เอหิปัสสิโก (พระธรรม) ควรเรียกให้มาดู คือ เชิญชวนให้มาชม เหมือนของดีวิเศษที่ควรป่าวร้องให้มาดู หรือ ท้าทายต่อการพิสูจน์ เพราะเป็นของจริงและดีจริง

โอปนยิโก (พระธรรม) ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ หรือ น้อมใจเข้าไปให้ถึงด้วยการปฏิบัติให้เกิดขึ้นในใจ หรือ ให้ใจบรรลุถึงอย่างนั้น

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ. (พระธรรม) อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ผู้อื่นไม่พลอยตามรู้ตามเห็นด้วย เหมือนรสอาหาร ผู้บริโภคเท่านั้นจึงจะรู้รส ผู้ไม่ได้บริโภคจะพลอยรู้รสด้วยไม่ได้

จากพันทิพ คำถามนี้แบ่งเป็นสองตอน ผู้ถามเป็นคนฉลาดมีเหตุผล สาวเหตุไปหาผล ภาษาพระว่าเป็นพุทธิจริต ให้สังเกตท่อนล่างแล้วเทียบกับธรรมคุณที่ยกมานั่น แม้ไม่ลึก แต่เขาก็เห็นผลแห่งธรรมด้วยตัวเขาเอง ส่วนท่อนบนก็ต้องมองเผื่อสติปัญญาแต่ละคนๆด้วย เพราะสติปัญญาคนไม่เท่ากัน ดังที่องค์พระสัมมาสัมพุทธะเปรียบเหมือนเหล่าบัว

ทำไมรู้สึกหลักศาสนาพุทธ กับหลักความเชื่อของศาสนาพุทธมันย้อนแย้งกันคะ

รู้สึกว่า พอมาในยุคสมัยดิจิตอล เรื่องข้อมูลข่าวสารต่างๆ ก็จะเข้าถึงได้ไวขึ้น ผู้คนเริ่มพึ่งพาตนเอง หรือบางคนก็เปลี่ยนเป็นไม่มีศาสนา
.
จากที่ฟังมา ทั้ง 2 ด้าน แบบที่พอดูมีเหตุผลที่สุด คือ บางคนไปทำบุญแต่รู้สึก ว่า ไร้ประโยชน์เพราะวัด สมัยนี้รวยกว่า คนไทยบางกลุ่ม ซะอีก เนื่องจากผู้คนมีความเชื่อว่า หาก นำเงิน หรือทำสิ่งของ ไปถวายวัดจะได้บุญ และ ให้เจ้ากรรมนายเวร แต่ถ้ามาดูตามภาพรวม ใน แบบที่เรามองเห็น ชัดเจนคือ กลับกลายเหมือนการตลาดอย่างนึง และสิ่งที่ฟังดูไม่มีเหตุผลที่สุด คือ เวลาเราเครียดหรือเจออะไรร้ายแรงมา เราพยายามหาเหตุผล และแก้ไขมัน แต่กลับมีคนบางกลุ่มพูดว่า "ไปทำบุญ" ทำบุญสิ แล้วจะได้ดี.
.
แต่พอเราเข้าไปศึกษา หลักคำสอนของศาสนานี้จริงๆ เรากลับเห็นด้วยมากๆ
เช่นใน เรื่อง
- การมีสติ
- ไม่ทำเรื่องที่จะทำให้เดือดร้อนถึงผู้อื่น
- การนั่งสมาธิ (เรื่องนี้ถือว่าดีมากค่ะ เพราะใช้ทำก่อนทำงาน ผลงานดีขึ้นเยอะค่ะ)
และข้อที่ชอบ ที่สุดคือ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
หากข้อนั้นถูกบันทึกไว้ในคำสอน
ทำไม เราจึงใหว้พระทำบุญ ขอพรให้ชีวิตเราดีขึ้น
ทั้งๆ ที่ เรานั่นแหล่ะ คือ เหตุผล หรือตัวแปร ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นคะ

พุทธธรรมต่างจากศาสนานับถือพระเจ้า ซึ่งเน้นศรัทธา (เชื่อ) ต่อพระผู้เป็นเจ้าแบบดิ่งตรงไป ห้ามถามห้ามสงสัย ห้ามถามถึงเหตุผล แต่พุทธศาสนาให้ถามเหตุผลได้ นี่ต่างกัน

ทำทุกอย่างด้วยความเข้าใจผิดในความมีตัวตน
อยากจะมีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศหายตัวได้

ก็คือยังอยากเกิดเพราะอยากทำ
ถ้ารู้จริงๆและเข้าใจจริงๆตอนที่ฟัง
รู้ตัวทันทีเลยว่าไม่มีตัวแต่มีหลงผิด
คิดใหม่ได้น๊าเพราะว่ายังเริ่มต้นฟังได้

ส่วนที่เคยทำมาแล้วน่ะเราไม่รู้ว่าเราทำคืออวิชชาเพราะเป็นเราเมื่อไหร่ก็อวิชชาเรา
เพราะต้องเข้าใจชัดตามคำสอนทันทีว่าไม่มีเราแล้วกำลังมีอะไรที่ปรากฏกับปัญญา
เห็นๆอยู่เนี่ยคิดว่ามีแต่จริงๆเป็นนิมิตที่มีนิดเดียวไม่มีเรื่องราวที่คิดมีแต่ธัมมะที่เกิดดับสั้นๆค่ะ
ที่ลืมตาเห็นว่ามีเต็มไปหมดมันมีสั้นกว่าในฝันอีกค่ะก็ในฝันไม่มีจิตอื่นมาเกิดคั่นแต่เป็นคิดล้วนๆไม่มีจริงทั้งคู่
เข้าใจไหม...สงสัยก็ถามได้นะคะ

ถามไม่เคยตอบสักที หรือ ไม่ก็ตอบ 3 วา 2 ศอก เขาไม่ได้ถามว่า ยาวเท่าไหร่

ให้ถามก็ถาม อนัตตา ฆ่าได้ไหม ลักทรัพย์ได้ไหม

อย่ามากล่าวหากันนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือคำตอบ
ล้วนมีเหตุผลที่สามารถคิดเหตุผล
โดยความรอบรู้เพราะพระพุทธเจ้าสอน
ให้เข้าใจความจริงที่ทำให้รอบรู้ทุกๆคำที่คิดและพูดก่อน
ยังไม่ต้องทำเข้าใจรึเปล่าเพราะถ้าทำไปแล้วไม่รู้ว่าผิดไม่ฟังจะรู้ได้อย่างไรว่าคิดถูกหรือผิด
พระพุทธเจ้ากล่าวทุกคำที่ตรงความจริงถึงที่สุดคนที่คิดจะเปลี่ยนมีอย่างเดียวคือคิดถูกตามไม่ได้ก็ทำผิด

คิกๆๆ ไม่ได้กล่าวหา จะต้องไปหาอะไรก็เห็นๆอยู่ พูดไปเรื่อย

โรสถามหน่อยดิ(อันนี้จะชวนให้คิดว่าทำไมจึงไม่เริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าสักทีค่ะ)
พระพุทธเจ้าเป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายใช่ไหม
แล้วคุณกรัชกายคิดว่าพระพุทธเจ้าสอนเทวดาว่ายังไงเหมือนสอนมนุษย์ไหม
บนสวรรค์เทวดายังเหาะลงมาเพื่อฟังคำสอนจากพระพุทธเจ้าแล้วทำไมมนุษย์ไม่ฟังคำสอนเหรอ
มนุษย์ชอบคิดแต่ว่าทำบุญได้ไปสวรรค์แต่ทำไมเทวดาชอบบอกว่าสวรรค์ของเทวดาคือเกิดเป็นมนุษย์คะ
จะรู้ว่าพระพุทธเจ้าบอกความจริงอะไรบ้างให้ตั้งใจฟังจริงจังจากคนที่พูดตรงตามพระไตรปิฏกให้เข้าใจค่ะ
http://www.dhammahome.com

ใครคิดว่า เชื่อฟัง ทำได้ง่ายๆลองฟังดูก่อนอย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะเข้าใจ
อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจความหมายของคำทีละคำให้ละเอียดๆจริงๆค่ะ
เช่นคำว่า เชื่อ ฟัง เวลาคิดไตร่ตรองตรงตามเสียงให้น้อมคำว่า เชื่อกับความคิดค่ะ
คือให้เข้าใจความหมายของคำว่า เชื่อ น้อมคือใส่ใจมาที่ตัวเองว่าเชื่อระดับไหนตอนฟัง
ถ้าฟังแล้วมันขัดแย้งกับสิ่งที่ทำต้องฟังซ้ำอีกจนกว่าจะเชื่อจริงๆว่าเสียงที่ได้ยินผิดหรือว่าสิ่งที่ทำลงไปผิด
เพราะการคิดตรงคำจะไม่มีการปรุงแต่งความคิดเห็นใส่เข้าไปเพิ่มคือเชื่อก็คิดแค่คำว่าเชื่อคือให้คะแนน0-10
ให้คะแนนความเชื่อในการฟังแต่ละครั้งว่าเข้าใจเพิ่มขึ้นเชื่อมากขึ้นคะแนนจะเพิ่มขึ้นตามที่เชื่อนะคะ

ส่วนคำว่าฟังก็คือต้องตั้งสติในการฟังไม่วอกแวกคิดเรื่องอื่นตอนที่กำลังฟังค่ะคือฟังแต่ละคำให้ทันตรงคำ
และไม่ต่อเติมความคิดเห็นของตัวเองเข้าไปนะคะเพราะความคิดเห็นไม่ใช่สัจจะดังนั้นฟังให้ตรงคำสัจจะค่ะ
รวมความว่า เชื่อ ฟัง มี 2 คำมันจะไม่จบแค่ตอนที่ฟังเพราะคุณจำอะไรได้บ้างต้องทบทวนความจำสิ่งที่ฟังค่ะ
โดยเฉพาะจำคำนี้ไว้บอกตัวเองทุกวันเพื่อดูพฤติกรรมตัวเองว่าคุณพูดกับตัวเองคุณเชื่อฟังตัวเองมั๊ย ไม่มีเรา
https://youtu.be/zpFSm-QwJBc