วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 03:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2020, 05:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
ควรถามตัวเองว่า..
"วันนี้ได้สร้างบุญบารมีหรือยัง"
ถ้ายังไม่ได้สร้าง..ก็รีบสร้างเสีย
.
อย่าไป..ผัดวันประกันพรุ่ง
เพราะไม่มีใครทราบว่า
"จะมีโอกาสอยู่ในโลกนี้อีก..นานเท่าไหร่".
..............................
.
คัดลอกกำลังใจ 3 กัณฑ์ 40
ธรรมะบนเขา 4/2/2544
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









#ถ้าไม่มีสติ

"จะนั่งจนตายก็ไม่เกิดประโยชน์
เดินจงกรมจนขาหักก็ไม่ได้เรื่องได้ราว
อยู่กับสติเป็นสำคัญ
ถ้าสติติดแนบอยู่กับความเพียรแล้ว
อยู่ที่ไหนก็เป็นความเพียรตลอด
สตินี้ตั้งได้ ตั้งแต่สมถธรรมคือความ
สงบใจ หนีจากสติไม่ได้เลย"

#นี่ได้พิจารณาได้ทำมาแล้ว

จึงได้นำมาสอนท่านทั้งหลาย
ด้วยความแม่นยำ ไม่ผิดพลาดไปได้

สตินี้ตั้งให้ดี คำว่าตั้งสติ
ไม่ใช่ว่าตั้งแล้วผิดๆ พลาดๆ
เผลอๆ เผลๆ ใช้ไม่ได้อย่างงั้น

#ตั้งสติต้องเอาจริงเอาจัง

"ลงว่าได้ตั้งสติแล้ว สตินี้ละ
จะเป็นธรรมคุ้มครองจิตใจของเรา
ให้เป็นความสงบเย็นใจลงไปได้เป็น
ลำดับลำดา.."

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน​
[วัดป่า​บ้าน​ตาด]










บารมีคนเราก็ต่างกันนะ ต้องสร้างบารมี ไม่ใช่ไปอยากร่ำรวยเหมือนเขา แต่ไม่ได้สร้างทาน ไว้ เราต้องสร้างทาน ศีล ไว้ก่อน แล้วบารมีจะได้ค่อยเพิ่มพูน ท่านยกตัวอย่าง หลวงปู่ชอบสมัยที่ท่านติดตามหลวงปู่ชอบ ออกธุดงธ์ ท่าน กินลูกหว้า มีรสเปรี้ยว ส่วนหลวงปู่ชอบกินแล้วลูกหว้ากลับมีรสหวานอย่างน่าอัศจรรย์ เห็นไหมบารมีคนเราต่างกันนะ ก็เทวดาละสิทำให้หวาน ส่วนเรากินแล้ว มันเปรี้ยวนะ เพราะบารมียังไม่ถึงท่าน หรือจะเป็น เพราะเทวดานะ เห็นไหมบารมีหลวงปู่ชอบ

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต อ.หนองแสง จ.อุดรธานี









อย่าลืมยิ้มให้คนอยู่หน้ากระจกเด้อ

“จริงๆแล้วเรื่องราวต่างๆในชีวิตเฮา
บ่มีอิหยังใหม่ในสังขารวัฏเลย นอนหลับไปคืนนี้ ถ้าวันใหม่บ่ตื่นขึ้นมาทุกอย่างกะคือจบ เพราะฉะนั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่นอิหยังให้มันหลาย สร้างบุญบารมีทำความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้น อยู่อย่างมีสติ มีปัญญา บ่หาเรื่องร้ายๆใส่โตทำให้หมองใจดีกว่า
จะได้หลับเป็นสุข ตื่นขึ้นมากะเป็นสุขกันทุกวัน ตื่นกะตื่นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ยิ้มจากใจที่สดใส ให้กับคนรอบๆ กาย เพราะว่าโลกนี้ขาดรอยยิ้มบ่ได้ โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกนั้น ยิ้มให้เค้าหลาย ๆ และบอกเค้าว่า ”พรุ่งนี้ฉันจะดีขึ้น…จะดีขึ้น…จะดีขึ้น”

โอวาทธรรม หลวงตาสรวง สิริปุญโญ
วัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร










…ทุกสิ่งทุกอย่าง..”มันมีมามีไป”
มันไม่อยู่กับเราไปตลอด
มาแล้วเดี๋ยวก็ต้องไป
พวกเรานี้..”เดี๋ยวก็ต้องจากกันแล้ว”
ไม่ได้อยู่ร่วมกันไปตลอดนะ..
.
…เดี๋ยวคนที่มีอายุมากกว่าก็ไปก่อน
แต่บางทีก็มี..”พวกใจร้อน แซงคิวไปก่อนก็มี”
แต่ถ้าพูดตามลำดับก็
ใครมีอายุมากกว่าก็ไปก่อน
.
…เหมือน..ถือบัตรคิว
ใครถึงเบอร์หนึ่งก็ไปก่อน
ใครถือเบอร์สองก็ไปต่อ
แต่บางทีก็มี..”พวกแซงคิว”ถือเบอร์สิบ
แต่แซงคิวพวกเบอร์สามเบอร์สี่ไปก่อน
“ไม่มีอะไรแน่นอน”
.
…แต่ไปด้วยกันแน่ๆ..ไปด้วยกันทุกคน
เพราะนี่คือธรรมชาติของ
“ร่างกายของพวกเราทุกคน”
.
…ร่างกายของพวกเราทุกคนนี้
มันไม่อยู่ไปตลอด..”มันมีมาแล้วมันก็ไป”
“ของต่างๆ”..ที่เราได้มาก็เหมือนกัน
…มีมาแล้วก็มีไป…
………………………………………………….
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 10/9/2559
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี












"กิเลสกับธรรมสัมผัสกันอยู่ตลอดเวลา นั่นละปัญญาเกิดขึ้นตรงนั้น พุ่งกันตรงนั้น คุ้ยเขี่ยขุดค้นหาตัวข้าศึกคือกิเลสประเภทใดบ้าง สติปัญญาประเภทนี้จะไม่มีคำว่านอนใจ จะหมุนติ้ว ๆ คุ้ยเขี่ยขุดค้น ๆ เข้าไป ตามกันไปเรื่อย เป็นเองภายในนี้ ใครไม่เป็นไม่รู้ นี่เราเพียงพูดเอาเงื่อนมาให้ผู้ปฏิบัติฟังต่างหากนะ แต่เวลาไปเจอแล้วมันจะเป็นเองรู้เอง หมุนติ้ว ๆ เลย

นี่ท่านเรียกว่าธรรมเป็นอัตโนมัติละที่นี่ ฆ่ากิเลสโดยอัตโนมัติของตน เหมือนกิเลสทำลายสัตวโลก คิดออกแง่ไหนมุมใดมีแต่กิเลสทำลายโลก ๆ ทั้งนั้น พอสติปัญญาขั้นนี้ขึ้นแล้ว มีตั้งแต่ธรรมนี้ฆ่ากิเลสภายในใจตลอด ๆ เรื่อย มีหลายประเภทเครื่องมือ สติปัญญาที่ใช้ออกมาในการวางพื้นฐานทีแรกนี้เป็นขั้นหนึ่ง ขั้นที่สองสติปัญญาเริ่มเห็นโทษกิเลสทั้งหลาย นี่เป็นอันดับที่สอง อันดับที่สาม สติปัญญาเห็นโทษ แล้วเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ นี่เป็นอันดับที่สามไปแล้ว อันดับที่สี่เป็นมหาสติมหาปัญญา อันนี้เชื่อมโยงกันเอง

มหาสติมหาปัญญาเชื่อมโยงไปจากสติปัญญาอัตโนมัติที่มีกำลังแก่กล้า แล้วก็เข้าสู่ความละเอียด กลายเป็นมหาสติมหาปัญญา มหาสติมหาปัญญานี่เป็นสติปัญญาที่ซึมซาบ ไม่ได้เป็นกิ๊ก ๆ แก๊ก ๆ หมุนนั้นหมุนนี้ คือสติปัญญาอัตโนมัติซึ่งใช้สังขารยิบ ๆ แย็บ ๆ ปรุง สังขารธรรมนะ สังขารฝ่ายมรรค มันปรุงฆ่ากิเลส กิเลสเป็นประเภทใดออกมามันจะรับกัน ๆ พอถึงขั้นมหาสติมหาปัญญาแล้วนี้จะซึมซาบเลย เพราะเชื้อไฟนี้เรียกว่าละเอียดแล้ว ไฟจะลุกลามไปตามเชื้อไฟ ละเอียดมากน้อยเพียงไร ไฟจะติดตามไหม้ เผาไหม้ไปเรื่อย ๆ นี่เป็นมหาสติมหาปัญญา จนกระทั่งเชื้อไฟละเอียดขนาดไหนไม่มีเหลือ ไฟก็ยุติเอง จะไหม้อะไรก็ไม่มีอะไรไหม้ เชื้อหมดแล้ว นี่มหาสติมหาปัญญาก็ยุติเวลาสังหารกิเลสสุดสิ้นลงไปไม่มีอะไรเหลือแล้วยุติเอง"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓










"ยอด เป็นของสูงโดย ลักษณะอย่างหนึ่ง และคุณภาพอย่างหนึ่ง ลักษณะนั้นก็คือ ได้แก่ทานมัย สีลมัยและภาวนามัย

ภาวนามัย เป็นยอดของกุศล มีความลึกแน่นและมั่นเหนียวเป็นคุณภาพคือสามารถที่จะดึงกุศลน้อยใหญ่ทั้งหลาย ให้เข้ามาในดวงจิตของเราได้ทั้งหมด ดวงจิตของเราเป็นแหล่งบุญใหม่

เมื่อความดีทั้งหลายเข้ามารวมอยู่ในดวงจิตของเรามากๆ ความดีนั้นๆ ก็จะขยายตัวออกมาครอบกาย วาจา ปากก็จะหมดบาป ตาที่เราเคยสร้างบาปมา หูที่เคยสร้างบาปมา ก็จะหมดบาป เพราะความดีที่ภาวนานั้นมันขยายตัวมาล้าง มาชำระให้หมดมลทิน

กายที่บาปด้วยสัมผัส บุญก็จะมาขยายมาล้าง ทีนี้กาย วาจา ตา หู จมูก ปาก ส่วนนั้นๆ ก็จะสะอาดไปทั้งหมด เมื่อเราได้ของสะอาดมากำกับตัวดังนี้ ก็เรียกว่ามี คุณภาพ คุณภาพนั้นเหมือนน้ำสูงที่ตกลงมาแต่อากาศ ย่อมกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน ยิ่งสูงก็ยิ่งกระจายมาก ดวงจิตของเราถ้าสูงด้วยคุณภาพ ความดีทั้งหลายก็ย่อมกระจายไป ตามตา หู จมูก ฯลฯ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกระจายไปทั้งอดีตและอนาคต ความดีก็จะขยายทั่วไปในโลกโลกีย์เป็นลำดับ การภาวนาจึงมีอานิสงส์ โดยสั้นๆ อย่างนี้"

โอวาทธรรมท่านพ่อลี











"สัตว์ภพอื่นภูมิอื่น เขาไม่มีโอกาสเหมือนพวกเรา เขาทำไม่ได้ เพราะไม่รู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักบุญบาป
พวกเราดี รู้จักบุญบาปได้ ทำเอาได้ ท่านถึงว่าการเกิดเป็นมนุษย์เป็นมงคล เป็นความโชคดีที่สุด

สิ่งไหนท่านทั้งหลายที่ประกอบขึ้นด้วยคุณงามความดี เป็นบุญเป็นกุศลแล้ว ขอจงเป็นอานิสงส์ส่งเสริมให้พบและมีความเจริญ มีความสุข คิดปราถนาสิ่งหนึ่งประการใดจงพลันสำเร็จทุกท่านทุกคน เทอญ

โอวาทธรรม
หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญฺโญ
วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร









...การภาวนา "คือการพัฒนาจิต"
การอบรมจิตตนเอง เรียกว่า
"จิตภาวนา" จิตเป็นผู้รู้ก็จริงอยู่
แค่รู้ไม่จริงคือยังหลง จึงต้องอบรมจิตตนเองให้จิตออกจากกิเลส
เรียกว่าอวิชชายังห่อหุ้มจิตอยู่
จิตจึงไม่สว่างผ่องใสเหมือนธรรมชาติ
เพราะว่ากิเลสเข้ามาห่อหุ้มครอบงำจิตเอาไว้ ท่านจึงเรียกว่า
" ฐีติภูตัง" "ฐีติ" คือจิตแท้เดิม
มันประภัสสรสว่างไสว ตั้งตรง
เมื่อกิเลสจรเข้ามาห่อหุ้มจิตไว้
เหมือนกับสนิมเข้าไปเกาะกินเหล็กห่อหุ้มเหล็กอยู่.
ก็เหมือนกับความโลภ ความโกรธ ความหลง อวิชชาเข้าไปห่อหุ้มจิตจึงเรียกว่า "ภูตัง"
หรือเหมือนกับก้อนเมฆบังแสงอาทิตย์
ที่จริงดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงสว่างไสวอยู่ แต่ว่าก้อนเมฆจรเข้าไปปิดบังเอาไว้ ห่อหุ้มเอาไว้จึงมืดตึ้ดตื๋อ คืออวิชชามืดแปดด้าน.....
.
พระธรรมคำสอน หลวงตาศิริ อินทสิริ
วัดถ้ำผาแดงผานิมิต ต. บัวเงิน อ. น้ำพอง จ. ขอนแก่น









อุปกรณ์ในการทำความเพียร

เราควรจะพอกพูนความดีของเราหรือความเพียรของเราเหมือนข้าวกล้าที่จะต้องดูแล เอาน้ำใส่ข้าวหากไม่มีการดูแลเอาใจใส่ น้ำมากมันก็ตาย ต้องใส่น้ำให้มันพอดี ๆ คือมัชฌิมาปฏิปทา การปฏิบัติของเรา การทำความเพียรของเราก็เหมือนกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในปัญจกนิบาต สุตตันตปิฏก คืออุปกรณ์ที่เราจะทำความเพียรนั้นมีอยู่ ๕ ประการ
๑. ศรัทธา เมื่อเรามีศรัทธาเกิดขึ้นแล้วจะทำประโยชน์ในโลกนี้และโลกหน้า ประโยชน์อย่างยอดคือพระนิพพาน คือได้พ้นจากทุกข์ ต้องอาศัยศรัทธาเป็นประการสำคัญ เป็นทรัพย์อันประเสริฐ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ
๒. อาพาธน้อย คือเราไม่มีโรคอันใด เราควรรีบเร่งกระทำความเพียร
๓. ต้องไม่โอ้อวดมีมารยาหรือแข่งกับใคร คือเรารักษาศีล เจริญภาวนาไม่ใช่อวดคนอื่น เราต้องไม่มีมารยากับใคร
๔. ปรารภความเพียร เราต้องมีความขยันเมื่อความเพียรของเราลดลงมา เราต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าของเรา มีบุญมากขนาดไหนพระองค์ยังทรงทิ้งสมบัติทั้งหลายไปอยู่ในป่า และให้นึกถึงพระนิพพานไว้ เมื่อเราย่อหย่อนความเพียร เราก็จะไม่มีวันได้พบกับความหลุดพ้น
๕. ปัญญา คือเมื่อเราได้ฟังธรรม แล้วคิดพิจารณาด้วยเหตุและผล แล้วลงมือปฏิบัติธรรม ตัวภาวนามยปัญญาก็จะเกิดขึ้นโดยสติปัฏฐานทั้ง ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม ตัวภาวนามยปัญญาก็เป็นตัวตัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่อยู่ในจิตใจของเรา จะค่อย ๆ ตัดไป ๆ ถ้าเรามีเพียงแต่ความคิด เพียงแต่ฟังก็รู้เท่านั้น แต่ตัวขัดเกลาไม่มี ตัวที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติธรรม เพื่อที่จะทำให้ตัวภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นแก่เรา

โอวาทธรรม
พระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ.
(หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)








"..การที่เราจะยึดถือตัวตน ถือเรา ถือเขา
ถือพวก ถือหมู่ ถือคณะ ว่าเราดีกว่าเขา
เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา มันไม่มีประโยชน์

คน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน ไม่ควรจะเอาอะไรเข้าไปเปรียบเทียบให้เป็นการแข่งขันกัน หรือถ่อมเกินไป ไม่ควรคิด

คิดว่า ทุกคนเกิดมาก็แก่เหมือนกัน ป่วยเหมือนกัน ตายเหมือนกัน รักสุขเหมือนกัน เกลียดทุกข์เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันได้แบบสบาย จะเสมอหรือไม่เสมอ จะดีกว่า จะสูงกว่า จะต่ำกว่าฉันไม่รู้

รู้อย่างเดียวว่า..
ฉันเป็นมิตรที่ดีของท่าน เท่านี้พอ..."

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ









#อย่าประมาทเกินไป

"เราทั้งหลาย อย่าเมาเกินไป อย่าลืมเพลิดเพลินจิตจนลืมสาระของใจ แต่ละชาติเกิดมา เข้าใจว่าโลกนี้เป็นของใหม่ เพราะปัญญาไม่พอ

#โลกนี้ที่แท้_ก็เป็นของเก่าในวัฏฏะ

เกิดตาย หลงใหลในของเก่า
ให้ตั้งใจให้ดี
อย่ามัวเมาประมาทเกินไป"

.... หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ










#มันก็แค่ความรู้สึก...

"...ไม่ว่าคุณจะรัก หรือ ชัง...ไม่ว่าคุณจะชอบ หรือ เกลียด...ไม่ว่า คุณจะดีใจ หรือ เสียใจ...ไม่ว่าคุณจะทุกข์ หรือ สุข...มันก็เป็นแค่ความรู้สึกที่ผ่านมาแล้วก็จะต้องผ่านไปเท่านั้นแหละ...

IT 'S JUST THE FEELINGS..."

(บางตอนในการบรรยายธรรม โดยท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม)










#อาการของจิต

“...เรื่องไม่สงบอันนั้น เพราะเราไม่รู้ตามความเป็นจริงของมันเท่านั้นเอง .. ถ้าเรารู้ตามความเป็นจริงของมันแล้ว อันนั้นสักแต่ว่าอาการของจิต

จริงๆแล้วจิตมันไม่ฟุ้งไปอย่างนั้น เช่นว่า เรารู้ความคิดแล้วว่า บัดนี้..เราคิดอิจฉาคน นี้เป็นอาการของจิต แต่เป็นของไม่จริง มันไม่เป็นความจริง เรียกอาการของจิต มันมีตลอดเวลา

ถ้าหากว่าคนไม่รู้ตามความเป็นจริงของมันแล้ว ก็น้อยใจว่าจิตเราไม่อยู่นิ่ง จิตเราไม่สงบ อันนี้เราต้องใช้การพิจารณาอีกทีหนึ่งให้มันเข้าใจ

เรื่องของจิตนั้นนะ มันเป็นเรื่องของอาการของมัน แต่ที่สำคัญคือ มันรู้ รู้ดีมันก็รู้ รู้ชั่วมันก็รู้รู้สงบมันก็รู้ รู้ไม่สงบมันก็รู้

อันนี้คือตัวรู้ พระพุทธเจ้าของเราท่านให้ตามรู้ ตามดูจิตของเรา..”

หลวงปู่ชา สุภัทโท















[*]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron