโดนไฟและแรงลม เสมอๆ
... ไฟ = ถูกต่างศาสนาและกลุ่มอิทธพลที่ไม่เอาศาสนา..เบียดเบียน
... ลม = ลาภสักการะ
..เพราะธรรมชาติของศาสนาพุทธไม่สอนให้ข่มเหง ตอบโต้ใคร และไม่บังคับใครให้ต้องละกิเลส (แม้แต่ผู้นั้นบวชเป็นพระภิกษุเข้ามาแล้วก็ตาม!)

... อนึ่ง. ในเรื่องนี้. หลายคนยังเข้าใจผิดว่า. ลมแรง (ลาภสักการะ). จะช่วยทำให้ไฟมอดลงได้บ้าง. แต่ความจริงแล้ว. ในกรณีของเทียนขี้ผึ้งแท้ๆ. กลับตรงกันข้าม. แรงลมยิ่งกลับทำให้ไฟเผาไหม้เนื้อเทียนเร็วยิ่งขึ้น อีกต่างหาก..!
..
... ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า พระสงฆ์และองค์กรพระพุทธศาสนา..เป็นเป้าหมายอ่อนแอในทางการเมือง และขี้ปากชาวบ้าน (สำนักข่าว!) มาโดยตลอด แต่! อยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะการคุ้มครองของพระมหากษัตริย์
.... แต่ยุคนี้ พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ. ไม่เหมือนยุคก่อน ๆ อีกแล้ว..
..
... ในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ มียุคใดบ้างพระสงฆ์ล้างอลัชชีกันเองได้?
... มีการสังฆายนาครั้งใดบ้างที่พระสงฆ์สามารถจัดขึ้นกันเองได้?
... มีเมืองใดบ้างเป็นเมืองพุทธเพราะการจัดการของพระสงฆ์?
... มีเมืองใดบ้างหากผู้นำสูงสุด ไม่สนับสนุน..ศาสนาพุทธรุ่งเรืองขึ้นได้
... คำตอบคือ "ไม่เคยมี"

... ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า พระสงฆ์และองค์กรพุทธศาสนา..เป็นเป้าหมายอ่อนแอในทางการเมือง และขี้ปากชาวบ้าน (สำนักข่าว!) มาโดยตลอด แต่! อยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะการคุ้มครองของพระมหากษัตริย์
.... แต่ยุคนี้ พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ. ไม่เหมือนยุคก่อน ๆ อีกแล้ว..

.... ที่จริง. วิถีชาวบ้าน (การทำมาหากิน) กับศีล ๕ ยากที่จะไปด้วยกันได้ มาตั้งแต่ต้นนั่นแหละ.
... แต่ด้วยอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่คอยส่งเสริม ตักเตือน และบีบบังคับเป็นครั้งคราว ทำให้ศาสนา กลุ่มการเมืองและชาวบ้านไม่ออกห่างกันมากนัก. แต่ ปัจจุบันนี้ พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ !
....เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสนาพุทธจะอยู่คู่วิถีชีวิตคนไทย ไปได้อีกซักกี่เพลาหนอ?

.... ข้าพเจ้า มีข้อสงสัยต่อสังคมพุทธในเมืองไทย ในขณะนี้ว่า
.... "ทำไมเราไม่จัดระเบียบสังคมพุทธ ให้เป็นสังคมคุณธรรมแบบอิสลามบ้าง และ ขณะนี้ สิ่งที่ชาวพุทธควรเรียกร้อง ให้มากกว่าการเรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาลงในธรรมนูญ ก็คือ..การเรียกร้องให้สังคมคุณธรรมได้เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมชาวพุทธ เสียที ..เช่น คนพุทธ ต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้าทำงานทุกเช้า ผู้บริหารราชการทุกส่วน ต้องไปฟังธรรมทุกๆ วันพระ เป็นต้น

.... ในประเด็นนี้ หากศึกษาจากประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาแล้ว จะพบว่า การจัดการให้สังคมพุทธ เป็นสังคมคุณธรรมแบบเข็มข้นนั้น พระไม่เคยทำได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยทำ มีผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ คือ "พระมหากษัตริย์ " เช่น พระเจ้าอโศกมหาราช พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น

.... แต่ปัจจุบันอำนาจพระมหากษัตริย์ลดลงอยู่ใต้รัฐธรมนูญ จึงเป็นคำตอบว่า ในยุคนี้ จะฟื้นฟูสังคมคุณธรรมแบบพุทธขึ้นมาได้อีกครั้ง ก็ด้วยการบัญญัติลงไปในรัฐธรรมนูญ...เพียงเท่านั้น..ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว... แม้แต่นายก ก็พึ่งพาไม่ได้ มาแล้วก็ไป..!

… เพราะเหตุใด ขณะที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกพากันโหมกระแสต่อต้านอิสลาม แต่วิถีชีวิตแบบอิสลามกลับได้รับความสนใจจากชาวบ้านชาวเมือง ..แผ่ขยายไปทั่วโลก ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง!
... นั่นเพราะโลกปัจจุบัน เป็นโลกแห่งการต่อสู้ ดิ้นรน แข่งขัน แย่งชิง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา อันเป็นวิถีของผู้ครองเรือนที่ยังประกอบอยู่ด้วยความโลภ โกรธ หลง.
... ซึ่งกล่าวได้ว่า ในโลกปัจจุบันนี้ วิถีชีวิตแบบอิสลามเป็นวิถีชีวิตที่มีหลักการในพระคัมภีร์สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่สุด คืออยู่กันด้วยความโลภ โกรธ หลง ตามวิถีชาวบ้าน เช่น การทำสงคราม การเชือดสัตว์ทำอาหาร อนุญาติให้มีภรรยา 4 คน เป็นต้น
... มีหลักการดำเนินชีวิตตามวิถีผู้ครองเรือน..อย่างมีแบบแผนที่เคร่งครัด ที่คนทั้งชุมชนนำมาสู่การปฏิบัติกันจริง ๆ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน..และมีการช่วยเหลือ สนับสนุนพวกพ้องเดียวกัน มากที่สุดที่สุด!
... เช่น ในชุมชนมุสลิม จะไม่มีภาพพ่อแม่ดื่มเหล้าให้ลูกหลานเห็น อย่างเด็ดขาด! ในขณะเดียวกันเด็กหญิงเมื่อมีระดู เกิดกามราคะ ก็อนุญาติให้แต่งงานได้ ฯลฯ เป็นต้น..

... ฉะนั้น ยุคนี้ เป็นการยากที่วิถีนักบวชที่เป็นไปเพื่อการถอยห่างจากกามราคะ ฯลฯ อย่างพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้โดยง่าย เหมือนยุคก่อน !
... ซ้ำร้าย..ลูกหลานชาวพุทธที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์มากพอ. ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ตามแรงปลุกเร้าของสื่อที่ตนยึดถือ (ที่ถือทิฏฐิว่าตนได้เรียนตำรามามากกว่าคนยุคก่อน) เที่ยวไล่ด่าทอ เสียดสีนักบวชผู้พยายามประพฤติดีปฏิบัตชอบ หนักเข้าไปทุกวัน...
... ยุคนี้..ไม่ง่ายสำหรับผู้ครองสมณเพศในพระพุทธศาสนา อีกต่อไป

... เมื่อเป็นเช่นนี้ หากพระพุทธศาสนาไม่ได้รับการปกป้องและสนับสนุนจากรัฐฯ. และความเข้าใจจากชาวพุทธด้วยกันเองมากพอ วิถีนักบวช (พระภิกษุ) อาจต้องสูญสิ้นภายใน 100 ปีนี้ ก็เป็นได้
5252



คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณค่ะ

tongue


พ่ะน่ะ ดูอินเดียเป็นตัวอย่าง :b32: คนรุ่นหลังต้องมาฟื้นฟูกันขึ้นมาใหม่ เพราะพังพาบหมด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 173 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร