วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2019, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้
เป็นของโลกนี้อยู่แล้ว
เราเพียงแต่มาอาศัย
มาใช้ไปวันๆ หนึ่งเท่านั้นเอง

...เรามาตัวเปล่าๆ เวลาไปก็ไปตัวเปล่าๆ
เวลาตายไป เขาจับเราใส่โลง
เขาก็ไม่ได้เอาของต่างๆ
ที่เรามีอยู่ใส่โลงไปด้วย
...เราไปตัวเปล่าๆ
แม้กระทั่งร่างกายนี้เราก็ยังเอาไปไม่ได้
ร่างกายนี้ก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านไป
สิ่งที่จะติดตัวเราไป..
“ก็มีบุญและบาปเท่านั้นเอง”
...บุญกรรมนี้เป็นสิ่งที่ติดอยู่กับจิตใจ
เมื่อจิตใจออกจากร่างกาย
ก็เรียกว่า “ดวงวิญญาณ”
เวลาไปเกิดก็เรียกว่า “ปฏิสนธิวิญญาณ”
...ทีนี้จะไปเกิดในท้องมนุษย์ หรือท้องสุนัข
ก็ขึ้นอยู่กับบุญกับกรรมที่ทำมา
ถ้าทำบุญก็มีโอกาสที่จะไปเกิดในท้องมนุษย์
ถ้าทำแต่กรรมก็มีโอกาสที่จะไปเกิดในท้องสุนัข
หรือ ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์นรก ก็เป็นได้.
.......................................
.
กำลังใจ 4 กัณฑ์ที่ 58
ธรรมะบนเขา 15/4/2544
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






" รู้จักไหม ตน ของตน "
"...เกิดมาแล้วต้องตาย ตายแล้วเสาะหาเกิด
เกิดแล้วอยากใหญ่ ศึกษาเล่าเรียน เป็นโลก เป็นสงสาร
ได้ลูกได้หลาน แก่เฒ่าไม่ต้องการตาย ไม่อยากได้
...จึงให้รู้จักตนเอง อย่าไปรู้แต่โลกตัวเองไม่รู้ ใช้ไม่ได้..
ตั้งใจคิดอ่านแก้ไขตนเองทุกคน
อยากได้บุญทำบุญ บุญพาไปดี
อยากได้ทุกข์ ให้ทำความชั่ว ชั่วพาไปนรก
อยากได้ธรรมะให้ปฏิบัติเอา..
ธรรมะมีมาก ก็รู้จักตัวเองมาก ธรรมะมีน้อย ก็รู้จักน้อย
ไม่มีธรรมะใดๆ ในใจ ก็อยู่ไปในโลกผู้ทุกข์นี้
ตั้งใจของตนทุกคนเน้อ!
หลวงตาเฒ่าผู้นี้ บอกไว้แล้ว ให้สูเจ้าตั้งใจทำความดี..."

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ







นิสัยของสัตว์โลก จะให้เหมือนกันมันไม่เหมือนกันหรอก บางท่านเป็นผู้มีตาทิพย์ ดูพรหมโลกได้ ดูนรกได้ ดูเทวดาได้ อย่างพระโมคคัลลานะ หรือพระอนุรุทธะ ตอนพระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพาน องค์อื่นจำต้องคอยถามท่านพระอนุรุทธะ ท่านมีทิพยจักษุเป็นเลิศที่สุดใ...นบรรดาสาวก องค์อื่นไม่เทียบเท่ากับท่าน ดูแต่พระอรหันต์ยังไม่เหมือนกัน พวกเราก็ไม่ต่างกันกับท่าน บางคนจิตหยาบ บางคนละเอียด ที่เขาละเอียดเขามีพื้นฐานดีแล้ว พอเขาเจริญภาวนาเขาก็ได้เลย ตัดไปเลย
พวกเราก็ต้องพยายามบำเพ็ญความเพียรกันไป อย่าทอดทิ้งความเพียร วันหนึ่งผลสำเร็จก็ต้องเป็นของเรา ถึงจะไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ แต่ก็จะเป็นนิสัยปัจจัยติดตัวเราไปในชาติหน้าภพหน้า ขอให้บำเพ็ญต่อไปเถอะ

หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ







ถาม : ผมเจริญสมาธิภาวนาจนจิตสงบลึก ผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ
หลวงปู่ชา สุภทฺโท ตอบ : นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตให้สงบและเป็นสมาธิและใช้สมาธินี้พิจารณาจิตและกาย ถ้าจิตเกิดไม่สงบก็จงเฝ้าดูด้วย แล้วท่านจะรู้ถึงความสงบที่แท้จริง
เพราะอะไร เพราะท่านจะได้เห็นความไม่เที่ยง แม้ความสงบเองก็ดูให้เห็นไม่เที่ยง ถ้าท่านยึดติดอยู่กับภาวนาจิตที่สงบ แล้วท่านจะเป็นทุกข์เมื่อจิตไม่สงบ
ฉะนั้น จงปล่อยวางหมดทุกสิ่งทุกอย่างอย่าง แม้แต่ความสงบ.

หลวงพ่อชา สุภัทโท









ใครเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์กายมาก คนนั้นละใจจะสงบ แล้วไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกับสิ่งภายนอกที่จะให้เกิดราคะตัณหา แยกดูให้มันเห็นทั้งหมด แล้วพิจารณาเหมือนเขาคราดนา เอาให้มันละเอียด มูลคราดมูลไถให้มันแหลกละเอียดไปหมด เราจะโง่ขนาดไหนก็ตามการพิจารณาซ้ำๆ ซากๆ หลายครั้งหลายหนมันก็ค่อยละเอียดกันไปเอง เหมือนเขาคราดนา ควายจะเร็วหรือช้าไม่สำคัญ สำคัญที่มูลคราดมูลไถให้มันแหลกละเอียดแล้วควรแก่การปักดำ ต้นข้าวมันก็สดสวยงดงามเพราะมันเป็นปุ๋ยได้ดี เนื่องจากมูลคราดมูลไถแหลกละเอียด
สติปัญญาถ้าพิจารณาค้นคว้าให้มันแหลกละเอียด วันหนึ่งกี่ครั้งก็ช่างเถอะไม่สำคัญ สำคัญความเข้าใจ เมื่อเข้าใจไปถึงไหนอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น ความสำคัญต่างๆ ที่เป็นเครื่องกดถ่วงจิตใจจะค่อยถอนตัวออกมาๆ รู้ชัดเท่าไรยิ่งถอนมาก ถอนความยึดมั่นถือมั่นคือกายนี้เอง เมื่อพิจารณารอบคอบเสียจนหมดไม่มีที่สงสัยแล้ว มันก็ปล่อย มันไม่ได้ถือไว้นะ ทั้งๆ ที่เคยเป็นอุปาทานมาในธาตุในขันธ์นี้เท่าไรกี่กัปกี่กัลป์ก็ไม่ทราบ ในชาตินี้ก็ตั้งแต่วันเกิดจนขณะปัจจุบัน พอมันทราบแล้วมันก็ปล่อยของมันได้ ไม่คว้าไม่ยึดถือ ปล่อยได้มากเพียงไรก็เท่ากับเรานำภาระออกจากบ่าของเราได้มากเพียงนั้น ปล่อยได้หมดเราก็สบาย
ดูให้มันดีซิตามความจริงมันมีอะไรอยู่ในส่วนธาตุขันธ์นี้ แต่หนังแต่เนื้อเอ็นกระดูกเข้าไปหาภายใน เต็มไปด้วยของอสุภะอสุภัง ปฏิกูลโสโครกไปหมด เปิดฝาออกมานี้จนคนแตกฮือ มันเหม็น ว่าของดียังไงป่าช้าผีดิบ มันดียังไง ตามความจริงเป็นอย่างนั้น คนหากอยากปิดบังในสิ่งมีไม่อยากพูด ไม่อยากเปิดเผย หากอยากทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ มันแปลกอยู่นะมนุษย์เรา ไอ้ที่พูดรู้สึกมันขวางๆ ทั้งติดเขาติดเรา เพราะจิตนี้มัน ทั้งๆ ที่มันก็ชอบสิ่งเหล่านั้น มันหากไม่อยากพูด ก็แปลก มันเสกเอาว่าดีนี่ ฟังแต่ว่าความเสกมันดีอะไร มันไม่จริงนี่ ความจริงนั้นแลคือความแท้ ธรรมแท้ พิจารณาให้มันถึงความจริง ใครจะว่าอะไรก็ไม่หลงกับใคร

พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๖








#ผลกำไรของชีวิต
"ที่เกิดมานี้ อยู่ที่
ได้ศึกษา-ค้นคว้า
และปฏิบัติธรรม
ตามคำสอนของ
พระพุทธองค์ การ
ให้ทาน-รักษาศีล
ร้อยครั้ง พันครั้ง
ไม่เท่ากับการนั่ง
ภาวนาหนเดียว.."
#นั่งภาวนาร้อยครั้ง_พันครั้ง
"กุศลที่ได้ ไม่เท่ากุศลจิตที่สงบ
เป็นสมาธิ เกิดปัญญา เพียงครั้งเดียว.."

#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตตเถระ








#สมณศักดิ์_ตำแหน่ง
"ห้ามอบายภูมิไม่ได้
แต่คุณความดี และศีล
สมาธิ ปัญญาเท่านั้น.
ที่ห้ามอบายภูมิได้"

#หลวงปู่เขียน_ฐิตสีโล







เรื่อง "ความอยากที่เป็นมรรคก็มี"
ความอยากให้ทาน รักษาศีล ภาวนา อยากได้หนังสือธรรมะ และความอยากในความดีทั้งหลาย เป็นมรรค เป็นธรรม ทั้งสิ้น ไม่เป็นกิเลสตัณหา กรุณาทราบตามนี้ และกรุณาส่งเสริมความอยากในทางบุญกุศลเข้าให้มาก จะได้บุญมาก ถึงนิพพานเร็วยิ่งขึ้น เพราะความอยากในทางดีทางกุศล เป็นกำลังใจ พาให้ทำความดียิ่งขึ้น และพ้นทุกข์ไปนิพพานเร็ว กรุณาทราบไว้อย่างถึงใจ

คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







" อย่าไปกลัว อย่าไปท้อแท้ในการทำความดี
แต่ให้จำไว้ว่าคนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
คิดซะว่าเขามาขัดเรา เข้ามาให้ของดีเรา
มองอีกมุม ว่ามันคือข้อดี ผ่านไปได้มั้ย
ผ่านไปได้ก็จะยกระดับจิตใจให้เราสูงส่ง
คนที่บอกว่าเธอทำอะไรไม่ดีนั้น
ก็อย่าไปให้ค่าเขา
ตัวเองรู้ ตัวเองเห็น ว่าตัวเองเป็นอะไรก็จงหนักแน่น
อย่าไปท้อแท้ อย่าไปอ่อนแอ
กล้าหาญในการทำความดีนั่นแหละน่าชื่นชม
ใครว่าร้าย ใครนินทาอะไร
ให้ปล่อยวาง อย่าไปใส่ใจ อย่าไปสนใจ
จะไปสนใจทำไม คิดว่าดีทำก็ทำต่อไป
ปล่อยผ่านมันเสียบ้าง
อะไรที่มันกวนใจหรือทำให้ไม่สบายใจ
ขุ่นข้องหมองใจ
ยอมมันเสีย วางมันเสีย อย่าเก็บเอามาคิด
เก็บเอามาทำให้ตัวเราตัวเองตกต่ำ
ที่บอกให้ยอม ไม่ใช่ว่าต้องแพ้
แต่มันคือการเข้าใจและเรียนรู้มัน
ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องแพ้
แต่ยอมเพื่อให้เธอชนะมันได้ในภายหลังจากนี้
เมื่อเจอกับกิเลส
เมื่อเจอกับบททดสอบแบบนี้
ที่สอนให้ยอม ไม่ได้บอกให้แพ้
แต่เพื่อให้ชนะมัน และไม่แพ้มันอีกในภายหลัง
เข้าใจใช่มั้ย ... "
.
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี







การตายของเทวดานางฟ้า
"ปกติเวลาเทพบุตร เทพธิดาจะจุติลงมาเป็นมนุษย์ ทุกองค์มีความตั้งใจ จะลงมาสร้างคุณงามความดี เพื่อยกภูมิของตน..ให้สูงขึ้น
แต่พอมาเป็นมนุษย์...จะลืมและหลงไปในอบายมุขในโลก ไม่สร้างกรรมดีตามที่ตั้งใจ ซ้ำกลับต้องตกต่ำลงกว่าที่ตนเคยเสวยสุขอยู่เสียอีก
บนสวรรค์เมืองแมนแดนสวรรค์ท่านว่า สุขทุกขณะจิต .. ส่วนผู้เสวยบาปต้องลงนรก ลำพังความเดือดร้อนจากไฟนรก ก็แสนสาหัส ไม่ต้องถูกลงทัณฑ์ ทรมาน ชาวนรกก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันอยู่แล้ว ... ในนรกท่านก็ว่าเป็นทุกข์ไม่มีเวลาสุข ทุกขณะจิตเช่นกัน
พวกเราเองเป็นอย่างไร สว่างมา สว่างไป หรือ สว่างมา มืดไป หรือ มืดมา สว่างไป หรือ มืดมา มืดไป
ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่หามาจากโลกนี้ ยศตำแหน่งหน้าที่การงาน คำสรรเสริญติชม ทุกสรรพเสียง ความสุขรื่นรมย์ทุกประการ คนรัก สัตว์เลี้ยง สิ่งของที่สะสม ห่วงหาอาลัย สุดท้ายคืนโลกหมด เหมือนฝันไปจำต้องตื่น
เหมือนอายุงานที่จำต้องเกษียณ ประกันชีวิตที่ทำชาตินี้ ควรเป็นศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อเอาไปใช้ในชาติหน้าได้จริง...

โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่








ในการเทศน์ส่วนใหญ่แต่ละครั้ง
หลวงปู่จะเน้นสอนเรื่องสมาธิภาวนา
เป็นหลักสำคัญที่สุด
เพราะการภาวนาเท่านั้น
ที่จะทำให้โลกสงบสุขเย็นได้
...ตอนนี้ หลวงปู่ ก็ป่วยเรื้อรังมานาน
สิ่งไหนที่ดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์ ก็ต้อง
เปิดออกให้โลกได้รู้ซะบ้าง

...หลวงปู่ไม






"..ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นอารมณ์ เอาทุกข์ขึ้นมาพิจารณา
อย่าไปกลัวทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์แล้วมาทำความดีจึงจะถูก
แต่เราอย่าไปกลัวทุกข์ ให้เอาทุกข์มาเป็นอารมณ์
ได้ทุกข์มาแล้ว ได้ความตายมาแล้ว เอามาเป็นอารมณ์
อันนั้นได้ชื่อว่าเป็นบทบาทเบื้องต้นที่จะพ้นจากความทุกข์
และได้รับความสุข หรือเป็นบทบาทที่จะไม่ให้ตาย
ถ้าเราไม่ยึดและไม่จับอันนี้เป็นหลักแล้ว จะไม่มีเครื่องพิจารณา
ถ้าเราจับอันนี้เป็นหลักและพิจารณาอยู่ตลอดเวลา
จะเป็นภาวนาทำสมาธิให้เกิดปัญญาญาณอยู่ตลอดเวลา
ทางเดินวิปัสสนา ต้องเป็นอย่างนี้...."

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี






เรื่อง "วิญญาณสติ รู้พ้นโลกพ้นทุกข์"
ถ้าบารมีไม่มี ต้นทุนมันยังไม่มี ก็ต้องเพิ่มเติมสติไปเรื่อยๆ เพิ่มบุญบารมี เพิ่มบุญบารมีเจริญสติไปทีละขั้นๆ ไปตาม เห็นสักแต่เห็น ทำได้รู้เอง ไม่อย่างนั้นเห็นสักแต่เห็น เป็นวิญญาณสติ ไม่ใช่วิญญาณสติไม่ใช่รู้เฉยๆ รู้พ้นรู้ รู้ไม่ติดรู้ รู้ไม่ติดโลก รู้ไม่ติดทั้งหมด เป็นสติ เป็นวิญญาณสติ เน้นรู้พ้นโลกเรียกว่า "วิญญาณสติ" พ้นโลกทั้งหมด เมื่อพ้นโลกมันก็พ้นทุกข์ซิ เป็นโลกุตระทุกข์ พ้นโลกมันก็พ้นทุกข์ ก็สบายใจ

คติธรรมหลวงปู่บุญฤทธิ์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร