วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 21:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2020, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#สังขารร่างกาย_นับวันผ่านไป

"ใกล้ต่อความสิ้นสุด ยุติเข้าทุกเวลานาที
ความดีที่ควรจะได้ อย่าปล่อยให้ผ่านมือไป
รีบยึดรีบถือรีบบำเพ็ญ รีบลากรีบเข็นรีบแจว
รีบพายเวลาตะวันสาย ร่างกายแก่แย่ลง
จะได้ไม่เสียผล สมกับเกิดมาในแดนพระ
พุทธศาสนา"
#มีศรัทธาฝึกฝนทรมานตน
"ตามทางนักปราชญ์ ฉลาดในการรักษาตัว
ไม่กลัวภัย คือ ความทุกข์ทรมาน นั่งอยู่ก็เป็นสุข นอนอยู่ก็สบาย จะอยู่ที่ใด ไปที่ใด
ก็มีบารมีธรรม ตามรักษา วาสนาคุ้มครอง
ย่อมเป็นปัจจัย ให้ถึงความ พ้นทุกข์ เป็น
บรมสุข สิ้นทุกข์ ทางใจแน่นอน "เพราะ
คำสอน ของพระพุทธองค์ ที่ชี้แนะ ทาง
โดยถูกต้อง บ่ทำให้ผิดทาง.."

#โอวาทคติธรรม
#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต












ในยุคปัจจุบัน อยู่ตรงไหน ไม่วุ่นวายไม่มีหรอก​ แม้แต่ในวัดก็ยังวุ่นวาย​ ไม่มีสถานที่ไหนที่ไม่วุ่นวาย
#มีส่วนเดียวที่ไม่วุ่นวาย #คือทำตัวเองให้ไม่วุ่นวาย

โอวาท หลวงตาม้า​ วิริยธโร













“เป็นชาวพุทธแค่ไหน?”

ฝรั่งมาถามอาตมาว่า คนไทยเป็นพุทธ ๙๕% แต่ทำไมสังคมไทยจึงเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและการเอารัดเอาเปรียบ เราตอบเขาได้เลยว่า “วันหนึ่งๆ คนไทยส่วนใหญ่เป็นพุทธไม่กี่นาทีหรอก”

ให้พวกเราพิจารณาโทษของการไม่มีสติและคุณของการมีสติให้เห็นชัด สติเป็นเครื่องกำหนดพระพุทธศาสนา สติอยู่ พระศาสนาอยู่ สติไม่อยู่ พระศาสนาก็ไม่อยู่

มองในแง่นี้อาจพูดได้ว่า ขณะที่เราครองสติ เราเป็นชาวพุทธ ขณะใดที่สติหลุดไป เรากลายเป็นเดียรถีย์คนนอกศาสนา

หนทางปฏิบัติจึงอยู่ที่ความเพียรในชีวิตประจำวัน เราควรเป็นชาวพุทธให้มากที่สุด เป็นคนนอกศาสนาให้น้อยที่สุด เรามีทางเลือกอยู่ตลอดเวลาระหว่างการ “คิดพุทธ” และ “คิดผิด”

พระอาจารย์ฌอน ชยสาโร












..ความคิดของเรานี้
"เป็นได้ทั้งกุศล และอกุศล"

..ที่พระท่านสวดในงานศพ
กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา
อัพพยากตา ธัมมา ก็หมายถึง
ความคิดปรุงแต่งของจิต
ที่มีอยู่ ๓ ชนิดด้วยกันคือ ๑. กุศล
๒. อกุศล ๓. ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล

..ถ้าคิดไปในทางกุศล ก็ทำให้จิตสงบ
ถ้าคิดไปในทางอกุศล ก็ทำให้จิตฟุ้งซ่าน
เกิดความทุกข์
ถ้าคิดไปในทางที่ไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล
ก็จะไม่ทำให้จิตมีความสงบ มีความอิ่มเอิบใจ

..แต่ก็ไม่ทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน
หรือความทุกข์แต่อย่างใด
แต่ก็.."สู้การคิดไปในทางกุศล
ไปในทางมรรคไม่ได้"
เพราะจะทำให้จิตใจสงบ เย็นสบาย.

........................................
.
จุลธรรมนำใจ1 กัณฑ์228
ธรรมะบนเขา 4 / 9 / 2548
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี














บางคนถือเอาการไปเที่ยววัดว่าเป็นบุญ ถ้าอานิสงส์ของการเข้าวัดเกิดเพราะกายอย่างเดียว พวกกระรอก กระแต นก หนู หรือสัตว์อื่น ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในวัด ก็น่าจะได้บุญมากกว่าคนซึ่งมักจะอยู่ไม่นานเลย

มันสำคัญที่ใจ ถ้าโยมมาถวายจังหันหรือจำศีล แต่มาคุยกันเรื่องทางโลก เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดกัน ก็เท่ากับเอาโลกมาทับวัด มาวัดต้องเข้าใจความหมายและจุดมุ่งหมายของการเข้าวัดอย่างแท้จริง

หลวงปู่ชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี













องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เทศน์การฝึกหัดอบรมจิตใจไว้ดังนี้

" การฝึกหัดเบื้องต้นก็ต้องมียากเป็นธรรมดา แม้ว่าท่านผู้ตั้งใจทำจริงๆ มีหน้าที่แก้ไขกิเลสโดยถ่ายเดียว เช่นกับนักบวช​ เป็นต้น​ การฝึกฝนอบรมเบื้องต้นรู้สึกลำบาก บางทีถึงกับจะให้เกิดความท้อใจ ให้สงสัยตัวเองว่าจะไปรอดหรือไม่รอด​ พร้อมกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ​ ซึ่งเป็นข้าศึกต่อนิสัยของปุถุชนจะพึงปรารถนา​ สถานที่บางแห่ง​ เช่น​ ในป่าในเขา เวลาเราไปอยู่ในที่เช่นนั้น สิ่งที่ทำความลำบากย่อมมีมาก เพราะสถานที่เราอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน บางแห่ง ๖-๗​ กิโลเมตรก็มี ตื่นเช้าพอสว่างออกบิณฑบาต กว่าจะกลับไปถึงที่ก็จวนเที่ยง จากนั้นแล้วพยายามฝึกหัดรู้ความเคลื่อนไหวของใจ

ตามธรรมดาของใจย่อมมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีความคิด ความเห็นมากอย่าง​ ต้องพยายามฝึกหัดติดตามความเคลื่อนไหวของเรา ความชำนาญและความมีสติจะเริ่มปรากฏตัวขึ้นมา ตามธรรมดาของใจย่อมเป็นนิสัยชอบกดขี่บังคับเสมอ ถ้าปล่อยตามอำเภอใจจะเป็นการลำบากทีเดียว เช่น​ เราอยู่ในวัด ซึ่งเป็นสถานที่ธรรมดา จิตก็ฝึกหัด จิตอบรมยาก จะหยั่งเข้าสู่ความสงบแต่ละครั้งรู้สึกลำบาก พอแยกย้ายออกจากสถานที่เช่นนั้น เข้าไปอยู่ที่เปลี่ยว ซึ่งเป็นสถานที่น่ากลัว ใจก็ไม่ค่อยจะถูกบังคับเท่าไร ก้าวลงสู่ความสงบได้ง่าย ทั้งวันทั้งคืนเราอยู่ด้วยความมีสติ ใจในเมื่อมีสติเป็นเครื่องปกครองรักษาแล้ว ภัยที่จะเกิดขึ้นให้ได้รับความเดือดร้อน​ หรือฟุ้งซ่านรำคาญก็ไม่ค่อยมี จะมีแต่ความเงียบและความเย็นใจตลอดเวลา​ "

หลวงตาพระมหาบัว​ ญาณสัมปันโน













...โยมมาทานนี้ โยมอยากได้บุญบ่ ถ้าอยากได้บุญให้ทานคือขี้นิ เวลาโยมขี้โยมเสียดายบ่ นั้นล่ะทานคือขี้มันจั่งสิได้บุญ... ( การทำทานต้องทานด้วยความไม่อาลัยเสียดาย เหมือนเวลาเราขี้นี้เราก็ไม่เสียดาย ของที่นำมาก็ต้องเป็นของขาวสะอาดไม่ได้ลักขโมยมา )

#โอวาทธรรมคำสอง พระครูอุดมมัชฌิมนิคม
หลวงพ่อเหลื่อม อนุตฺตโร วัดป่าโสภาวนาราม อุบลฯ
ศิษย์ในองค์ #หลวงปู่สาย วัดป่าหนองยาว และ
#หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง
















#วิธีปฏิบัติของผู้เล่าเรียนมาก

"ผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์วินัยมาก
มีอุบายมากเป็นปริยายกว้างขวาง ครั้น
มาปฏิบัติทางจิต จิตไม่ค่อยจะรวมง่าย
ฉะนั้นต้องให้เข้าใจว่า ความรู้ที่ได้ศึกษา
มาแล้ว ต้องเก็บใส่ตู้ใส่หีบไว้เสียก่อน"
ต้องมาหัดผู้รู้ คือ จิตนี้ หัดสติให้เป็นมหา
สติ หัดปัญญาให้เป็นมหาปัญญา กำหนด
รู้เท่ามหาสมมติ-มหานิยม อันเอาออกไป
ตั้งไว้ว่าอันนั้นเป็นอันนั้น เป็นวันคืนเดือนปี
เป็นดินฟ้าอากาศ กลางหาวดาวนักขัตตฤกษ์สารพัดสิ่งทั้งปวง อันเจ้าสังขารคือ การจิต
หาออกไปตั้งไว้บัญญัติไว้ว่าเขาเป็นนั้นเป็นนี้ จนรู้เท่าแล้ว เรียกว่ากำหนดรู้ทุกข์ สมุทัย
เมื่อทำให้มาก เจริญให้มาก รู้เท่าเอาทันแล้ว จิตก็จะรวมลงได้ เมื่อกำหนดอยู่ก็ชื่อว่า
เจริญมรรค หากมรรคพอแล้ว นิโรธก็ไม่ต้องกล่าวถึง หากจะปรากฏชัดแก่ผู้ปฏิบัติเองเพราะศีลก็มีอยู่ สมาธิก็มีอยู่ ปัญญาก็มีอยู่
ในกาย วาจา จิตนี้ ที่เรียกว่า อกาลิโก ของมีอยู่ทุกเมื่อ โอปนยิโก เมื่อผู้ปฏิบัติมาพิจารณาของที่มีอยู่ ปจฺจตฺตํ จึงจะรู้เฉพาะตัว คือ มาพิจารณากายอันนี้ให้เป็นของอสุภะ เปื่อย
เน่า แตกพังลงไป ตามสภาพความจริงของ
ภูตธาตุ ปุพฺเพสุ ภูเตสุ ธมฺเมสุ ในธรรมอันมี
มาแต่เก่าก่อน สวางโร่อยู่ทั้งกลางวันและ
กลางคืน ผู้มาปฏิบัติพิจารณาพึงรู้อุปมารูปเปรียบดังนี้ อันบุคคลผู้ทำนาก็ต้องทำลงไป
ในแผ่นดิน ลุยตมลุยโคลนตากแดดกรำฝน
จึงจะเห็นข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสุกมาได้ และได้บริโภคอิ่มสบาย ก็ล้วนทำมาจากของ
มีอยู่ทั้งสิ้นฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ฉันนั้น เพราะ
ศีล สมาธิ ปัญญา ก็มีอยู่ใน กาย วาจา จิต
ของทุกคน.."

#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตโต









#เกิดแล้วตาย_ตายแล้วเกิด

"มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มาตั้งแต่อดีต
อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา มันเรื่องของ
สังขาร รู้เท่าสังขาร รู้เท่าสมมุติ วาง
สังขารหมด วางสมมุติหมด ก็โลกวิทู
รู้แจ้งโลก รู้แจ้งโลกแล้ว ก็รู้แจ้งธรรม
ฉะนั้น ไม่ให้ประมาท ให้ค้นอยู่ในก้อน
ธัมเมาอันนี้ละ พระธัมเมาก็ว่ามันเมา
อยู่กับรูปนี้ ไม่เมารูปนี้ก็รูปอื่นมีทั่วไป
ครั้งค้นนี้ให้แจ้ง แล้วก็หลุดออก แล้ว
มันก็สบาย วางขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ดิน น้ำไฟ
ลม เอาละอย่าไปเอามาก มันเป็นธัมเมา.."

#ธรรมโอวาท
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ












#อคฺคํ_มนุสฺเสสุ

"มาจากประโยคเต็ม ซึ่งปรากฏ
ในหนังสือ มุตโตทัย ว่า อคคํ ฐานํ
มนุสเสสุ มคคํ สตตวิสทธิยา
มนุษย์เลิศมนุษย์น้ำใจสูง มีทุกข์
มีสมุทัย มีมรรค มีนิโรธ ครบทุกอย่าง
จึงสำเร็จนิพพานได้ พระอินทร์
พระพรหม เป็นต้น บวชเป็นพระ
เป็นเณรไม่ได้เหมือนมนุษย์
มนุษย์เป็นธาตุพอ ดุจแม่ครัวแกง
ช่างเอร็ดอร่อย มันพอพริกพอเกลือ
จึงให้สำเร็จมรรคผลได้ ไม่ขัดข้อง
ด้วยประการใด ๆ ฉะนั้นมนุษย์
ไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจ ปฏิบัติให้ได้
สวรรค์ นิพพาน ได้ธาตุพอเป็นชนิด
ที่สูงสุด.."

#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต










การยอมโง่ในสายตาคนอื่น
แต่เพื่อความสบายใจของเรา
และไม่กระทบกระเทือนกันนั้น
เป็นอุบายที่ฉลาดของเรา
รู้หลบรู้หลีก รู้ผ่อนสั้นยาว
อย่างนี้เป็นทางของคนดี
และนักปราชญ์ชมเชย

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน















"ถ้าไม่คิดถึงความตาย มีแต่อยากได้อย่างเดียว
มันก็ลุ่ม มันก็หลง ลืมเนื้อลืมตัวกันไป ใจทำกำเริบเสิบสาน
ถ้าหากระลึกถึงความตายอยู่เสมอๆ
ใจนั้นจะค่อยๆ คลายความลุ่มหลงต่างๆ
คลายความกำหนัดยินดีในโลกลงได้"

หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร









#ในการปฏิบัติธรรมนี้

"ถ้าบุคคลผู้ที่ไม่มีศรัทธา ก็เรียกว่าทำได้ยาก
ถ้าผู้มีศรัทธา ก็เรียกว่าทำได้ง่าย​ อย่างท่าน
ทั้งหลายที่มีศรัทธามาทำอย่างนี้เพราะเห็นว่าเป็นของที่ได้บุญ ทีนี้บุญนั้นเป็นชื่อแห่งความสุข คือความสุขกายสบายใจ​ เมื่อใจสบายแล้วท่านก็ถือว่าเป็นบุญ​ ทีนี้กายก็เป็นบุญ ใจก็เป็นบุญ​ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นบุญทั้งนั้น​ แต่ทีนี้ที่จะเป็นบุญได้ต้องอาศัยปัญญามาพิจารณาให้ละเอียดลออว่าบุญนั้นมันเป็นอย่างไร บาปเป็นอย่างไร​ ในขณะใดที่ใจของเรามีปีติ ยินดีหรือใจของเราเยือกเย็น สงบระงับ นั่นเรียกว่าเป็นบุญ​ ถ้าในขณะใดใจของเรามีความโกรธ มีความฉุนเฉียว​ มีความคับแค้นใจ ในขณะนั้นเรียกว่าใจเป็นบาป​ โบราณท่านพูดไว้ว่า.. #สวรรค์อยู่ในอก_นรกอยู่ในใจ
ทำไมท่านจึงพูดใจความอย่างนี้​ ก็เป็นปัญหาอันละเอียดอ่อน.ในขณะใดที่จิตใจเรามี
อารมณ์อันเยือกเย็น​ อารมณ์ดี ท่านเรียกว่า
ขึ้นสวรรค์​ คนทั้งหลายเข้าใจว่าสวรรค์อยู่บนชั้นฟ้า..
#สวรรค์อยู่ในอกเรานี่เอง
#นรกก็อยู่ในอกเรานี่เอง คือในใจ..
ในขณะใดที่ท่านโกรธ แสดงโทสะ​ แสดงออกมาทางกาย ทางวาจานี้ก็เรียกว่าตกนรกทั้งเป็น
ที่จริงมันไม่ได้ไปอยู่ที่ไหนหรอกสวรรค์กับ
นรกอ่ะ​ มันอยู่ที่ตัวของเรานี้เอง​ ถ้าเรามาพิจารณาให้ชัดอย่างนี้​ เราจะได้แก้ขัดจิตใจของเราที่มันเกิดขึ้น​ ให้มันละสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อละได้แล้วเราก็ได้ชื่อว่า เราเห็นผลในการมาปฏิบัติธรรม​ อันจะนำให้จิตใจของท่านทั้งหลายนั้นได้รับความรู้ ความเข้าใจ ความฉลาด ความเฉลียวเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง​ เมื่อเราปฏิบัติไป ปฏิบัติไป​ มันก็ค่อยวางไป วางไป.. "

#พระอุดมญาณโมลี​
(หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป)
วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี










#คนไม่จริง #ไม่มีทางที่จะพ้นทุกข์ได้
มีอะไรที่เเน่นอนสมหวัง ในโลกนี้
จะติดโลกหรือพ้นโลก
ต้องอยู่ที่จิต ต้องเเก้ที่จิตเท่านั้น
#จึงต้องได้ระวัง #อย่าให้จิตยึดมั่นถือมั่นในโลก

พระอาจารย์รังสรรค์ อภิปุญโญ
วันเสาร์ ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร