ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58350 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 30 พ.ย. 2019, 22:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: กท.รวมมิจฉาทิฏฐิของคุณโรส (เพื่อให้ชัด เติมหัว กท.อีกหน่อย) Rosarin อ้างคำพูด: อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา พระพุทธเจ้าบอกว่า ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลา แต่ยึดถือว่า เป็นเราคนเก่า คิดพูดทำไปตามต้องการ ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่า มีชื่อ มีสัตว์บุคคล ตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ ความจริงกำลังปรากฏ แต่อวิชชาของท่านเกิด จึงมีไม่รู้ (กิเลส) จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่า มีถูกตัวตน เพราะตัวจริง ธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย viewtopic.php?f=1&t=57475&p=453850#p453850 ดูแล้วก็คือการจับแพะชนแกะนั่นแหละ ปนเปสับสน ถ้าพูดภาษามวย เรียกว่า มวยไม่มีครู เป็นมวยทะเล เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตกน้ำตกท่ากันไป ถ้าพูดภาษาคนหาปลา (ตังเก) เรียกว่า เดาสุ่มไปเรื่อย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ร้อยละ 99.99 ผิด ถ้าพูดภาษากะเหรี่ยงก็ว่า อะไรนักก็ไม่รู้ @*#/- เว้นวรรคแล้วก็แปลเพี๊ยนไปเองค่ะคุณกรัชกาย การแปลความหมายคิดให้ตรงคำและครอบคลุมประโยค ฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนตามได้ เนี่ย...เพราะ (ตัวจริงธัมมะ)ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเองเข้าใจไหมคะ อ้างคำพูด: (ตัวจริงธัมมะ) ไม่อยู่นอกกายใจตัวเองนะคะ ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกน่ะ ไม่ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตตัวเอง เข้าใจไหมคะ ถ้างั้นเอาใหม่ คำถามเดียวกัน ที่มองเห็นด้วยตาข้างนอกเนี่ย เนี่ยๆๆๆ เรียกว่าอะไร ใช่ตัวจริงธัมมะของจิตไหม เอ้า ตอบ ตาเห็นรูป ตา=จักขุปสาทะ เห็น=จักขุวิญญาณ รูป=อุปาทายรูป(แสง+สี) จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้ ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ มาฟังให้เข้าใจเรื่องเงินกับกฐินกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/xsRHiy3U5Bs |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 ธ.ค. 2019, 18:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: ตาเห็นรูป ตา=จักขุปสาทะ เห็น=จักขุวิญญาณ รูป=อุปาทายรูป (แสง+สี) จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้ ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ มาฟังให้เข้าใจเรื่องเงินกับกฐินกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/xsRHiy3U5Bs พูดโยงมั่วไปหมด สรุปอีกที คือว่า คุณโรสเพียงฟังแม่สุจินพูดมา ตาเห็นรูป ตาจักขุปสาทะ เห็นจักขุวิญญาณ ฯลฯ หนึ่ง ไม่ได้ศึกษา สอง ไม่เข้าใจหลักอภิธรรม ไม่ใช่หลักพระสูตร ไม่เข้าใจเจตนารมณ์การบัญญัติวินัย จบเข่า เอ้ย ไม่ใช่ จบข่าว |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 ธ.ค. 2019, 18:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
อ้างคำพูด: Rosarin สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา https://youtu.be/Pvn54OgTElk viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15 อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง ) อ้างคำพูด: กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 21:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ตาเห็นรูป ตา=จักขุปสาทะ เห็น=จักขุวิญญาณ รูป=อุปาทายรูป (แสง+สี) จิตเห็นสีเกิดจากมีสีสะท้อนแสงเข้าตา ถ้ามีคนปาเงินเหรียญเข้าตาอาจตาบอดได้ ตรงไหนที่ตถาคตแสดงว่าตาเห็นเงินมิทราบคะ มาฟังให้เข้าใจเรื่องเงินกับกฐินกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/xsRHiy3U5Bs พูดโยงมั่วไปหมด สรุปอีกที คือว่า คุณโรสเพียงฟังแม่สุจินพูดมา ตาเห็นรูป ตาจักขุปสาทะ เห็นจักขุวิญญาณ ฯลฯ หนึ่ง ไม่ได้ศึกษา สอง ไม่เข้าใจหลักอภิธรรม ไม่ใช่หลักพระสูตร ไม่เข้าใจเจตนารมณ์การบัญญัติวินัย จบเข่า เอ้ย ไม่ใช่ จบข่าว เอางี้ฟังคลิปนี้ให้จบ ถ้าคิดว่าทำตามๆกัน มันถูกต้องก็ทำต่อไป แต่ถ้าฟังแล้วรู้สึกหายโง่ ก็เปิดฟังทุกคลิปให้ฉลาดขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ https://youtu.be/ILL7xpoWE0s |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 21:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
กรัชกาย เขียน: อ้างคำพูด: Rosarin สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา https://youtu.be/Pvn54OgTElk viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15 อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง ) อ้างคำพูด: กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล บอกให้ฟังเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตอนยังมีลมหายใจ กิเลสก็มีอยู่แล้วรอไหลออกมาตอนเห็นแล้วคิดทำโน่นนี่นั่นเอง ปัญญาเกิดเองทำเองไม่ได้ต้องกำลังฟังแล้วรู้สึกตัวตามว่ากิเลสมีแล้ว มัวแต่คิดไปทำอะไรอะไรอยู่ทุกวันทุกวันที่ไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นแหละทำกิเลสใหม่เพิ่มอยู่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 21:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
กรัชกาย เขียน: อ้างคำพูด: Rosarin สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา https://youtu.be/Pvn54OgTElk viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15 อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง ) อ้างคำพูด: กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า https://youtu.be/7MKqIsCtxmU |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ธ.ค. 2019, 22:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
ตื่นๆๆๆๆๆตาสว่างไหมเห็นแจ้งไหม ตื่นรู้ความจริงตามคำสอน ฟังแล้วมองดูพฤติกรรมตนเอง และดูพฤติกรรมชาวพุทธแต่ละคน ทำถูกตรงตามที่พระองค์ตรัสไว้หมดเลยทั้งดีและชั่ว |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 ธ.ค. 2019, 08:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: อ้างคำพูด: Rosarin สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา https://youtu.be/Pvn54OgTElk viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15 อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง ) อ้างคำพูด: กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า https://youtu.be/7MKqIsCtxmU อ้างคำพูด: กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ 1. มีกิเลส 2. ไม่มี ข้อไหน 1 หรือ 2 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 04 ธ.ค. 2019, 08:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: อ้างคำพูด: Rosarin สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา https://youtu.be/Pvn54OgTElk viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15 อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง ) อ้างคำพูด: กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า https://youtu.be/7MKqIsCtxmU อ้างคำพูด: กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ 1. มีกิเลส 2. ไม่มี ข้อไหน 1 หรือ 2 เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 04 ธ.ค. 2019, 09:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: อ้างคำพูด: Rosarin สลดใจไหม จิตกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้ ไม่คิดตามคำสอนให้ตรงทีละ 1 ทาง แปลว่า มีกิเลสเกิดแล้ว นับแสนล้านดวง กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง จิตกำลังเกิดดับจากไปนับไม่ถ้วน คิดอะไรออกไปนอกกายตัวเอง ทุกอย่างที่กำลังมีที่กายตัวเอง กำลังพลัดพรากจากไปอยู่ค่ะ ไม่เห็นทุกข์เดือดร้อนใจเลย เพราะไม่รู้จักทุกขอริยสัจจัง ขณิกมรณะตายทุกขณะจิต บอกไม่ฟังบอกว่าให้เริ่มต้น ฟังคำสอนเพื่อสะสมปัญญา https://youtu.be/Pvn54OgTElk viewtopic.php?f=1&t=56361&start=15 อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดเอาแต่ได้ หากเดินสายพูดกับคุณแม่เจ้าสำนัก คนสาธุกันทั้งห้อง (ยกเว้นกรัชกาย ซึ่งนั่งยิ้มเหงือกแห้งอยู่ข้างหลัง ) อ้างคำพูด: กิเลส มีที่จิต ส่วนปัญญาเกิดตอนฟัง ทั้งกิเลส ทั้งปัญญา ต่างก็เป็นเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วยกัน กิเลสเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิต ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ1คือเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ2คืออยู่ดีๆกลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ชอบทุกอย่างที่ซื้อมาแต่งบ้านมองเพื่อติดใจ อยากได้ใหม่อีกเหมือนกันได้เงินอยากได้อีก พอไหมเงินน่ะถ้ารับแล้วใครบ้างไม่อยากได้เพิ่ม ไม่เคยพอรู้จักพอใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้พอมั๊ย สำหรับภิกษุในพระธรรมวินัยของตถาคตพอไหมคะสำหรับ ผ้าจีวร3ผืนบาตร1ใบเดินบิณฑบาตมาฉันแค่อิ่มไม่ต้องยืนเฝ้าตลาด ทำไมพระองค์ไม่เข้าไปอยู่ในปราสาท3ฤดูของพระองค์สมบัติพระราชาน๊า https://youtu.be/7MKqIsCtxmU อ้างคำพูด: กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ 1. มีกิเลส 2. ไม่มี ข้อไหน 1 หรือ 2 เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 ธ.ค. 2019, 11:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้ คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม |
เจ้าของ: | Rosarin [ 05 ธ.ค. 2019, 09:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้ คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ9เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/VRDj9vJOFZk |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ธ.ค. 2019, 18:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้ คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ9เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/VRDj9vJOFZk อ้างคำพูด: กุศลไม่เกิดปนกับอกุศล 1.เห็นแล้วชอบเป็นอกุศล=โมหะ+โลภะ=กิเลส 2.เห็นแล้วไม่ชอบก็อกุศล=โมหะ+โทสะ=กิเลส ตัวอย่างข้อ 1 คือ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆชอบมอง ตัวอย่างข้อ 2 คืออยู่ดีๆ กลิ่นขยะลอยมาเข้าจมูก 555 เป็นกิเลสเกิดตลอด...พ้นกิเลสไปไม่ได้ค่ะ ขอถามนะแล้วตอบให้ตรงคำถามนะ แล้วจะสาธุให้ 5 ครั้ง เอานะ พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยังมีกิเลสไหม ตอบ 1. มีกิเลส 2. ไม่มี ข้อไหน 1 หรือ 2 ตอบคำถามนี้ก่อน ถ้ายังงั้น พระพุทธเจ้าเป็นต้นก็ยังมีกิเลส |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 06 ธ.ค. 2019, 11:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้ คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ 9 เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/VRDj9vJOFZk นำลิงค์อดีตแม่ชีไปรวมที่กระทู้นี้แล้ว viewtopic.php?f=1&t=53490 ที่ว่าแม่ชีจบ เปรียญ 9 นี่ ท่านบอกตรงไหนว่า จบเปรียญ 9 ได้ยินแต่บอกต้นๆคลิปว่าเรียนบาลีมาแค่นั้น ระวังจะถลำเข้ามุสาวาทนะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 06 ธ.ค. 2019, 17:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฏฐิ มีมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น ของคุณโรส |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เวลาอ่านเพื่อเข้าใจเนี่ยอ่ะคะ เข้าใจถูกแล้วจะหายสงสัย และจะไม่ถามใครเลยค่ะ ที่ถามมาคือไม่คิดแปลว่า มีแต่ลังเลสงสัยไม่เข้าใจ ก็ความจริงเข้าใจถูกตามได้ ตรงที่กายใจตนเองเป็นแบบนั้น ถ้ามีแต่ส่งออกนอกกายใจตัวเอง แบบที่คุณกรัชกายทำอยู่แปลว่ามีกิเลส และส่งออกไปดูสิ่งที่คนอื่นเป็นลืมว่าตัวเองเป็นแบบที่ยกตัวอย่างให้คิดถูกตรงตามได้ค่ะ ถ้าไม่คิดตามให้ตรงกับคำที่อ่าน และไม่ตรงกับพฤติกรรมตัวเอง แสดงว่ายังไม่รู้จักกิเลสตัวเอง ต้องอ่านแล้วคิดทบทวนซ้ำ จนกว่าจะรู้สึกตัวตามได้ คิกๆๆ บอกให้ตอบให้ตรงคำถาม แล้วจะได้แต้ม มาฟังอดีตวิปัสสนาจารย์เปรียญ 9 เล่าความจริงกันหน่อยค่ะ https://youtu.be/VRDj9vJOFZk นำลิงค์อดีตแม่ชีไปรวมที่กระทู้นี้แล้ว viewtopic.php?f=1&t=53490 ที่ว่าแม่ชีจบ เปรียญ 9 นี่ ท่านบอกตรงไหนว่า จบเปรียญ 9 ได้ยินแต่บอกต้นๆคลิปว่าเรียนบาลีมาแค่นั้น ระวังจะถลำเข้ามุสาวาทนะ พอจะตาสว่างไหมกับคำจริงตามคำสอนมั๊ย สำนึกไหมบวชเข้าไปทำลายคำสอนยังไม่พอ ทำให้ชาวบ้านหมดเงินทองไปกับการสร้างวัตถุ บอกชาวบ้านไหมพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ใครจำวัด ผู้ที่เป็นบรรพชิตมี2เพศคือภิกษุและภิกษุณีที่จำวัดได้ ที่ไม่ใช่ภิกษุและภิกษุณีก็มีแต่สามเณรที่อยู่จำวัดได้ว่างัย จะปล่อยให้นักบวชน่าไม่อายนอกคำสอนทำผิดๆต่อไปอีกอยู่หรือ ทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ต้องลาสิกขามีหิริโอตัปปะกันบ้างไหมแม่ชีคือสีกากลับไปนอนบ้าน แล้วก็ไม่ต้องทำเหตุปัจจัยหลอกชาวบ้านให้ขนเงินเข้าไปประเคนถึงที่วัดเพราะบวชแล้วไม่ใช้เงินทอง |
หน้า 2 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |