วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 18:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2020, 06:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...การตัดภพ ตัดชาติ การสิ้นสุด
ของการเวียนว่ายตายเกิด
“ต้องเกิดจากการปฏิบัติของเรา “
จากการสร้างบุญ สร้างกุศล
สร้างธรรมะเท่านั้น
.
จงพยายามบังคับใจให้มาทางธรรม
“ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “
.
อย่าปล่อยให้ไหลไปตามอารมณ์
อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่มา
อยากนั่งก็นั่ง ไม่อยากนั่งก็ไม่นั่ง
อย่างนี้จะไปไม่ถึงไหน

ต้องรู้ว่า..ต้องนั่ง..เรามีหน้าที่นั่งสมาธิ
พิจารณาธรรม รักษาศีล ทำบุญให้ทาน
“เป็นหน้าที่ของเรา ต้องทำทุกวัน “
.................................
กำลังใจ37 กัณฑ์374
ธรรมะบนเขา 21/10/2550
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









เมื่อบารมีพอ

“นั่งตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง”
“เดินตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง” นี่เป็นการสร้างบารมี
บารมียังไม่พอ ทําไม่ได้หรอก ดึงให้ไปทําขนาดไหน มันก็จะดึงจนเชือกขาด นั่นล่ะ ดีไม่ดีจมูกมันฉีกโน่นล่ะ ถ้าหากว่าบารมีไม่พอ เดินจงกรมตั้งแต่หัวค่ำไปจนสว่าง เดินไม่ได้ นั่งก็เหมือนกัน ถ้าบารมีไม่พอนั่งไม่ได้ มันต้องบารมีพอ

บารมีพอนี่ ดึงไว้ก็ไม่อยู่ ดึงไม่ให้เดินจนแจ้ง ดึงไม่ให้นั่งจนสว่าง ดึงไว้ยังไง ก็ไม่อยู่ มีคนมาห้ามก็ไม่ได้ ห้ามไว้ก็ไม่ฟัง เรียกว่า บารมีพอ บารมีพอแล้ว การเดินตลอดรุ่ง การนั่งตลอดรุ่ง เป็นเรื่องเล็ก

บารมีพอคืออะไร คือมันพร้อมหมด พร้อมที่จะต่อสู้ จิตใจนี่พร้อม มันฮึกเหิม มันห้าวหาญ ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เหมือนนักมวยที่ฟิตเต็มที่นี่ ดึงไม่ให้ชกนี่ โอ้ย..มัน เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรที่จะไปเปรียบ

ทํายังไงบารมีจึงจะพอ สร้างบารมีให้พอคือยังไง

ก็ต้องทําให้มาก เดินจงกรมก็เดินให้มาก นั่งสมาธิก็นั่งให้มาก นั่งให้มากเดินให้มากๆ นี่ล่ะเป็นการสร้างบารมีให้พอ หนักเข้า นั่งภาวนานี่ต้องให้ชนะความเจ็บความปวด ให้ได้เสียก่อนจึงค่อยเลิก เดินจงกรมนี่ ให้ชนะขาอ่อนขาเพลียไปเสียก่อนจึงค่อยเลิก เรียกว่ามันขยับก้าวหน้าไปได้ขึ้นชั้น ถ้าหากว่าเดินจงกรมผ่านการเหน็ดการเหนื่อยการอ่อนการเพลีย ทีนี้ถ้าจะเดินตลอดคืนเดินตลอดรุ่งนี้ ไม่มีปัญหาอะไร เดินได้อย่างสบาย ไม่ได้เป็นอย่างทุกข์อย่างลําบาก นั่งภาวนาก็เหมือนกัน นั่งอย่างสบาย ไม่ได้นั่งอย่างทุกข์ ไม่ได้นั่งอย่างทรมาน นี่เรียกว่า บารมีพอ

มันค่อยก้าวไปทีละขั้นๆ ที่แรกก็ต้องอาศัย ขันติบารมี อดทนเอา แล้วก็อาศัย วิริยบารมี ความพากความเพียรเอา แล้วก็อาศัย สัจจอธิษฐาน เป็นบารมีเคียงคู่ไปด้วย อาศัย ขันติวิริยะ สัจจะ อธิษฐาน นี่ บารมีอันนี้พยายามสร้างขึ้นให้มาก ในเมื่อสร้างขึ้นให้มากๆ พอแล้ว ใจมันเป็น ใจมันเป็นแล้วทีนี้มันก็เป็นไปเอง ที่จะเดินจนสว่าง ก็เดินได้ ที่จะนั่งจนสว่างนี้ก็นั่งได้ เพราะมันเดินอย่างสบาย มันไม่ได้เป็นอย่างทุกข์ อย่างยาก มันนั่งมันก็นั่งของมันอยู่อย่างสบาย มันไม่ได้นั่งอย่างทุกข์อย่างยาก

เอ้า.. ใครมีความพากความเพียร ใครมีความสัตย์ความจริงให้ตั้งอยู่อย่างนี้ ให้ตั้งลงในลักษณะนี้ ผู้นั้นไม่ว่าผู้เก่าไม่ว่าผู้ใหม่ จะเห็นความอัศจรรย์ในการปฏิบัติธรรม

ถ้าหากว่าผู้เก่าก็ดีผู้ใหม่ก็ดี ไม่มีความพากความเพียร ไม่มีการตั้งความสัตย์ ความจริงอย่างนี้ ความอัศจรรย์ในข้อปฏิบัติ ความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนานี้ มืดมน

โอวาทธรรมหลวงปู่แบน ธนากโร (๙ ส.ค.๓๐)
คัดลอกมาจาก หนังสือ พระธนากโร หลวงปู่แบน หน้า ๑๔๘ - ๑๔๙










#ปัจฉิมโอวาทของพ่อแม่ครูจารย์แบน

“ไม่รู้จะไปนับเพื่อประโยชน์อะไร เราๆ เขาๆ ก็เป็นอย่างนี้ เหมือนกันหมดแม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็ยอมรับอันนี้เป็นสัจธรรม เป็นของจริง ตามความเป็นจริง ทุกข์ ดูมันทุกข์ ทุกข์ทุกรูปทุกนาม สรุปแล้วไม่ว่าเราไม่ว่าเขาก็ต้องตกอยู่ในสภาพที่สูญ สูญ สูญ สูญ ในเมื่อยังหายใจอยู่ นับว่ามันก็เสียไป ไม่หายใจ นับหรือไม่นับก็เท่ากัน

วันนี้ มารมารบกวน มารมากวน ขันธมาร ก็ให้เป็นเรื่องของขันธ์ไป มารที่มันเกิดจากไม่มีขันธ์ มารอันนี้เรียกว่า มารมีอยู่กับเรา พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ท่านกำจัดมารตัวนี้แล้วเข้าถึงแดนสุขเกษมเข้าถึงโดยหลักการวิธีการใดๆ เอาหลักการวิธีการนั้นมาประกาศตามหลักการนั้น เรียกว่าพระศาสนา

จึงว่าลมหายใจไหลเข้า-ไหลออก ต้องมีสติระลึกถึงมากๆ เป็นการผูก เป็นการมามัด ให้ความคิดความอ่านของเรานี้อยู่กับกองธรรม กองธรรมก็คือ กว้างศอก ยาววา หนาคืบ ทุกคนมีกองธรรมด้วยกันทั้งนั้น และมีสิทธิ์ที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์ ถ้าใช้ไม่เป็นเป็นโทษทั้งนั้น

ไม่ว่าเด็กหญิง-เด็กชาย ไม่ว่าวัยรุ่น หรือวัยหนุ่ม-วัยสาว วัยแก่ จะว่ายุคใหม่หรือยุคเก่า ใช้ไม่ถูก เป็นโทษ โทษคือยังไง โทษคือเจ้าของนี้ไม่สำรวมรักษาใจ ปล่อยใจให้ไปตามกิเลสมารมันฉุดมันดึงมันลาก ผลออกมาก็มีแต่ถูกไฟของกิเลสที่มันรุ่มร้อนมันเผา แล้วก็ไม่เลิกเลย ทุกรายเขาไม่ยกเว้น แก่เขาก็ไม่ยกเว้น หนุ่มสาวเขาก็ไม่ยกเว้น แม้แต่เด็กรู้จักความ เขาก็ยังเริ่มพูดเริ่มสอนให้แล้ว นี่เครื่องร้ายอันตรายอันดับหนึ่งของสังคมโลก โลกจะพ้นจากอันตรายต้องพากันกำจัดมารตัวนี้ อย่าให้มันมีคั่งค้างอยู่ในโลก แล้วสันติอันแท้จริงจะเกิดขึ้นโดยทั่วถึงกันทีเดียว

คำว่าสำรวมธรรม ศีล แปลว่าสำรวม ศีลหมายความว่าการจะสำรวมใจจึงเรียกว่าศีล ไม่สำรวมใจศีลไม่มี ไปวัดไม่มีการสำรวม บวชนุ่งขาว เป็นเหลือง ไม่มีความสำรวม ผ้ามันไม่เป็นศีลให้ดอก ถ้าผ้าเป็นศีลให้ได้ โรงงานผลิตเยอะแยะไป ไม่ต้องไปรักษาศีล อยู่รุกขมูลร่มไม้ยาก แต่ไม่เป็นอย่างนั้น ความจริงนี่รักษาศีลต้องรักษาเรานี้เอง ไม่ใช่รักษาด้วย ศอ สระอี ลอ (ศีล) อันนั้นตัวหนังสือเขียนกันขึ้นสมมุติเรียกว่าหนังสือ แล้วก็อ่านไปตามที่เรียกขึ้นสมมุติตามๆ กันมาทั้งนั้น เป็นศีลหรือไม่เป็นศีล ตัวหนังสือไม่รู้ แต่จิตที่รู้อยู่นี่ รู้ว่าเราสำรวมดีอยู่หรือไม่ หรือเราไม่สำรวม อันนี้เราต้องระลึกถึงกันมากๆ

สรุปแล้ว อย่าให้ขาดสติ เดินทุกก้าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งสติทันที ลุกไปตรงไหน เดินไปตรงไหน เข้าห้องน้ำห้องส้วม แม้แต่สะพายบาตรไปบิณฑบาตก็ให้มีสติทุกขณะ ไม่เสียหาย

ไม่ต้องกังวลว่าพระศาสนาจะล่มสลายดอก ถ้าหากว่าเราไม่มีสติไม่สำรวม แม้แต่นุ่งห่มก็ไม่สำรวมไม่มีสติ นั่นน่ะทางแห่งความล่มสลายในสภาพของเราที่เป็นอยู่ ไม่มีใครต้องการให้เจ้าของล่มสลายสักคนหรอก พากันรักษาให้ดี รักษาพระศาสนา ก็คือการรักษาเรา รักษาศีล ก็คือการรักษาเรา การปฏิบัติธรรม ก็คือการปฏิบัติเรา

สิ่งอื่นไม่ใช่เราไม่ต้องสนใจ ตัดออกไปเลย จะเป็นอารมณ์อิฏฐารมณ์ หรือเป็นอารมณ์อนิฏฐารมณ์ ชอบใจไม่ชอบใจขนาดไหนหรือในเหตุเพียงไรก็ช่าง เหมือนกับฟองน้ำหรือพยับแดดทั้งนั้น จะไปสนใจหัวมันทำไม

หลวงตาท่านพูดบ่อยๆ ที่นี่อากาศดีมาก ยิ่งดึกๆ อากาศยิ่งละเอียด นี่ยังไม่ทันถึงดึกๆ ยังไม่ทันดีเลย มันดึกซ้ำ สองทุ่มกรนแล้ว เมื่อคืนก็ถามอยู่ เลิกกันเหรอ เลิกแล้ว เลิกกี่ทุ่ม สามทุ่ม เวลาจริงจังประกอบความพากความเพียรไม่ต้องทุ่มต้องยาม แต่เวลาจะเลิกจากการทำความพากความเพียรปฏิบัติธรรม ตื่นตั้งใจมั่นคงอยู่ในทุ่มยามแท้ นี่ก็มารตัวหนึ่งนะ มารตัวนี้เขาครอบหมดโลกธาตุไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าเขาดอก มีแต่องค์พระพุทธเจ้าและพระสาวกของพระพุทธเจ้าเท่านั้นอยู่เหนือมาร มารเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้

มาพักกันหลายองค์ ทำสถานที่นี้ให้เป็นสถานที่สงบวิเวกได้มากได้กว้างขวาง ถ้าหลายๆ องค์ หลายท่านไม่พยายามทำความสงบ เรียกว่าไม่มีความพยายามที่จะสร้างวิเวก สถานที่นี้จะเป็นสถานที่อาละวาด วุ่นวาย ไม่เป็นไปเพื่อความขัดเกลากิเลส ไม่เป็นไปเพื่อกำจัดมา

ฉันทุกคำ มีสติ บริโภคทุกคำมีสติ กินทุกคำให้มีสติ กินเข้าไปเคี้ยวกร็อบๆๆ แล้วขากคายออกมาขากออกมาจากปาก กินได้บ่ แล้วร่างกายตั้งแต่ศรีษะมาลงฝ่าเท้าเท้าขึ้นมาศรีษะ มาจากไหน มาจากอาหารที่เป็นของปฏิกูล เป็นอย่างนี้ แล้วร่างกายของ เราๆ เนื่องมาจากอาหารทั้งนั้น มันไม่เป็นของวิเศษวิโสอะไรนักหรอกเด้อ จำเอาไว้มีแต่ของปฏิกูลทั้งนั้น ไม่ใช่กองมรรคกองผลหรอก

บิณฑบาตให้มีสติ นับตั้งแต่ห่มจีวรคลุมจีวรซ้อนผ้าสังฆาฏิ มีสติ หยิบบาตรก็มีสติ อุ้มบาตรหรือจะตั้งฝาบาตรก็ให้มีสติ เดินก็ให้มีสติในการเดิน เดินไปเดินมา เดินไปเดินมาให้มีสติ นี้จึงเรียกว่าบิณฑบาต ไม่อย่างนั้นก็คือไปหาอยู่หากินอย่างวัวควายนั่นล่ะ

มาอยู่ด้วยกันหลายๆ องค์นี่ช่วยกันสร้างความวิเวกให้เกิดขึ้น ได้ยินมั้ย อยู่ด้วยกันหลายๆ องค์ช่วยกันสร้างความวิเวกให้เกิดขึ้นดีขึ้น ความวิเวกนี่จะมารวมเป็นกองเป็นก้อน นั่นคือการรักษาทรงไว้ซึ่งพระศาสนา อยู่ด้วยกันมากๆ มีแต่เรื่องเอร็ดอร่อยที่กิเลสมันป้อนให้ นั่นมันก็เป็นทางที่จะบอกว่านั่นคือทางเสื่อมโทรม เป็นทางหายนะของพระศาสนาคือหายนะมาจากนักบวชไม่ว่าหญิงว่าชาย

นักบวช มาจากหัวใจของผู้บรรลุคนๆ นั้นเอง ไม่ใช่พระศาสนาจะล่มสลายเพราะกาลเวลา ห้าพันปี ห้าแสนปี ห้าล้านปี พระศาสนาไม่ขาดกันหรอก อย่าไปคิดว่าห้าพันปี เดี๋ยวนี้นะในหัวใจของชาวพุทธนี่มันมีสักกี่เปอร์เซ็นต์กันจริงๆ เอ้า มั่นคงอยู่ในพระสัทธรรมมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ บางคนครึ่งเปอร์เซ็นต์ในร้อยมันก็ยังมองไม่เห็นเดี๋ยวนี้ มีแต่สกปรกรกรุงรัง กองขยะ

แล้วก็ยังพอใจพอใจในศาสนาพุทธ อยากให้เป็นพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งชาติ แน่ะ เป็นเพราะอะไร แล้วเราก็พยายามจะเอาให้เป็นไม่ได้แล้ว จะพยายามทำบ้านทำเมืองทำผู้อื่นให้เป็นไปได้เหรอ ถึงมันเป็นไปได้มันได้ประโยชน์อะไร ศาสนาไม่ใช่อยู่กับคำพูด อยู่กับการกระทำ อยู่กับข้อปฏิบัติ อยู่กับหัวใจของคนนี่ จึงว่าอย่าหาเรื่อง หลายๆ เรื่องหลายๆ อย่างมาพูดมาจา

ปลุกน้องนุ่งลูกหลานให้ตื่นกันนะ ธรรมของพระพุทธเจ้าทุกบาททุกคาถาเป็นธรรมปลุกเราให้ตื่นกัน ธรรมกล่อมให้หลับก็คือกิเลส สบายแล้วๆ สุขหนอ สุขหนอ สุขหนอ อยู่ในกองมูตรกองคูถเต็มไปด้วยของปฏิกูลก็ยังสุขหนอ ไม่รู้มันจะเกิดมาทำไมโง่เง่าขนาดนั้น ได้ยินบ่ ไม่รู้มันจะเกิดมาทำไมโง่เง่าขนาดนั้นนี่

จะไม่พูดอยู่กับชาวบ้าน พูดกันเราเองไม่เสียหายดอก พูดกันเราเองไม่เสียหาย พูดมากยิ่งดี มันจะได้ตื่นดูเป็นผู้ฉลาดกันเสียที”

-พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร (แบน ธนากโร)
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร









#พยายามรักษาจิต..รักษาใจ
ของตนให้ดี
คนเฮาอยู่กับลม..ต้องเบิ่งลม
ดูลมหหายใจ
ลมเข้าบ่ออกก่ะตาย
ลมออกบ่เข้าก่ะตาย
ไปสวรรค์..ไปนิพพาน ก็เพราะลม
บ่ได้เสียจักบาท
บัดอาหารคือทานอยู่สุมื้อๆ
บัดบอกเบิ่งลมหายใจเข้าออก
คือยากแท้
มื้อหลังจั่งทำก่ะได้ดอกหลวงปู่
อาหารคือบ่ว่ามื้อหลังจั่งกิน
ปีหน้าจั่งกินคือบ่ว่าล่ะ
คนเฮานี่มักยากอิหลีเด้
ยากนำสังขารร่างกาย
ยากนำแนวอยู่แนวกิน
กินแล้วก่ะออกก่ะยากอีก
นี่ล่ะพระพุทธเจ้าจั่งว่า
ผู้รอบรู้ในกองสังขารเรียกว่า..ปัญญา กองสังขารนิล่ะแนวมันทุกข
์เคยเบิ่งบ่
เคยพิจารณาเบิ่งบ่
แต่งปานได๋ก่ะแก่ก่ะเจ็บก่ะตาย
เบิ่งลมเข้าออกพิจารณาเบิ่งดีๆ
สิเห็นธรรม
#ผู้รอบรู้ในกองสังขารเรียกว่าปัญญา
#ลมเข้าบ่ออกก่ะตายลมออกบ่เข้าก่ะตาย
#จงรักษาใจให้ดีจะมีสุขทุกคืนวัน

หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ








#สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว...

"เลยมาแล้ว เราไม่สามารถไปตัด
ไปปลงมันได้อีกแล้ว สิ่งที่เราทำ
ไปนั้น ถ้ามันดีมัน ก็ดีไปแล้ว ผ่าน
ไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่วมันก็ชั่ว
ไปแล้ว ผ่านไปแล้ว เช่นกัน อนาคต
ยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง เราก็ยัง
ไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร อย่าง
มากก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเองว่า
ควรเป็นยังงั้น เป็นยังงี้ ซึ่งมันอาจจะเป็น
ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ได้ ปัจจุบัน
คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง ได้สัมผัสจริง เพราะฉะนั้นความดีต้องทำในปัจจุบัน ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องการความดี
ก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบันนี้ ต้องการความสุข ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้.. "

#ธรรมโอวาท
#หลวงปู่แหวน_สุจิณฺโณ










สังขารคนเฮา มันบ่ถ้าวันเวลาเด
มันตายจากเราไปทุกวัน ตายไปทุกลมหายใจ

เข้า ออก ดูร่มหายใจเจ้าของให้ดีๆ

ว่ามันเหลือน้อยเหลือหลายใจเฮาเป็นผู้
บ่แม่นไปหัวใจผู้อื่นเด

เอาพุทโธเป็นเครื่องอยู่ เอาธัมโมเป็นเครื่องอยู่
เอาสังโฆเป็นเครื่องอยู่

โอวาทธรรมพระครูปัญญาวรากร
วัดป่าวิเวกพัฒนาราม









#บารมีของบุคคลย่อมไม่เท่ากัน

"คนเราเกิดมาในโลกนี้ ผู้ใดรู้จักทุกข์ ผู้นั้นล่ะชื่อว่าเป็นผู้มีบารมีแก่กล้าพอสมควร ผู้ใดยังไม่รู้จักชีวิตนี้ประกอบไปด้วยทุกข์ ไม่คิดอยากจะหาทางพ้นจากทุกข์อันนี้ ผู้นั้นชื่อว่า บุญบารมียังน้อยอยู่ บุญบารมียังไม่แก่พอ เป็นอันว่า ชีวิตของคนเรานี่นะ มันมี "บุญ" และ "บาป" เป็นเครื่องบันดาลให้เป็นไป ถ้าผู้ใดสะสมบาปไว้มากในใจ บาปมันก็บันดาลให้อยากทำแต่ความชั่วนั่นแหล่ะ ถ้าผู้ใดสั่งสมบุญไว้ในใจมากอย่างนี้ บุญก็บันดาลอยากจะให้ทำแต่บุญ ทำแต่ความดีให้สูงขึ้นไปโดยลำดับ บุญเก่ามันหนุนให้สร้างบุญใหม่ ผู้ใดมีบุญมากขึ้นไปก็เป็นปัจจัยให้เบื่อหน่ายความเป็นอยู่ในโลกนี้ เห็นว่า โลกนี้เต็มไปด้วยภัยพิบัติอันตรายเต็มไปด้วยสิ่งที่ยั่วยวนชวนให้หลงให้เมาชวนให้จมอยู่ในทุกข์นี้ ไอ้เรื่องอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับ"บุญบารมี"ของบุคคล ไม่ใช่ว่ามันเป็นได้เองโดยที่คนเรานั้นไม่ได้สั่งสมบุญบารมีมา ถ้าหากว่าอย่างนั้นนี่ ทุกคนมันก็จะต้องเป็นเหมือนกันหมดจะไม่เป็นอย่างว่านั้น

#นี่บางคนก็สนใจธรรมะมาก_บางคนก็สนใจธรรมะหรือว่าสนใจในการบุญกุศลน้อย บางคนก็แทบจะไม่สนใจเสียเลย นี่มันมีอยู่ในโลกอันนี้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะอย่างว่ามาแล้วนั่นล่ะ คนเรานั่นมีจิตคิดบำเพ็ญบุญกุศลนั้นไม่ทันกัน บางคนก็คิดสั่งสมบุญกุศลมาแต่นานแล้วก็มี บางคนก็เพิ่งเริ่มมีศรัทธาสั่งสมบุญกุศลมาไม่กี่ชาตินี้ก็มี แบบนี้แหละแบบที่ท่านกล่าวว่า "น้ำไหลไม่ทันกัน"

#ดังนั้น_เราจะไปคอยให้คนหลายๆจำนวนมากมาสนใจในศีลธรรม แล้วเราจึงจะสนใจแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า "วุฒิ" ของแต่ละบุคคลนั้นยิ่งหย่อนกว่ากัน ไม่เหมือนกัน อุปมาเหมือนอย่างลูกนก ซึ่งแม่นกมันกกให้เกิดขึ้นมาตัวไหนมันเกิดก่อน ตัวนั้นปีกมันก็แข็ง ขามันก็แข็ง จงอยปากมันก็แข็ง แล้วมันก็สามารถบินไปก่อนตัวที่เกิดทีหลัง ตัวเกิดทีหลัง ก็ไปทีหลัง อันนี้ฉันใดก็อย่างนั้นแหล่ะ ท่านผู้ใดเป็นผู้สร้างบุญบารมีมาเต็มแล้วท่านก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานไปก่อนแล้วก็ไม่ต้องมาวกเวียนเกิดแก่เจ็บตายอยู่ในโลกนี้อีก

#ผู้ใดยังสั่งสมบุญบารมียังไม่เต็ม ผู้นั้นก็ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏนี้ต่อไป เทียวสร้างบุญบารมี นี่สำหรับผู้ที่ "ตั้งใจ" ได้แล้วนะ ผู้ใดที่ยังตั้งใจไม่ได้ก็ไม่คิดจะเกิดมาสร้างบารมี เกิดมาหาความสนุกสนานไปชั่วคราว ดังที่เราเห็นกันอยู่ดาษดื่น"

#ธรรมโอวาท
#หลวงปู่เหรียญ_วรลาโภ










#คนดีแต่ละคนมีคุณค่า

มากกว่าเงินเป็นก่ายกอง และเห็น
คุณค่าแห่งความดีของตนที่จะทำ
ต่อไปมากกว่าเงิน แม้จะจนก็ยอมจน
ขอแต่ให้ตัวดีและโลกมีความสุข แต่
คนโง่ชอบเงินมากกว่าคนดีและความดี
ขอแต่ได้เงินแม้ตัวจะเป็นอย่างไรไม่สนใจคิดถึงจะชั่วช้าลามกหรือแสนโสมมเพียงไรก็ตาม ขนาดนายยมบาลเกลียดกลัวไม่อยาก
นับเข้าบัญชีผู้ต้องหา กลัวจะไปทำลาย
สัตว์นรกด้วยกันให้เดือดร้อนชิบหายก็ไม่ว่า
ขอแต่ได้เงินก็เป็นที่พอใจ ส่วนจะผิดถูกประการใด
ถ้าบาปมีค่อยคิดบัญชีกันเองโดยเขา
ไม่ยุ่งเกี่ยวคนดีกับคนชั่วและสมบัติเงินทอง
กับธรรม คือคุณงามความดีผิดกันอย่างนี้แล
ใครมีหูมีตาก็รีบคิดเสียแต่บัดนี้ อย่าทำให้
สายเกินไป จะหมดทางเลือกเฟ้น การให้ผล
ก็ต่างกัน สุดแต่กรรมของตนจะอำนวย
จะทักท้วงหรือคัดค้านไม่ได้ กรรมอำนวย
ให้อย่างใดต้องยอมรับเอาอย่างนั้น

#ฉะนั้นสัตว์โลกจึงต่างกัน
ทั้งภพกำเนิด รูปร่าง ลักษณะ จริต นิสัย
สุข ทุกข์ อันเป็นสมบัติประจำตัวของแต่
ละราย แบ่งเบาแบ่งหนักกันไม่ได้ ใครมีอย่างไรก็หอบหิ้วไปเอง ดีชั่ว สุขทุกข์ก็
ยอมรับ ไม่มีอำนาจปฏิเสธได้ เพราะไม่ใช่
แง่กฎหมาย แต่เป็นกฎของกรรม..

#โอวาทธรรม
#พระครูวินัยธรมั่น_ภูริทตฺโต
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร













#จิตนึกอย่างนี้_ชาตินี้หวังนิพพานได้แน่นอน

"การเจริญกรรมฐานขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้ถืออารมณ์ธรรมดาเป็นสำคัญ ยามปกตินะ อย่าถือว่าเวลาสงัดที่เรานั่งสมาธิเป็นเวลาสำคัญ เวลานั้นก็สำคัญถือว่าเวลานั้นเป็นการฝึกเพื่อการทรงตัวของจิตที่เป็นกุศล อารมณ์
ที่เป็นกุศลนี่ต้องการให้มีความรู้สึกเป็นประจำตอนกลางวัน หรือยามปกติทำงานอยู่ก็ตาม เลิกงานแล้วก็ตาม เวลาไหนก็ตาม มันว่างนิดจิตก็คิดขึ้นมาเองไม่ต้องบังคับ.."

#คิดว่าความทุกข์อย่างนี้เกิดขึ้นมาเพราะเราเกิด_เราเกิดเพราะอะไร เพราะกิเลส คือความเศร้าหมองหรืออารมณ์ชั่วของจิต ตัณหา คือความทะเยอทะยานอยากได้ตามกำลังที่กิเลสสั่ง อุปาทาน มีความยึดมั่นถือมั่นว่า ไอ้สิ่งที่กิเลสสั่งสอนเป็นของดี ยึดมั่นไม่ปล่อยอกุศลกรรม ทำด้วยความไม่ฉลาด ตามกิเลสสั่ง

ก็รวมความว่า อาการทั้ง ๔ อย่างนี้เป็นปัจจัยให้เราเกิด เวลานี้เราจะตัดกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม เราจะตัดแบบไหนก็ตัดแบบง่ายๆ คือ

๑. ไม่ลืมความตายของชึวิต
๒. ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์
๓. มีศีล ๕ หรือกรรมบถ ๑๐ ให้ครบถ้วน เป็นการทรงความสงบของจิต
๔. ตัดกิเลสตัวสุดท้าย ตัดฉันทะ คือความพอใจในการเกิด เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดาหรือพรหม ตัดราคะ เห็นว่าการเกิดในเมืองมนุษย์มันสวยสดงดงาม เทวดาหรือพรหมสวยสดงดงาม อย่างนี้เราไม่ต้องการ ต้องการจุดเดียวคือ นิพพาน

#ถ้าคิดอย่างนี้เพียงแค่_๒_นาทีนะ

"วันละวาระ สองวาระก็ดี คิดให้เป็นประจำ
ถ้าเป็นประจำได้ก็ดี เฉพาะเวลาจำกัด เวลา
ที่บังคับ อย่างตั้งใจว่า ถ้าตื่นเช้าเราจะคิดอย่างนี้ ก่อนหลับเราจะคิดอย่างนี้ แล้วต่อมาใหม่ๆ มันเผลอบ้าง อะไรบ้าง ระยะหลังๆ ต่อไปพอตื่นปั๊บ อารมณ์คิดทันที แล้วพอใกล้จะหลับหัวถึงหมอนก็คิดทันที อย่างนี้ถือว่าเป็นฌาน อารมณ์เป็นฌานแล้ว ในวิปัสสนาญาณขั้นสูงสุด คือการไม่ติดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก ถือว่าตัดอวิชชา อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัว บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท คำว่าทรงตัวไม่ได้หมายความถึงทั้งวันนะ อย่าเผลอ ฆราวาสจะทั้งวันไม่ได้ พระก็ทั้งวันไม่ได้ เอายามว่างที่โอกาสมีขึ้น จิตมันนึกอย่างนี้จริงๆ ทุกคน บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทชายหญิง ชาตินี้หวังนิพพานได้แน่นอน.."

#ธรรมโอวาท
#หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ_วัดท่าซุง






.
"ของดีเยี่ยมคืออะไร"

" .. "ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กน้อยเรื่องของจิต" จะทำให้เลวไม่มีอะไรที่จะเลวกว่าจิตกว่าคนไป ถ้าจะทำให้ดีก็ไม่มีอะไรที่จะดียิ่งกว่าจิตกว่าคนเราไป

ธรรมะทั้งหมดจึงทุ่มเทลงที่จิตใจของคน "ศาสนาจึงสอนคนเราให้รู้เรื่องว่าของดีเยี่ยมคืออะไร คือดวงใจที่ได้รับการระมัดระวังรักษา"

ดวงใจที่ได้รับการซักฟอกตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงอวสานสุดท้ายนี้เป็นใจที่ประเสริฐ "สมบัติใดในโลกจะไม่เสมอเหมือนสมบัติคือใจนี้" .. "

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน










#การปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเรานี้มีความมุ่งหมายเพื่อ

๑. ให้จิตปล่อยวางจากอารมณ์ที่วุ่นวายแล้วไปรวมอยู่ในจุดเดียว
๒. ให้จิตใจของเราตั้งมั่นต่อการกระทำความดี หมายถึง ความดีทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นความดีไม่เฉพาะแต่จะมานั่งหลับตาภาวนาอย่างเดียว อะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนแก่ท่าน อันนั้นได้ชื่อว่าความดีหมด

๓. ให้รู้จักสภาพความเป็นจริงของจิต เพื่อเราจะได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ในกาลต่อไป

#การศึกษาและการนั่งสมาธิภาวนานี่ ขอให้เราเอากันเพียงแค่ทำจิตให้มีสมรรถภาพในการที่จะแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันให้ลุล่วงไปได้สะดวกสบายเท่านั้นเป็นการเพียงพอแล้ว แต่ถ้าใครสามารถจะทำได้ดีกว่านั้น ก็สำเร็จ โสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ เพราะฉะนั้น จะเป็นนักภาวนาอย่าไปมุ่งมาก อย่าไปหวังแต่มรรคผลนิพพาน คือว่าอย่าไปทำความอยากให้มันมาก ตั้งใจแต่ว่า ในฐานะที่เราเป็นพุทธบริษัท เราจะต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกอย่าง ท่านสอนให้มีศีล ๕ หากเรามีไม่ครบ ๕ เราเอาสักข้อใดข้อหนึ่ง และจะต้องปฏิบัติให้ได้ ก็ยังเป็นความดี ท่านสอนให้ทำสมาธิ แม้ว่าเราทำสมาธิเพื่อพระนิพพานไม่ได้ ก็ทำสมาธิขนาดพอมีสติปัญญา มีสติสัมปชัญญะพอที่จะต่อต้านกับเหตุการณ์ที่เราจะประสบอยู่ทุกวันๆ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวันได้ก็เป็นการเพียงพอ ในเมื่อเราปรับปรุงทุกอย่างเป็นการพอดีแล้ว มันก็เป็นพื้นฐานที่จะก้าวไปสู่ระดับสูงๆ ต่อไป

อีกอย่างหนึ่ง บางท่านเมื่อปฏิบัติแล้วอยากจะให้จิตมันเป็นได้เร็ว รู้ได้เร็ว เห็นได้เร็ว บางทีก็อยากจะดูนรก ดูสวรรค์ รู้จิตใจคน อยากมีโทรจิตอะไรต่ออะไร ซึ่งมันเป็นเรื่องภายนอก สิ่งเหล่านั้นแม้แต่รู้ได้เห็นได้ สามารถเพียงใดแค่ไหน ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาภายในจิตใจของเรา ไม่สามารถแก้ปัญหาชีวิตประจำวันของเราได้ มันก็ไม่มีความหมายสำหรับเรา เราอาจจะช่วยคนอื่นได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เข้าทำนองที่ว่า #ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ขอฝากให้นักศึกษาธรรมะทั้งหลายเอาไว้พิจารณาด้วย..

#ธรรมโอวาท
#หลวงพ่อพุธ_ฐานิโย











#การทำผิด_พูดผิด_คิดผิด

"ทำให้เสียเวล่ำเวลาและเหนื่อยเปล่า ๆ
ทั้งเป็นโทษทุกข์เกิดขึ้นแก่ตัว นี่คือผล
ที่เกิดขึ้นจากการทำผิด พูดผิด คิดผิด
ของผู้ประพฤติตามอารมณ์ใจชอบ พระพุทธเจ้าทรงสอนเพื่อให้ทราบว่า
ใจเรามักมีความเห็นผิดอยู่เสมอ ให้
พยายามแก้สิ่งที่ผิดอยู่ภายในใจ ที่จะ
ระบายออกทางกาย วาจา ทางใจ ให้
เป็นความผิดนั้น กลับให้เป็นความถูกต้อง
ดีงามอยู่เสมอ ให้พยายามแก้สิ่งที่ผิดอยู่ภายในจิต ผลจะถึง “สมหวัง” เพราะเหตุ
ที่ถูกต้องผลย่อมดีเสมอไป ถ้าเหตุผิดผล
นั้นจะลบล้างเหตุไม่ได้คือจะปิดกั้นไว้ไม่อยู่ ต้องแสดงเป็นความทุกข์ร้อนต่าง ๆ ออกมา"

#ธรรมโอวาท
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน








"อย่าเป็นมนุษย์ที่อาภัพ"

" .. "มนุษย์ทั้งหลายจึงไม่ควรทำตัวให้เป็นมนุษย์ที่อาภัพ" คือไม่มีข้อประพฤติ ไม่มีข้อปฏิบัติ อย่าให้เป็นคนอาภัพ คือคนหมดหวังจากมรรค ผล นิพพาน หมดหวังจากคุณงามความดี อย่าไปคิดว่าเราหมดหวังเสียแล้ว "ถ้าคิดอย่างนั้นจะเป็นคนอาภัพ" เหมือนสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย คือไม่อยู่ในข่ายของพระพุทธเจ้า

ฉะนั้น "เมื่อมนุษย์เป็นผู้มีบุญวาสนาบารมีเช่นนี้แล้ว" จึงควรที่จะปรับปรุงความรู้ ความเข้าใจ ความเห็นของตนให้อยู่ในธรรม "จะได้รู้ธรรม เห็นธรรม ในชาติกำเนิดที่เป็นมนุษย์นี้" ให้สมกับที่เกิดมาเป็นสัตว์ที่ควรตรัสรู้ธรรมได้ .. "

หลวงปู่ชา สุภทฺโท










ในจิตใจของคนเราโดยส่วนมากนั้น มักจะขาดสติ ขาดความยั้งคิด จึงทำอะไรไปตามอารมณ์ ไปตามอำนาจของกิเลส ซึ่งครอบงำจิตใจของสัตว์ทั้งหลาย เมื่อเกิดอารมณ์คือความคิดที่ไม่ดี เมื่อขาดสติความยั้งคิด ก็พูดหรือกระทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของความโลภ ความโกรธ ที่ครอบงำจิตใจของสัตว์ทั้งหลาย แต่คนทั้งหลายโดยมากก็คิดว่าตัวเองมีสติอยู่กับใจเจ้าของ เพราะการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างไปตามความคิดไปตามอารมณ์ ก็คิดว่าอันนั้นแหละคือสติ คือปัญญา ของแต่ละบุคคล แต่ความจริงการกระทำอะไรไปตามอารมณ์ ตามอำนาจของกิเลส ก็คือสติปัญญาของกิเลสเป็นผู้บงการ เป็นผู้บังคับบัญชาจิตใจของเรานั้น ให้กระทำกรรมที่ไม่ดี ก็ย่อมก่อให้เกิดความทุกข์ทั้งในปัจจุบันและภายภาคหน้า

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์
พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตโต
วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี










เรื่อง "การสั่งสมบารมีของพระโพธิสัตว์"

พระโพธิสัตว์ ผู้จะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

-เมื่อท่านกัน "ความตระหนี่" กลับกลายเป็น "ทานบารมี"
-ท่านกัน "ความโหดร้าย" อันขาดเมตตากรุณา กลับกลายเป็น "ศีลบารมี"
-ท่านกัน "ความมัวเมาในกามคุณ" ทั้งหลาย กลับกลายเป็น "เนกขัมบารมี"
-ท่านกัน "ความโง่เขลางมงาย" ไปตามสิ่งที่ไร้เหตุผล นับถือกันมาแต่บรรพบุรุษ โดยเชื่อสิ่งที่หาเหตุผลมิได้ อันเป็นทางเข้าหาทุกข์ กลับกลายเป็น "ปัญญาบารมี"
-ท่านกัน "ความเกียจคร้านมักง่าย ในการดำเนินวิถีทางเข้าสู่ความสงบที่แท้จริง" กลับกลายเป็น "วิริยบารมี"
-ท่านกัน "ความโลเลไม่แน่นอน ซึ่งทำให้การปฏิบัติไขว้เขว อันขาดความจริงจนไม่สามารถจะจดจ่อการปฏิบัติให้มั่นคงได้" กลับกลายเป็น "สัจจบารมี"
-ท่านกัน "ความเหลาะแหละ ความหวั่นไหวง่ายๆ ความเสียการหนักแน่นในการต่อสู้เพื่อให้ถึงซึ่งฝั่งแห่งสันติธรรม" กลับกลายเป็น "ขันติบารมี"
-ท่านกัน "ความอ่อนแห่งการต่อสู้เพื่อบรรลุความจริง" ให้กลับกลายเป็น "อธิษฐานบารมี"
-ท่านกัน "ความเหี้ยมเกรียมของใจที่พยาบาทมาดร้าย อันเป็นภัยต่อการแสวงหาธรรมเป็นเครื่องดำเนินสู่ความจริง" กลับกลายเป็น "เมตตาบารมี"
-ท่านกัน "ความห่วงใยอาลัยในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในการจะแก้แต่ผู้อื่นจนเกิดความผิดพลาดในการจะดำเนินตนของตน" กลับกลายเป็น "อุเบกขาบารมี"

คติธรรมหลวงปู่กงมา จิรปัญโญ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร