วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 19:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2020, 07:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...นี่แหละคือ
ความรู้ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
ที่ทรงเรียกว่าพระอริยสัจ ๔
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
..ทุกข์ก็คือ "ความทุกข์ใจ
ความไม่สบายใจ"
..สมุทัยก็คือ
ต้นเหตุของความไม่สบายใจ
ก็คือ..ความอยากทั้ง ๓ ประเภท
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
..นิโรธก็คือ
การดับความไม่สบายใจ
เกิดขึ้นได้จากการเจริญมรรค
..มรรคก็คือ.."สติปัญญานี่เอง"
ที่สามารถมองเห็นความจริงของสิ่งต่างๆ
ว่าไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะให้ความสุขกับใจ
..พอรู้อย่างนี้ก็หยุดความอยากจะได้
สิ่งต่างๆ มาให้ความสุขกับตน
ก็จะกลับได้สิ่งที่ดีกว่า..
"ได้ความสงบของใจ" ที่เรียกว่า..
ปรมัง สุขัง ปรมัง สุญญัง
..คำว่า ปรมัง สุญญัง
ก็คือว่า "ใจสะอาดเต็มที่"
ไม่มีความอยากหลงเหลืออยู่เลย
แม้แต่เพียงนิดเดียว..ก็ไม่มี.
........................................
.
หนังสือธรรมะบนเขา
เล่ม 1 หน้า 176,178
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"... การทำความดี เป็นหน้าที่ของเรา
ส่วนการซาบซึ้งเห็นค่าของความดีของเรานั้น​ เป็นหน้าที่ของเขา
หากเขาไม่ทำเช่นนั้น​ ก็เป็นปัญหาของเขา ..."

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล






"คนสมัยนี้ เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด."

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล







"ความดี ทำเสียวันนี้ให้พอ อย่ารอวันหน้า
เพราะความตายไม่ได้ทักเราว่า วันนี้จะมา
วันหน้าจะตาย"

หลวงปู่หา สุภโร









"วันหนึ่งๆ ควรจะระลึกถึงความตายในตัวบ้าง
อย่างน้อย ๕ หนก็ยังดี จิตใจของเราจะได้มีการยับยั้ง
จากความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความโลภ ก็จะไม่มากนัก
ความโกรธ ก็จะไม่มากนัก ความหลง ก็จะไม่มากนัก
เพราะมองเห็นป่าช้า"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน








" เวลาตาย เวทนาดับ​
สัญญาดับ​ สังขารดับ​
วิญญาณก็ดับ​ แต่
ธรรมชาติที่เป็นจิตไม่ได้ดับ

เวทนาเกิดจากจิต​ สัญญา​
สังขาร​ วิญญาณเกิดจากจิต​

จิตอันนั้นเป็นสถานที่เกิด
เวทนา​ สัญญา​ สังขาร​
วิญญาณเป็นขันธ์ แต่
เวลาตาย​ ขันธ์ทั้งหลายดับ​
แต่ธรรมชาติจิตยังมีอยู่

พระพุทธ​เจ้าทรงเข้าถึง
ธรรมที่ไม่ตาย พระสาวก
ของพระพุทธเจ้าเข้าถึง
ธรรมอันไม่ตาย

ขันธ์​ทั้งหลายดับไปหมด​
แต่ธรรมชาติที่พ้นไปจาก
ขันธ์ นั้นปล่อยวางขันธ์
หลุดจากขันธ์​ด้วยประการ
ทั้งปวง จิตนั้นยังอยู่ "

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​แบน​ ธ​นาก​โร







"..ความปรารถนานั้น เป็น
เพียงเส้นทางเดินของ
จิตใจผู้มุ่งหมายเท่านั้น
ถ้าไม่ดำเนินตามความ
ปรารถนาก็ไม่เกิดประโยชน์
ตามความมุ่งหมาย

เช่น คนต้องการเป็นคน
ร่ำรวย แต่เกียจคร้าน
ในการแสวงหาทรัพย์
ความร่ำรวยก็เป็นไปไม่ได้

ต้องอาศัยความขวนขวาย
ตามเจตจำนงที่ตั้งไว้ด้วย
จึงจะสมหวัง..

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าต้องการ
เป็นสามีภริยาครองรักกัน
อย่างมีความสุข
ทุกภพทุกชาติไป
ไม่อยากพลัดพรากจากกัน

ต้องมีจิตใจคือทรรศนะ
ตรงกัน ต่างคนต่างอยู่ใน
ขอบเขตของกันและกัน
ไม่ชอบแสวงหาเศษหาเลย
อันเป็นการทำลายจิตใจ
และความสุขความไว้วางใจกัน

ต่างคนเป็นผู้รักศีลธรรม
มีความประพฤติดีไว้วางใจ
กันได้ ความรู้ความเห็น
ลงรอยกัน ต่างพยายาม
รักษาความปรารถนา
ด้วยการทำดี

ย่อมมีทางสมหวังได้
ไม่เหนือความพยายาม
ของผู้ปรารถนาไปได้เลย

แต่ถ้าความประพฤติ
ทุกด้านแบบตรงกันข้าม
หรือสามีดี แต่ภริยาชั่ว
หรือภริยาดี แต่สามีชั่ว
ต่างคนต่างทำตามความ
ชอบใจ ไม่ลงรอยกัน

แม้ต่างจะปรารถนา
สักกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ไม่มี
ทางสำเร็จ เพราะเป็นการ
ทำลายความปรารถนาของตน.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ









" ความมีระเบียบวินัย
เป็นของสำคัญ
คนที่เลวย่อมไม่รักษา
ระเบียบวินัย
ไม่จำคำสั่ง และ คำสอน

คือคนใดก็ตาม
ต้องมีอาการเตือนกัน
อยู่เสมอ ๆ นั่นจงรู้ว่า
เลวเกินไปสำหรับ
การที่เกิดมาเป็นมนุษย์

เพราะการเป็นมนุษย์
เรามาจากความดี
มาจากทาน มาจากศีล
มาจากภาวนา

ถ้ามาถึงความเป็นมนุษย์
แล้วทำเป็นคนไร้ศีล
ไร้ทาน ไร้ภาวนา
คือการเจริญปัญญา
ก็แสดงว่า เรากลับเป็นสัตว์
ของอบายภูมิใหม่

กายเป็นคน แต่ใจเป็นสัตว์
กายเป็นคน แต่ใจเป็นเปรต
นี่เป็นวิสัยของคนที่ไม่รักดี
ไม่รักงาม

นี่เราฟังธรรมกันมาถึงขั้น
ความเป็นอริยะ แต่ว่า
จิตใจของเรายังตกเป็น
ทาสของอบายภูมิ ก็รู้สึก
ว่าจะเลวมากเกินไป "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง













#ทำบุญวันพระ #ทำบุญวันปกติ
#ทำบุญวันไหน #ได้บุญมากกว่า

เหตุเกิด...ที่ศาลาหลวงพ่อบันดาล ฤทธิผล ขณะหลวงปู่ กำลังจะลงมือฉัน ก็มีโยมท่านหนึ่ง ถือภัตาหารเดินมา ทำทีจะถวายท่าน

หลวงปู่ จึงเอ่ยถามไปว่า "มาจากไหนหล่ะ คุณ"

โยมผู้นั้น ได้กล่าวตอบว่า มาจากเมืองกาฬสินธุ์ เจ้าค่ะ วันนี้วันพระ โยมขับรถออกมาจากตัวเมืองพึ่งมาถึงเจ้าค่ะ”

หลวงปู่ : อือ อนุโมทนา นะ

โยมผู้นั้น จึงได้เอ่ยถามหลวงปู่ว่า

"เจ้าค่ะหลวงปู่ เออหลวงปู่เจ้าขา"

ทำบุญวันพระ ได้บุญมากกว่าทำบุญวันธรรมดา ใช่ไหมเจ้าค่ะ เห็นเขาว่าอย่างนั้น

หลวงปู่ไดโนเสาร์ จึงตอบกลับไปว่า

“หือ คุณกินข้าววันปกติ อิ่มเท่าวันเสาร์-อาทิตย์ไหมล่ะ

โยม : ก็อิ่มเท่ากัน เจ้าค่ะ

หลวงปู่ : เออ จะวันธรรมดาหรือวันเสาร์-อาทิตย์ กินข้าวมันก็อิ่มเท่ากัน จะวันพระหรือวันเณร ทำบุญก็ได้เท่ากัน เคยได้ยินไหม

"พระผีหลอก แม่ออกวันศีล"

ทำความดีอย่าเลือกวัน อย่าเลือกเวลา โอกาส สถานที่ ทำความดีทำได้ทุกวัน ทำได้ทุกโอกาสเวลา อย่าไปคิดว่า ค่อยทำวันพระ ถ้าคุณตายก่อนวันพระ คุณจะได้ทำหรือเปล่า

ถ้าคุณมัวแต่รอโอกาสเวลา คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่าเวลานั้นจะมีแก่เรา กินข้าว คุณยังกินทุกวัน ความดีทำไมไม่ทำทุกวัน มัวแต่รอวันนั้นวันนี้ วันพระค่อยทำ วันนี้คุณทำอะไร อาทิตย์หน้าค่อยทำ อาทิตย์นี้คุณทำอะไร เดือนหน้าค่อยทำ เดือนนี้คุณทำอะไร ปีหน้าค่อยทำ ปีนี้คุณทำอะไร ชาติหน้าค่อยทำ ชาตินี้คุณทำอะไร อย่ามัวรอโอกาสเวลา

เราไม่รู้เราจะตายวันตายพรุ่ง เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ จะมีแก่เราหรือไม่ แต่ทีสำคัญ เรามีวันนี้ มีเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยลมหายใจทิ้งเสียเปล่านะ ทำความดี คิดสิ่งดี พูดคำดี ทำได้ทุกที่ทุกเวลา อย่ามัวรอโอกาสเวลา เข้าใจนะ

โอวาทธรรมคำสอน : พระญาณวิสาลเถร(หา สุภโร)หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดมักกะสัน(ภูหุ้มข้าว)อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร