วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 07:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2020, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...เมื่อแก่เฒ่าแล้ว
“เวลาปฏิบัติธรรมจะยากลำบาก”

...เพราะสังขารร่างกายไม่เอื้ออำนวย
นิสัยที่ได้ปลูกฝังไปในทางโลกก็จะคอย
กีดขวางให้การปฏิบัติธรรม
เป็นไปด้วยความยากลำบาก

...แต่ถ้าเริ่มปฏิบัติธรรมเสียตั้งแต่
ยังหนุ่มยังแน่น ยังสาวอยู่
การปฏิบัติก็จะง่าย เพราะกำลังวังชา ร่างกายก็พร้อม ..นิสัยทางโลกก็
จะไม่มากีดขวางในการปฏิบัติ

...เหมือนกับการดัดไม้
ต้องดัดไม้ตอนที่ไม้ยังอ่อนอยู่
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก
“จึงควรรีบเร่งปฏิบัติ”
ในขณะที่ยังมีอายุน้อยอยู่
จะได้ไม่เสียใจภายหลัง.
........................................
.
กำลังใจ 10 กัณฑ์ 149
ธรรมะบนเขา 2/1/2546
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








#พระก็มา_จากคน

"มีเนื้อมีหนัง..เหมือนกัน
คนก็เจ็บป่วยได้ พระก็เจ็บ
ป่วยได้ สุดท้ายก็คือ ตาย
ได้มาเห็นอย่างนี้แล้ว​ ก็จง
พากันนำไป พิจารณา..
เกิดมาแล้ว ก็แก่ เจ็บ ตาย
แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มี
ก็ให้มีเสีย"
ศีลยังไม่เคยรักษา
"ก็รักษาเสีย​ ภาวนา
ยังไม่เคยเจริญ​ ก็เจริญ
ให้พอเสีย จะได้ไม่เสียทีที่
ได้เกิดมา พบพระพุทธศาสนา
ด้วยความไม่ประมาท​ นั้นละจึง
จะสมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน.."

#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต











“พวกท่านทั้งหลายแสดงความสนใจในการบำเพ็ญภาวนา ก็พากันบำเพ็ญภาวนาไป ไม่ต้องไปห่วงไปสนใจกับวัตถุมงคลอันเป็นของภายนอกนี้ แต่สำหรับผู้มีจิตใจเพลิดเพลินอยู่ ยังยินดีในการเกิดตายในวัฏฏสงสาร ยังไม่สามารถหันมาสู่การปฏิบัติธรรมได้ ก็ให้อาศัยวัตถุภายนอกเช่นวัตถุมงคลนี้ เป็นที่พึ่งไปก่อน อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย
ครั้นเขาเหล่านั้น ประสบเหตุเภทภัยมีอันตรายแก่ตนและเกิดแคล้วคลาดด้วยคุณแห่งพระรัตนตรัยก็ดี โดยบังเอิญก็ดี ก็จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ในภายหลัง ซึ่งจะเป็นเหตุให้เจริญงอกงามในทางที่ถูกต้องได้เอง สำหรับผู้ที่มีศรัทธามากแล้ว ชอบการบำเพ็ญภาวนาจิตใจในธรรมปฏิบัติอันยิ่งๆ ขึ้นไป ในเรื่องวัตถุมงคลนี้ หลวงปู่จะบอกตามสัจจธรรมว่าไม่มีอะไร เป็นเพียงช่วยด้านกำลังใจเท่านั้น…”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล












อุเบกขาบารมี

ทรงอารมณ์เฉย ในเมื่อกฎของกรรมที่เราทำไว้เป็นอกุศลในชาติก่อนที่เราทำมันมาให้ผล เราก็มีอารมณ์สบาย อะไรมันจะเกิดแก่เราบ้าง เราก็สบายที่เรียกว่า สังขารุเบกขาญาณ คือร่างกายมันจะแก่เราก็สบาย เฉย….เรารู้ว่าจะแก่ ถ้ามันจะป่วยใจเราก็สบาย เพราะรู้ว่ามันจะป่วย รักษาตัวเหมือนกัน หายก็หาย ตายแหล่ก็ช่างมัน ของรักของชอบใจที่จะต้องพลัดพรากจากกัน เรารู้ว่านี่เป็นธรรมดา อารมณ์ใจก็เฉย สบาย…เพราะรู้ว่าเป็นธรรมดา

มันจะจากไปเราก็ห้ามมันไม่ได้ คนที่รักกันกับเราเขาประกาศเป็นศัตรูก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขากับเรายังมีกิเลสกัน ต่างคนต่างมีกิเลส เขาจะไปมันเป็นเรื่องของเขาเราไม่ตาม ถ้าเขาจะมาเราก็ไม่ปฏิเสธพร้อมยอมรับ ใจสบายเป็น อุเบกขาบารมี ร่างกายมันจะตายจะพังก็ช่าง จัดเป็น อุเบกขาบารมี

หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระแห่งวัดท่าซุง












สติเป็นเครื่องกำจัดภัย
ไม่มีสติไม่มีความเพียร ต้องมีสติจึงมีความเพียร

นี่ฟัดมาพอแล้วนะ ไม่ใช่ไม่ฟัดนะกับกิเลส จนกระทั่งกิเลสหมอบเลย

เห็นเดินซอมซ่อๆอย่างนี้เป็นอย่างไรภายใน เราอยากถามว่า เป็นอย่างไรของข้านะ เราอยากถามอย่างนะ หรือเดินกรรมฐานโก้เก๋

มันสง่างามอยู่ภายใน ไปไหนมีสติเครื่องกำจัดภัย เรียกว่าปลอดภัยตลอด เป็นอย่างนั้นแหละ นี่ไม่คุยเฉยๆนะ เดินไปนี้ซอมซ่อๆเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคานะ แต่หัวใจสง่างามจ้าอยู่อย่างนะ

นั่นมีเครื่องกำกับสติ
เรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยเจอง่ายๆนะ
ส่วนเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว เรื่องฟาดกิเลสหมอบราบ ไปที่ไหนๆก็สง่างาม

คนเขาไม่รู้เรื่องเขาจะไปรู้เหรอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้กระเทือนโลกมานานเท่าไหร่ เขาก็ไม่สนใจ ก็คงต้องปล่อยนะ นี้ก็ว่าจะว่ากันไม่ทันท่านเคยฆ่ากิเลสมาแล้ว กิเลสหมอบราบก็เคยทำมาแล้ว

กรรมฐานไม่มีค่าเพราะทำตัวไม่มีค่า ถ้าทำตัวให้มีค่าไปที่ไหนก็สง่างาม ไม่มีอะไรเกินกรรมฐานนะ เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม แห่รอบอนุโมทนาสาธุการด้วย...
ไม่มีเทวดาเหรอ พระกรรมฐานที่ทรงธรรมภายในสง่างาม เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม แห่ตาม แต่ท่านไม่พูด พูดแล้วเขาจะว่าบ้า เขาเป็นบ้า พูดแล้วเขาว่า จะว่าท่านเป็นบ้า...

"จิตสว่างไสวที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ยิ่งอยู่ป่าลึกยิ่งสว่างจ้า ไม่มีอะไรจะละเอียดอัศจรรย์ยิ่งกว่าจิตเป็นธรรม ธรรมเป็นจิต"

ไปไหนมาไหนมีพวกทวยเทพตามดูแลตลอด...

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน









"ถ้าเราทำดีพูดดี
คนอื่นเขาว่าเราทำไม่ดี
ก็ไม่เป็นไร เมื่อเราทำดีแล้ว
คนอื่นว่าไม่ดี มันเป็นเรื่องของเขา
เราอย่าไปทิ้งความดี ของเรา
ความดีมันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น
อย่าลืมว่ากรรมใคร ก็เป็นของคนนั้น
อย่ายึดมั่น และอย่าจับตาดูผู้อื่น"

หลวงปู่ชา สุภัทโท











อย่ามองข้ามอามิสบูชา
อย่าเป็นผู้ฉลาดเกินครู

ต้นโพธิ์ก็เป็นที่ตรัสรู้ของพระบรมศาสดา
เป็นร่มไม้เป็นพุทธานุสติแล้วระลึกถึงในตัวก็ได้

พระพุทธรูปก็แทนรูปของพระบรมศาสดา
เช่น ไฟอย่างนี้ พระบรมศาสดาท่านชอบไฟหรือ?
ดอกไม้เหล่านี้ เราเอาไปบูชาทำไม
ท่านชอบชอบดมดอกไม้หรือ?

#ก็เอาไปบูชาคุณ เฉยๆ

ไม่ใช่ว่าท่านชอบดมดอกไม้
แสงสว่างก็เหมือนกัน ไฟอย่างนี้
เราเอาไปบูชาพระคุณของท่าน
เป็น #อามิสบูชา

ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺ มงฺคลมุตฺตมํ

บูชาในพระพุทธศาสนามีสอง คือ
#อามิสบูชา ๑ #ปฏิบัติบูชา ๑
แต่ปฏิบัติบูชามีอานิสงส์มากกว่าอามิสบูชา

ปฏิสันถารในทางพระพุทธศาสนาก็มีสอง
#อามิสปฏิสันถาร ก็ปฏิสันถาร
ด้วยอามิส ข้าว, น้ำ เป็นต้น
#ธรรมปฏิสันภาร” ปฏิสันถารโดยธรรม
ด้วยธรรมะ กล่าวธรรมะถึงกันและกัน
แต่จะเว้นอามิสปฏิสันถารก็ไม่ได้
จะเว้นอามิสบูชาก็ไม่ได้เหมือนกัน ทิ้งไม่ได้

ยกอุทาหรณ์เช่น
กระทาชายได้ดอกบัวมา
เราจะไปถวายบูชาพระมาลัย
พระมาลัยเมื่อท่านได้รับแล้ว
เออ.. เราเข้าฌานได้
เราควรจะไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี
พระมาลัยพอเข้าฌานเสร็จบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี
ที่คนทั้งหลายปฏิเสธอามิสบูชา
โดยถ่ายเดียวก็ไม่ถูก
อามิสเราก็ควรบูชา นี่พูดอย่างนั้นดอก

บางท่านเขาเอาธูปเอาเทียนมาขว้างทิ้ง
เออ..ฉลาดเกินครูไป เขาเอามาให้โดยชอบธรรม
โดยเราไม่ได้ขอ เราก็บูชาไปคุณของท่าน

ทีนี้บุคคลผู้เกิดมาในวัฏสงสาร
ผู้มีตาใสแจ๋วน่ะ ตลอดถึง ๙๐ ปีก็ยังสนเข็มได้
ก็เพราะเคยถวายแสงสว่างแต่ชาติก่อน
นางอุบลวรรณาเอาดอกบัวไปถวายพระปัจเจก
เกิดมาภพใดชาติใดขอให้ข้าพเจ้ามีสีเหมือนดอกบัว
นางอุบลวรรณาก็ต้องมีสีเหมือนดอกบัว
มาตั้ง ๕๐๐ ชาติ

วรรณา..วรรณะ แปลว่า สี
วรรณะ แปลว่า สีกาย
อุบล..อุปะละ อุบล แปลว่า ดอกบัว
นางท่องเที่ยวในวัฏสงสารนานไปนานมา
ก็เข้าสู่พระนิพพาน เฝ้าพระบรมศาสดา

นางอุบลวรรณากับนางกัณหาก็อันเดียวกัน
แต่คนละชาติ นางกัณหาชาติเป็นพระเวสสันดร
นางอุบลวรรณาเป็นชาติสุดท้าย ชาติสุดท้าย
ที่เข้าสู่พระนิพพาน ก็นางเก่านั่นเอง...

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
วัดบรรพตคีรี ภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร










"..อย่าไปรัก อย่าไปชัง อะไรมันมาก มันจะเป็นทุกข์.."

โอวาทธรรม หลวงปู่อร่าม ชินวังโส







“...หนุ่มสาวชอบมองความรักว่าเป็นคำตอบปัญหาชีวิตทุกอย่าง แค่รักและเป็นที่รักอย่างเดียว แล้วในที่สุดทุกอย่างจะดีไปเอง..

..แต่ในชีวิตจริง สิ่งที่กำหนดความสุขในระยะยาว คือ การกระทำทางกาย วาจา ใจ ไม่ใช่ความรัก..”

โอวาทธรรม พระอาจารย์ ฌอน ชยสาโร
สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา











แต่ทุกอย่าง...ก็ต้อง...ใช้เวลา
ชีวิตของแต่ละคน จะดีหรือไม่ดีนั้น
ขึ้นอยู่กับบุญเก่า กรรมเก่า ของแต่ละคน
ซึ่งเป็นเรื่องของอดีต แต่อยากให้ทุกคน ดูที่ปัจจุบัน

เพราะอดีต เราไปแก้ไขไม่ได้
บุญเก่ากรรมเก่า แต่ละคน ไม่เท่ากัน

ฉะนั้น ให้อยู่กับปัจจุบัน
พยายาม ต่อยอดบุญ
สะสมบารมี ให้เพิ่มขึ้น
หมั่นสร้างความดี ละเว้นความชั่ว

ในชีวิตประจำวัน ถ้ามีเวลา ก็ใส่บาตร
สวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา อยู่เป็นประจำ
รักษาศีล 5 ให้ได้

ที่สำคัญเลย ใช้ชีวิต อย่างมีสติ
และหมั่นดูจิต ดูใจ ของเราให้ดี
จับผิดจิตเรา พยายามอย่าให้มี
สิ่งไม่ดี มาข้องแวะ กับจิตเรา

ไม่ต้องไปจับผิด...จิตของคนอื่น
ถ้าทำได้ดังนี้แล้ว...ช้าเร็ว...ชีวิตก็จะต้องดีขึ้น
แต่ทุกอย่าง...ก็ต้องใช้เวลา

โอวาทธรรม : หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร...วัดสันติวนาราม อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร