วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 14:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 04:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#การบูชา..
"มี​อยู่ ๒ อย่างคือ อามิสบูชา
ได้แก่ ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น
พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการบูชา
คือ ปฏิบัติบูชา...
อย่างที่ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติอยู่
ณ บัดนี้ทีนี้การที่จะมาปฏิบัติบูชาได้
ก็ต้องอาศัยอามิสบูชาเป็นเบื้องต้น
แล้วก็ทำตัวของตนให้ตั้งใจปฏิบัติ
ขัดเกลาจิตใจของตนอยู่เสมอๆ
ให้มีสติคอยระวัง ตั้งสติอยู่เสมอว่า
อันใดที่จะมากระทบกระทั่งกับจิตใจ
ของเรานั้นเราก็มีสติ​ คอยระมัดระวัง
เหมือนอย่างทหารที่ออกรบในสงคราม
ก็ตั้งใจรักษาหน้าที่ไม่ให้ข้าศึกที่จะผ่าน
เข้ามาในแนวรบได้​ ฉันใดก็ดี เราก็
พยายามที่จะรักษาจิตใจของเรา
ไม่ให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง
มันมาพังจิตใจของเราให้มันหลงใหล
ไปตามอารมณ์อันนั้นครั้นท่านผู้ใดทำ
ได้อย่างนี้​ ผู้นั้นชื่อว่าชนะข้าศึก
ความเป็นจริงพระพุทธเจ้าก็สอนไว้
ทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
ครั้นย่อลงให้สั้น ก็คือปัญจขันธ์ทั้ง ๕
คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ
วิญญาณ​ ก็คือจิตนั้นเอง เป็นผู้ที่จะ
รับเอามาปฏิบัติทีนี้การปฏิบัติบูชานี้.."
#พระองค์ทรงสรรเสริญว่า
"เป็นปฏิบัติอย่างยิ่ง เป็นมงคลอันสูงสุด"

#พระอุดมญาณโมลี
#หลวงปู่จันทร์ศรี_จันททีโป
วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี









"การระลึกถึงความตายจะแก้ความโศกเศร้าได้ เมื่อมีการพรัดพรากจากกัน ใครไม่อยากเศร้าโศกเวลามีการพลัดพราก รีบระลึกถึงความตายมาก ๆ”

ธรรมโอวาท
หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร








"ทางเดินของเราจะต้องเป็นป่ามาก่อน แล้วจึงจะเป็นทางเรียบ คือว่าคนเราต้องเป็นคนใบ้คนเง่ามาก่อน แล้วจึงจะค่อยรู้ค่อยแจ้งในภายหลัง เหมือนกันทุกคนแล
ต้องเป็นคนใบ้คนหลงในสงสารมานานเหมือนกันทุกตน เป็นดังคนป่าไม่รู้ทาง มีคนมาบอกทางให้
เรารู้แล้วดังนั้น ควรรีบเดินตามไปเร็ว ๆ ไม่ต้องยั้งรอให้มันได้หลงไปหลายครั้งหลายคราว"

โอวาทธรรม
หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา










การแบ่งเงินที่หามาได้ 5 ส่วน
1. ให้ฝังดิน หมายถึง ซื้อที่ดิน ปลูกต้นไม้ สร้างอาคารที่อยู่อาศัย ของพวกนี้ยึดติดดินอยู่ นี่เรียกว่าทำเพื่อปัจจุบัน ส่วนทำเพื่ออนาคตให้ทำบุญให้ทาน

2. ให้ใช้หนี้เก่า หมายถึงทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ มีกตัญญู กตเวที

3. ให้ใส่ปากงูเห่า หมายถึงเมียมีรายได้ให้ผัวใช้ด้วย ผัวมีรายได้ให้เมียใช้ด้วย

4. ให้เขายืม หมายถึงให้ลูกใช้ขณะที่เขาไม่สามารถมีรายได้

5. ให้ทิ้งลงเหว หมายถึงเป็นกองทุนใช้จ่ายประจำวัน ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ท่านว่าท้องลึกกว่าเหว เพราะถ้าถมเหวยังมีวันเต็ม แต่ท้องกินอะไรลงไปก็ไม่เต็ม

พระเทพสังวรญาณ (หลวงตาพวง สุขินทริโย)








#ผู้สนใจปฏิบัติธรรม คือ.. "ผู้สนใจทำความรู้ ความฉลาด เพื่อคุณงามความดีทั้งหลายที่โลกเขาปรารถนากัน เพราะคนเราจะอยู่และไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันตัวนั้น ย่อมไม่ปลอดภัยต่ออันตรายทั้งภายนอกและภายใน"

#หลวงปู่มั่น_ภูริทตฺโต









เรื่อง "บารมีต้องสร้าง ต้องทำเอาเอง"

ในสมัยที่หลวงปู่แหวนยังมีชีวิตอยู่ ประชาชนจากใกล้ไกล ต่างแห่แหนไปกราบ หลวงปู่

ซึ่งหลวงปู่ ได้ปรารภถามว่า
"พากันลำบากลำบนมากันทำไม"

คำตอบจากประชาชนเหล่านั้นก็คือ
"ต้องการมากราบบารมีของหลวงปู่"

หลวงปู่ได้แนะนำว่า

"บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้องทำเอาเอง"

โอวาทธรรมหลวงปู่แหวน สุจิณโณ










"ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้าชาติหลัง หรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ

ถ้าสวรรค์มีจริงถึง ๑๖ ชั้นตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองโดยลำดับ หรือถ้าสวรรค์นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ

การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้ง ความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง"

.... หลวงปู่ดูลย์ อตุโล














“อย่าปล่อยไปตามยถากรรม”

...จิตใจซึ่งไม่มีอารมณ์ หรือมีแต่แค่จิตวิญาณแต่ก่อน ความจริงมันก็สะอาด เมื่อได้รับเอาสิ่งต่าง ๆ พวกที่สัญจรเข้ามาเป็นอาคันตุกะ หรือว่าเป็นกิเลสเข้ามาแทรก ก็ทำให้จิตใจหมดแสง หมดรัศมี อันนี้ปัญหาของเราก็มีแต่เพียงว่า จะมาแก้ไขสิ่งที่มันสัญจรเข้ามา มาปกคลุมหุ้มห่อ มาโอบอาบจิตของเรา ให้เกิดความสะอาด จิตใจก็จะขาวสะอาดเหมือนจิตใจเดิม เมื่อสะอาดแล้ว ก็จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆได้อย่างสบาย มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็พิจารณารู้เองหมด ทั้งต้นปลายสายเหตุ แต่ว่าบางคนก็เลยปล่อยไปตามยถากรรม อันไหนจะมาสัญจรเข้ามาอยู่ มากน้อยแค่ไหนก็ตาม หาแต่เรื่องอย่างอื่นมาเพิ่ม ยิ่งหนาเข้าแน่นเข้า เหมือนดินพอกหางหมู ใหญ่ขึ้นไปตามลำดับ...

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
เทศนา เรื่อง การนั่งสมาธิ : ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๖










รู้อยู่ในตัวเราเอง

การพิจารณาเรื่องภายในจิตใจ ร่างกายตัวเราเองนี้
คล้าย ๆ กับลานวัดเรา ลานวัดนั้น ตามธรรมดาแต่ก่อนนั้น ยังไม่เป็นวัด มันก็มีต้นไม้ มีหญ้าเยอะปกคลุม อยู่ตามธรรมดาของเขา หรือว่ารกอยู่อย่างนั้นหละ แล้วทีนี้ ถ้าหากเกิดเป็นวัดขึ้นมา ก็ทำความสะอาด เอาใบไม้ ใบหญ้าออกหมด ความสะอาด ความเตียน หรือความโล่งของมัน ไม่ได้ไปซื้อมาจากบ้านอื่นนะ มันอยู่ตรงนั้นแต่นานแล้ว ไม่ได้ไปซื้อมาจากเมืองอื่น ไม่ได้สั่งมาจากประเทศไหน มันมีอยู่นั้น ตั้งแต่เรายังไม่กวาดออก แต่ว่ามีสิ่งอื่นปกคลุมไว้ ความสะอาด ความเตียน มันมีอยู่แต่เดิม เพียงแต่ว่าของเหล่านั้นปกไว้ จึงมองไม่เห็น นี้ฉันใดก็ดี

ร่างกายของเรา กาย วาจา และจิตใจอันนี้ ก็ทำนองเดียวกัน มันอาจจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาปกคลุมอยู่นี้หละ ถ้าหากเรามาปรับปรุงแก้ไข หรือสละสลัดออก ในสิ่งที่ไม่ดี ของอันไหนดีก็ปรับปรุงขึ้น มันก็เกิดความบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นมาเท่านั้น ไม่ได้ไปเอาไหนมาเพิ่ม หรือไม่ได้ไปหาจากที่อื่นมาใส่ แล้วก็เป็นของเก่าของเรานี้หละ คือการประพฤติปฏิบัติธรรม มันจะต้องเป็นไปทำนองนี้ ก็ของ ๆ เก่านี้หละ จะต้องปฏิบัติร่างกายก้อนนี้ นี้เราตั้งเจตนาไว้อย่างนั้น

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
พระเทพวิสุทธิมงคล
วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง)
ศรีมมเด็จ ร้อยเอ็ด









หลวงพ่อชาไม่ค่อยพูดถึงตัวท่านเอง แต่ถ้าพูด แทบทั้งหมดจะเป็นเรื่องกิเลสในตัวท่านและความยากลำบากในการปฏิบัติธรรมของท่าน อาตมาคิดว่าเป็นวิธีพูดกับลูกศิษย์อย่างชาญฉลาดและมีเมตตายิ่ง

เรามักจะยกย่องเทิดทูนครูบาอาจารย์เป็นธรรมดา และรู้สึกว่าท่านสูงส่งห่างไกลเราเหลือประมาณ แต่การที่หลวงพ่อพูดถึงข้อผิดพลาดของตัวท่านเอง ก็เป็นการเตือนสติเราว่าตอนเริ่มปฏิบัติ ท่านก็ไม่ต่างจากเรานัก

การบรรลุธรรมของท่านมาจากปัญญาและความพากเพียรไม่หยุดหย่อน และมาจากความอดทนไม่ย่อท้อ ข้อคิดที่ท่านต้องการสอนเรา คือ ‘หากท่านทำได้ เราก็ต้องทำได้เช่นกัน’

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ











#ธรรมะก็มีอยู่ในกาย

"เพราะกายมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระพุทธเจ้าและพระสาวกเจ้าทั้งหลาย
ท่านได้เสียสละ เช่น ความสุขอันเป็น
ไปด้วยราชสมบัตินั้น พระองค์ท่านผู้มี
คนยกย่องสรรเสริญคอยปฏิบัติวัฏฐาก
แล้วได้เสียสละมานอนกับดินกับหญ้า
ใต้โคนต้นไม้ถึงกับอดอาหาร เป็นต้น"

#การเสียสละเหล่านี้เพื่อประโยชน์อะไร

"ก็เพื่อให้ได้ถึงซึ่งวิโมกขธรรม คือ..
#ธรรมะ​ เป็นเครื่องพ้นจากการเกิด
แก่ เจ็บ ตาย และเมื่อพระพุทธองค์
ตรัสรู้ ก็ทรงนั่งสมาธิใต้ร่มไม้ อันเป็น
สถานที่สงบสงัด และได้ทรงพิจารณา
ซึ่งความจริง คือ อริยสัจ ๔ นี้ เป็นมูลเหตุ
อันเป็นเบื้องต้นของพระพุทธเจ้า.."

#หลวงปู่เสาร์_กันตสีโล










#ผู้เห็นคุณค่าของตัว

"จึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่น
ว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน

ไม่เบียดเบียนทำลายกัน
ผู้มีศิลสัตย์ เมื่อทำลายขันธ์
ไปในสุคติในโลกสวรรค์
ไม่ตกต่ำเพราะอำนาจศึล
คุ้มครองรักษาและสนับสนุน

จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะพากัน
รักษาให้บริบูรณ์ ธรรมสั่งสอนแล้ว
ควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคงจะ
เป็นผู้ทรงคุณสมบัติทุกอย่างแน่นอน"

#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต









...ถ้าผู้ใด
ได้มาเกิด มาพบกับพระพุทธศาสนา
..จะย่นเวลารอไปพระนิพพานนี้
จากล้านชาติ เหลือแค่ชาติเดียว

.."ชาตินี้แหละ
ไปนิพพานกันได้ทุกคน
ถ้าอยากจะไปกัน".
......................................
.
ธรรมะโดนใจเล่ม4 หน้า66
ธรรมะบนเขา 3/10/2558
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี











โอวาทเรื่องการสร้างบุญ
ของจะมีมากก็ไปจากหนึ่งจากสองนี่เอง ความดีคุณงามความดีทั้งหลายก็ไปจากของเล็กน้อยนั่นแหละ เหมือนฝนตก เม็ดฝนที่ตกลงมาแต่ละเม็ดก็เล็กนิดเดียวแต่ทำไมทำให้แม่น้ำ ท้องฟ้า มหาสมุทรท่วมไปหมด ด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาทีละหยดทีละหยาดเท่านั้นได้ ถ้าฝนตกไม่หยุดตกไม่ถอย ฉันใด ฉันนั้น การสร้างบุญกุศลก็เหมือนกัน สั่งสมทีละเล็กละน้อยทุกวันเวลา ไม่ประมาท ย่อมเป็นของใหญ่โตขึ้นมา งอกงามไพบูลย์ขึ้นมา เจริญขึ้นมา เมื่อกองบุญกองกุศลเจริญ ใจเราก็เจริญ ภพชาติของเราก็เจริญ หนทางอันยาวนานที่จะไปสู่ความหลุดพ้นในที่สุดนั้น ก็หดสั้นเข้ามา ฯ

หลวงพ่อไพบูลย์ สุมงฺคโล











เรื่องดีขนาดไหน เรื่องไม่ดีขนาดไหน ผ่านไปแล้ว จะเป็นอดีตไปเสีย ถึงเรื่องปัจจุบันทั้งหมด ที่สุดก็จะต้องกลายเป็นเรื่องอดีตไป ผ่านไปทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่จะไม่เป็นอดีต จึงว่าอะไรที่เป็นปัจจุบันนี่ อะไรที่คิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว หากเป็นอกุศล อันนั้นให้หลีก อันนั้นให้ระวัง คิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว เกิดความเศร้าหมอง อย่าไปคิด อย่าไปพูด อย่าไปทำ ทำแล้วเกิดความเศร้าหมอง ความเศร้าหมองนี้ฝังลึก ทั้ง ๆ ที่เรื่องทุกเรื่อไม่ได้มีอะไร เกิดขึ้นแล้วผ่านไป เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป นาย ก. นาย ข. นายอะไรต่ออะไร อีกไม่เกิด 100 ปี เป็นอดีตไปหมด คนเดี๋ยวนี้อีกสัก 100 ปี ไม่มีในโลก เรา ๆ นี่ก็ไม่รู้เป็นอดีตมาแล้วกี่ครั้งกี่หน หาประมาณมิได้
จึงว่าแผ่นดินอันนี้ก้อนโลกอันนี้ เพียงแต่ว่าเป็นทางผ่านทางเดิน เต็มไปด้วยขวากด้วยหนาม คนไหนที่ตาดีหูดี คนนั้นไม่บาดเจ็บ คนไหนตาไม่ดีหูไม่ดี ไม่มีสติปัญญา คนนั้นจะมีแต่บาดแต่แผล คือมีอกุศลธรรมฝังแน่นอยู่ในจิตในใจ อกุศลธรรมจะหลุดไปได้ ไม่ใช่เพราะมีการเกิดการตายยาวนาน จะหลุดจะสิ้นจะหมดไปได้ ต้องอาศัย มีข้อปฏิบัติ มีสติ มีปัญญา ข้อปฏิบัติจึงมีความจำเป็น สติปัญญาจึงมีความจำเป็น ขาดข้อปฏิบัติไม่มีข้อปฏิบัติแล้ว สติปัญญาที่จะแก้อกุศลความเศร้าหมอง ที่เป็นอยู่ในจิตในใจนี่ ไม่มีทางที่จะแก้ให้หลุดไปได้

หลวงปู่แบน ธนากโร










เวลาท่านสอนเรื่องทุกข์ ทุกข์ที่พูดถึงทางพระพุทธศาสนานั้น มิได้แค่หมายถึงทุกข์เพราะคิดถึงเธอ ทุกข์เพราะเพื่อนพูดไม่เข้าหู ทุกข์เพราะอยากกินแต่ไม่ได้กินเท่านั้น แต่ทุกข์ที่พูดถึงคือทุกข์ในอริยะสัจ อันหมายถึงทุกข์จากการเกิด ทุกข์จากความแก่ ทุกข์ที่เกิดจากความเจ็บป่วย ทุกข์ที่เกิดจากความตาย ทุกข์อันเกิดจากการพบเจอสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่เจริญใจ ตลอดจนทุกข์เพราะความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก หรือทุกข์เพราะไม่สมหวังสิ่งที่ปรารถนา ท่านสอนให้เราเพียรศึกษาจนรู้จักทุกข์ที่นอนเนื่องอยู่กับเรามาตลอด แล้วก็เพียรปฏิบัติให้พ้นจากทุกข์ในอริยะสัจข้างต้นไปให้ได้ โดยทำตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนไว้..สงสารก็แต่คนที่อยู่กับทุกข์แต่ไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้ว่ามันเป็นทุกข์..พิจารณาเอาเถิดว่าเราโง่หรือฉลาด..

…หลวงปู่ไม อินทสิริ…









........ไม่อยากตายก็ต้องไม่เกิด..........
เรามีความตายเป็นธรรมดา
คนเกิดมาก็ต้องตายเหมือนกันหมด
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้สักคนดอก
ต้องตายเป็นธรรมดา
ถ้าไม่อยากเกิดไม่อยากตายก็ต้องไม่มาเกิดอีก
ดับความเกิดได้ความแก่ก็ไม่มี ความเจ็บไข้ก็ไม่มี
ความตายก็ไม่มี
ถ้าเรามาเกิดอยู่ก็ต้องมีแก่เรื่อยร่ำไปล่ะ
ปัญญามันต้องรู้อย่างนี้
มีความเจ็บไข้เรื่อยร่ำไป
มีความตายเรื่อยร่ำไป
เกิดเท่าไรก็ตายเท่านั้น.
ให้เราเข้าใจอย่างนี้
เราจึงจะเบื่อหน่ายในความเกิด. ความแก่. ความตาย

พระธรรมคำสอนหลวงตาศิริ. อินทสิริ
วัดถ้ำผาแดงผานิมิต ต. บัวเงิน อ. น้ำพอง จ. ขอนแก่น











“อย่าเกิดมาเฉย ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วมีแต่หาอยู่หากินวิ่งเต้นขวนขวายเหมือนสัตว์เดรัจฉาน การกุศลศีลทานไม่มีเลยนี้ใช้ไม่ได้นะ เสียมากที่สุดมนุษย์เรา ต้องมีการสร้างบุญสร้างกุศลศีลทานเพื่อเป็นเชื้ออันดีงามหรือเลิศเลอแก่ภูมิมนุษย์ของเราด้วย

เราสร้างที่อยู่ที่อาศัยปัจจัยเครื่องอาศัยไปวันหนึ่ง ๆ เพื่ออยู่เพื่อกินเพื่อหลับเพื่อนอนก็สร้าง นี่เรียกว่าเราแบ่งสันปันส่วนให้ทั้งสมบัติทางกายได้อาศัย ทั้งสมบัติทางจิตใจคือบุญกุศลก็ให้ได้อาศัย อย่าได้ปล่อยไปเลย ๆ เกิดมาตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันนี้เคยให้ทานไหม ถ้าลงว่าไม่เคยให้ทานเลยแล้วหมดนะ บอกอย่างนั้นเลย ชีวิตของคนทั้งคนนี้ตั้งแต่เกิดมานี้อายุเท่าไรแล้ว ไม่เคยให้ทานกับเขาเลย เรียกว่าสิ้นท่าหมดคุณค่าหมดราคามาตลอดจนกระทั่งวันนี้ ถ้าวันนี้ยังไม่ได้สติสตังทำบุญให้ทานไม่ได้แล้ว วันนี้ก็ติดอีก วันหน้าก็เป็นอีก มนุษย์ขาดไปเรื่อย ๆ เหลือตั้งแต่ซากมนุษย์เท่านั้น”

- หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน -
๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๓











ถ้าหากจะว่าบุญวาสนาแต่อดีตมีความสำคัญเสียอย่างเดียวก็ไม่ถูก ข้อปฏิบัติหรือการกระทำในปัจจุบันนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อยเหมือนกัน มีอดีต มีปัจจุบัน กรรมที่เป็นอดีต กับกรรมที่เป็นปัจจุบันต้องมาบวกกัน

บรรดาเรา ๆ ก็เหมือนกัน จะต้องเป็นไปตามเรื่องของเรา อันนี้หากจะว่าเราแต่งเรา เราสร้างสรรค์เอง ก็ถูก แต่ถ้าหากว่าเราแต่งเราเองได้ เราสร้างสรรค์เองได้แล้ว เราก็น่าจะแต่งให้ดีกว่านี้ ใช่ไหม เพราะว่าเท่านี้เรายังไม่พอใจ นั่นก็แสดงว่ามันต้องมีส่วนเบื้องหลังที่เป็นบุพกรรมมามีส่วนร่วมด้วย

อย่างพระโมคคัลลานะ ท่านเป็นพระอัครสาวกอรหันต์ เหาะเหินเดินอากาศก็ได้ แต่ในที่สุดท่านก็ยังไม่พ้นจากการโดนประหาร

พระองคุลีมาล เคยประหารคนตั้ง ๙๙๙ คน คิดดู กรรมอะไรจะมาหนักเท่าการมุ่งฆ่าคน ไม่มี แต่พระองคุลีมาลท่านก็สามารถที่จะพ้นจากบาปกรรมที่ไปฆ่าคนนั้นได้ ด้วยการสร้างกรรมดีอย่างยิ่งยวด

เมื่อกรรมดีสมบูรณ์ขึ้นมา จิตได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ นี่ ในที่สุดก็คล้ายกับว่า กรรมที่ทำไว้ก็เป็นอโหสิ เพราะกำลังของกรรมดีมีกำลังเหนือกว่า กรรมก็เป็นอโหสิกรรมได้

จึงว่า เรื่องอดีต บุพกรรม หรือการกระทำสั่งสมมาในชาติปางก่อน เราปฏิเสธไม่ได้ แต่การสั่งสมความดีในปัจจุบันนี้ เราก็ควรที่จะมีการสั่งสมให้ยิ่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่ามีการสั่งสมความดีให้ยิ่ง ความดีก็จะปรากฏให้ยิ่งขึ้นภายในจิตในใจของเรา อันนี้ก็เรียกว่าผลของกรรมดีเช่นกัน

หลวงปู่แบน ธนากโร











เราเห็นงูพิษ แมงป่อง รู้ว่ามันมีพิษ ก็ไม่อยากเข้าใกล้
เห็นศพในหีบ แม้ประดับประดาด้วยดอกไม้ สวยแค่ไหนก็ตาม เพราะรู้อยู่เห็นอยู่ ยังไงเราก็ไม่อยากตาย
ถ้าเราเห็นทุกข์ แบบถึงจิตถึงใจจริงๆ จะไม่ต้องการกลับมาเกิดอีก เพราะมองไปข้างหน้า มันทุกข์ยิ่งกว่ามากมายมหาศาล ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหน แค่เป็นทุกข์ทางใจ ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ
บางคนต้องนอนนิ่งเป็นเดือนๆ ก่อนที่จะตาย ทั้งเจ็บ​ ทั้งปวด แต่จิตใจเราก็ยังไม่เข้าถึงอริยสัจ ยังไม่เห็นโทษของทุกข์จริงๆ

๓๐ เมษายน ๒๕๖๒
หลวงปู่จันมี​ อนาลโย









ท่านสอน ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นเขาตกทุกข์ หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้ เช่นเดียวกับผู้อื่น

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต









ศึกษาว่าโลกเค้าเป็นอย่างนี้ อย่าไปหลงกับเค้าก็พอ.. (โลกธรรม8)

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป









พูดอย่างมีสติ เราจะได้ไม่ทำร้ายใจผู้อื่น ฟังอย่างมีสติ จะได้ไม่รับอารมณ์คนอื่นมาทำร้ายใจเรา

พระอาจารย์ชยสาโร








ต่อให้ไปเที่ยวรอบโลก.. ก็ดับทุกข์ไม่ได้.. เพราะมันต้องดับข้างใน

ท่านพุทธทาสภิกขุ








"..จิตมิใช่อารมณ์ ..อารมณ์มิใช่จิต แต่อาศัยจิตนึกคิดจึงเป็นอารมณ์ ..พอเป็นอารมณ์ ก็เข้าไปยึดเอาอารมณ์ เพราะเห็นอารมณ์เป็นสาระ ของดิบของดี

..จึงให้เปลี่ยนจากอารมณ์ของโลก มาเป็นอารมณ์ของธรรม ให้เอา "พุท-โธ" เป็นอารมณ์ ให้จิตคิดนึกรู้อยู่กับแต่ "พุท-โธ" เพื่อล่อจิต - ผูกจิต - ดึงจิต - ตั้งจิต ให้อยู่

..เมื่อจิตตั้งอยู่แล้ว – สุขเกิดขึ้น ปิติเกิดขึ้น อุเบกขาเกิดขึ้น เอกัคคตาเกิดขึ้น รวมเรียกว่าฌานเกิดขึ้น จิตตั้งในองค์ฌาน - จิตสงบในองค์ฌาน จะหนีจากฌาน ก็ไปเดินวิปัสสนา จะไปได้หรือไม่ก็สุดแท้แต่ปัญญา.."

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ









“ปีใหม่นี้ ใครๆ ก็อยากได้ของใหม่
อยากได้ชีวิตใหม่ แต่ชีวิตใหม่ ไม่ได้เกิดจาก
การที่เรามีโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่
มีรถคันใหม่ มีบ้านหลังใหม่

อันนั้น ไม่ได้ทำให้มีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง
จะมีชีวิตใหม่อย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อ
เรามีคุณภาพจิตแบบใหม่

เริ่มต้นจากการเป็นมิตรกับตัวเอง
รักตัวเองอย่างแท้จริง อยู่กับตัวเองได้

เมื่อเรามีความสุขในตัวเอง
เราก็จะสามารถแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นได้”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร