วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 19:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2020, 06:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ทำไมต้องเดินจงกรมมากๆ

เดินแข่งกับอะไร
เดินแข่งกับเวลา
กับสังขารร่างกาย
ที่เขาจะแก่ชราคร่ำคร่า
ไปในวันข้างหน้า...

หลวงปู่เจม จิรธมฺโม
สำนักสงฆ์ห้วยลึก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์










"บุญกุศลกอบโกยเท่าไหร่ก็ไม่มีเพียงพอ เรือรั่ว..ก็เหมือนร่างกาย เรากำลังพายเรือรั่วข้ามฝั่งแม่น้ำ มหาสมุทร คือฝั่งแห่งภพ ถ้าดับกลางคัน เขาเรียก "ตายกลางคัน " ก็ผ่านไม่ได้ นี่เปรียบเทียบให้ฟัง พายเรือไม่ถึงฝั่งแห่งภพ ข้ามภพไม่ได้ ดับกลางทะเล กลางมหาสมุทร ไม่ถึงฝั่ง ก็คือความดับแห่งชีวิตของเรา หมดอายุขัยก่อน...

่ถ้าข้ามไปฝั่งโน้นแล้วก็หมดแล้ว เศษกรรมที่เหลือชำระหมด บุญ-บาปหมด มีแต่ความบริสุทธิ์ส่วน นั่นแหละสุขที่สุด กระตุ้นเตือนตัวพยายามทำเอง บุญกุศลพาเราไปถึงนิพพานได้ ถอนรากฝอยรากใหญ่รากน้อยรากแก้ว ถอดถอนอวิชชาให้หมด นั่นแหละสุขที่สุด จบพรหมจรรย์แล้ว...สบายแล้ว"

หลวงปู่เจม จิรธมฺโม
สำนักสงฆ์ห้วยลึก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์











...อารมณ์ภายในใจเปรียบเหมือนกับเมฆฝน

เวลามาก็มืดครึ้ม
แต่สักพักหนึ่งหลังจากที่ฝนตกไปแล้ว
หรือลมพัดเมฆฝนให้ผ่านไปแล้ว
"ท้องฟ้าก็จะแจ่มใสขึ้นมาเหมือนเดิม"

.
ใจของเราก็เป็นเช่นนั้น
มีอารมณ์ต่างๆที่มาปกคลุม
เหมือนกับเมฆฝนที่ปกคลุมท้องฟ้า
บางวันบางเวลาก็มีเมฆแห่งความโกรธ
บางเวลาก็มีเมฆแห่งความโลภ
บางเวลาก็มีเมฆแห่งความหลง

.
เวลามีโลภ โกรธ หลงครอบงำ
จิตใจจะมีความรู้สึกที่ไม่ดี
อยากจะพูดในสิ่งที่ไม่ดี
อยากจะทำในสิ่งที่ไม่ดีออกมา

.
แต่ถ้า.."มีสติ" แล้วถอนหรือถอยออกมา
แยกใจคือ..ผู้รู้ ออกจากเมฆแห่ง
ความโลภ โกรธ หลง ว่า..เป็นเหมือนกับ
เป็นเมฆก้อนหนึ่งที่ไหลพัดมา
เดี๋ยวไม่ช้าก็เร็ว เมฆก้อนนั้น
ก็จะต้องสลายหายไป

.
อารมณ์ต่างๆก็เป็นเหมือนกับ.."เมฆในใจ"
เดี๋ยวก็โลภ แล้วเดี๋ยวก็หายไป
เดี๋ยวก็โกรธ แล้วเดี๋ยวก็หายไป
เดี๋ยวก็หลง แล้วเดี๋ยวก็หายไป.

..........................................
กำลังใจ 13 กัณฑ์ที่ 180
ธรรมะบนเขา 1/112546
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เคยปรารภว่า

"ทุกสิ่งที่เราสัมผัส ตั้งแต่ตื่นนอนถึงเข้านอน ล้วนเป็น 'สมมุติบัญญัติ' ทั้งนั้น มันจึงพาเราหลงไปว่า 'มีตัว-มีตน' หรือ 'มีเขา-มีเรา' ซึ่งล้วนสมมุติกันทั้งนั้น ที่ต้องสมมุติก็เพื่อจะได้ติดต่อสื่อสารกันได้รู้เรื่อง ทำนิติกรรมหรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎกติกาของสังคมซึ่งเขาสมมุติกัน ให้เกิดเป็นระเบียบเรียบร้อยได้

ถ้าได้เห็นและเข้าใจสมมุติบัญญัติอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า มันไม่มีตัว-ไม่มีตนจริง ๆ เราก็จะไม่ไปยึดมั่น-ถือมั่น อะไรกับมัน เพราะจะไปยึดมันทำไมกับ 'ของว่างเปล่า' หรือ'สุญญตา' เมื่อถึงจุดนี้ได้ สิ่งสมมุติทั้งหลายก็จะผลักดันให้เราเข้าถึง 'ความวิมุตติ' ทันที"

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี









"ถ้าเรามีธรรมะอยู่ในใจของเรามากๆ
เราจะให้อภัยซึ่งกันและกัน ได้มากขึ้น
เมื่อมีการอภัยให้กันได้มากขึ้น
ความตึงเครียดในใจ ก็จะไม่มี"

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ











"ความจริงอย่างหนึ่ง ที่ผู้คนไม่อยากนึกถึง
ก็คือ ความตายสามารถเกิดกับเราได้ทุกเวลา

การเตรียมตัวเตรียมใจ ให้พร้อมเผชิญ
กับความตายอยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

แต่คนส่วนใหญ่ กลับมองข้ามความจริงข้อนี้
โดยให้เหตุผลว่า ความตายเป็นเรื่องไกลตัว"

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล










" อริยสัจประกาศอยู่
ภายในใจตลอดเวลา​
จงตามพิจารณาให้เห็นจริง

อริยสัจ​ ๔ ไม่ได้เดินทาง
มาจากไหน​ เกิดอยู่กับ
กายกับใจเราเท่านั้น

ฉะนั้นจึงไม่ควรพิจารณา​
ตามค้นหาอริยสัจในที่อื่นๆ​
ให้มากไปกว่า
การพิจารณา​กายกับใจ
ซึ่งเป็นเรือนอริยสัจแท้ "

โอวาทธรรม
หลวง​ตา​พระมหาบัว​
ญาณสัมปันโน









" ความทุกข์มันมาจากไหน
มันมาจากความสำคัญมั่นหมาย

ก็ใจนี่แหละเป็น
ตัวไปสำคัญมั่นหมาย
จิตเศร้าหมองก็เพราะใจ
จิตสุขก็เพราะใจ
จิตทุกข์ก็เพราะใจ

เพราะไปคาดไปหมายมั่น
เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์
สัญญา สังขาร เวทนา
ก็เหมือนกัน เพราะใจ
นี้แหละไปมั่นไปหมาย

กายเขาไม่ได้ว่าเขา
เป็นอะไร เวทนา สัญญา
สังขารก็เหมือนกัน

มีแต่ใจนี้แหละไม่รู้
ไปหลงยึดสุขยึดทุกข์ "

โอวาทธรรม
หลวงปู่เพียร วิริโย










#เวลาในโลกนี้เหลือไม่มาก

พวกเราเกิดมาทำมาหากินแล้วก็ตายไป เมื่อได้มีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว อย่างไม่เอาไหนก็ให้ได้ทรัพย์สมบัติกับเค้าบ้าง ท่านเรียกว่า “กุศลสมบัติ”

เมื่อเห็นคนอื่นเค้าร่ำรวย เกิดมารูปร่างสวยงาม ก็ยังรู้จักชมว่า “บุญวาสนาเค้าทำมาเยอะจัง” ก็ยังคิดเป็นนะ

ถ้าน้อมเข้ามาหาตัวเองว่า เรามีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เราจะบำเพ็ญบุญหรือบำเพ็ญบาปใส่จิตใจ การเป็นอยู่ของเรา การดำเนินสู่ภพน้อยภพใหญ่ ว่าเราต้องการความสุขหรือต้องการความทุกข์ ก็พิจารณาดูเอา

ดังนั้น บุญกุศลสามารถบำเพ็ญได้ตลอดเวลา “การงดเว้นบาปนั้นแหละคือการบำเพ็ญบุญ” พระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างนั้น

#ธรรมเทศนา : #พระอาจารย์สุบรรณ์ #สิริธโร #วัดถ้ำผาเกิ้ง











คนมี. ศีล 5. เทวดา. ลงมากราบเด้

หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 54 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร