วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 11:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2020, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำใจให้เป็นอุเบกขา คือวางเฉยกับสิ่งที่ทำให้เฮาเกิดทุกข์ เขาดีกะดีไปอนุโมทนานำ เขาชั่วก็เรื่องของเขาบอกได้ก็ได้ บอกบ่ได้ก็ปล่อย อย่าไปว่าเขาไม่ดี ว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดี มันเหมือนแสดงความมืดบอดความบ่ดีของตัวเองออกมา ถ้าเรายังไปว่าให้คนอื่นไม่ดีเราจะไปสอนคนให้ดีใครละจะไปเชื่อเรามันก็ยากนะ นี้ละเฮ็ดจังได๋ก็ได้จังสั้นละพิจารณาเบิ่ง..อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิอรรถภูมิธรรมให้ดูเอาใช้ปัญญาเอาอย่าคอยให้แต่ท่านจ้ำจี้จ้ำไช..อย่าใกล้เกลือกินด่าง มันสิเสียประโยชน์เปล่า

โอวาทธรรมหลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตโต









“จงพากันอุตส่าห์พยายาม การให้ทานวันหนึ่งๆ อย่าให้ขาดวันขาดคืน เมื่อมีโอกาสหรือสมบัติพอมีได้ให้อุตส่าห์พยายามทำ การรักษาศีลรักษาธรรม ก็ให้รักษาตัวของเรา เพราะเรานี้เป็นผู้เหมาทั้งนรกอเวจีละมากที่สุด ยิ่งกว่าเหมาสวรรค์นิพพาน ให้แก้ไขตรงนี้ มันเที่ยวไปเหมาไว้หมดนะเวลานี้ เพราะสร้างแต่ความชั่วช้าลามก แล้วก็ไปเหมาตั้งแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน เกิดที่ไหน ไปอยู่ที่ไหน ก็มีตั้งแต่บ่น ก็ไม่บ่นยังไงเจ้าของสร้างแต่สิ่งที่จะทำให้บ่น มันก็บ่น เพราะฉะนั้นจึงให้รู้เสียตั้งแต่บัดนี้

ศาสนาพระพุทธเจ้านี้ เราเกิดมาถ้าไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้านี้ เรียกว่า เป็นโมฆะ ถึงจะเป็นมนุษย์ก็มนุษย์ไม่มีราคาอะไร ขอให้มีอรรถมีธรรมภายในใจ ยิ่งถือพุทธศาสนา กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเครื่องประดับใจตลอดเวลา ถึงเวลาจะหลับจะนอน ก็ให้ทำภาวนานี้เสียก่อน.นี้ละผู้ที่สร้างความแน่ใจให้ตนเอง ภพนี้ชาติหน้าไม่ต้องถาม เราเป็นผู้สร้างเอง แล้วที่อยู่ก็จะเป็นของเราเอง เหมือนเราปลูกบ้านสร้างเรือน ปลูกได้ขนาดไหน เราเป็นผู้ไปอยู่ นี่สร้างคุณงามความดีได้มากน้อย เราจะเป็นผู้เสวยความดีของเรา

จงอย่าได้พากันลดละความดีงามทั้งหลาย อย่าปล่อยให้ตั้งแต่กิเลส มันเหยียบย่ำทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม นี้ก็คือเรื่องของกิเลส การอยู่การกินการหลับการนอนทุกอย่าง ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี้คือเรื่องของกิเลส ถ้าเรื่องของธรรมต้องรู้จักประมาณ การอยู่ก็สร้างที่อยู่ที่พักพอประมาณ การกินก็กินพอประมาณ อย่าทำฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม การใช้สอยต่างๆ ก็ให้รู้จักประมาณ การคบค้าสมาคมกับเพื่อนกับฝูงก็ให้รู้จักคนดีคนชั่ว การอยู่การกินให้รู้จักพอดิบพอดี และคบเพื่อนคบฝูงก็ให้คัดให้เลือก อย่าคบสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วภัยมาถึงตัวเราเอง นี่คือธรรมท่านสอนไว้อย่างนี้"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗








“ระลึกถึง ความตาย บ่อยๆ
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ก็จะทำให้บุคคลนั้น
ได้สร้างคุณงามความดีได้มาก
ตามกำลังความสามารถของตน

จึงจะเป็นผล เป็นประโยชน์แก่ชีวิต
ของบุคคลนั้น ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์”

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป









“เจออะไรก็อย่าลืมทำใจ
ธรรมดาของชีวิต มีแล้วก็หมด
ได้แล้วก็เสีย เจอแล้วก็จาก
พบแล้วก็พราก อันนี้ธรรมดา

เพราะฉะนั้น เวลาเสีย เวลาจาก
เวลาพราก ก็ไม่ได้ทุกข์อะไร
ยอมรับได้ ใจก็สงบ ไม่เอาแต่คร่ำครวญ
เศร้าโศกเสียใจ อันนี้คือการทำใจ”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล











อสุภะ.อสุภัง. เอาให้หนักเลยนะ. เหมือนกับไปพิจารณาเยี่ยมป่าช้าผีดิบในตัวเรา.

โอวาทธรรม
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






อย่าเพลินกับกิเลส. จนลืมเนื้อลืมตัว. ระวังมันจะจมนะ.

โอวาทธรรมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน










แม้ไม่ต้องการความทุกข์ในภพชาติหน้า ก็ต้องทำใจให้ไม่มีความทุกข์เสียตั้งแต่ในภพชาติปัจจุบันนี้

ไม่ปรารถนาเป็นอะไร ไม่ปรารถนาเป็นอย่างไรในชาติหน้า ก็ต้องทำใจ คือทำใจไม่ให้เกาะเกี่ยวข้องอยู่กับอะไรนั้น กับอย่างนั้น ตั้งแต่ในปัจจุบันชาติ จึงจะสมปรารถนา ไม่เช่นนั้นก็จะสมปรารถนาไม่ได้

การทำใจให้เป็นสุขปราศจากทุกข์ แม้พอสมควรขณะใกล้ดับจิต คือการเลือกชีวิตในภพชาติใหม่ให้มีความสุข ปราศจากความทุกข์ได้พอสมควร

แต่การจะสามารถทำใจให้เป็นเช่นไรในเวลาใกล้จะดับจิตนั้น ก็มิใช่จะทำได้ทันที โดยมิได้มีความคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน


จากหนังสือชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก หน้า ๑๘

สมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙










คำที่ว่าปลงนั้น. ก็คือวางลง. อย่าไปหอบไว้. อย่าไปหิ้วมันไว้. อย่าไปแบกมันไว้

หลวงพ่อชา สุภัทโท






รักศีล. คือรักษาใจ. มันบ่แม่น. อย่างอื่นหรอก.

หลวงปู่ศรี มหาวีโร







"ห้ามไม่ได้หรอก ไม่ใช่ก้อนหินนี่ กระทบหูมันก็ได้ยิน
กระทบตามันก็เห็นปุ๊บ กระทบใจก็รู้ปั๊บ มันคือจิตไวที่สุด

ได้ยินเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ได้เห็นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ได้นึกคิดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
มันห้ามกันไม่ได้ อนัตตา ไม่ได้เป็นตัวตนของใครหรอก

เห็นธรรมดา ได้ยินธรรมดา
รู้ธรรมดา เห็นธรรมดา
เห็นธรรม รู้ธรรม มันก็หายโง่ซิ

ถ้าหูไม่หนวก
มันก็ได้ยินนะซิ ก็เท่านั้น
ปุ๊ป ไปๆ จะไปยึดไปจับอะไรได้
ได้ยิน นึกคิด รู้สึกหนาว ร้อนสุข ทุกข์ คิดโน่น คิดนี่

"การภาวนาเป็นกุศลสูงสุด
เป็นกุศลชั้นเยี่ยม"

ฝึกหัดจิตให้เป็นสมาธิ เป็นบุญชั้นเยี่ยม ยิ่งกว่าทาน ยิ่งกว่าศีล
พระพุทธเจ้าเรียกอริยทรัพย์
แจกเท่าไหร่ไม่หมด
นึกแผ่ไปตั้งแต่ยอดพรหมโลก
กว้างขวางแค่ไหนไปจนถึงนรก

ชีวิตมีค่าทุกวัน ทำน้อยได้น้อย ทำมากก็ได้มาก
สตินี่ทำได้ทุกระยะ รู้นี่ สติพร้อม
ไม่มีทุกข์ เป็นบุญพร้อม
เป็นปัญญาพร้อม จิตผ่องใส
จิตก้าวหน้าพร้อม จะไปมี
ปัญหาในชีวิตได้อย่างไร

" เมื่อจิตเป็นกุศล เป็นสิ่งทีดีงาม หายใจเข้าก็ปีติสุข
หายใจออกก็ปีติสุข
ใจก็เย็นสบาย กายก็เย็นสบาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผ่เมตตาให้กับบิดา มารดาเป็นของสำคัญ
เพราะขันธ์ ๕ ที่เอามาทำบุญสุนทาน ทำคุณงามความดีนั่น
เอามาจากพ่อแม่

ถ้าไม่มีขันธ์นี้จะเอาอะไรมาทำเล่า ถึงจะไปสวรรค์ไปพรหม
มันก็ต้องอาศัยขันธ์นี้ เอามาภาวนา จะพ้นความมืดไปได้
ก็เพราะเอามาจากพ่อแม่นี่ละ

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เรียกว่ายืมขันธ์ ๕ มาเป็นแพถ่อถึงฝั่งแล้วเราก็ทิ้งแพขึ้นฝั่งซิ
ทิ้งขันธ์ ๕ ได้ ถ้าไปติดแพอยู่จะขึ้นฝั่งได้อย่างไรเล่า

ดีชั่วกลาง ๆ มันต้องวางให้หมด สุข ทุกข์ กลางๆ มันต้องวางให้หมด มันต้องดับหลงทั้งหมดให้ได้เสียก่อน
ถึงจะไปรอด คือผู้ถึงฝั่ง

หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร