ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58350
หน้า 2 จากทั้งหมด 4

เจ้าของ:  Rosarin [ 30 พ.ย. 2019, 22:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส :b32: (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) :b1:


Rosarin
อ้างคำพูด:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย

viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850


ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป :b32:

ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด :b13:

ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- :b14:

:b32:
เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย
การแปลความหมายคิดให้ตรงคำและครอบคลุมประโยค
ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนตามได้
เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ)ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ

:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
(ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ
ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง เข้าใจไหมคะ


ถ้างั้นเอาใหม่ คำถามเดียวกัน ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกเนี่ย เนี่ยๆๆๆ เรียกว่าอะไร ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตไหม เอ้า ตอบ :b1:

รูปภาพ

:b12:
ตาเห็นรูป
ตา=จักขุปสาทะ
เห็น=จักขุวิญญาณ
รูป=อุปาทายรูป(แสง+สี)
จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา
ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้
ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ
:b12:
:b32: :b32:

มาฟังให้เข้าใจเรื่องเงินกับกฐินกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/xsRHiy3U5Bs
:b16:
:b39: :b39:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 03 ธ.ค. 2019, 18:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:


ตาเห็นรูป
ตา=จักขุปสาทะ
เห็น=จักขุวิญญาณ
รูป=อุปาทายรูป (แสง+สี)
จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา
ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้
ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ

มาฟังให้เข้าใจเรื่องเงินกับกฐินกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/xsRHiy3U5Bs


พูดโยงมั่วไปหมด :b1: สรุปอีกที คือว่า คุณโรสเพียงฟังแม่สุจินพูดมา ตาเห็นรูป ตาจักขุปสาทะ เห็นจักขุวิญญาณ ฯลฯ หนึ่ง ไม่ได้ศึกษา สอง ไม่เข้าใจหลักอภิธรรม ไม่ใช่หลักพระสูตร ไม่เข้าใจเจตนารมณ์การบัญญัติวินัย จบเข่า เอ้ย ไม่ใช่ จบข่าว

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 03 ธ.ค. 2019, 18:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

อ้างคำพูด:
Rosarin
สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง
แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง
จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน

คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง
ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง
กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ
ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย
เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง
ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต
บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น
ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา
https://youtu.be/Pvn54OgTElk

viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15





อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ :b32: หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง :b16: )

อ้างคำพูด:
กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง



ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน
กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล

เจ้าของ:  Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 21:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ตาเห็นรูป
ตา=จักขุปสาทะ
เห็น=จักขุวิญญาณ
รูป=อุปาทายรูป (แสง+สี)
จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา
ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้
ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ

มาฟังให้เข้าใจเรื่องเงินกับกฐินกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/xsRHiy3U5Bs


พูดโยงมั่วไปหมด :b1: สรุปอีกที คือว่า คุณโรสเพียงฟังแม่สุจินพูดมา ตาเห็นรูป ตาจักขุปสาทะ เห็นจักขุวิญญาณ ฯลฯ หนึ่ง ไม่ได้ศึกษา สอง ไม่เข้าใจหลักอภิธรรม ไม่ใช่หลักพระสูตร ไม่เข้าใจเจตนารมณ์การบัญญัติวินัย จบเข่า เอ้ย ไม่ใช่ จบข่าว

cool
เอางี้ฟังคลิปนี้ให้จบ
ถ้าคิดว่าทำตามๆกัน
มันถูกต้องก็ทำต่อไป
แต่ถ้าฟังแล้วรู้สึกหายโง่
ก็เปิดฟังทุกคลิปให้ฉลาดขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12:
:b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 21:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง
แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง
จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน

คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง
ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง
กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ
ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย
เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง
ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต
บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น
ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา
https://youtu.be/Pvn54OgTElk

viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15





อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ :b32: หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง :b16: )

อ้างคำพูด:
กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง



ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน
กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล

tongue
บอกให้ฟังเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตอนยังมีลมหายใจ
กิเลสก็มีอยู่แล้วรอไหลออกมาตอนเห็นแล้วคิดทำโน่นนี่นั่นเอง
ปัญญาเกิดเองทำเองไม่ได้ต้องกำลังฟังแล้วรู้สึกตัวตามว่ากิเลสมีแล้ว
มัวแต่คิดไปทำอะไรอะไรอยู่ทุกวันทุกวันที่ไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นแหละทำกิเลสใหม่เพิ่มอยู่
:b32:
:b55: :b55: :b55:

เจ้าของ:  Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 21:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง
แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง
จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน

คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง
ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง
กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ
ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย
เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง
ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต
บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น
ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา
https://youtu.be/Pvn54OgTElk

viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15





อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ :b32: หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง :b16: )

อ้างคำพูด:
กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง



ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน
กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล

:b12:
กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส
ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ
ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ
อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก
พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม
ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย
สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ
ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด
ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า
https://youtu.be/7MKqIsCtxmU
:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 22:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Kiss
ตื่นๆๆๆๆๆตาสว่างไหมเห็นแจ้งไหม
:b32:
ตื่นรู้ความจริงตามคำสอน
ฟังแล้วมองดูพฤติกรรมตนเอง
และดูพฤติกรรมชาวพุทธแต่ละคน
ทำถูกตรงตามที่พระองค์ตรัสไว้หมดเลยทั้งดีและชั่ว
:b12: :b32:
onion onion onion

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 04 ธ.ค. 2019, 08:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง
แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง
จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน

คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง
ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง
กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ
ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย
เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง
ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต
บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น
ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา
https://youtu.be/Pvn54OgTElk

viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15





อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ :b32: หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง :b16: )

อ้างคำพูด:
กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง



ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน
กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล

:b12:

กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส
ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ

ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ
อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก
พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม
ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย
สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ
ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด
ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า
https://youtu.be/7MKqIsCtxmU



อ้างคำพูด:
กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส

ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ


ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ

1. มีกิเลส
2. ไม่มี

ข้อไหน 1 หรือ 2

เจ้าของ:  Rosarin [ 04 ธ.ค. 2019, 08:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง
แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง
จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน

คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง
ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง
กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ
ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย
เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง
ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต
บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น
ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา
https://youtu.be/Pvn54OgTElk

viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15





อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ :b32: หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง :b16: )

อ้างคำพูด:
กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง



ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน
กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล

:b12:

กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส
ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ

ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ
อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก
พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม
ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย
สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ
ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด
ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า
https://youtu.be/7MKqIsCtxmU



อ้างคำพูด:
กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส

ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ


ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ

1. มีกิเลส
2. ไม่มี

ข้อไหน 1 หรือ 2

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ
:b12:
:b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 04 ธ.ค. 2019, 09:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง
แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง
จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน

คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง
ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง
กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ
ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย
เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง
ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต
บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น
ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา
https://youtu.be/Pvn54OgTElk

viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15





อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ :b32: หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง :b16: )

อ้างคำพูด:
กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง



ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน
กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล

:b12:

กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส
ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ

ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ
อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก
พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม
ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย
สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ
ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด
ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า
https://youtu.be/7MKqIsCtxmU



อ้างคำพูด:
กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส

ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ


ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ

1. มีกิเลส
2. ไม่มี

ข้อไหน 1 หรือ 2

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ
:b12:
:b32: :b32:

cool
ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน
และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง
แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง
ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ
จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้
:b16:
:b12: :b12:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 04 ธ.ค. 2019, 11:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ

ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน
และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง
แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง
ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ
จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้


คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม :b13:

เจ้าของ:  Rosarin [ 05 ธ.ค. 2019, 09:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ

ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน
และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง
แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง
ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ
จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้


คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม :b13:

:b32:
มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ9เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/VRDj9vJOFZk
:b12:
:b16: :b16:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 05 ธ.ค. 2019, 18:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ

ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน
และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง
แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง
ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ
จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้


คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม :b13:

:b32:
มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ9เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/VRDj9vJOFZk



อ้างคำพูด:
กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล
1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส
2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส

ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง
ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก
555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ



ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ

1. มีกิเลส
2. ไม่มี

ข้อไหน 1 หรือ 2

ตอบคำถามนี้ก่อน ถ้ายังงั้น พระพุทธเจ้าเป็นต้นก็ยังมีกิเลส

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 06 ธ.ค. 2019, 11:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ

ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน
และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง
แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง
ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ
จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้


คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม :b13:

:b32:
มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ 9 เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/VRDj9vJOFZk
:b12:
:b16: :b16:


นำลิงค์อดีตแม่ชีไปรวมที่กระทู้นี้แล้ว

viewtopic.php?f=1&t=53490

ที่ว่าแม่ชีจบ เปรียญ 9 นี่ ท่านบอกตรงไหนว่า จบเปรียญ 9 :b10: ได้ยินแต่บอกต้นๆคลิปว่าเรียนบาลีมาแค่นั้น ระวังจะถลำเข้ามุสาวาทนะ

เจ้าของ:  Rosarin [ 06 ธ.ค. 2019, 17:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ
เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย
และจะไม่ถามใครเลยค่ะ
ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า
มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ
ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้
ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น
ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง
แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส
และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ

ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน
และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง
แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง
ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ
จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้


คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม :b13:

:b32:
มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ 9 เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ
https://youtu.be/VRDj9vJOFZk
:b12:
:b16: :b16:


นำลิงค์อดีตแม่ชีไปรวมที่กระทู้นี้แล้ว

viewtopic.php?f=1&t=53490

ที่ว่าแม่ชีจบ เปรียญ 9 นี่ ท่านบอกตรงไหนว่า จบเปรียญ 9 :b10: ได้ยินแต่บอกต้นๆคลิปว่าเรียนบาลีมาแค่นั้น ระวังจะถลำเข้ามุสาวาทนะ

:b32:
พอจะตาสว่างไหมกับคำจริงตามคำสอนมั๊ย
สำนึกไหมบวชเข้าไปทำลายคำสอนยังไม่พอ
ทำให้ชาวบ้านหมดเงินทองไปกับการสร้างวัตถุ
บอกชาวบ้านไหมพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ใครจำวัด
ผู้ที่เป็นบรรพชิตมี2เพศคือภิกษุและภิกษุณีที่จำวัดได้
ที่ไม่ใช่ภิกษุและภิกษุณีก็มีแต่สามเณรที่อยู่จำวัดได้ว่างัย
จะปล่อยให้นักบวชน่าไม่อายนอกคำสอนทำผิดๆต่อไปอีกอยู่หรือ
ทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ต้องลาสิกขามีหิริโอตัปปะกันบ้างไหมแม่ชีคือสีกากลับไปนอนบ้าน
แล้วก็ไม่ต้องทำเหตุปัจจัยหลอกชาวบ้านให้ขนเงินเข้าไปประเคนถึงที่วัดเพราะบวชแล้วไม่ใช้เงินทอง
:b32: :b32:

หน้า 2 จากทั้งหมด 4 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/