ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

สู้กับกิเลส
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58922
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 18 พ.ค. 2020, 05:04 ]
หัวข้อกระทู้:  สู้กับกิเลส

ลูกหลานเอ๊ย..
เมื่อเจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงหนี้ อย่าหลบหนี
เพราะถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น อย่าเคืองขุ่น อย่าหุนหันพลันแล่น
.
จงตั้งสติดำริแต่เรื่องดีๆ ดวงจิตจงมีแต่มหากุศล อ่อนน้อมอ่อนโยน สื่อสารต่อรองกับเขาว่าเราจะรับโทษได้แบบไหน ? แค่ไหน ? อย่างไร ? จะผ่อนใช้ หรือรับเต็มที่ในคราวเดียว
.
แล้วกระทำตามสัจจะที่รับปากเขาไว้ ไม่บิดพลิ้ว ดำรงชีวิตทุกขณะด้วยอารมณ์เยือกเย็นผ่องใส เจ้ากรรมนายเวรก็จะเห็นใจเรามากขึ้น.. นึกถึงหลวงปู่ใหญ่ไว้ให้มั่น หลวงปู่เป็นตัวกลางให้ได้.. นะลูกหลานเอ๊ย๚
-------------------
#หลวงปู่เทพโลกอุดร.
.









...นี่คือบุคคลกลุ่มที่ ๑
ที่พระองค์ทรงพิจารณาว่า เป็นผู้ที่จะ
ได้รับประโยชน์อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว

.จึงทรงมุ่งไปสอนพวกที่เป็นนักบวช..
“ ที่มี..ศีลที่บริสุทธิ์
และมีฌานระดับรูปฌาน ๔ ขึ้นไป
คือ...มีอัปปนาสมาธิ มีอุเบกขา”

.พอได้รับปัญญาก็สามารถ
ใช้อุเบกขานี้ ควบคู่กับปัญญา
“มาฝืนความอยาก
มาตัดความอยากทั้ง 3 “นี้ได้

.หลังจากทรงสอนรายละเอียดลึกซึ้ง
เข้าไปอีกครั้งสองครั้ง พระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5
ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์กัน
พร้อมกันทั้ง 5 รูปเลย
นี่คืออานุภาพของพระธรรมอันประเสริฐ
ของพระพุทธเจ้า

.ที่สามารถ.. “พลิกจิตของปุถุชน
ให้กลายเป็น..พระอรหันตสาวก..ขึ้นมาได้".
...............................
ธรรมะหน้ากุฏิ
18 พฤษภาคม 2563
พระอาจาร์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









“สิ้นโลก-เหลือธรรม”
ธรรมกัณฑ์สุดท้าย...ที่
พ่อแม่ครูอาจารย์ พระครูจิตฺตภาวนานุสิฐ
(หลวงปู่สมหมาย จิตตปาโล)
พระผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตา และ บารมีธรรมได้แสดงไว้ให้เราท่านทั้งหลาย
ได้เห็นร่างของหลวงปู่ได้สลายคืนสู่ธรรมชาติอันเป็นสิ่งที่เราทั้งหลายต้อง
พบและเจอกันทุกคนไม่ช้าก็เร็ว

ณ.วัดผาสุขคาม​เขต​ บ้านผาสุก​ ตำบลหนองกุงแก้ว​ อำเภอศรี​บุญ​เรือง​ จังหวัด​หนอ​งบ​ั​วล​ำภู​

“สิ้นโลก-เหลือธรรม” ด้วยประการฉะนี้

“…โลกเป็นของเกิด-ดับอยู่ทุกขณะ
ธรรมอุบัติขึ้นมาให้รู้แจ้งเห็นจริงในโลกนั้นๆ
แล้วตั้งอยู่มั่นคงถาวรต่อไป เรียกว่า
โลกเกิด-ดับ ธรรมเกิดขึ้นตั้งอยู่ถาวร
เป็นนิจจังเพราะไม่ตั้งอยู่ในสังขตธรรม

ธรรมเป็นของไม่มีตัวตน
แต่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาไว้ที่หัวใจของคน
คนรู้แล้วตั้งมั่นตลอดกาล
ถึงคนจะไม่รู้เท่าทันแต่ธรรมนั้น
ก็ยังตั้งอยู่เป็นนิจกาล
เป็นแต่ไม่มีใครรู้ใครสอนธรรมนั้น
ออกมาแสดงแก่คนทั้งหลาย
ถึงแม้พระพุทธองค์จะนิพพานไปแล้ว
แต่ธรรมนั้นก็ยังตั้งอยู่คู่ฟ้าแผ่นดิน
จึงเรียกว่า อมตะ

โลกเป็นของฉิบหายดังกล่าวมาแล้ว
เพราะตั้งอยู่ใน สังขตธรรม
มีอันต้องแปรปรวนเป็นธรรมดา
ธรรมที่พระองค์ทรงสอนให้รู้แจ้งเห็นจริง
เข้าถึงหัวใจคนเป็นของไม่มีตัวตน
เป็นอนิจจังไม่ได้ตั้งอยู่เป็นกลางๆ
ถึงบุคคลนั้นจะตายไป แต่ธรรม
ก็ยังมีอยู่เช่นนั้นจึงเรียกว่า
“สิ้นโลก-เหลือธรรม” ด้วยประการฉะนี้…”

คัดลอกจากหนังสือ
“สิ้นโลก-เหลือธรรม”
ฉบับสมบูรณ์
พระราชนิโรธรังสี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)










เรื่อง "โทษของกามราคะ"

“ที่จริงทุกวันนี้โทษของกามปรากฏให้เห็นมิได้ว่างเว้น รุนแรงและหนักนักหนา ผู้ที่พัวพันในกามอย่างเต็มที่ อีกนัยหนึ่งก็คือผู้มีความใคร่รุนแรง เปรียบได้ดังคบพาลร้ายไว้ใกล้ชิด ย่อมพ้นไม่ได้จากโทษของกาม หรือของความใคร่ ที่เปรียบได้ดั่งโทษของพาลร้าย ย่อมพาให้ทำความผิดร้ายได้แน่นอน ไม่ผิดจากที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงภาษิตไว้ว่า

“คบพาลพาลพาไปหาผิด”

การข่มขืนเกิดขึ้นได้

แม้ระหว่างลูกกับแม่

พ่อกับลูก

ครูกับศิษย์

เพื่อนกับเพื่อน

ซึ่งเป็นเรื่องน่าสลดสังเวชทั้งสิ้น

น่าอายอย่างยิ่งสำหรับเราทั้งหลายที่มีบุญ ได้เกิดเป็นมนุษย์ผู้พบพระพุทธศาสนา ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงให้ความสำคัญแก่การควรไม่พัวพันในกามควรไถ่ถอนความประพฤติพัวพันในกาม ซึ่งเป็นสิ่งเลว สิ่งชั่ว เป็นธรรมเลว เป็นธรรมชั่ว

โทษของกาม ที่เรียกได้ว่ากิเลสกาม เป็นตัณหา เป็นความใคร่ เมื่อกามเป็นกิเลสด้วยตนเอง การไม่หนีให้พ้นจากกาม ก็คือการไม่หนีให้พ้นกิเลสสำคัญ กิเลสร้ายแรง โทษของกามที่เป็นนามธรรมมีอยู่ในจิตใจ ยังจิตใจให้เร่าร้อนรุนแรง มีอำนาจบังคับให้แสดงออกทางกายเป็นรูปธรรมได้ด้วย

ดังปรากฏเป็นการฆ่า การข่มขืน และผลร้ายของกามที่เกิดจากนามธรรมก็ตาม หรือเกิดจากรูปธรรมก็ตาม หนักหนาเสมอกัน เพียงแต่เกิดในความรู้สึกทางจิตใจเผารนให้ร้อนแรง ขนาดทำให้แสวงทางดับความร้อนแรงยิ่งเพลิงเผา จนไม่รู้ถูกไม่รู้ผิด ไม่รู้ดีไม่รู้ชั่ว

การฆ่าการข่มขืนเกิดขึ้นเพราะความเผาไหม้ของกามกิเลสในจิตใจและแทนที่จะใช้ธัมมะอันเป็นสิ่งเหมาะสมมีคุณค่าควรที่สุดแก่การดับเพลิงกาม กลับใช้น้ำมันอันเป็นเชื้อสำคัญที่สุดดับ การลงมือสนองความใคร่หรือกามกิเลสที่แผดเผาใจให้ร้อนแรง ด้วยการข่มขืนฆ่า คือการสาดน้ำมันเข้าดับไฟกิเลส คือกามกิเลส หรืออีกอย่างหนึ่งของคำนี้ก็คือ กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม ในความใคร่”

แสงส่องใจ อาสาฬหบูชา ๒๕๔๘
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน)
วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
(พ.ศ. ๒๔๕๖ – ๒๕๕๖)









#รากเหง้าของความเป็นมนุษย์

"ทาน ศีล ภาวนา เป็นรากเหง้าของความ
เป็นมนุษย์และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา
ที่มนุษย์ต้องคอยสั่งสมให้มาอยู่ในนิสัย"

#ทาน เป็นเครื่องแสดงน้ำใจ เพื่อสงเคราะห์
ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

#ศีล เป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของผู้มีกิเลส

#ภาวนา อบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุ
ผลและความถูกต้อง

"ผู้เป็นหัวหน้างาน หรือ มีภารกิจมาก ควรหัน
มาฝึกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการภาวนาช่วย
แก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภทที่เป็นภาระหนัก หากปล่อยใจโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง.."

#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตตเถระ










#ทางเดินของจิตของใจ

"ตามปกติทางเดินของใจ" นั้น มี อยู่ ๒ ทาง "คือทางที่เป็นกุศล" คือทางดี "ทางที่เป็นอกุศล" คือทางไม่ดี นี้เป็นทางเดินของจิต
"มันคิดไปในทางที่ดี" เช่น คิดว่าวันนี้เราได้รักษาศีล ได้เจริญ ได้รักษาศีล ได้ให้ทาน
ได้เจริญเมตตาภาวนา นี่เรียกว่าจิตมันคิดไปในทางที่ดี เรียกว่ามีปัญญาประกอบไปด้วยความคิด

"บางครั้งมันก็คิดไปในทางที่เป็นอกุศล" คือคิดไปในทางที่ความชั่ว เช่น อย่างว่ามันอยากได้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าไม่ได้ตามความปรารถนา ใจนั้นมันก็ .. มันก็ย่อท้อไม่อยากกระทำความเพียร

เพราะฉะนั้น "ในการปฏิบัตินี้ ถ้าผู้ที่มีศรัทธา" คือความเชื่อมั่นในตัวของตัวเองแล้วบุคคลผู้นั้นก็จะตั้งใจปฏิบัติไปจนกระทั่งว่า ได้เห็นของจริงที่มันเกิดขึ้นในใจของเรา ได้แก่ สัจธรรมทั้งสี่ มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค .."

#หลวงปู่จันทร์ศรี_จนฺททีโป










"การให้อภัย​ ไม่คิดอิจฉา​ ริษยา
อาฆาตร้ายต่อผู้อื่น​ ใครทำไม่ดี
กับเรา พยายามปล่อยวางให้ได้
พยายามรักทุกคนให้เสมอกันให้ได้
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทำเเบบนี้เรื่อยๆ
ความเมตตาจะบังเกิดขึ้นเอง คราวนี้
ไปที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะ
ถ้าเราไม่คิดร้ายใคร ใครก็ไม่คิดร้าย
เราเช่นกัน.. ”
--------------------
#โอวาทธรรม
#หลวงปู่กงมา_จิรปุญโญ
#วัดดอยธรรมเจดีย์
อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร














คนเรานี่สู้กับกิเลสไม่ค่อยได้นะ กิเลสความ
ตระหนี่เหนียวแน่นนี่ เหนียวที่สุดเลยถ้าพิจารณา
ไม่ลงถึงธรรมเนี่ย ก็กลัวหมดกลัวไม่มีเงินใช้กลัว
ไปหมดทุกอย่างแหละ มันเบรคเราไว้ ให้พิจารณา
นะอันไหนเป็นทรัพย์ของใจ อันไหนทรัพย์ของกาย
กายเราพอได้กินอยู่ ส่วนทรัพย์ของใจเราก็ต้อง
เตรียมไว้ หมดลมเมื่อใดจะได้ติดตามเราไป
พบหน้าชาติหน้า ไม่ต้องกังวล

โอวาทธรรม : หลวงปู่บุญทัน ฐิตสีโล
วัดเขาเจริญธรรม จ.เพชรบูรณ์










...ดังนั้นพวกเราผู้ที่เป็นชาวพุทธนี้
"เราจะเป็นพุทธแบบไก่
หรือพุทธแบบมนุษย์"
.
ถ้าพุทธแบบไก่ก็คือ ไม่สนใจที่
จะเข้าหาพระธรรมอันประเสริฐ
ไม่สนใจที่จะศึกษา
ไม่สนใจที่จะปฏิบัติตามพระธรรม
คำสั่งคำสอนอันประเสริฐ
.
เรียกว่า..
เหมือนไก่ได้เพชรได้พลอยแล้ว
"แต่..เขี่ยทิ้งไป" ไม่นำเอามาใช้
ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง
.
สำหรับพวกที่เป็นมนุษย์
พวกที่ฉลาด พวกที่รู้คุณค่าราคา
ของ"โลกุตตรธรรม"ของพระพุทธเจ้า
ก็จะศึกษาเพิ่มเติม
.
เพื่อให้รู้เรื่องราวพระธรรมคำสอน
ของพระพุทธเจ้า "อย่างสมบูรณ์"
แล้วจะได้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับ
ความรู้ ที่ได้จากการศึกษามาต่อไป
เพื่อจะได้สร้างประโยชน์
ให้กับตนเองต่อไป.
.....................................
ธรรมะหน้ากุฏิ 12/5/2563
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










วิปัสสนากรรมฐาน

#วิปัสสนากรรมฐาน กรรมฐานชนิดนี้เป็นอุบายให้เรืองปัญญา คือ เกิดปัญญาเห็นแจ้ง หมายความว่า เห็นปัจจุบัน เห็นรูปนาม เห็นพระไตรลักษณ์ และเห็น มรรค ผล นิพพาน

#วิปัสสนาฯ เป็นเรื่องของการศึกษาชีวิต เพื่อจะปลดเปลื้องความทุกข์นานาประการ ออกเสียจากชีวิต เป็นเรื่องของการค้นหาความจริงว่าชีวิตมันคืออะไรกันแน่ปกติเราปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามความเคยชินของมัน ปีแล้วปีเล่า

#วิปัสสนาฯ เป็นเรื่องของการตีปัญหาซับซ้อนของชีวิต เป็นเรื่องของการค้นหาความจริงของชีวิตตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำมา
#วิปัสสนาฯ เป็นการเริ่มต้นในการปลดเปลื้องตัวเราให้พ้นจากความเป็นทาสของความเคยชิน
ในตัวเรานั้น เรามีของดีที่มีคุณค่าอยู่แล้ว คือ สติสัมปชัญญะ แต่เรานำออกมาใช้น้อยนัก ทั้งที่เป็นของมีคุณค่าแก่ชีวิตหาประมาณมิได้
#วิปัสสนาฯ เป็นการระดมเอาสติทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเราเอาออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์
#วิปัสสนาฯ คือการอัญเชิญสติที่ถูกทอดทิ้งขึ้นมานั่งบัลลังก์ของชีวิต เมื่อสติขึ้นมานั่งสู่บัลลังก์แล้ว จิตก็จะคลานมาหมอบ

พระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/