วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 20:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ความดีหรือความชั่วไม่มีในที่ลับที่แจ้ง

"ความชั่วไม่มีในที่ลับที่แจ้ง เราไปทำในที่ลับ ทำความชั่วมันก็บาปอยู่นั่นเท่าเดิม เราไปทำอยู่ในที่แจ้ง ที่คนเห็นมันก็บาปอยู่เท่าเดิม ทำความชั่วทั้งหลาย บุคคลกระทำด้วยกายหรือพูดด้วยวาจาก็ดี คิดในใจของคนก็ดี หากไปทำความชั่วอยู่ในที่ลับ มันก็บาปอยู่เท่าเดิมนั้นแหละ

คนกระทำความดี ทำอยู่ในที่ลับ ไม่มีใครเห็นก็ดี กราบไหว้บูชา ไหว้พระสวดมนต์ก็ดี รักษาศีลก็ดี เจริญภาวนาก็ดี อยู่ในที่คนไม่เห็น อยู่ในห้อง ใครไม่เห็นก็ดี มันก็เป็นความดีอยู่นั้นแหละ ความชั่วก็เช่นกัน ความดีก็เช่นกัน"

หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป






"ตัณหาไม่มีวันอิ่ม...จึงทำให้เกิด โลภ โกรธ หลง และมีปัญหากันทุกวันนี้ วนเวียนข้ามภพชาติ

สิ่งที่จะช่วยขจัดตัณหานั้นได้คือ ความรู้ตัวทั่วพร้อม หรือ การมี สติ ประกอบกับความมี ขันติ อดทนต่อสิ่งที่เกิดให้ได้ โดยมองและดูตามว่ามันมีเกิด ดับ เกิด ดับ อยู่นั่นเอง..."

พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต ติกฺขปญฺโญ)
วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี
29 สค.2562





เหล่ามารทั้งหลายไม่เท่ากับมารในหัวใจคนหรอก

มารข้างนอกไม่ต้องกลัว ให้มันมาเถอะ

กลัวแต่มารในตัวเรานี้แหละ ให้เอาออกเสีย

เราปฏิบัตินี้ เพื่อรู้เรื่องของตัวเอง

ไม่ใช่รู้เรื่องของคนอื่น

คนอื่นเขาจะยังไงก็เรื่องของเขา

เรื่องของเราก็เรื่องของเรา

ก็ทำใจให้พ้นทุกข์

ใครจะว่าอะไรต่ออะไร ก็เป็นเรื่องของเขา

ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่างนี้ก็สบายใจ

อภัยให้เขาดีกว่า ไม่ไปพยาบาทจองล้างกัน

อภัยทานได้บุญแรงดีนะ

หลวงปู่สังวาล เขมโก









ถ้าเรามีเมตตามีกรุณา เราก็มีความสุข
ถ้าเราอดทน เราก็มีความสุข
ทำไมอดทนถึงมีความสุข เพราะเราได้หยุดทำบาปทำกรรม เราได้ขยัน รับผิดชอบ อดทน
เราได้ตั้งมั่นในความดี

พระพุทธเจ้าถึงว่า
เป็นพระ...ความอดทนคือความสุข
เป็นพระ...การมีศีลมีความสุข การได้ทำข้อวัตรกิจวัตรมีความสุข
การที่ไม่ตามใจตัวเอง ไม่ตามอารมณ์ตัวเองคือความสุข ต้องมีสติมีสัมปชัญญะนะ

คนเรานี้เพียงแต่เราระลึกถึงพระพุทธเจ้าก็ได้บุญเยอะนะ ถ้าเราได้ประพฤติปฏิบัติตามพระพุทธเจ้ายิ่งมีบุญใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่
เราทุกคนต้องแยกใจออกจากโลกธรรม เอาใจแยกออกจากกาย

เราต้องมีความสุขในการหายใจเข้าเอาออกซิเจนเข้าร่างกาย หายใจออกสบาย...ใช่มั้ย เห็นด้วยมั้ย อย่างนี้แหละ

เราเกิดมาหลายปีแล้ว . . . ช่างหัวมัน
เราปฏิบัติธรรม เพื่อรองรับเราจะหมดลมหายใจแล้ว . . . เห็นด้วยมั้ย


หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
ค่ำวันจันทร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑









เรื่อง "พุทธันดร ความหมายที่ถูกต้องตามธรรม"

(วิสัชนาธรรมโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
(จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม)
(ฉบับพิเศษ เล่ม ๒)

เมื่อสิ้น ๕,๐๐๐ ปี จะมี “พุทธันดร” ขึ้นมาแทรก มีผู้ตั้งคำถามหลวงพ่อว่า

"ได้ยินมาว่าเมื่อครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้ว ก็จะมีศาสนาของ พระศรีอาริยเมตไตรย สืบต่อจากศาสนานี้ใช่หรือไม่ ?"

หลวงพ่อถามกลับว่า "หมายความว่า เมื่อสิ้นศาสนา ๕,๐๐๐ ปีแล้วใช่ไหม แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยจึงมาตรัสรู้
ผู้ถามตอบว่า "ใช่ครับ"

หลวงพ่อจึงบอกว่า "ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณ ถ้าศาสนานี้ครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้ว พระศรีอาริยเมตไตรยยังไม่มาตรัส จะต้องว่างจากพระพุทธศาสนาไปหนึ่งพุทธันดรก่อน แต่ว่าในช่วงที่ว่างพระพุทธเจ้านี่ก็จะมี พระปัจเจกพุทธเจ้า ขึ้นมาแทน สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ต่ำกว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วก็ทรงสอนคนตั้งแต่อันดับต้นให้รู้จักการให้ทาน ให้รู้จักการรักศีล ให้รู้จักการเจริญภาวนาให้รู้จักการครองเรือนให้อยู่เป็นสุข และให้รู้จักการปฏิบัติตนให้เข้าถึงกามาวจรสวรรค์ ให้เข้าพรหมโลก ให้เข้าถึงพระนิพพาน

สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เช่นนั้น ท่านตรัสแล้วท่านก็เฉยๆ หากว่าจะสงเคราะห์กันก็สงเคราะห์ในขั้นต้น คือ ทานกับศีล ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า ทีนี้เมื่อเวลากาลล่วงไปหนึ่งพุทธันดร อาตมาตอบไม่ได้นะว่ากี่ปี ถ้าจะให้รู้กันจริงๆ คุณก็จงอย่าตายนะ อยู่ไปจนกว่าพระศรีอาริย์จะมา อยู่ไหวไหมล่ะ ?

ผู้ถามจึงได้ถามต่อว่า : "ผมอยากจะถามว่า พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่าอะไรครับ ? "

หลวงพ่อตอบว่า "พระกกุสันโธ เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสำหรับกัปนี้ แต่องค์แรกจริงๆ ไม่ใช่องค์นี้ ที่เราเรียกว่า องค์ปฐม องค์ปฐมน่ะท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก เคยถามท่านว่าใช้เวลาถอยหลังไปเท่าไร ท่านบอกว่า ให้ตั้งเลข ๕ ขึ้นมา แล้วเอาศูนย์ใส่ไป ๕๐ ตัว ได้เท่าไรบอกฉันด้วย นับเป็นอสงไขยกัปนะ ไม่ใช่นับเป็นกัปเฉยๆ อสงไขยของกัป

ถ้าจะถามว่ามากเกินไปไหม ก็ต้องตอบว่าไม่มากหรอก เราต้องดูซิว่าพระพุทธเจ้าขั้นปัญญาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยกับแสนกัป

ถ้าศรัทธาธิกะ ต้องใช้เวลา บำเพ็ญบารมีถึง ๘ อสงไขยแสนกัป ถ้าวิริยาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ไม่เท่ากัน ทีนี้กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้ากี่องค์

สำหรับสูญญากัป อันตรายกัปนี่ไม่มีพระพุทธเจ้า มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า อันตรายกัปนี่เป็นกัปที่มีอันตรายมาก รบราฆ่าฟันกันเป็นประจำ มันมีแต่พวกมาจากอบายภูมิมาเกิด อันนี้เป็นเรื่องจริง บางกัปก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว บางกัปมี ๒ องค์ ๕ องค์ ยังไม่เคยเจอ แต่กัปนี้มีถึง ๑๐ องค์นะ ฉะนั้นคนที่เกิดในกัปนี้เฮงที่สุด แล้วก็ซวยที่สุด"

ผู้ถามจึงถามด้วยความสงสัยว่า
"เป็นยังไงหรือครับ ?"

หลวงพ่อกล่าวต่อว่า

"เฮงที่สุดก็คือ เกิดมาแล้วตั้งใจทำความดี ตายไปเป็นเทวดาหรือพรหม เมื่อเป็นเทวดาหรือพรหมแล้วพระพุทธเจ้าไปเทศน์ครั้งเดียวก็เป็นพระโสดาบัน ไอ้ซวยที่สุดก็คือ เกิดมาชาตินี้ไม่ทำความดี ตายไปก็ลงนรกลงนรกแล้วพระพุทธเจ้าอีก ๖ องค์มาตรัส นึกว่าจะเกิดมาได้พบ ไม่มีทาง อีก ๓๐ องค์ก็ยังไม่ได้พบ"

ผู้ถาม (หัวเราะ) แล้วตอบว่า
"ไม่ไหวหรอกครับ"

หลวงพ่อจึงกล่าวเสริมว่า "เป็นอันว่าเมื่อครบหนึ่งพุทธันดรแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในกัปนี้ แต่ว่าสำหรับกัปนี้ไม่ได้มีพระพุทธเจ้าเพียง ๕ พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า หลังจากพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก ๕ พระองค์ คือ ในกัปนี้ทรงพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ พระองค์

ศาสนาพระศรีอาริย์ ท่านว่าศาสนาของท่านนั้นมีผลดังนี้

๑. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณ ๒๐ ปีเศษ ของสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้นท่านว่า มีอายุถึง ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย

๒. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ที่มีจิตใจชั่วร้ายยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหารมีแต่พ่อบ้านแม่เรือน

๓. การสัญจรไปมาก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ

๔. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะพอมีญาณ หรือมีวิปัสสนาญาณบ้าง พอสมควร จะเข้าถึงธรรมาพิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยะเจ้า คนที่ได้อริยะต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพัน และปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ ที่เป็นอย่างนี้ เป็นเพราะว่าท่านบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ

ผู้ถามจึงถามต่อด้วยความตื่นเต้นว่า "โอโฮ้ ทีนี้ผลต่างกันไหมครับ ที่ใช้เวลาบำเพ็ญบารมีไม่เท่ากัน ?"

หลวงพ่อกล่าวต่อว่า "ผลมันต่างกันแน่ อย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้บำเพ็ญบารมีขั้น "ปัญญาธิกะ" จะเห็นว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ละ มีการรบราฆ่าฟันกัน มีคนจน มีคนรวย ถ้า "ศรัทธาธิกะ" ละก็คนจนไม่มี มีแต่คนรวย เพราะพระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาก ส่วน "วิริยาธิกะ" ละก็เพียบพร้อมไปทุกอย่าง สมัยโน้นจะหาคำว่าลำบากสักนิดไม่มี ความป่วยไข้ไม่สบายเกือบหาไม่ได้ ที่ท่านต้องบำเพ็ญบารมีมาก ก็เพื่อสั่งสมความดีให้มาก แล้วก็คนที่ไปเกิดในสมัยนั้นก็ต้องเป็นคนที่ต้องบำเพ็ญบารมีตามกันไป

พระพุทธเจ้าแต่ละองค์มิใช่จะโปรดคนได้หมด ต้องโปรดคนได้เฉพาะคนที่บำเพ็ญบารมีร่วมกันมาแต่ละชาติที่เกิดร่วมกันมา เป็นพวกเป็นพ้อง ทำอะไรก็ทำด้วยกัน เวลาทำบาปก็ทำด้วยกัน ไปสวรรค์ก็ไปด้วยกัน ไปนรกก็ไปด้วยกัน หลวงพ่อลาพุทธภูมิแล้วจะไปนิพพาน ลูกหลานจะอยู่หรือจะไปด้วยล่ะ ?

โอวาทธรรมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ






" ...ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ
ไม่มีสิ่งใดแน่นอน หรือยั่งยืนได้เลย
หมั่นทำความดี หรือสร้างบุญกุศลกันไว้ให้มาก ๆ เถิด
แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ ก็จะมีบุญกุศล
หนุนนำช่วยให้พ้นจากความมืดมิด ได้อย่างแน่นอน
บุคคลที่เป็นคนดีนั้น ย่อมเป็นที่รักไปทั้งสามโลก... "
.
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร








กว่าเราจะได้ชีวิตมาถึงวันนี้มันยากนัก พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ” – การเกิดเป็นมนุษย์นี่มันยากที่สุด ถ้าเกิดเป็นมดเป็นแมลงเป็นอะไรมันสารพัด มันง่ายๆ ท่านว่าอย่างนั้น
“กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ” “กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ” – เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่มีชีวิตมาถึงวันนี้ก็ยากอีก ท่านว่าอย่างนั้น
“กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ” “กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ” – การที่จะได้ฟังธรรมฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็ยากอีก
“กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท.” – การที่เราจะได้คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใส่ไว้ในตัวเราก็ยากอีก

แต่สิ่งยากๆ เหล่านั้น ท่านทั้งหลายได้หมดแล้ว ยังเหลือแต่ว่าจะเพิ่มเติมให้ได้มากขึ้นเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นให้เข้าใจว่ามาปฏิบัติอย่าได้ไปท้อแท้ใจ ให้มีความหนักแน่น ให้มีความเข้มแข็ง ให้มีความแข็งแกร่ง ให้มีความซาบซึ้งอยู่ตลอดแล้วจะพบของจริง ของจริงไม่อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรานี่เอง ในที่สุดถ้าหากว่า เรามีจิตใจของเรานี่เป็นที่พึ่ง โดยการที่สร้างสมาธิให้แก่ตัวของเราแล้ว ไม่เสียเวลาเปล่าที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ได้รับความดีความงามต่างๆ ที่จะให้แก่เราโดยที่ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่า

หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร