วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2019, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2019, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

๖.เป้าหมายของชาวพุทธคือพระนิพพาน และพระนิพพานนี้บรรลุได้เพราะศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ไม่มีใครช่วยให้ใครสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิและปัญญาได้ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วยได้ นอกจากแต่ละคนจะปฏิบัติด้วยตนเอง

พระนิพพานนี้คือการดับกิเลส มีทั้งดับชั่วคราว ทั้งดับถาวร เมื่อทำสมาธิจนจิตบรรลุฌานที่ ๑ เป็นต้นไป เรียกว่านิพพานชั่วคราว ซึ่งใครๆ ที่เอาจริงเอาจังก็สามารถสัมผัสนิพพานชั่วคราวนี้ได้ แต่ถ้าปฏิบัติจนศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ก็จะดับกิเลสได้หมด เป็นนิพพานอย่างถาวรไป

สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนพิสูจน์ได้กันทุกคนและไม่เกี่ยงว่าจะมาจากศาสนาไหน โดยปรกติ พุทธมามกะในยุโรปและอเมริกา ก็ล้วนแต่เป็นคนเคยนับถือศาสนาอื่นมาทั้งนั้น

@ มนุษย์มีทุกข์ใจมาก ทั้งเครียด ทั้งหดหู่ ทั้งฟุ้งซ่าน กิเลสที่ปรุงแต่งจิตทำให้มนุษย์ฟุ้งซ่าน และหาความสุขไม่ได้ มีแต่ทุกข์ แต่การทำสมาธิ เมื่อทำถูกต้องและต่อเนื่อง จะทำให้จิตปลอดจากกิเลส สัมผัสถึงนิพพานชั่วคราวได้ เมื่อใด ที่มนุษย์ฝึกสมาธิ มาถึงระดับฌานและสัมผัสถึงความสุขชั่วคราวได้ มนุษย์ก็จะรู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเป็นความจริง กล่าวคือศีล สมาธิและปัญญาสามารถดับกิเลสได้หมดและนำความสุขมาให้ผู้ปฏิบัติจริง

ฝรั่งสองท่านนี้ทดลองฝึกสมาธิมานาน เมื่อฝึกสมาธิจนประสบความสุขทางใจแล้วก็ออกบวช มีฉายาว่า สุทฺธาโส และ อยฺยโสโม พอออกบวชก็ยิ่งมีเวลาฝึกสมาธิมาก ยิ่งฝึกสมาธิเพียงไร ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพียงนั้น อยากเผยแผ่คำสอนพระพุทธศาสนาให้คนอเมริกันทั่วไปได้รู้จักบ้าง

เช้าๆ ทุกวันพุธท่านจึงพากันเดินบิณฑบาตไปที่ยูเนียนสแควร์ กลางมหานครนิวยอร์ค ยืนรอรับบิณฑบาตจากสาธุชนทั่วไป ชาวพุทธผ่านไปเห็นก็ถวายอาหารบิณฑบาต หากแม้ไม่มีคนใส่บาตรเลยก็อุ้มบาตรเปล่ากลับสำนักสงฆ์ มีญาติโยมจัดอาหารรอถวาย

การเดินไปบิณฑบาตเป็นการนำตัวเองไปให้คนท้องถิ่นรู้จักตัวท่าน และพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น คนพบเห็นบ่อยๆ ก็จะไต่ถาม ท่านก็จะมีโอกาสอธิบายหลักการของพระพุทธศาสนา เขาเรียกกันว่า *บิณฑบาตเอาคน* เหมือนที่หลวงพ่อชา สุภทฺโท เคยทำมาแล้วในประเทศอังกฤษ

พระฝรั่งเหล่านี้ กล้าหาญชาญชัย ถึงขนาดเดินไปรอรับอาหารบิณฑบาตกลางใจเมืองมหานครนิวยอร์ค ก็เพราะมั่นใจในพระพุทธศาสนา เห็นภาพนี้แล้ว ท่านก็วางใจได้แน่นอนครับว่าชาวอเมริกันที่เรียนรู้พระพุทธศาสนาอย่างจริงจังมีอยู่ และพร้อมจะอธิบายให้คนอเมริกันด้วยกันฟังอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบัน พระชาวอเมริกันมีเพิ่มขึ้นจำนวนมากและท่านก็สั่งสอนชาวอเมริกันด้วยกันเช่นเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ

ความมั่นใจและตั้งใจอย่างเปี่ยมล้นของพระชาวอเมริกันเหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาแน่นอนครับ

https://www.facebook.com/bodhinand007/p ... =3&theater

เมโลกสวยไปเดินเที่ยวเช้าๆ เคยเห็นไหม หรือนอนตื่นสาย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2019, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วาง คคห.นี้เทียบไว้ อ่านหนังสือแล้วต้องทำ ไม่ว่าจะหนังสืออะไรทั้งนั้น อ่านแล้วต้องฝึกต้องทำ :b1:


หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน

ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน

แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ ... แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า
กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ .... เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลกมัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ

แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

แต่หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือ ทำได้มากสุดก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที) แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้


http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2019, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อดูสองตัวอย่างข้างบนแล้ว ทีนี้มาดูตัวอย่างนี้บ้าง :b12: ตั้งสติดีๆ

กดดู

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5E3581FC

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5E298606

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2019, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ทีนี้ ดู กลอนบัวเต่าถุย :b1: จาก

http://www.thaipoem.com/poem/147886

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2019, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

๖.เป้าหมายของชาวพุทธคือพระนิพพาน และพระนิพพานนี้บรรลุได้เพราะศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ไม่มีใครช่วยให้ใครสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิและปัญญาได้ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วยได้ นอกจากแต่ละคนจะปฏิบัติด้วยตนเอง

พระนิพพานนี้คือการดับกิเลส มีทั้งดับชั่วคราว ทั้งดับถาวร เมื่อทำสมาธิจนจิตบรรลุฌานที่ ๑ เป็นต้นไป เรียกว่านิพพานชั่วคราว ซึ่งใครๆ ที่เอาจริงเอาจังก็สามารถสัมผัสนิพพานชั่วคราวนี้ได้ แต่ถ้าปฏิบัติจนศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ก็จะดับกิเลสได้หมด เป็นนิพพานอย่างถาวรไป

สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนพิสูจน์ได้กันทุกคนและไม่เกี่ยงว่าจะมาจากศาสนาไหน โดยปรกติ พุทธมามกะในยุโรปและอเมริกา ก็ล้วนแต่เป็นคนเคยนับถือศาสนาอื่นมาทั้งนั้น

@ มนุษย์มีทุกข์ใจมาก ทั้งเครียด ทั้งหดหู่ ทั้งฟุ้งซ่าน กิเลสที่ปรุงแต่งจิตทำให้มนุษย์ฟุ้งซ่าน และหาความสุขไม่ได้ มีแต่ทุกข์ แต่การทำสมาธิ เมื่อทำถูกต้องและต่อเนื่อง จะทำให้จิตปลอดจากกิเลส สัมผัสถึงนิพพานชั่วคราวได้ เมื่อใด ที่มนุษย์ฝึกสมาธิ มาถึงระดับฌานและสัมผัสถึงความสุขชั่วคราวได้ มนุษย์ก็จะรู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเป็นความจริง กล่าวคือศีล สมาธิและปัญญาสามารถดับกิเลสได้หมดและนำความสุขมาให้ผู้ปฏิบัติจริง

ฝรั่งสองท่านนี้ทดลองฝึกสมาธิมานาน เมื่อฝึกสมาธิจนประสบความสุขทางใจแล้วก็ออกบวช มีฉายาว่า สุทฺธาโส และ อยฺยโสโม พอออกบวชก็ยิ่งมีเวลาฝึกสมาธิมาก ยิ่งฝึกสมาธิเพียงไร ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพียงนั้น อยากเผยแผ่คำสอนพระพุทธศาสนาให้คนอเมริกันทั่วไปได้รู้จักบ้าง

เช้าๆ ทุกวันพุธท่านจึงพากันเดินบิณฑบาตไปที่ยูเนียนสแควร์ กลางมหานครนิวยอร์ค ยืนรอรับบิณฑบาตจากสาธุชนทั่วไป ชาวพุทธผ่านไปเห็นก็ถวายอาหารบิณฑบาต หากแม้ไม่มีคนใส่บาตรเลยก็อุ้มบาตรเปล่ากลับสำนักสงฆ์ มีญาติโยมจัดอาหารรอถวาย

การเดินไปบิณฑบาตเป็นการนำตัวเองไปให้คนท้องถิ่นรู้จักตัวท่าน และพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น คนพบเห็นบ่อยๆ ก็จะไต่ถาม ท่านก็จะมีโอกาสอธิบายหลักการของพระพุทธศาสนา เขาเรียกกันว่า *บิณฑบาตเอาคน* เหมือนที่หลวงพ่อชา สุภทฺโท เคยทำมาแล้วในประเทศอังกฤษ

พระฝรั่งเหล่านี้ กล้าหาญชาญชัย ถึงขนาดเดินไปรอรับอาหารบิณฑบาตกลางใจเมืองมหานครนิวยอร์ค ก็เพราะมั่นใจในพระพุทธศาสนา เห็นภาพนี้แล้ว ท่านก็วางใจได้แน่นอนครับว่าชาวอเมริกันที่เรียนรู้พระพุทธศาสนาอย่างจริงจังมีอยู่ และพร้อมจะอธิบายให้คนอเมริกันด้วยกันฟังอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบัน พระชาวอเมริกันมีเพิ่มขึ้นจำนวนมากและท่านก็สั่งสอนชาวอเมริกันด้วยกันเช่นเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ

ความมั่นใจและตั้งใจอย่างเปี่ยมล้นของพระชาวอเมริกันเหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาแน่นอนครับ

https://www.facebook.com/bodhinand007/p ... =3&theater

เมโลกสวยไปเดินเที่ยวเช้าๆ เคยเห็นไหม หรือนอนตื่นสาย :b32:


เคยไปแต่ที่พระโกนคิ้วค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2019, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:

https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/ ... e=5E3C96A0

๖.เป้าหมายของชาวพุทธคือพระนิพพาน และพระนิพพานนี้บรรลุได้เพราะศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ไม่มีใครช่วยให้ใครสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิและปัญญาได้ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วยได้ นอกจากแต่ละคนจะปฏิบัติด้วยตนเอง

พระนิพพานนี้คือการดับกิเลส มีทั้งดับชั่วคราว ทั้งดับถาวร เมื่อทำสมาธิจนจิตบรรลุฌานที่ ๑ เป็นต้นไป เรียกว่านิพพานชั่วคราว ซึ่งใครๆ ที่เอาจริงเอาจังก็สามารถสัมผัสนิพพานชั่วคราวนี้ได้ แต่ถ้าปฏิบัติจนศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ก็จะดับกิเลสได้หมด เป็นนิพพานอย่างถาวรไป

สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนพิสูจน์ได้กันทุกคนและไม่เกี่ยงว่าจะมาจากศาสนาไหน โดยปรกติ พุทธมามกะในยุโรปและอเมริกา ก็ล้วนแต่เป็นคนเคยนับถือศาสนาอื่นมาทั้งนั้น

@ มนุษย์มีทุกข์ใจมาก ทั้งเครียด ทั้งหดหู่ ทั้งฟุ้งซ่าน กิเลสที่ปรุงแต่งจิตทำให้มนุษย์ฟุ้งซ่าน และหาความสุขไม่ได้ มีแต่ทุกข์ แต่การทำสมาธิ เมื่อทำถูกต้องและต่อเนื่อง จะทำให้จิตปลอดจากกิเลส สัมผัสถึงนิพพานชั่วคราวได้ เมื่อใด ที่มนุษย์ฝึกสมาธิ มาถึงระดับฌานและสัมผัสถึงความสุขชั่วคราวได้ มนุษย์ก็จะรู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเป็นความจริง กล่าวคือศีล สมาธิและปัญญาสามารถดับกิเลสได้หมดและนำความสุขมาให้ผู้ปฏิบัติจริง

ฝรั่งสองท่านนี้ทดลองฝึกสมาธิมานาน เมื่อฝึกสมาธิจนประสบความสุขทางใจแล้วก็ออกบวช มีฉายาว่า สุทฺธาโส และ อยฺยโสโม พอออกบวชก็ยิ่งมีเวลาฝึกสมาธิมาก ยิ่งฝึกสมาธิเพียงไร ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพียงนั้น อยากเผยแผ่คำสอนพระพุทธศาสนาให้คนอเมริกันทั่วไปได้รู้จักบ้าง

เช้าๆ ทุกวันพุธท่านจึงพากันเดินบิณฑบาตไปที่ยูเนียนสแควร์ กลางมหานครนิวยอร์ค ยืนรอรับบิณฑบาตจากสาธุชนทั่วไป ชาวพุทธผ่านไปเห็นก็ถวายอาหารบิณฑบาต หากแม้ไม่มีคนใส่บาตรเลยก็อุ้มบาตรเปล่ากลับสำนักสงฆ์ มีญาติโยมจัดอาหารรอถวาย

การเดินไปบิณฑบาตเป็นการนำตัวเองไปให้คนท้องถิ่นรู้จักตัวท่าน และพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น คนพบเห็นบ่อยๆ ก็จะไต่ถาม ท่านก็จะมีโอกาสอธิบายหลักการของพระพุทธศาสนา เขาเรียกกันว่า *บิณฑบาตเอาคน* เหมือนที่หลวงพ่อชา สุภทฺโท เคยทำมาแล้วในประเทศอังกฤษ

พระฝรั่งเหล่านี้ กล้าหาญชาญชัย ถึงขนาดเดินไปรอรับอาหารบิณฑบาตกลางใจเมืองมหานครนิวยอร์ค ก็เพราะมั่นใจในพระพุทธศาสนา เห็นภาพนี้แล้ว ท่านก็วางใจได้แน่นอนครับว่าชาวอเมริกันที่เรียนรู้พระพุทธศาสนาอย่างจริงจังมีอยู่ และพร้อมจะอธิบายให้คนอเมริกันด้วยกันฟังอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบัน พระชาวอเมริกันมีเพิ่มขึ้นจำนวนมากและท่านก็สั่งสอนชาวอเมริกันด้วยกันเช่นเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ

ความมั่นใจและตั้งใจอย่างเปี่ยมล้นของพระชาวอเมริกันเหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาแน่นอนครับ

https://www.facebook.com/bodhinand007/p ... =3&theater

เมโลกสวยไปเดินเที่ยวเช้าๆ เคยเห็นไหม หรือนอนตื่นสาย :b32:


เคยไปแต่ที่พระโกนคิ้วค่ะ

tongue


เมื่อก่อนพระในไทยก็ไม่โกนคิ้ว เพิ่งมาโกนเมื่อสยามกับพม่าทำสงครามกัน เหตุที่พระในไทยต้องโกนคิ้วเนื่องจากมีสายลับพม่าปลอมเป็นพระแทรกซึมเข้ามา ทางสยามจึงให้พระในไทยโกนคิ้วเป็นที่สังเกตสะ

ปัจจุบันพระพม่าก็ไม่โกนคิ้ว ส่วนพระในไทยก็โกนคิ้วเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2019, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:

https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/ ... e=5E3C96A0

๖.เป้าหมายของชาวพุทธคือพระนิพพาน และพระนิพพานนี้บรรลุได้เพราะศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ไม่มีใครช่วยให้ใครสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิและปัญญาได้ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วยได้ นอกจากแต่ละคนจะปฏิบัติด้วยตนเอง

พระนิพพานนี้คือการดับกิเลส มีทั้งดับชั่วคราว ทั้งดับถาวร เมื่อทำสมาธิจนจิตบรรลุฌานที่ ๑ เป็นต้นไป เรียกว่านิพพานชั่วคราว ซึ่งใครๆ ที่เอาจริงเอาจังก็สามารถสัมผัสนิพพานชั่วคราวนี้ได้ แต่ถ้าปฏิบัติจนศีล สมาธิและปัญญาสมบูรณ์ ก็จะดับกิเลสได้หมด เป็นนิพพานอย่างถาวรไป

สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนพิสูจน์ได้กันทุกคนและไม่เกี่ยงว่าจะมาจากศาสนาไหน โดยปรกติ พุทธมามกะในยุโรปและอเมริกา ก็ล้วนแต่เป็นคนเคยนับถือศาสนาอื่นมาทั้งนั้น

@ มนุษย์มีทุกข์ใจมาก ทั้งเครียด ทั้งหดหู่ ทั้งฟุ้งซ่าน กิเลสที่ปรุงแต่งจิตทำให้มนุษย์ฟุ้งซ่าน และหาความสุขไม่ได้ มีแต่ทุกข์ แต่การทำสมาธิ เมื่อทำถูกต้องและต่อเนื่อง จะทำให้จิตปลอดจากกิเลส สัมผัสถึงนิพพานชั่วคราวได้ เมื่อใด ที่มนุษย์ฝึกสมาธิ มาถึงระดับฌานและสัมผัสถึงความสุขชั่วคราวได้ มนุษย์ก็จะรู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเป็นความจริง กล่าวคือศีล สมาธิและปัญญาสามารถดับกิเลสได้หมดและนำความสุขมาให้ผู้ปฏิบัติจริง

ฝรั่งสองท่านนี้ทดลองฝึกสมาธิมานาน เมื่อฝึกสมาธิจนประสบความสุขทางใจแล้วก็ออกบวช มีฉายาว่า สุทฺธาโส และ อยฺยโสโม พอออกบวชก็ยิ่งมีเวลาฝึกสมาธิมาก ยิ่งฝึกสมาธิเพียงไร ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพียงนั้น อยากเผยแผ่คำสอนพระพุทธศาสนาให้คนอเมริกันทั่วไปได้รู้จักบ้าง

เช้าๆ ทุกวันพุธท่านจึงพากันเดินบิณฑบาตไปที่ยูเนียนสแควร์ กลางมหานครนิวยอร์ค ยืนรอรับบิณฑบาตจากสาธุชนทั่วไป ชาวพุทธผ่านไปเห็นก็ถวายอาหารบิณฑบาต หากแม้ไม่มีคนใส่บาตรเลยก็อุ้มบาตรเปล่ากลับสำนักสงฆ์ มีญาติโยมจัดอาหารรอถวาย

การเดินไปบิณฑบาตเป็นการนำตัวเองไปให้คนท้องถิ่นรู้จักตัวท่าน และพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น คนพบเห็นบ่อยๆ ก็จะไต่ถาม ท่านก็จะมีโอกาสอธิบายหลักการของพระพุทธศาสนา เขาเรียกกันว่า *บิณฑบาตเอาคน* เหมือนที่หลวงพ่อชา สุภทฺโท เคยทำมาแล้วในประเทศอังกฤษ

พระฝรั่งเหล่านี้ กล้าหาญชาญชัย ถึงขนาดเดินไปรอรับอาหารบิณฑบาตกลางใจเมืองมหานครนิวยอร์ค ก็เพราะมั่นใจในพระพุทธศาสนา เห็นภาพนี้แล้ว ท่านก็วางใจได้แน่นอนครับว่าชาวอเมริกันที่เรียนรู้พระพุทธศาสนาอย่างจริงจังมีอยู่ และพร้อมจะอธิบายให้คนอเมริกันด้วยกันฟังอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบัน พระชาวอเมริกันมีเพิ่มขึ้นจำนวนมากและท่านก็สั่งสอนชาวอเมริกันด้วยกันเช่นเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ

ความมั่นใจและตั้งใจอย่างเปี่ยมล้นของพระชาวอเมริกันเหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาแน่นอนครับ

https://www.facebook.com/bodhinand007/p ... =3&theater

เมโลกสวยไปเดินเที่ยวเช้าๆ เคยเห็นไหม หรือนอนตื่นสาย :b32:


เคยไปแต่ที่พระโกนคิ้วค่ะ

tongue


เมื่อก่อนพระในไทยก็ไม่โกนคิ้ว เพิ่งมาโกนเมื่อสยามกับพม่าทำสงครามกัน เหตุที่พระในไทยต้องโกนคิ้วเนื่องจากมีสายลับพม่าปลอมเป็นพระแทรกซึมเข้ามา ทางสยามจึงให้พระในไทยโกนคิ้วเป็นที่สังเกตสะ

ปัจจุบันพระพม่าก็ไม่โกนคิ้ว ส่วนพระในไทยก็โกนคิ้วเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน


อ่อ
คริคริ

พระสายลับมีมาตั้งแต่โบราณ

tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 158 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร