วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 12:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 พ.ย. 2019, 05:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฏฐิ ความเห็น, ความเชื่อถือ, ทั้งนี้ มักมีคำขยายนำหน้า เช่น สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด)
แต่ถ้า ทิฏฐิ มาคำเดียวโดด มักมีนัยไม่ดี หมายถึง ความยึดถือตามความเห็น, ความถือมั่นที่จะให้เป็นไปตามความเชื่อถือหรือความเห็นของตน, การถือยุติเอาความเห็นเป็นความจริง, ความเห็นผิด, ความยึดติดทฤษฎี,

ทิฏฐิ คือ ความเห็นผิด มี ๒ ได้แก่ ๑. สัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่าเที่ยง ๒. อุจเฉททิฏฐิ ความเห็นว่าขาดสูญ

อีกหมวดหนึ่ง มี ๓ คือ ๑. อกิริยทิฏฐิ ความเห็นว่าไม่เป็นอันทำ ๒. อเหตุกทิฏฐิ ความเห็นว่าไม่มีเหตุ ๓ นัตถิกทิฏฐิ ความเห็นว่าไม่มี คือ ถืออะไรเป็นหลักไม่ได้ เช่น มารดาบิดาไม่มี เป็นต้น

อุจเฉททิฏฐิ ความเห็นว่าขาดสูญ เช่น เห็นว่า คน และสัตว์จุติจากอัตภาพนี้แล้วขาดสูญ

สัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่า เที่ยง คือ ความเห็นว่าอัตตาและโลก เป็นสิ่งเที่ยงแท้ยั่งยืน คงอยู่ตลอดไป เช่น เห็นว่าคนและสัตว์ตายไปแล้ว ร่างกายเท่านั้นทรุดโทรมไป ส่วนดวงชีพหรือเจตภูตหรือมนัสเป็นธรรมชาติไม่สูญ ย่อมถือปฏิสนธิในกำเนิดอื่นสืบไป เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง (ตรงข้ามกับอุจเฉททิฏฐิ)

ทิฏฐิวิบัติ วิบัติแห่งทิฏฐิ, ความผิดพลาดแห่งความคิดเห็น

ทิฏฐิบาป ความเห็นลามก

ทิฏฐุปาทาน ความถือมั่นในทิฏฐิ, ความยึดติดฝังใจในลัทธิ ทฤษฎี และหลักความเชื่อต่างๆ

ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง, การแก้ไขปรับปรุงความคิดเห็นให้ถูกต้อง

ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งความเห็น คือ เกิดความรู้ความเข้าใจ มองเห็นนามรูปตามสภาวะที่เป็นจริงคลายความหลงผิดว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน ลงได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เก็บความเห็นผิดเข้าใจรวมๆไว้ก่อน :b12:

อ้างคำพูด:
Rosarin
กิเลส เป็นภาษาอะไรคะ บาลีค่ะ แปลเป็นไทยว่า มีความไม่รู้ที่จิตเป็นปกติเลย
viewtopic.php?f=1&t=58333&p=453869#p453869


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธัมม์ ธรรม คุณโรสก็พูดบ่อย นำหลักมาให้ดู คือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเรียกว่า ธรรม ได้หมดทั้งภายนอกภายใน ไม่ใช่เฉพาะแต่กายใจตัวเองอย่างที่พูด ดู

ธรรม สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจธรรม, ความจริง; เหตุ, ต้นเหตุ, สิ่ง ปรากฏการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด, คุณธรรม, ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ, หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที, ความชอบ, ความยุติธรรม, พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฏขึ้น

มีเวลา ดู (ดู ไม่ใช่ฟังนะ ดู/อ่าน) หัวข้อนี้ซ้ำอีกที เพื่อให้เข้าใจคำว่า ธรรม ได้กว้างอีก

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55033

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็พูดบ่อย ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา อะไรๆก็อนัตตา :b32: ไม่ใช่ตน ดูหลัก (ตัดมาเท่าที่พูดถึง)


สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา - ธรรม ทั้งปวง เป็นอนัตตา

พุทธพจน์แสดงหลักธรรมนิยาม อันบ่งบอกถึงไตรลักษณ์นี้ ชี้ชัดว่า เฉพาะสังขารเท่านั้นที่เป็นอนิจจัง และเป็นทุกข์ทั้งหมดทั้งสิ้น คือ ยังมีธรรมบางอย่างที่ไม่เป็นอนิจจังและไม่เป็นทุกขัง ได้แก่ ธรรมที่ไม่เป็นสังขาร
แต่ธรรมทุกอย่าง รวมทั้งธรรมที่ไม่เป็นสังขารนั้นด้วย เป็นอนัตตา คือ ล้วนมิใช่อัตตา ไม่มีอัตตา ไม่เป็นอัตตา หมดทั้งสิ้น ไม่ยกเว้นสิ่งใดทั้งนั้น ไม่มีอะไรมีอัตตา ไม่มีอะไรเป็นอัตตาเลย

คำว่า “ธรรม” ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรอยู่นอกเหนือคำว่า “ธรรม” ไม่ว่าสิ่งใดๆ ใช้ คำว่าธรรมเรียกได้ทั้งหมด

เมื่อธรรม ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ธรรม จึงจำแนกออกไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่อาจจัดประมวลได้เป็นกลุ่มเป็นประเภท

การจัดกลุ่มหรือประเภทที่เข้ากับเรื่องในที่นี้ คือ ธรรม ทั้งปวงจำแนกเป็น ๒ จำพวก ได้แก่ สังขตธรรม และอสังขตธรรม

สังขตธรรม คือ ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่ง หรือสภาวะที่เกิดจากปัจจัยหนุนเนื่องกันขึ้นมา เรียกง่ายๆ ว่า “สังขาร” ได้แก่ รูปธรรม และนามธรรมทั่วไป ที่จัดเข้าในขันธ์ ๕

อสังขตธรรม คือ ธรรมที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง หรือสภาวะที่มิใช่เกิดจากปัจจัยหนุนเนื่องกันขึ้นมา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วิสังขาร” ได้แก่ สภาวะอันพ้นจากขันธ์ทั้ง ๕ นิพพาน

โดยนัยนี้ จึงแสดงหลักธรรมนิยามแบบขยายความไว้ ดังนี้

๑.สังขาร คือ สังขตธรรม (ขันธ์ ๕) ทั้งปวง ไม่เที่ยง
๒. สังขาร คือ สังขตธรรม (ขันธ์ ๕) ทั้งปวง เป็นทุกข์
๓. ธรรม คือ สังขตธรรม และอสังขตธรรม ทั้งปวง ไม่มีไม่เป็นอัตตา

พึงสังเกตไว้ให้ตระหนักชัดว่า พระพุทธเจ้าตรัสมาตามลำดับใน ๒ ข้อแรก ทั้งข้อไม่เที่ยง และข้อเป็นทุกข์ เหมือนกันว่า “สังขาร ทั้งปวง” แต่พอถึงข้อ ๓ ที่เป็นอนัตตา ทรงเปลี่ยนเป็น “ธรรม ทั้งปวง”

เมื่อมองตรงตามพุทธพจน์นี้ พุทธประสงค์ หรือพุทธาธิบายกับขอบเขตแห่งความหมายของอนิจจตา ทุกขตา และอนัตตตา ก็ชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เก็บความเห็นผิดเข้าใจรวมๆไว้ก่อน :b12:

อ้างคำพูด:
Rosarin
กิเลส เป็นภาษาอะไรคะ บาลีค่ะ แปลเป็นไทยว่า มีความไม่รู้ที่จิตเป็นปกติเลย
viewtopic.php?f=1&t=58333&p=453869#p453869




กิเลส สิ่งที่ทำให้ใจให้เศร้าหมอง, ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์ และเป็นเครื่องปรุงแต่งความคิดให้ทำกรรม ซึ่งนำไปสู่ปัญหาความยุ่งยากเดือดร้อนและความทุกข์

(กิเลส มันก็เจตสิก กล่าวคืออกุศลเจตสิกนั่นเอง)

กิเลส ๑๐ (ในบาลีเดิม เรียกว่ากิเลสวัตถุ คือ สิ่งก่อความเศร้าหมอง ๑๐) ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ อหิริกะ อโนตตัปปะ


เมื่อเอาแบบมาวางให้เห็นแล้ว ก็รู้ว่า คุณโรสจับแพะชนแกะ ใช้วัตถุเดาสุ่มเอาเอง พูดอย่างภาษาวัยรุ่น มโน :b32:

จับแพะชนแกะอย่างนี้แหละ คือ มิจฉาทิฏฐิ

อ้างคำพูด:
กิเลส เป็นภาษาอะไรคะ บาลีค่ะ แปลเป็นไทยว่า มีความไม่รู้ที่จิตเป็นปกติ


เป็นหัวมังกุฏท้ายมังกร นี่คือตัวอย่าง แล้วเป็นอย่างนี้ทั้งหมด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2019, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คุณกรัชกายคะเข้าใจคำว่า
มีความคิดความเห็นถูกตรงตามไหมคะ
การจะตามรู้และมีความคิดตรงๆตามได้เนี่ย
ต้องกำลังมีเสียงกระทบหูถึงสิ่งที่เห็นทำให้คุณคิดตรงคำนั้น เช่น
เห็นเป็นธัมมะ เห็นไม่ใช่เรา แต่ตอนนี้เราน่ะคิดผิดเป็นตัวเราเห็นคนสัตว์วัตุตรงไหม
เพราะฉะนั้นจึงกำลังมีความคิดเห็นผิดไม่ตรงตามคำสอนเพราะเห็นเป็นเห็นดับแล้วเรากำลังคิดเห็นผิดอยู่ค่ะ
https://youtu.be/GWHfyWrp73U
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2019, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายคะเข้าใจคำว่า
มีความคิดความเห็นถูกตรงตามไหมคะ
การจะตามรู้และมีความคิดตรงๆตามได้เนี่ย
ต้องกำลังมีเสียงกระทบหูถึงสิ่งที่เห็นทำให้คุณคิดตรงคำนั้น เช่น
เห็นเป็นธัมมะ เห็นไม่ใช่เรา แต่ตอนนี้เราน่ะคิดผิดเป็นตัวเราเห็นคนสัตว์วัตุตรงไหม
เพราะฉะนั้นจึงกำลังมีความคิดเห็นผิดไม่ตรงตามคำสอนเพราะเห็นเป็นเห็นดับแล้วเรากำลังคิดเห็นผิดอยู่ค่ะ
https://youtu.be/GWHfyWrp73U
onion onion onion

ความจริงตามคำสอนมีแล้ว
ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎก
เป็นความจริงที่กำลังมีทุกคำค่ะ
ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อละไม่รู้
คำวาจาสัจจะที่เกิดจากตรัสรู้จริงๆ
พระพุทธเจ้าไม่ได้คิดด้นเดามาสอน
แต่ทรงรู้ความจริงทั้งหมดแล้วก่อนสอน
ทรงกล่าวให้คนที่กำลังฟังเท่านั้นเข้าใจตาม
เออแล้วเราน่ะไม่ได้กำลังฟังมัวแต่ไปทำอย่างอื่น
ไม่ฟังให้เข้าใจก่อนจะไปทำหรือฟังแล้วคิดผิดก็รีบไปทำ
ลืมว่าสัจจะมีความหมายตรงปัจจุบันที่ไม่เปลี่ยนแปลงความหมาย
จะคิดจะพูดจะทำอะไรมีแต่คิดเป็นเรื่องราวเป็นชื่อสิ่งนั้นสิ่งนี้คนนั้นคนนี้
แล้วจะเข้าใจสัจจะที่มีได้ยังไงในเมื่อตถาคตกล่าวความจริงให้เข้าใจว่ามีที่กายใจตน
คือมีแต่สิ่งที่มีจริงตรงปรมัตถธัมมะที่กำลังปรากฏกับสติปัญญาไม่มีตัวตนคนสัตว์วัตถุ
เราไม่ยอมฟังเพื่อเข้าใจความจริงนั้นตรงๆมีแต่คิดจะไปทำตามที่ไปอ่านชอบอันไหนก็ทำ
ก็ลืมตาดูความจริงรอบๆตัวสิคะตัวเองมองเห็นทุกอย่างจำเป็นตัวเราเห็นคนสัตว์วัตถุคือจำผิด
ถ้าไม่เริ่มฟังคำสอนที่มีคนอื่นกล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจถูกตรงตามได้ก็ไม่สามารถละตัวตนได้เลย
คลิปนี้ฟังดูสิว่าคนที่เดินทางไปตามสำนักปฏิบัติต่างๆเล่าประสบการณ์ที่ไปทำไปเห็นสิ่งต่างๆว่าอย่างไร
https://youtu.be/-tfL3dcVS28
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2019, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำและครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ(ตัวจริงธัมมะ)ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2019, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำ และครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ

:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง


ตอบให้ตรงคำถามนะ เห็นไหม นี่อะไร ?

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2019, 05:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปกติตื่นเช้ามานอนเต็มอิ่มสมองกำลังโล่ง แต่เช้านี้ไม่เห็นโพสต์คุณโรส หงุดหงิดเลย :b33: ตอบคำถามคคห. ข้างบนสิ ที่เห็นข้างนอกนั่นน่ะอะไร ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตไหม เอ้า :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2019, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำ และครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ

:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง


ตอบให้ตรงคำถามนะ เห็นไหม นี่อะไร ?

รูปภาพ

เพียรฟังเพื่อละไม่รู้
ความไม่รู้นอนอยู่ที่จิต
กำลังมีกิเลสไหลไปตามเห็น
ที่ตัวมีสัจจะแล้วลืมระลึกตามคำตถาคตอยู่
ที่ไปไหนๆน่ะไปเพราะอยากไปแต่ความไม่รู้มีที่จิต
กำลังคิดเห็นผิดตามความต้องการที่อยากไปทำสิ่งต่างๆให้ได้มาเพิ่ม
แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นไปเพื่อให้ละคลายความไม่รู้ที่มีไม่เคยฟังให้คิดถูกตามได้งัยคะ
คนตัวเป็นๆมาเตือนให้ฟังเรื่องใหญ่มากเรื่องความคิดเห็นผิดที่มีตัวตนไปทำแปลกแยกออกไปทำไม่รู้เพิ่ม
จิ้งจกทักคนยังฟังแล้วเราน่ะมองเห็นปกติทุกวันแยกไม่ออกว่าเห็นอะไรแน่สมควรหยุดฟังให้เข้าใจก่อนทำ
ทุกคลิปไม่ว่าจะย้อนหลังก็คือจิตปัจจุบันที่กำลังคิดปรุงแต่งตรงตามได้กับตรงที่กายจิตใจตนเองกำลังมี
ฟังได้ทุกสถานที่ทุกเวลาเพราะความจริงมีแล้วที่กายใจตนเองไม่ได้ทำอะไรเลยก็มีแล้วแต่จะตรงคำไหน
ก็ต้องฟังเพื่อให้จิตตนเองเข้าใจตรงคำนั้นตรงที่กายใจตัวเองกำลังเป็นตรงแค่1สัจจะที่มีที่กายตัวเองนะคะ
https://youtu.be/vLws4nA1D0U
:b31: :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2019, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำ และครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ

:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง


ตอบให้ตรงคำถามนะ เห็นไหม นี่อะไร ?

https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/ ... e=5E768AB1



เพียรฟังเพื่อละไม่รู้
ความไม่รู้นอนอยู่ที่จิต
กำลังมีกิเลสไหลไปตามเห็น
ที่ตัวมีสัจจะแล้วลืมระลึกตามคำตถาคตอยู่
ที่ไปไหนๆน่ะไปเพราะอยากไปแต่ความไม่รู้มีที่จิต
กำลังคิดเห็นผิดตามความต้องการที่อยากไปทำสิ่งต่างๆให้ได้มาเพิ่ม
แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นไปเพื่อให้ละคลายความไม่รู้ที่มีไม่เคยฟังให้คิดถูกตามได้งัยคะ
คนตัวเป็นๆมาเตือนให้ฟังเรื่องใหญ่มากเรื่องความคิดเห็นผิดที่มีตัวตนไปทำแปลกแยกออกไปทำไม่รู้เพิ่ม
จิ้งจกทักคนยังฟังแล้วเราน่ะมองเห็นปกติทุกวันแยกไม่ออกว่าเห็นอะไรแน่สมควรหยุดฟังให้เข้าใจก่อนทำ
ทุกคลิปไม่ว่าจะย้อนหลังก็คือจิตปัจจุบันที่กำลังคิดปรุงแต่งตรงตามได้กับตรงที่กายจิตใจตนเองกำลังมี
ฟังได้ทุกสถานที่ทุกเวลาเพราะความจริงมีแล้วที่กายใจตนเองไม่ได้ทำอะไรเลยก็มีแล้วแต่จะตรงคำไหน
ก็ต้องฟังเพื่อให้จิตตนเองเข้าใจตรงคำนั้นตรงที่กายใจตัวเองกำลังเป็นตรงแค่1สัจจะที่มีที่กายตัวเองนะคะ
https://youtu.be/vLws4nA1D0U


ไปโน่น :b32: อีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2019, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำและครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ)ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ

:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
(ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง เข้าใจไหมคะ


ถ้างั้นเอาใหม่ คำถามเดียวกัน ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกเนี่ย เนี่ยๆๆๆ เรียกว่าอะไร ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตไหม เอ้า ตอบ :b1:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2019, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำและครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ)ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ

:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
(ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง เข้าใจไหมคะ


ถ้างั้นเอาใหม่ คำถามเดียวกัน ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกเนี่ย เนี่ยๆๆๆ เรียกว่าอะไร ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตไหม เอ้า ตอบ :b1:

รูปภาพ

:b12:
ตาเห็นรูป
ตา=จักขุปสาทะ
เห็น=จักขุวิญญาณ
รูป=อุปาทายรูป(แสง+สี)
จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา
ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้
ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ
:b12:
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร