วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 00:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2020, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“เป็นไปตามเหตุ”

..ทุกคนก็มีความมุ่งหวัง เพื่ออยากให้ตัวเองได้ดิบได้ดี และพิเศษทุกด้าน ในรูปพรรณสัณฐาน ในยศถาบรรดาศักดิ์ ในทรัพย์สมบัติข้าวของอะไรทุกอย่าง เรียกว่าต้องการอยากให้พิเศษกันอยู่ทุกผู้ทุกคน แต่แล้วเนื่องจากอำนาจของศีลธรรม หรืออำนาจของกรรม ซึ่งเราได้กระทำไว้แต่ก่อน ตกลงก็ส่งไปตามเรื่อง ของเหตุเหล่านั้น

หลวงปู่ศรี มหาวีโร









นี่จิตของเรามันถูกหลอก คือถูกกิเลสมันหลอกให้จิตลุ่มหลงอยู่ตลอดเวลา พอเรามารู้ตัวก็อายุปูนนี้แล้ว บางคนอายุ 70-80 ปี

ถึงมารู้ว่าเรามันทุกข์มานาน จะกลับมาปฏิบัติธรรม เห็นคนอื่นเค๊านั่งสมาธินั่งอยู่ทั้งวันนั่งสงบอยู่ทั้งวัน บางคนสาวหนุ่มไปนั่ง เค๊านั่งกันแต่เช้าถึงเย็น เรานะไปนั่งปุ๊บกับเค๊า เขาไม่เคยขยับเขยื้อน นั่งได้ตลอดทั้งวัน ไม่เคยลุกไปเดินเลย 3-4-5 ชั่วโมงแล้ว แต่เรานี้อายุมากๆชั่วโมงละกี่ครั้งที่เราลุกขึ้นที่เราขยับเขยื้อนอยู่นั่นล่ะ

กระแสจิตขณะที่เราขยับเขยื้อนมันแว็บเลยนะ คือมันขาดจากสมาธิ จิตมันแว็บไปตามกระแสอารมณ์ของกิเลสทั้งหลายที่จะมาดึง จิตของเราให้เดินตามไป มันแว็บไปพอเรามาเข้าที่ใหม่ ก็ตั้งหลักใหม่ พอตั้งหลักใหม่ได้ซัก 10-20 นาที เปลี่ยนท่าไปอีกแล้ว ลุกขึ้นแล้ว ก็แว็บไปอีกอยู่อย่างนี้ บางคนนั่งอยู่นั่นนะไม่ได้ลุก เกิดเวทนามันก็แว็บไปอีกแล้ว มันเอาจิตเข้ามาเป็นอารมณ์เดียวเข้ามาสู่สมาธิเอายากนะ เพราะเราตามใจมันตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุ 70 ปี

ตามใจของกิเลสมันอยากจะหลอกเราไปที่ใหนมันก็หลอกไปได้ พอเรานั่งไปพอจิตจะสงบ มารที่เราเคยสั่งสมไว้นี้

เราหลงอยู่ใต้อำนาจของมาร มันก็จะมา…มาเช็คจิตเรา อย่างที่เรานั่งอยู่มันก็มาทางขามั่งปวดขามั่ง มารนะ นี้มาร ขาเรานี้จะเจ็บจะปวด บางที่ก็ปวดขึ้นมาหลัง ปวดขึ้นมาเอว นี้คือมารทั้งหลายมันเข้ามาแทรก ชักจูงจิตใจของเราให้ออกจากสมาธิ เค๊าเรียกว่ากิเลสมาร สังขารมาร มาทั้งหลายเหล่านี้มารบกวนสมาธิ มารบกวนไม่ให้จิตเป็นสมาธิ จิตของเราจะดิ่งเข้าไปสู่ถึงดวงธรรมจริงๆมันก็เลยเป็นได้ยาก เพราะมารพวกนี้มันบังเบียดอยู่ตลอดเวลา

หลวงปู่ไม อินทฺสิริ










"..การภาวนาต้องให้มันติดต่อกันเหมือนลูกโซ่ ถ้าขาดๆ เขินๆ มันก็ไม่ดีล่ะ

ตอนกลางคืนมันว่าง ก็ภาวนาไป ภาวนาจนจิตใจมันสบาย ถึงค่อยนอน ตื่นขึ้นมาก็ภาวนาต่อ

หลวงปู่ก็ภาวนาทุกวันเหมือนกัน ตั้งแต่บวชมาก็ภาวนาพุทโธๆ ทุกวันเหมือนกัน..."

หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ









...ขอให้รารู้ว่า
ศัตรูของพวกเราคือ
"ความอยาก" ของพวกเราเอง
เท่านั้นแหละ

.
อย่าไปคิดว่า ใครเป็นศัตรูกับเรา
มันไม่มีหรอก..
ถ้าเราไม่มี"ความอยาก"แล้ว
เราไม่มีศัตรูกับใครหรอก.
..................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 16/10/2550
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"...โลกทุกวันนี้เอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนกันมากมายเหลือเกิน บีบรัดกันทุกทาง ทุกแห่งหน ไม่ว่าใครก็ใคร ความเห็นอกเห็นใจกันแทบไม่มีเหลือเลย

ใครที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนี้อยู่ ให้รีบเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ ปรับจิตปรับใจตัวเองเสียใหม่ #ให้มีศีลห้า และขอให้เป็นคนจริงต่อตนเอง และจริงต่อคนอื่น ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ซื่อสัตย์ต่อคนอื่น และซื่อสัตย์ต่อครอบครัว #เอาศีลธรรมใส่หัวใจเจ้าของเป็นที่พึ่ง เป็นคุณหนุนนำจิตให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ใครทำได้ก็จะมีแต่ความสุขในจิตใจ ไม่เป็นที่หวาดระแวงหรือสงสัยต่อคนอื่น ไม่มีเวรไม่มีภัย เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็ไม่มี ร่มเย็นไปหมด มาวัดก็ร่มเย็น อยู่ที่บ้านก็ร่มเย็น ไปที่ไหน ก็ร่มเย็นใจไปหมด

เหล่าเทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เขาก็พากันปกปักรักษาคุ้มครอง เขาไม่รังเกียจ เขาร่วมอนุโมทนาสาธุด้วย นี่พวกเราเห็นหรือยัง ถ้าทำได้ดีแค่ไหน มีแต่คุณไม่มีโทษ ใครไม่เชื่อ เอาเลย เดี๋ยวเจอเอง

ทุกคนมีกรรมเป็นที่พึ่งของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล เลือกเอานะ จะทำกรรมดี หรือกรรมชั่ว ขอให้พึงสำเนียก พึงระวังสังวรตนเองนะ #เดี๋ยวนี้โรคระบาดก็มากมายเพราะศีลธรรมมันต่ำลงทุกวันๆ ขอให้พวกเราทุกคนไปไหนก็อย่าลืม #พุทโธ นะลูกหลานทุกคน..."

โอวาทธรรม
หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร
วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ










เรื่อง "ความสำเร็จต้องเริ่มต้นจากก้าวแรก"

(คติธรรม พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)

การเดินทางไม่ว่าจะระยะทางยาวกี่ ๑,๐๐๐ กิโลก็ตาม ต้องเริ่มจากก้าวแรก ถ้าไม่มีการเริ่มก้าวแรก มันก็ไม่สามารถเดินไปถึงเป็น ๑,๐๐๐ กิโลได้ แต่เมื่อเริ่มมีการเดินก้าวแรกแล้ว มันก็จะมีก้าวที่ ๒ เมื่อมีก้าวที่ ๒ มันก็จะมีก้าวที่ ๓ ต่อไปมันก็จะเดินไปเป็นกิโล จากกิโลก็มาเป็น ๑๐ กิโล จาก ๑๐ กิโล ก็มาเป็น ๑๐๐ กิโล ในที่สุดมันก็ไปถึง ๑,๐๐๐ กิโลได้ ถ้ามันเริ่มมีการเดินแล้ว การเดินแบบไม่หยุด เดินต่อไปเรื่อยๆเดียวมันก็เดินไปถึงปลายทางเอง ดังนั้นถ้าหากเราอยากหาความสุขทางธรรม เราก็ต้องมาเริ่มกันแล้ว

(พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
(วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร)
(อ.บางละมุง จ.ชลบุรี)
(ผู้ถอดเทป : นรินทร์ ศรีสุทธิ)








"ถ้าต้องการมีความสุข ต้องกำจัดกิเลสของตน
กิเลสในใจตนเอง ไม่ใช่ไปตั้งหน้ากำจัดคนอื่น"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย








"วันเวลาที่หมดสิ้นไป โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณค่า
เป็นประโยชน์แก่ตนเองบ้าง ในชีวิตที่เกิดมาในโลก
และได้พบพุทธศาสนานี้ ช่างเป็นชีวิต ที่น่าเสียดายยิ่งนัก

เวลาแม้นเพียงหนึ่งนาที ที่ผ่านเลยไปนั้น
แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล สักสิบล้าน ร้อยล้าน
ก็ไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้ ฉะนั้น

สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้ จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ
การปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไป โดยเปล่าประโยชน์
แม้นว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว"

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร










"สิ่งที่ฆ่าพระ บ่แม่นมีดดาบ หรือปืน แต่เงินนี้หล่ะฆ่าพระ
เป็นพระป่าพระกรรมฐาน อย่ามีเงินเด้อ มันสิฆ่าพระ
มีเงินกะมีความโลภ พระกะบ่อยู่นำใจเฮาแล้ว
พระเพิ่นกะหนีจาก อย่าให้เงินมาฆ่าเฮาเด้อ สละออกให้หมด"

หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต








"เครื่องหมายของวุฒิภาวะ
ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบรูณ์
คือ ความยับยั้งชั่งใจ"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ








"คนอื่นที่เขาเกิดมาในโลกนี้ เขาก็มีหัวใจเหมือนกัน
ถึงแม้จะเป็นคนยากคนจน เป็นคนด้อยโอกาส
ที่เป็นลูกน้องพ้องบริวารของเรา เขาก็มีหัวจิตหัวใจ
เหมือนกัน

เพราะพระพุทธเจ้า ให้เรามีความรัก มีความเมตตา
มีความสงสาร ฝึกเมตตาคนอื่น ฝึกสงสารคนอื่น
ฝึกช่วยเหลือผู้อื่น เราจะได้สร้างความดี เราจะได้
สร้างบารมี

คนเราถ้าฝึกเจริญเมตตาเยอะๆ สงสารเยอะๆ
มองคนอื่นในแง่สงสาร แง่กรุณาดีกว่ามองคนอื่น
ในแง่ไม่ดี แง่ลบ"

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม








หลวงพ่อพยอม เล่ากรรมที่ทำกับพ่อ

“โยมพ่อของอาตมาเป็นคนขี้เหล้า
หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็กินเหล้าหมด
พอเมาก็ดุด่าโยมแม่กับอาตมา
อาตมาไม่ชอบพ่อมาก

วันหนึ่ง.. โยมพ่อเมากลับบ้านไม่ได้
มีคนให้อาตมาพายเรือไปรับ ตอนนั้น
อาตมายังเป็นวัยรุ่น ทำงานมาทั้งวัน
ก็อยากจะนอน อยากพักผ่อน
อาตมารู้สึกโมโหมาก พอพายเรือกลับบ้าน
ก็ทิ้งโยมพ่อไว้ในเรือ แต่พ่อเมามาก
ลุกไม่ไหว ตะโกนเรียก

“ไอ้ยอม.. ไอ้ยอม.. มาอุ้มกูขึ้นบ้านหน่อย
กูขึ้นไม่ไหว ”

ไอ้เราก็ทนรำคาญไม่ไหว เดินกระทืบเท้า ตึงตึงตึง..
กระชากร่างพ่ออุ้ม ในขณะที่อุ้ม ความรู้สึกเจ็บแค้น
ที่พ่อทำให้เราลำบาก ชอบด่าว่าเราเจ็บๆ

พออุ้มพ่อขึ้นมาจากเรือ ถึงหัวสะพาน
จับร่างพ่อกระแทกกับหัวสะพาน ก้นพ่อกระแทก
กับพื้นไม้อย่างแรง เสียงดังโครม

พ่อแกร้องไห้ แล้วพูดว่า
“ไอ้ยอมนะ ไอ้ยอม กูอุ้มมึงมาแต่เล็กแต่น้อย
กูนอนหลับแต่มึงไม่ยอมนอน ร้องไห้กวน
กูต้องลุกมาอุ้มมึง ร้องเพลงกล่อมให้มึงนอน
จะไปไหนมึงไม่ไหว มึงเหนื่อย กูก็ต้องอุ้มมึง
ทั้งที่กูก็เหนื่อย กูอุ้มมึง มึงทั้งขี้ ทั้งเยี่ยวใส่กู
แต่กูไม่เคยทุ่มมึงลงกับพื้นเลย เพราะกูรักมึง
วันนี้มึงอุ้มกู เหล้ากูไม่ได้หกโดนมึงสักนิด
มึงทุ่มกูลงพื้นทำไม”

พอพ่อพูดจบ น้ำตาไม่รู้มาจากไหน
มันไหลพรูลงมาอาบสองแก้ม
อาตมาเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน ก้มลงกราบพ่อ
แล้วพูดว่า

“พ่อครับ ต่อจากนี้ไปผมจะอุ้มพ่อตลอดชีวิต
โดยไม่บ่นและทุ่มพ่อลงพื้นอีกแล้วละครับ”

หลังจากนั้น อาตมาทำงานอย่างหนัก
เพื่อให้พ่อ หวังให้พ่อสบายขึ้น
แต่เมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว
โยมพ่อได้จากอาตมาไปแล้ว

คิดแล้วมันทรมานใจเหลือเกิน
อาตมาทำผิดพลาดไปแล้ว และแก้ไขไม่ได้
จึงอยากเตือนทุกคนเอาไว้ ไม่อยากให้เสียใจไปตลอดชีวิต

แล้วคุณล่ะ!
เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า
บางครั้งเราอาจเข้าใจท่านผิดบ้าง
บางครั้งท่านเฉยเราก็คิดว่าท่านไม่สนใจ
แต่พอเราโตเราก็จะรู้เองว่า สิ่งที่ท่านทํากับเรา
มันเป็นสิ่งที่ท่านหวังดีกับเราเสมอ

ขอให้รู้จักค้นหาหัวใจตัวเองให้ทันเวลา
ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป

สำหรับบางคน บางสิ่งบางอย่าง ลำบ๊ากลำบาก
แต่เราสามารถ มุมานะทำเพื่อแฟน หรือคนรักของเรา
แต่บางสิ่งง่ายๆ สำหรับพ่อแม่ของเรา
เรากลับไม่ค่อยอยากทำให้ท่าน ทั้งๆที่ท่านลำบาก
เลี้ยงเรามา มาคิดได้เมื่อสายไปแล้ว

เคยได้ยินมาว่า ข้าวร้อนๆ กับปลาเค็ม 1 ชิ้น
ตอนพ่อแม่มีชีวิตอยู่ มีค่ามากกว่า "เนื้อมังกรหน้าศพ"
ตอนพ่อแม่ตาย

หลวงพ่อพยอม กัลยาโน










#โลกทุกวันนี้เสื่อมลงไปทุกวันๆ

ใครไม่ศีล ไม่มีธรรม หล่อเลี้ยงในจิตใจ
เสร็จหมด ถูกดึงให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ

#ใครไม่เชื่อก็ลองดู

เอาเลยเดี๋ยวเจอเอง เวรกรรมเจ้าของเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ใครอยากได้ดีให้ทำเอา มีศีลธรรม

#ภาวนา " #พุทโธ " #หมั่นซักฟอกจิตใจตัวเอง

เป็นคุณหนุนจิต
ให้สูงสะอาดขึ้นไปเรื่อย ๆ..."

#หลวงปู่ปรีดา #ฉนฺทกโร
(#หลวงปู่ทุย #วัดป่าดานวิเวก)









#บ่อบุญแท้

ถ้าเราเน้นแต่วัตถุสิ่งของนอกกาย มันก็จะเหมือนทองห่อผ้าขี้ริ้ว กฐินผ้าป่ากี่สิบกี่ร้อยกอง มันก็ไม่ได้บุญเท่าจิตเราสงบรวมเป็นสมาธิ

ทำบุญให้ทานไม่รู้กี่ครั้ง กฐินผ้าป่ากี่สิบกี่ร้อยกอง มันก็ไม่ได้บุญเท่าจิตเราสงบรวมเป็นสมาธิ

#เพราะว่าอันนั้นมันไปถึงบ่อบุญแท้

เราถึงอาศัยวัตถุทาน อาศัยข้าวอาหารปัจจัย แต่มันก็เป็นวัตถุที่มีอายุสั้น ถ้าเราทำจิตของเราให้สงบได้

#ท่านบอก "#ปฎิบัติบูชามีค่ากว่าวัตถุ #เทียบกันไม่ได้"

เราต้องเข้าใจของเราอย่างนี้

#หลวงปู่ประสิทธิ์ #ปุญญมากโร
#วัดป่าหมู่ใหม่ จังหวังเชียงใหม่










ถ้าใครต้องการ. เห็นจริง. ก็เร่งสมาธิ. เร่งสติ. ให้เห็นจิต. เห็นใจตนเอง.

หลวงปู่ศรี มหาวีโร







#ขาดสตินี่ไม่ดีแท้ๆ
#เพราะเราทำสมาธิไม่เป็นมันก็ขาดสติ

พอขาดสติก็ขาดปัญญา ขาดสตินี่ไม่ดีแท้ๆ ของเป็นล้านเป็นโกฏิก็เสียหายเพราะการขาดสติ เพราะฉะนั้นเราท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้านั้นพระองค์ทรงมีเมตตาสูงสุด เมตตาสูงสุดนั้นหมายความว่าต้องการอยากจะให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้เข้าสู่พระนิพพานให้หมดเพื่อที่จะพากันชำระล้างสิ่งสกปรกโสโครกออกไปเหลือแต่ความใสสะอาด

อันนี้ก็ขอให้คิดในตัวของเราเองว่า
สมควรไหมที่เราจะทำเช่นนี้เวลาที่เราพยายามที่จะฟังเทศน์ฟังธรรม พยายามที่จะปฏิบัติธรรมต่างๆ มันก็มี #มารมาผจญ ผจญเราจะไปทำสมาธิ จะไปทำอะไรก็จะมีมารมาผจญ มารนี้มันไม่ใช่ธรรมดา พระพุทธเจ้าก่อนที่จะสำเร็จก็ต้อง #ชนะมารซะก่อน ถ้าแพ้มารก็ไม่สำเร็จ

เพราะฉะนั้น เราก็ต้องพิจารณาดูว่า เราถูกมารกดขี่มากี่ชาติ เราถูกมารแนะนำในทางผิดมากี่ชาติ เราได้ถูกมารมันทำลายล้างตัวเรามากี่ชาติแล้ว ชาตินี้ขอทำความดีก็แล้วกัน

#ความดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
เรียกว่า ไปอยู่ในตัวของบุคคลผู้ใด บุคคลผู้นั้นก็จะถือว่าเป็น สุภาพ
จะเป็นผู้ชายก็เรียกว่า สุภาพบุรุษ
ถ้าเป็นผู้หญิงก็เรียกว่า สุภาพสตรี
สุภาพ แปลว่า ความดี

#ความดีเรานี้
ถ้าเราทำลงไปแล้ว ไม่มีสูญสลายตัว จะมีแต่พอกพูนเรื่อยไป เพราะว่า พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเรียกว่า งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด

#งามในเบื้องต้น คือ ศีล
#งามในท่ามกลาง คือ สมาธิ
#งามในที่สุด คือ ปัญญา
อันนี้เป็นสิ่งที่สมควรแก่การที่เราเป็นพุทธบริษัท ชำระล้างสิ่งโสโครก ทำจิตใจให้ผ่องใสสะอาด

...คัดลอกบางส่วนจาก ธรรมะรุ่งอรุณ ๑๐ หน้า 47 ...
พระพรหมมงคลญาณ
(หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ












" อย่าประมาท
ถ้ายังมีเวลาหายใจ
ก็ให้ภาวนาไปด้วย
เพราะนรกนั้นไปได้ง่ายมาก

ให้หมั่นสร้างกุศลผลบุญ
ไว้ให้มาก เพื่อเอาไปใช้
ในภพภูมิข้างหน้า

อย่าหวังแต่จะให้คนอื่น
ส่งบุญไปให้ ต้องมีบุญ
ของตัวเองไว้ใช้ส่วนตัว
ด้วย ไม่งั้นลำบากแน่ "

โอวาทธรรม
หลวงปู่ลือ ปุญโญ








" เมื่อเราเกิดมา
มีกิเลสตัวเดียว
ผู้ชายก็ชายคนเดียว
ไม่ได้กอดคอหญิง
มาแต่เมื่อเกิด
ผู้หญิงเมื่อเกิดมา
เป็นผู้หญิงคนเดียว
ไม่ได้กอดคอชายมาแต่เกิด

ทั้งชายและหญิง
เมื่อคลอดออกมา
จากท้องแม่ และก็
เปลือยกายออกมาทุกคน
ในเวลานั้นไม่มีสมบัติ
ในโลกใดๆ เป็นของตัว

เมื่อใหญ่แล้วจึงดิ้นรน
วุ่นวายหาเอาสมบัติ
ในโลกนี้
จึงได้เกิดความยุ่งยาก
ร้อยแปด อย่างนี้แหละ "

โอวาทธรรม
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร








" อยาก เมื่อไม่ได้
อย่างที่อยาก ก็เป็นทุกข์
ไม่อยากได้ แต่ได้ ก็เป็นทุกข์

ใครจะว่าอะไร
ไม่ต้องไปสนใจ
ใครเขาอยากได้อะไร
เขาทำอะไร เขาก็ได้สิ่งนั้น

ใครอยากได้อะไรก็ทำเอา
ใครทำอะไรก็ได้สิ่งนั้น
ไม่ต้องไปสนใจ

ฝ่าโลกธรรม ๘
เรื่องมงคลตื่นข่าว
แตกซ่านกันไปไม่รู้จักจบ
ฝ่าให้ได้ ทิ้งให้เร็วที่สุด "

โอวาทธรรม
พระคุณแม่จันดี โลหิตดี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร