ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เหตุโรค http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58716 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | muisun [ 19 มี.ค. 2020, 18:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | เหตุโรค |
โรคพิษภัยร้ายเกิดขึ้นทางกายเป็นบางครั้ง แต่เกิดทางใจทุกครั้ง ที่ยึด บ้า โง่ ไปคิดปรุงแต่งก็โดนเต็มร้อย โรคใจร้ายกว่าโรคกาย รู้ทันจะคิดดับๆ หลุดพ้นทุกโรค พิสูจน์ได้ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง รู้ทันจะคิดดับๆ ก็หลุดพ้นจากโรคภัยร้ายแรงทุกอย่าง ถ้ายึดถือ บ้า โง่ รู้ไม่ทันจะคิดดับๆ ก็รับติดเชื้อโรคภัยร้ายแรงได้ทุกอย่าง (ท้าพิสูจน์) จากสายสืบนิสัยศาสตร์ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 19 มี.ค. 2020, 19:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
โรค, โรค- (โรก,โรคะ-) น. ความเจ็บไข้, ความเจ็บป่วย, ความบกพร่องหรือผิดปรกติทางจิตใจ. ( ป. ส.) โรคจิต น. โรคทางจิตใจที่มีความผิดปรกติของความรู้สึก ความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิ ด ประสาทหลอน, วิกลจริต ก็เรียก (อ. Psychosis) โรคจิตเภท น. กลุ่มอาการของโรคทางจิตที่ทำให้ความคิด การรับรู้ อารมณ์และบุคลิกภาพผิดปรกติ (อ. schizophrenia) โรคนิทาน (โรคะ-) นิ. คัมภีร์แพทย์โบราณว่าด้วยสมุฏฐานแห่งโรค โรคประจำตัว น. โรคที่มีติดตัวอยู่เป็นประจำ รักษาไม่หายขาด โรคประสาท น. โรคทางจิตใจที่มีความกังวลเป็นอาการสำคัญ คนไข้อาจมีอาการแสดงออกเป็นความกังวล เช่น กลุ้มใจ หงุดหงิด หรืออาจแสดงออกเป็นอาการทางกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก เป็นลม กลัวที่สูง (อ.neurosis) โรคระบบประสาท น. โรคของสมองและไขสันหลัง มิได้เกี่ยวข้องกับจิตใจ เช่น เนื้องอกในสมอง เส้นเลือดในสมองตีบตัน หรือแตก โรคเหล่านี้ก่อให้เกิดภาวะวิกลจริตได้ในบางครั้งบางคราว โรคศิลปะ (โรคสินละปะ) น. การปฏิบัติเพื่อรักษาโรค เรียกว่า การประกอบโรคศิลปะ โรคาพยาธิ (โรคาพะยาทิ) น. ความเจ็บไข้ โรคาพาธ น. ความเจ็บไข้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 19 มี.ค. 2020, 19:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
อาพาธ ความเจ็บป่วย, โรค (ในภาษาไทย ใช้แก่ภิกษุสามเณร แต่ในภาษาบาลี ใช้ได้ทั่วไป) อาพาธต่างๆมีมากมาย เรียกตามชื่ออวัยวะที่เป็นบ้าง เรียกตามอาการบ้าง บางทีแยกตามสมุฏฐานว่า ปิตฺตสมุฏฺฐานา อาพาธา, เสมฺหสมุฏฺฐานา อาพาธา, สนฺนิปาติกา อาพาธา, อุตุปริณามชา อาพาธา, วิสมปริหารชา อาพาธา, โอปกฺกมิกา อาพาธา, กมฺมวิปากชา อาพาธา |
เจ้าของ: | student [ 20 มี.ค. 2020, 11:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
ตอนนี้ คนทั้งโลกยังคิดไม่ทัน นานแล้วที่ผมได้ยินเพื่อนๆบางคนอุทานคำว่า ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ตอนนี้ไม่ค่อยได้ยินคำนี้เท่าไหร่ คำว่าโรคภัย ได้ยินก็รักตัวกลัวตาย มาทุกยุคทุกสมัย สมัยนี้ คนแย่งหน้ากาก รัฐบาลแนะนำให้สวดมนต์ หลายคนขำ เพราะมองในสิ่งที่ประสาท5 สัมผัสถึง มันมีคำถามเกิดขึ้น ทำไมการสวดมนต์สามารถที่จะทำให้โรคหายไปได้ แต่จากสถิติ ยังไม่มีวัดไหนในเมืองไทยเป็นแหล่งแพร่เชื้อ ที่เป็นข่าว ก็เป็นสนามมวยบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวบ้าง ที่ถ่ายทำละครบ้าง การสวดมนต์นั้นเป็นพลังของพุทธานุภาพ เป็นเส้นที่ขีดระหว่างคนมี่หวังจะก้าวขาข้างหนึ่งเข้ามา กับคนที่เดินเลยผ่านไป |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 มี.ค. 2020, 09:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
ไม่ยาวนักฟังให้จบ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 24 มี.ค. 2020, 05:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
อ้างคำพูด: ดูประชาชนที่เมืองอู่ฮั่นเขาส่งฮีโร่ที่มาช่วยต่อสู้ไวรัสโควิด 19 กลับบ้าน หลังจากปัญหาไวรัสจบสิ้นแล้ว ด้วยน้ำใจและน้ำตา https://www.facebook.com/VikromKromadit ... zOTEzNjIy/ ประชาชนเขามีความสามัคคีเชื่อมั่นในผู้นำของเขา เมื่อเกิดโรคระบาดสองบาดแม้มีความเสียหายทางเศรษฐกิจมากคงใช้เวลาไม่นานก็ฟื้นตัวได้เพราะเขาเป็นนักผลิต หันกลับมาดูบ้านเราเองเพิ่งก้าวเข้าสู่สนามรบ (ปชช.ไม่เชื่อมั่นในผู้นำประเทศ รมต.บางคนทำอะไรไม่ได้ก็บีบน้ำตา ) รบกับโรคซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะใช้เวลานานเท่าใดยากจะคาดเดาขั้นต่ำคงสิ้นปีเผาจริงนี่ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมสุดประมาณ คงใช้เวลาสร้างกันอีกนานเพราะเราเป็นนักบริโภคไม่ใช่นักผลิตอย่างเขา |
เจ้าของ: | โลกสวย [ 24 มี.ค. 2020, 21:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
กรัชกาย เขียน: อ้างคำพูด: ดูประชาชนที่เมืองอู่ฮั่นเขาส่งฮีโร่ที่มาช่วยต่อสู้ไวรัสโควิด 19 กลับบ้าน หลังจากปัญหาไวรัสจบสิ้นแล้ว ด้วยน้ำใจและน้ำตา https://www.facebook.com/VikromKromadit ... zOTEzNjIy/ ประชาชนเขามีความสามัคคีเชื่อมั่นในผู้นำของเขา เมื่อเกิดโรคระบาดสองบาดแม้มีความเสียหายทางเศรษฐกิจมากคงใช้เวลาไม่นานก็ฟื้นตัวได้เพราะเขาเป็นนักผลิต หันกลับมาดูบ้านเราเองเพิ่งก้าวเข้าสู่สนามรบ (ปชช.ไม่เชื่อมั่นในผู้นำประเทศ รมต.บางคนทำอะไรไม่ได้ก็บีบน้ำตา ) รบกับโรคซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะใช้เวลานานเท่าใดยากจะคาดเดาขั้นต่ำคงสิ้นปีเผาจริงนี่ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมสุดประมาณ คงใช้เวลาสร้างกันอีกนานเพราะเราเป็นนักบริโภคไม่ใช่นักผลิตอย่างเขา คริคริ มีพวกมือไม่ช่วยพาย เท้าราน้ำ ด้วย |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 มี.ค. 2020, 17:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
http://www.socialhot24.com/news105097.h ... D5gN824VRs อ.เจษฎ์ เปิดคลิปอธิบายลักษณะ เชื้อโควิด-19 หลังเข้าสู่ร่างกาย เพจเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของอาจารย์เจษฎ์ ได้โพสต์แชร์คลิปพร้อมอธิบายเผยรายละเอียดลักษณะหลังเชื้อโคโรน่าหรือโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย จนไปถึงทำอันตรายต่อปอด โดยรายละเอียดระบุว่า… คลิปนี้อธิบายดีมาก ว่าจริงๆ แล้ว การที่เราเจ็บป่วยรุนแรงจนถึงเสียชีวิต เนื่องจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นั้น เป็นผลจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราเอง ทำงานมากเกินไป หรือที่เรียกว่า ออโต้อิมมูน autoimmune ครับ เมื่อเชื้อโคโรน่าไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะเข้าไปจนกระทั่งถึงถุงลมด้านในของปอดเรา ในขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง ก็จะพยายามต่อต้านไวรัสนั้น สารโปรตีนตัวหนึ่งชื่อว่า cytokine ไซโตไคน์ จะถูกสร้างขึ้นมาจำนวนมากเพื่อเป็นตัวที่ช่วยนำทางให้บรรดาเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าทำลายเชื้อไวรัสได้ … ซึ่งถ้ามันทำงานประสานกันได้ดี ก็จะทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับไวรัสได้ และหายป่วยในที่สุด ซึ่งแบบนี้ มักจะพบในผู้ติดเชื้อที่อายุค่อนข้างน้อย แต่ถ้ามันสร้างขึ้นมามากเกินไป จนเกิดภาวะที่เรียกว่า พายุไซโตไคน์ cytokine storm เซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ก็จะเข้าไปทำลายบรรดาเซลล์เยื่อบุของถุงลมในปอดเราไปด้วย ยิ่งสร้างมาก เซลล์เยื่อบุของถุงลมปอดก็ยิ่งถูกทำลายไปมาก เกิดอาการปอดอักเสบขึ้น ผลที่ตามมาคือ ทำให้เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งปกติแล้วไม่สามารถทำอันตรายกับร่างกายเราได้เท่าไหร่ กลับมาติดเชื้อในบริเวณปอดมากขึ้น และกลายเป็นโรคปอดอักเสบซ้ำสอง … ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายขาดออกซิเจน และจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมคนที่สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และคนที่เป็นโรคประจำตัวต่างๆ จึงมักจะเป็นเหยื่อที่ถึงแก่ชีวิตได้ จากโรคโควิด-19 นี้ ครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 มี.ค. 2020, 08:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
โควิด:อินเดียชวนอึ้ง พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อใส่ผู้ใช้แรงงานที่กลับบ้าน https://www.khaosod.co.th/around-the-wo ... ws_3855601 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 มี.ค. 2020, 13:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
อย่าให้ปัญญาน้อยกว่าศรัทธา ---- มีผู้เขียนข้อความที่เป็นคำสนทนาระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระอานนท์แล้วเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดีย และมีผู้ส่งต่อข้อความนั้นแพร่กระจายออกไป ข้อความที่เผยแพร่ไปนั้นมีดังนี้ - ................. “...พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระอานนท์ ช่วงที่เกิดโรคห่า ในขณะที่พระองค์ไปปฐมพยาบาลพระที่ป่วย พระอานนท์ถามพระองค์ว่าไม่กลัวติดเชื้อหรือ พระองค์กล่าวว่า “อานนท์ ถ้าไม่ใช่กรรมที่เราทำมา เราก็จะไม่ได้รับกรรมนั้น แต่ถ้าเราทำมา หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น...” ................. มีผู้ชี้แจงไปบ้างแล้วว่า ข้อความที่บอกว่า พระพุทธเจ้าไปปฐมพยาบาลพระที่ป่วยนั้น มีในพระไตรปิฎกจริง แต่คำสนทนาระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระอานนท์ตามที่เผยแพร่นั้นยังไม่พบว่ามีในพระไตรปิฎก ---------------- ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมดังนี้ กรณีพระพุทธเจ้าพยาบาลภิกษุไข้ พบในคัมภีร์ ๒ แห่ง คือ ๑ พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ ตอนจีวรขันธกะ พระไตรปิฎกเล่ม ๕ ข้อ ๑๖๖ (คัมภีร์ชั้นพระบาลี) กล่าวถึงพระพุทธเจ้ากับพระอานนท์พยาบาลภิกษุรูปหนึ่งซึ่งอาพาธด้วยโรคท้องร่วง (กุจฺฉิวิการาพาธ) มีพระพุทธดำรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า พวกเธอไม่มีบิดามารดา (คือออกบวชแล้ว ไม่มีครอบครัว) ถ้าไม่ดูแลกันเอง ใครเล่าเขาจะมาดูแล แล้วทรงมีพุทธบัญญัติให้ภิกษุดูแลกันตามสถานะที่เกี่ยวข้อง เช่นอุปัชฌาย์อาจารย์ดูแลศิษย์ ศิษย์ดูแลอุปัชฌาย์อาจารย์เป็นต้น ไปจนถึง-ถ้าไม่มีตัวบุคคล สงฆ์ต้องดูแล เรื่องตอนนี้เป็นที่มาของพุทธภาษิตที่มีผู้นิยมนำไปอ้างอิงเมื่อกล่าวถึงกิจการของโรงพยาบาลสงฆ์ คือข้อความที่ว่า - โย ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย. ผู้ใดจะพึงปรนนิบัติเรา ผู้นั้นพึงปรนนิบัติภิกษุไข้เถิด ๒ คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒ (คัมภีร์ชั้นอรรถกถา) เรื่องพระปูติคัตตติสสเถระ (แปลว่า “พระติสสะตัวเน่า”) พระภิกษุรูปนี้อาพาธด้วยโรคพุพอง มีตุ่มขึ้นตามตัวแตกพรุนทั้งตัว สุดท้ายกระดูกก็แตก พระที่ดูแลทิ้งให้นอนอนาถา พระพุทธเจ้าเสด็จไปพยาบาลโดยทรงชำระเนื้อตัวให้เบาสบาย แล้วแสดงธรรมให้ฟัง จบพระธรรมเทศนาพระติสสะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วปรินิพพาน พระธรรมเทศนาที่ทรงแสดงคือคาถาบทนี้ - อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงฺครํ. อีกไม่นาน ร่างกายนี้ จักปราศจากวิญญาณ ถูกทอดทิ้ง ทับถมแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้อันหาประโยชน์มิได้ (คำแปลสำนวนอาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก) คาถานี้เรียกกันว่า “คาถาบังสุกุลเป็น” นอกจาก ๒ แห่งนี้แล้ว น่าจะช่วยกันสืบค้นว่ายังมีเรื่องพระพุทธเจ้าพยาบาลภิกษุไข้ปรากฏในคัมภีร์เล่มไหนอีก แต่ประเด็นสำคัญ คือในเรื่องที่พระพุทธเจ้าพยาบาลภิกษุไข้นั้น (๑) ไม่ได้เกี่ยวกับโรคห่า และ (๒) พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสกับพระอานนท์ตามถ้อยคำสนทนาที่เผยแพร่นั้นเลย ---------------- ผมขอเสนอให้พวกเราตั้งหลักกันดังนี้ ๑ ช่วยกันรับรู้ว่า ข้อความที่เผยแพร่กันนั้นมีทั้งที่มีในพระไตรปิฎก และที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีในพระไตรปิฎก นั่นก็คือ เมื่อเห็นข้อความนั้นที่ไหนก็ตาม อย่าเพิ่งปฏิเสธหรือเชื่อตามข้อความนั้นทันที ตั้งสติกันตรงนี้ให้มั่นคงก่อน ๒ ต่อจากนั้น ช่วยกันศึกษาจากหลักฐานซึ่งก็คือพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกา ซึ่งเวลานี้ไม่ยากที่จะเข้าถึง อยากแชร์อยากเชื่อมากเพียงไหน ก็ควรจะมีอุตสาหะที่จะเปิดอ่าน ที่จะค้นคว้าให้มากเพียงนั้น โดยเฉพาะท่านที่ (๑) พอมีความสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลได้ (เปิดเป็นหาเป็น) และ (๒) พอที่จะอ่านจะสืบค้นได้ (อ่านพระไตรปิฎกได้ หากไม่ใช่ภาษาบาลี อย่างน้อยก็ที่เป็นภาษาไทย) ท่านเช่นว่านี้ควรเป็นกลุ่มนำที่จะช่วยกันทำหน้าที่ศึกษาสืบค้น และควรถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะต้องทำ ขอให้เลิกกันที-ความคิดที่ว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้า” เพราะคิดอย่างนี้แหละพระศาสนาของเราจึงได้เรียวลงๆ อยู่ทุกวันนี้ ๓ พึงทราบหลักการว่า คำตรัสของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า “พระพุทธพจน์” นั้นต้องมี “ที่มา” เสมอ แหล่งรวมหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า “พระธรรมวินัย” คือพระไตรปิฎกและอรรถกถาฎีกาเป็นต้น กล่าวคือคัมภีร์ในชั้นต่างๆ ที่ลดหลั่นกันลงไป ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่อ้างพระพุทธพจน์หรือคำตรัสของพระพุทธเจ้า ก็ขอให้ให้ช่วยกันทวงถาม “ที่มา” ของถ้อยคำนั้นๆ ด้วยเสมอ นั่นคือผู้นำมาอ้างต้องสามารถบอกได้ว่าความข้อนั้นเรื่องนั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกหรืออรรถกถาฎีกาเล่มไหน ---------------- บางท่านอาจจะบอกว่า บอกที่มาหรือไม่บอกจะแปลกอะไร จะมีใครสักกี่คนที่อยากรู้ที่ไปที่มาอะไรนั่น บอกไว้ก็ไม่มีใครสนใจจำหรอก เขาสนใจเฉพาะเรื่องที่เอามาบอกนั่นต่างหาก เรื่องนี้ต้องตั้งหลักให้ถูก มิเช่นนั้นเราจะพลาดไปใหญ่ คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องมีที่ไปที่มา ใครจะพูดเอาเองแล้วอ้างว่าเป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัส หาได้ไม่ การอ้างที่มาหรือบอกที่มาไว้ เป็นการรักษาความถูกต้องแม่นยำของหลักคำสอน นั่นคือต้องสามารถชี้ไปที่แหล่งเดิม (Primary sources) ได้เสมอ ผู้เผยแผ่หลักคำสอนในศาสนาอื่นก็ยึดตามหลักการนี้ ในศาสนาคริสต์เมื่ออ้างคัมภีร์ไบเบิล ก็จะบอกด้วยเสมอ เช่น เยเนซิศบทที่เท่าไร แมทธิวบทที่เท่าไร ในศาสนาอิสลามเมื่ออ้างคัมภีร์อัลกุรอาน ก็จะบอกไว้ด้วยว่าซูเราะห์ไหนบทไหน การอ้างที่มา ไม่เกี่ยวกับว่าจะมีใครอยากรู้หรือไม่ แต่เกี่ยวกับการยืนยันหลักคำสอนไม่ให้เกิดความสับสนพร่ามัว ................. อย่างที่เล่ากันขำๆ ว่า ตำรายาไทยขนานหนึ่งจากสมุดข่อยบอกว่า ยาขนานนั้นเวลากินให้ปั้นเป็นเม็ด (คำเก่าเรียกว่า “ลูกกลอน”) ขนาดเท่าเม็ดนุ่น ยาขนานนี้มีคนคัดลอกกันไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าต้นฉบับเดิมอยู่ที่ไหน ปัญหาก็คือ ฉบับที่คัดลอกกันต่อมาบอกว่า เวลากินให้ปั้นเป็นเม็ด “ขนาดเท่าเม็ดขนุน” ยาขนานเดียวกัน บางฉบับบอกว่าเวลากินให้ปั้นเป็นเม็ด “ขนาดเท่าเม็ดนุ่น” บางฉบับบอกว่าเวลากินให้ปั้นเป็นเม็ด “ขนาดเท่าเม็ดขนุน” ต้องการรู้ว่า “ขนาดเท่าเม็ดนุ่น” หรือ “ขนาดเท่าเม็ดขนุน” กันแน่ จะทำอย่างไร? ................. ถ้าเราศึกษาพระพุทธศาสนาโดยวิธี-ผู้เอาถ้อยคำมาบอกก็ไม่บอกที่มา ผู้รับฟังก็ไม่สนใจที่มา ถ้าต้องการรู้ว่าเรื่องนั้นๆ พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้จริงหรือ หรือตรัสไว้เช่นนั้นจริงหรือ จะทำอย่างไร? และถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ความสับสนพร่ามัวจะเกิดขึ้นในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าสักเพียงไร อนึ่ง ขอได้โปรดเข้าใจให้ถูกต้องว่า การอ้างที่มาหรือการเรียกร้องขอให้บอกที่มา ไม่ใช่การยึดติดคัมภีร์ อย่างที่มักกระแหนะกระแหนกันว่า-นี่ถ้าไม่มีคัมภีร์คงคิดอะไรเองไม่เป็น คัมภีร์-ที่มา เป็นเรื่องของหลักฐานและการรักษาหลักฐาน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่เมื่อมีหลักฐานเห็นหลักฐานแล้ว ต่อจากนั้นใครจะเชื่อหรือใครจะไม่เชื่อเรื่องที่คัมภีร์กล่าวไว้ หรือแม้แต่จะไม่เชื่อตัวคัมภีร์นั่นทั้งคัมภีร์เลย นั่นเป็นสิทธิเสรีภาพโดยสมบูรณ์ จะเห็นตามก็เชิญ จะเห็นต่างก็เชิญ พระพุทธศาสนาเตือนแต่เพียงว่า-ขอให้เห็นตรง ยถาภูตํ ปชานาติ = เห็นตรงตามความเป็นจริง แล้วจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าอย่างไรคือเห็นตรง? นั่นขึ้นอยู่กับการศึกษา เรียนรู้ สำเหนียก สำนึก ฝึกฝน ขัดเกลา อบรมตนเอง ---------------- ในขั้นนี้ ทำได้เพียงแค่ขอร้องว่า สำหรับผู้ส่งสาร เมื่อจะอ้างพระพุทธพจน์หรือคำตรัสของพระพุทธเจ้า โปรดศึกษาให้ชัดเจนว่าเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าแน่หรือ และขอให้แสดงหลักฐานที่มาไว้ด้วยเสมอ สำหรับผู้รับสาร ขอร้องว่า รับอะไรมาอย่าเพิ่งเชื่อหรือแชร์ทันที ฝึกสร้างนิสัย “ถามหาที่มา” กันไว้บ้าง เป็นการยากที่จะห้ามไม่ให้ใครยกเอาความปลอมความเท็จออกมาเสนอสังคม แต่ไม่เป็นการยากเลยที่จะฝึกตั้งสติกันไว้ก่อน และตั้งสติไว้เสมอๆ และถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระศาสนา ก็ขอร้องให้ศึกษาเรียนรู้ให้จงดี มีศรัทธา นั่นประเสริฐแล้ว เพียงแต่ขอให้เพิ่มปัญญาคือการใช้เหตุผลประสมเข้าไปด้วย จะประเสริฐที่สุด นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๓ ๑๖:๓๖ https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2020, 05:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
อ้างคำพูด: ไม่ใส่แมสก์ผ้า จับปรับ 2 หมื่น! สมุทรสาครใช้ยาแรงสู้โควิดออกจากบ้านต้องใส่ทุกคน เริ่ม 3 เม.ย.นี้ https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3868256 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2020, 16:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 เม.ย. 2020, 20:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
อ้างคำพูด: พี่น้องชาวไทยทั้งหลายค่ะ ที่นี้คือนิวยอร์กศพคนตายเยอะมากเผาไม่ไหว ทีนี้เค้าต้องเอาศพมาฝังรวมกันเพราะเยอะมากๆในการตายด้วยโรคโควิดครั้งนี้ คนไทยก้อมาตายกันหลายๆคน ตอนนี้คนไทยก้อพากันตกงาน แต่บ้านก้อต้องเช่าข้าวก้อต้องชื้อกิน แต่เราจะไปไหนกันได้ละค่ะ อากาศก้อยังหนาว ตอนนี้มีแต่ตายเพิ่มขึ้น ฉันอยากบอกคนไทยว่าสถานการตอนนี้คนไทยไม่ว่าจะอยู่ต่างแดนหรืออยู่ในไทยเราตกสภาพไม่ต่างกัน..และฝากบอกผู้มีอันจะกินด้วยว่า มีเงินมากมหาศาลขนาดไหน ผลสุดท้ายไม่มีใครพาไปได้ช่วงนี้ใครอดอยากขาดอาหารพยามแบ่งปั่นกันด้วยเถอะเพื่อจะยืดชีวิตไห้ยืนยาวต่อๆไปได้ค่ะสวัสดีค่ะ..ปูแดง.. https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater เมโลกสวยหายไปเลย เป็นไงบ้าง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 เม.ย. 2020, 20:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
ที่มาของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ (เขาว่า) https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8 ... pa=HASHTAG |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 13 เม.ย. 2020, 14:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เหตุโรค |
https://www.facebook.com/zacethailand/p ... =3&theater |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |