วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 15:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2020, 03:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...การปฏิบัติ
ต้องการความเย็นสบาย
"ภายในใจนี้เท่านั้น"

จะเย็นสบายภายในใจได้
ต้อง.."ไม่ยินดียินร้ายกับ
ทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกใจ"
ต้องปล่อยวาง ให้ได้.
.................................
.
จุลธรรมนำใจ 21กัณฑ์ 412
ธรรมะบนเขา 23/5/2553
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"ขึ้นชื่อว่ามีอยู่ในโลกนี้
ล้วนแล้วแต่สิ่งที่จะต้อง
พังทลาย​ เขาไม่พังเราก็พัง
เขาไม่แตก​ เราก็แตก
เขาไม่พลัดพราก​ เราก็พลัดพราก
เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความ​จาก
ความพลัดพรากกันอยู่แล้ว
โดยหลักธรรมชาติ.. "
----------------------------
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี












ก็จิตนี้เองที่มันรู้มันเห็น
ที่มันดับมันเกิด ก็จิตนี้เอง
ก็ไม่ใช่คนอื่น ก็มันเรานี้เอง
ทำเข้าไปสิ จนจิตใจมันหลุดพ้นไป
เรียกว่ามันดับ อะไรมันดับ ? มันดับทุกข์ !
ภาวนาเราก็ต้องตั้งใจ ความตั้งใจเป็นของสำคัญ
ทำใจอะไรก็ดีให้มีมรรคผล ต้องทำมาก ๆ

โอวาทธรรมหลวง ตาแตงอ่อน กัลยณธัมโม
วัดป่าโชคไพศาล จ.สกลนคร












“บุญฤทธิ์”

ประพฤติปฏิบัติศีลธรรมให้เกิดขึ้นมาก ๆ ในทางกาย วาจา และจิตใจ ถ้าหากทำมาก อำนาจมันจะค่อยมาเองหรอก จะกลายเป็นบุญฤทธิ์ คำว่า บุญฤทธิ์ คือ บุญมาก ๆ สะสมบุญไว้มาก ๆ จนมีฤทธิ์มีเดช มีผู้มาช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมทุกระยะ ถ้าบุญมาก ก็เป็นอย่างนั้นนะ..

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
เทศนา เรื่อง บุญเป็นชื่อแห่งความสุข













::: วิ่งหาแต่สำนักปฏิบัติ ทั้งๆ ที่ตัวยังเปลือยเปล่าในศีล :::

“... ถ้าพระไม่มีพระวินัย ๒๒๗ ข้อแล้ว เราก็ไม่รู้จะกราบใคร วินัยไม่สมบูรณ์ กรรมฐานก็ไม่บริสุทธิ์ เมื่อกรรมฐานไม่บริสุทธิ์ ปัญญาก็หมองเศร้า ฆราวาสก็เหมือนกัน พวกเธอก็เหมือนกัน ถ้าศีลไม่สะอาดบริสุทธิ์ สมาธิก็หมองเศร้า ปัญญาก็หมองเศร้าไปตาม ศีลจึงเป็นข้อบทอันแรก เธอทั้งหลายควรศึกษาเรื่องศีลให้มากที่สุด เหมือนเธอแสวงหากรรมฐานตามวัด สำนักต่าง​ ๆ แต่ไม่มีใครแสวงหาศีลซักคน เธอว่าจริงมั้ยล่ะ ไม่มีใครรู้สึกว่าศีลสำคัญ ไม่มีใครแสวงหาศีลว่าที่ไหนอธิบายเรื่องศีลละเอียดละออ ไม่เคยนั่งสมาธิกำหนดว่าศีลข้อนั้นทำไมถึงห้าม ไม่เคยไปวิตกวิจารในศีล ไม่ยกศีลข้อนั้นมาเรียกว่าวิตก ไม่คลี่คลายศีลข้อนั้นเรียกว่าวิจาร วิตกเป็นสมถะ วิจารเป็นวิปัสสนา เป็นปัญญา
.

มีแต่คนวิ่งไปหาสำนักปฏิบัติ ที่นู่นสอนกรรมฐาน ที่นี่สอนกรรมฐาน กรรมฐานนู้น กรรมฐานนี้ เมื่อเราเปลือยกายเปลือยเปล่าจะเข้าไปสู่สังคมนั้นอย่างไร เมื่อเข้าไปสู่สังคมนั้นย่อมเก้อเขิน ไม่มีใครมีสมาธิที่เป็นสัมมาสมาธิ ถ้าตัวเองไม่รู้จักว่าศีลรักษาอย่างไร ศีลมีคุณสมบัติอย่างไร ศีลปฏิบัติอย่างไรถึงเจริญ เริ่มแรกเป็นสุตมยปัญญา การฟัง การหาข้อมูล ต่อมาขั้นที่สองเรียกว่า จินตามยปัญญา คือปัญญาขั้นคิดนึก คิดนึกใคร่ครวญ ไม่ต้องสนใจความจำหรือว่าสุตมยปัญญา คิดใคร่ครวญของเราเอง เมื่อคิดใคร่ครวญแล้วให้หยุด เรียกว่า ภาวนามยปัญญา หยุดนิ่งให้มันสงบ หลังจากนั้นแล้วปัญญามันจะเริ่มเข้าใจขึ้นว่าศีลเป็นลักษณะอย่างนั้น​ ๆ เมื่อศีลของเราไม่บริสุทธิ์ ทานของเราก็ไม่บริสุทธิ์ เมื่อเรามีร่างกายเปลือยเปล่าไม่พอแถมยังมีความสกปรกติดตามร่างกายอีก ไปสู่สังคมไหนไม่ใช่แค่เขารังเกียจอย่างเดียว คือเข้ากับเขาไม่ได้ด้วย
.

ทานเป็นของดีคือ ทานัง สัคคะโสปาณัง ทานเป็นบันไดให้ไปสู่สวรรค์ สัคคะแปลว่า สวรรค์ แต่ถ้าเราไปเราเข้าบ้านแล้วตัวเราเปื้อนขี้โคลน เสื้อผ้าก็เปรอะเหม็นกลิ่นอับกลิ่นชื้นแล้วไปนอนที่นอนอันสะอาด ห่มผ้าห่มอันสะอาดแล้ว มีกลิ่นหอมละมุนละมัย บ้านก็มีความสะอาดสะอ้าน เราเข้าไปอยู่เราจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้าเราคิดอย่างนั้น คนอื่นเขาจะมองอย่างไรบ้างเมื่อเราเข้าไปในบ้านหลังนั้น ไปใช้สอยสิ่งของต่าง​ ๆ ถ้าเราออกจากบ้านไปคนอื่นมาใช้สอยต่อจะรู้สึกอย่างไร นั่นแหละคือสังคมหมู่นักปฏิบัติ สังคมหมู่นักปฏิบัติอันแรกเลยเขาดูศีลกันก่อน อย่างพระนี่เขาดูศีล ดูข้อวัตรก่อน ข้อวัตรงดงามมั้ย การประพฤติปฏิบัติตนงดงามมั้ย เป็นที่ยอมรับแก่หมู่คณะมั้ย ถ้ายอมรับเขาก็จะบอกต่อ​ ๆ กันไป แล้วก็จะมาหามาสู่ มาเอาข้อวัตรกัน แล้วก็เริ่มต่อจากกรรมฐานต่อไปตามขั้น ข้อวัตรก็คือศีลนั่นเอง ศีลจึงเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว
.

ฉะนั้นเราควรจะทำความเข้าใจเรื่องศีล แต่อย่าตรงตำราเกินไป เพราะตำรามันดิ้นไม่ได้ ตำราที่เขียนไว้มันดิ้นไม่ได้ แต่ถ้าเราภาวนาแล้วมันรู้วิธีการรักษาที่ถูกต้องถูกทางอย่างนี้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เรามีความสกปรกทางด้านข้อวัตร ทางด้านศีลธรรม เพราะไม่อย่างนั้นเราภาวนามันก็จะเป็นด่าง​ ๆ ทะลุ มันก็เป็นมิจฉาสมาธิอยู่ดี ถึงแม้ปฏิบัติตามแบบสัมมาสมาธิ คนไม่มีศีลมันจะมีทิฐิ มันจะมีความทะนงตน มันจะมีความถือตัว แม้คนมีศีลแล้วยังไม่รู้จักศีลที่ถูกต้องก็จะมีความทะนงตัว ถือตน เรียกว่าทิฐิ ๙ ประการ จะมีอยู่ในบุคคลที่ยังไม่รู้จักคำว่าศีลที่แท้จริง อย่างเช่นบางคน พระมหาเปรียญเรียนธรรมเรียนอภิธรรมคัมภีร์ ตำราตามคำภีร์ เข้าใจตามตำราคัมภีร์ ทิฐิ ๙ ประการจะเข้าสิ่งจิตบุคคลผู้นั้น มีความเข้าใจลึกซึ้ง อ่านตำราแล้วเกิดความเข้าใจทั้งหมด ทิฐิทั้ง ๙ ประการจะสิงบุคคลผู้นั้น ผู้รู้ในสิ่งที่เรียกว่าวิชานั้น ผู้รู้นั้นก็ต้องไม่หลงด้วย แม้วิชาที่ทำให้รู้ก็ไม่หลงในวิชานั้นด้วย ความไม่หลงไม่ใช่แค่คิดแค่นึกเท่านั้น ...”

หลวงพ่อเพชร วชิรมโน_กับบ้านเทวธรรม











หลวงพ่อบุญรัตน์ : "หลวงปู่ สบายดีไหมขอรับ?"
หลวงปู่บุดดา : "สบายดี"
หลวงพ่อบุญรัตน์ : "อยู่กรุงเทพฯ ร้อนไหมครับ?"
หลวงปู่บุดดา : "กำลังพอดี"

หลวงพ่อบุญรัตน์ : "หนาวไหมครับ?"
หลวงปู่บุดดา : "กำลังพอดี"
หลวงพ่อบุญรัตน์ : "หลวงปู่ว่าหนาว ทำไมมีเหงื่อออก?"
หลวงปู่บุดดา : "กำลังออก มาพอดี"

อากาศของท่าน พอเหมาะ ล้วนพอดี
ร้อน หนาว ไม่คำนึงถึง มันเป็นเรื่องของสังขาร
จิตใจไม่ได้ร้อน ไม่ได้หนาวด้วย
จิตใจ ไม่ได้กินข้าวกินน้ำ นี่

หลวงปู่บุดดา ถาวโร









ลูกศิษย์ : หลวงพ่อครับ เล่นหวยมันเป็นบาปที่ตรงไหน
ไม่เห็นมีศีลข้อไหนบอกเลยว่าเป็นบาป

หลวงพ่อ : หือ ก็ไอ้ใจที่มันเกิดความโลภ อยากได้
ของคนอื่นนี่หล่ะ ที่มันเป็นบาป ใจที่มันขุ่นมัว โลภ โกรธ
หลงนี่หล่ะ เป็นบาป ก่อนเล่นก็ละโมบโลภมาก
พอถูกหวยกินก็ โกรธเขานี่ โกรธเจ้าของ(ตัวเอง)
โกรธเจ้ามือ แล้วใกล้ถึงวันหวยออก ก็หลงงมงาย
หาเลขหาเบอร์ หลงเล่นกับมันอีก โลภอีก อยากได้อีก
ขุ่นมัวอีก

ลูกศิษย์ : แต่ถ้าถูกหวย ก็จะได้เอาเงินมาทำบุญต่อ
ไงล่ะครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อ : จะไปเอาบุญที่ไหน บุญคือ “พุทโธ พุทโธ พุทโธ”
อยู่ที่ปากนี่ เคยกำหนดพุทโธ กันบ้างหรือเปล่า
จะไปเอาบุญที่อื่นนี่ ขี้เกียจจะพูด

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร









"ทำให้ได้ดี เท่าเขาเสียก่อน
จึงค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์
มึงไม่ใช่เขา ไม่อยู่ในสถานการณ์เหมือนเขา
อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าเขาไม่ดี"

หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร










“จงเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน
ถึงแม้เราจะเก่ง เราไม่ต้องอวดเก่ง
ถึงแม้เราจะดี ไม่ต้องอวดดี
อย่าถือตน อย่าถือว่าตนเองสูงกว่าผู้อื่น
ให้อ่อนน้อมถ่อมตนไว้ แล้วจะมีความสุข”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








"การทำบุญนั้น ไม่ใช่แต่ว่าเอาวัตถุสิ่งของให้ทานเท่านั้น
จิตคิดเมตตา ละสิ่งที่เป็นชั่ว มันก็เกิดบุญขึ้นมา"

หลวงปู่ชา สุภัทโท











#หลวงปู่แสง! #เจอวิญญาณเจ้าที่หวงสมบัติหวงที่ทาง

แค่พระจะข้ามไปปักกลดภาวนาก็แกล้งจนต้องเปลี่ยนฉายา ช่างไม่ดูพระดูฆราวาสเลย

เหตุการณ์ที่หลวงปู่แสงเปลี่ยนฉายาจาก "ญาณวโร" เป็น "จันดะโชโต"

ฉายา "จันดะโชโต" นี้ หลวงปู่ท่านได้เล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านหนุ่ม ๆ ท่านได้เดินทางไปธุดงค์ที่ จ.อุดรธานี เพื่อที่จะไปปักกลดที่วัดร้างแห่งหนึ่ง ทางที่จะไปนั้น ต้องนั่งเรือข้ามห้วย ห้วยนี้ชื่อว่า “ห้วยหลวง”

#ขณะที่หลวงปู่ท่านกำลังนั่งเรืออยู่นั้น

เรือได้เกิดพลิกคว่ำ ทำให้บาตรของหลวงปู่ได้หล่นน้ำ ซึ่งในบาตรนั้นได้มีสูจิบัตรพระอยู่ด้วย ทำให้สูจิบัตรของหลวงปู่ท่านได้ลอยหายไปกับกระแสน้ำ

หลวงปู่ท่านก็แปลกใจว่า ทำไมจู่ๆเรือถึงได้เกิดพลิกคว่ำได้ ท่านจึงได้ใช้จิตเพ่งพิจารณาดูจึงพบว่า เป็นวิญญาณเจ้าที่ ที่ยังวนเวียนหวงสมบัติ เพราะที่ใต้หนองน้ำนั้นได้มีสมบัติฝังอยู่

หลวงปู่ท่านจึงได้เอ่ยวาจาว่า “อาตมาเป็นพระ เป็นผู้ทรงศีลจะทำอะไรให้ดูดีๆหน่อย ประสาสมบัติแค่นี้ ไม่มีอะไรทำให้เกิดความอยากได้หรอก ต่อให้มากกว่านี้อาตมาก็ไม่เอา เจตนาเพียงแค่ข้ามหนองน้ำนี้ไปเพื่อที่จะไปปักกลดเท่านั้นเอง “

หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้ไปทำสูจิบัตรพระใบใหม่ เพราะสูจิบัตรพระใบเก่าได้หล่นหายไปในหนองน้ำนั้นแล้ว หลังจากทำสูจิบัตรพระใบใหม่เสร็จ หลวงปู่ท่านจึงมาเห็นในภายหลังว่า ได้พิมพ์ฉายาให้ท่านผิดเป็นฉายา “ญาณวโร”

โดยแท้จริงแล้วหลวงปู่ท่านได้ใช้ฉายา “จันดะโชโต” มาตั้งแต่ต้น จึงทำให้หลวงปู่ได้ใช้ฉายาญาณวโรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นับเป็นเวลาหลายสิบปี

บัดนี้ ปี พ.ศ.๒๕๕๗ หลวงปู่ท่านได้มอบหมายให้ พระอาจารย์สะเทือน เจ้าอาวาสวัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม ให้ดำเนินการ ในการเปลี่ยนฉายาของหลวงปู่กลับมาเหมือนเดิม จาก “ญาณวโร” เป็น “จันดะโชโต” ซึ่งเป็นฉายาที่แท้จริงของหลวงปู่

และหลวงปู่ยังได้กล่าวอีกว่า "จันดะโชโต" มีความหมายว่า "ผู้ที่รุ่งเรือง" องค์หลวงปู่ท่านได้เมตตาเล่าให้ลูกศิษย์ฟังเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๗

#โอวาทธรรมคำสอน
#หลวงปู่แสง #ญาณวโร









“ สมาธิที่เราทำนี่ ฝังสนิท
ติดอยู่ในใจ กลายเป็นบุญ
เป็นวาสนา เป็นบารมี เช่น
เดียวกันกับ พุทธบริษัท
ในสมัยครั้งพระพุทธกาลนั้น

เมื่อพระพุทธเจ้า แสดงธรรม
จบ มาฟังกัน วันนี้มาฟัง
๕ พัน วันนี้มาฟัง ๑ หมื่น
วันนี้มาฟัง ๑ แสน วันนี้
มาฟังโกฏิ อะไรอย่างนี้ มี
อยู่ในคัมภีร์ท่านแสดงเอาไว้

เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรม
จบแล้ว พุทธบริษัทเหล่านั้น
ก็สามารถบรรลุธรรม
อย่างต่ำที่สุด ก็สำเร็จเป็น
พระโสดาบัน เพราะอะไร

เพราะว่าพุทธบริษัท
เหล่านั้นน่ะ ได้บำเพ็ญบุญ
บำเพ็ญกุศล หรือบำเพ็ญ
สมาธิ มีพลังจิตมาแล้ว
ตั้งแต่ในอดีตชาติ เมื่อมี
พลังจิตมา ในอดีตชาติ
แล้ว พอได้มาฟังธรรม
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ก็ได้บรรลุขึ้นมาโดยทันที

เพราะว่ามีวาสนา เป็นเชื้อ
อยู่แล้ว ”

โอวาทธรรม
หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
วัดธรรมมงคล กทม.









" พระเรามีโอกาสอันดีที่ได้
มาบวชในเพศผ้ากาสาวพัสตร์
อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์

อย่าทำเล่นๆ ให้ทำจริงๆ
อย่างน้อยศีล ธรรมวินัย
ให้ทรงตัว สมาธิทำให้เกิด
ให้มีขึ้นภายในดวงใจของเรา

ธรรมที่เราไม่รู้ยังมีอีกมาก
ความบริสุทธิ์ที่เรายังไม่ถึง
ก็ยังมีอยู่ พึงพยายามทำ
จิตใจของเรานั้นให้สะอาด
ให้บริสุทธิ์ ตามคำสั่งสอน
ขององค์สมเด็จพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์
สาวกทั้งหลาย "

โอวาทธรรม
พระอาจารย์อัครเดช(ตั๋น)
ถิรจิตฺโต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร