วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 18:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2020, 04:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีเวลาทำสมาธิ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

หลวงพ่อ – คนที่ไม่มีเวลาไม่มี นอกจากขี้เกียจ
ผู้ถาม – “ถ้ากลางวันทำงานและกลางคืนก็ติดธุระ บางทีจะนั่งสมาธิลูกก็กวน”
หลวงพ่อ – จะไปนั่งทำไม ให้ลูกมันหลับเวลาเรานอนน่ะ สมาธิทำทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้ามต้องนั่งเสมอไปใช่ไหม จริงๆแล้วถ้าเรามีสมาธิก่อนหลับสัก ๒ นาทีก็พอใจแล้วสมาธิไม่ต้องการมาก ที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า

“สารีปุตตะ ดูก่อน สารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่
ง เราขอกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาณ”
เห็นไหม ก็มัวเอาแต่เรื่องนั่งที่เขาว่า อีตอนนอนนั่นแหละ นอนสบาย หัวถึงหมอนปั๊บนึกถึง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และภาวนา “พุทโธ” หายใจเข้านึกว่า “พุท” หายใจออกนึกว่า “โธ” หายใจ ๒ ฟื้ดหลับไปเลยใช้ได้

อย่าลืมนะตอนที่ภาวนาหลับเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีนะ ว่าถ้าจิตไม่ถึงฌานนี่มันจะไม่หลับ “ถ้าจิตถึงฌานปั๊บมันตัดหลับทันที ทีนี้ว่าถ้าภาวนาหรือว่านะโมอยู่ ถ้ามันหลับเวลานั้นมันจิตถึงฌาน ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ระหว่างหลับ” ถ้าตายระหว่างนั้นจะไปตามกำลังของฌานทันที เห็นไหม ที่ว่าไม่มีเวลาคนขี้เกียจนะ เวลามันมีใช่ไหม

ถ้าให้ดีเวลาตื่นนอนเอาอีกนิด ไม่ต้องลุกถ้าไม่ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ พอตื่นปั๊บเอาอีกหน่อย จับลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า “พุท” หายใจออกนึกว่า “โธ” ๒ – ๓ ครั้งก็พอแล้ว จิตไม่นึกถึงใคร แค่นี้ใช้ได้ทุกวัน ขอยืนยันว่าลงนรกไม่ได้

ผู้ถาม – “แล้วถ้าจะไปนิพพานละค่ะ?”

หลวงพ่อ – ง่ายนิดเดียว แบบนี้ แบบนี้ต้องใช้วิปัสสนาญาณช่วย ก่อนนอนปั๊บนึกว่าเกิดนี่มันเป็นทุกข์ งานทุกอย่างนี่มันเหนื่อย มันเป็นทุกข์ ไอ้การเกิดมีร่างกายมีทุกข์อย่างนี้เราไม่ต้องการอีกขอไปนิพพานชาตินี้ แล้วภาวนาว่า “พุทธโธ” นี่ง่ายนิดเดียว แล้วก็อย่าคิดว่าใช้เวลาเล็กน้อยไม่มีผลนะ

ถ้าเวลาป่วย ป่วยมากๆ อาการเครียดจะตาย ถึงจะยังไม่ตายก็ตาม แต่ทำท่าจะตาย อารมณ์นี้ทั้งหมดมันจะรวมตัว และจิตจะเป็น “สังขารุเปกขาญาณ” จะวางเฉย

ถ้าถามว่าตำราไหน อาตมาประสบมาแล้ว เพราะเคยตายหลายครั้ง ชิน ถ้าถึงวาระนั้นมันวางหมด เฉยๆ ไม่ต้องเอาอะไรไปบังคับมันหรอก มันจะเฉยหมด คนก็เฉย สัตว์ก็เฉย วัตถุธาตุสมบัติเฉยหมด ก็คิดว่าแม้ร่างกายมันจะตายจะสนใจอะไร มันเฉย มันเฉยจริงๆ และก็มีหลายคนมีสภาพแบบนี้นะ หลายๆคนมาหายแล้วก็มีภาระยุ่ง เขาเลยบอก แหม…มันไม่น่าหายเลย น่าจะป่วยอยู่เรื่อยๆ แล้วตายไปเลยใช่ไหม ไม่ต้องมาก แค่นี้พอ

ดีกว่าคนไปนั่งเป๋งนานๆ แต่ตอนที่นั่งหลับตาไม่แน่นะ ภาวนาหรือนินทาใครก็ไม่รู้ ถ้าว่าจะเอากันให้ดีจริงๆ ภาวนาให้หลับจะดีมาก ก็ถือว่าเราเป็นผู้ทรงฌานทุกวัน ถ้าถามว่าภาวนาใช้เวลาเท่าไหร่ ถ้าพุท ไม่ทันโธ หลับ ยิ่งดีใหญ่ จิตเข้าถึงฌานเร็ว ไอ้นี่เขาต้องการนะ จิตเข้าถึงฌานเร็วะ

ฉันว่าแล้ว คนที่ไม่มีเวลาคือคนขี้เกียจ(หัวเราะ) ว่าไงเวลามีตั้งเยอะไปใช่ไหม

สำคัญที่คุณภาพ
ผู้ถาม – “หลวงพ่อคะ ถ้าทำแบบหลวงพ่อว่า ก่อนนอนและเวลาตื่นเช้าอย่างเดียวจะได้ไหมคะ…?”
หลวงพ่อ – ก็เหลือแหล่แล้ว จริงๆ แล้วมันเหลือแลห่จริงๆนะคือ จิตเวลานั้นให้มันบริสุทธิ์จริงๆ ใช่ไหม อีแค่ ๒ – ๓ นาทีก็ช่างปะไรและอย่าลืมว่าทุกอย่างที่เราทำได้แล้วจะรวมตัวไม่ไปไหนนี่ มันรวมเลย เข้าไปสะสมตัวเลย

ถ้าเรานั่งครึ่งชั่วโมง ดีไม่ดีสมาธิไม่ได้ ๒ นาทีล่ะ เมื่อยบ้าง ปวดบ้าง ตอนภาวนาให้หลับนี่สมัยก่อนที่ยังฝึกอยู่ ที่หลวงพ่อปานท่านส่งไปหาอาจารย์ต่างๆ ทุกองค์สอนเหมือนกันหมดบอกว่ามันเป็นวิธีที่ได้กำไรมากที่สุด ภาวนาจนหลับนี่นะ และหลับกี่ชั่วโมงเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ และอารมณ์มันจะชินพอตื่นขึ้นมาปั๊บ

ทีนี้การทรงสมาธิเป็นฌานมันมี ๓ ชั้น ฌาน ๑, ๒, ๓, มี ๓ อย่าง อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียดเราจะสังเกตได้เวลาตื่น พอเริ่มตื่นพั๊บเต็มที่บังคับให้ภาวนา แสดงว่าขณะที่หลับเราเข้าถึง ฌานหยาบ นะ

ทีนี้พอตื่นพั๊บเราภาวนาเองทันทีเลยโดยไม่ต้องบังคับตื่นรู้สึกตัวเต็มที่นะ อย่างนี้เวลาจะหลับเข้าถึง ฌานอย่างกลาง

ถ้าว่าครึ่งหลับครึ่งตื่นมันภาวนาออกมาเลย อันนี้เข้าถึง ฌานละเอียด เป็นเครื่องพิจารณา เป็นเครื่องพิสูจน์ ง่ายดีสะดวกดีได้กำไรมาก

สังเกตดูพระที่ได้แล้วท่านสอนไม่ยาก ที่ไปเรียนกับท่านล่ะนะ เหมือนกันหมด ถามว่าหลวงพ่อครับ ทำไมสอนไม่ยากเหมือนตำรา บอกกูไม่ได้ถือตำรามาสอนนี่หว่า กูถือความจริง สมัยก่อนท่านใช้ยังงี้นะ ตอนยังหนุ่ม กูไม่ถือตำรานี่หว่า ตำราอ่านไม่ออก ตาไม่เห็น สอนความจริง

หมายถึงว่าสอนที่ท่านได้มาแล้ว ท่านทำได้แล้วใช่ไหม ท่านเข้าใจว่าอะไรมันถูกอะไรมันควร อย่างไหนมีประโยชน์มาก อย่างไหนมีประโยชน์น้อย นั่งตึ้งชั่วโมงไม่ใช่จะมีประโยชน์ทั้งชั่วโมงสังเกตดูเดี๋ยวมึงก็มากูก็มา แทรกเข้ามาเรื่อย อันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์จิตเข้าถึงฌานหรือไม่ถึงอีตอนหลับ

ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า “ความรู้ทั้งหมดที่ตถาคตนำมาสอนไม่ใช่ของใหม่ มันมีแล้วในโลก”

คือคนนี่มีสมาธิอยู่แล้ว สมาธินี่มีทุกคนน่ะ ฌานนี่มีทุกคน เพราะคนหลับได้ คนไหนหลับได้คนนั้นมีฌาน ถ้าจิตไม่สงบถึงฌานก็จะไม่หลับ ขณะที่หลับนี่จิตต้องเข้าถึงฌาน ไอ้คำว่าสมาธิคือตั้งใจ เวลานี้เรากินข้าวรู้ว่ากินข้าว นี่เป็นสมาธิ

จากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๙
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ










#อยากเป็นเศรษฐีธรรมก็ต้องทำเอา

อยากได้ดีอย่าขี้เกียจ อยากได้บุญอย่าขี้เกียจ ตื่นตีสอง...ก็เดินตีสอง

สมัยพุทธกาล สมัยพุทธองค์ยังไม่นิพพาน ภิกษุณีเขาเอาจริงเอาจัง บางองค์บวชใหม่ๆ บางทีไม่ถึง ๑๐ วัน ๗ วัน ๗ คืน...บรรลุธรรมเลยก็มี

ความขี้เกียจก็คือกิเลส มันดีงเราไม่ให้ภาวนา ถ้าทำได้เรื่อยไปก็เหมือนเราเก็บเงินฝากธนาคาร ได้หนึ่งล้านไม่พอจะเอาร้อยล้าน ยิ่งทำไปยิ่งสงบ ไปๆ มาๆ คิดย้อนหลังเสียดายเวลาน่าจะทำมานานแล้ว ความขี้เกียจจะหายเลย

"อยากเป็นเศรษฐีธรรม ก็ต้องทำเอา" ...ทำเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น

#หลวงปู่เจม จิรธมฺโม
สำนักสงฆ์ห้วยลึก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
๒๗ มิ.ย.๖๓










“ความทุกข์” เปรียบเสมือน
การแบกหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเอาไว้

ระหว่างทางปากเราก็บ่นว่าหนัก
พยายามเรียกหาคนช่วย
บนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทำสารพัดวิธีเพื่อหวังให้สบายขึ้น

แต่สิ่งเดียวที่เราไม่ทำ คือ
วางหินก้อนนั้นลง
เมื่อรู้สึกหนักจึงทำให้เราเกิดทุกข์

แต่สิ่งที่ทำให้เราทุกข์นั้นกลับไม่ใช่หิน
แต่เป็นเพราะการแบกหิน

ดังนั้นวิธีที่จะทำให้เราหลุดพ้นได้ คือ
“วางมันลง”

#พระไพศาล วิสาโล










...ฝึกไปเถิดง่ายจะตายไป
ไม่ใช่การแบกของหนักหนาสาหัสอะไร
“ ท่องพุทโธๆไป เท่านั้น “

.
หรือถ้าไม่ชอบท่องท่านก็สอนให้
เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของร่างกายก็ได้
ทุกอิริยาบถที่ร่างกายกำลังเคลื่อนไหวนี้
ให้เฝ้าดูตลอดเวลา

.
หันหน้าไปทางซ้าย
ก็รู้ว่าหันหน้าไปทางซ้าย
หันหน้าไปทางขวา ยกมือขึ้นมา
ทำอะไร ทุกขณะ ..ร่างกายทำอะไร

“ ให้เฝ้าอยู่กับร่างกาย
ไม่ให้ไปคิดเรื่องอื่น “

แล้วต่อไป มันก็จะไม่คิด.. มันจะรู้เฉยๆ
“ พอไม่คิด มันก็จะเหลือแต่ตัวรู้"
ตัวรู้ก็..ถ้ารู้เฉยๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร.
...............................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 16/9/2557
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"พระพุทธศาสนา"
เปรียบเหมือนน้ำอมฤต
อันบริสุทธิ์ปราศจากโทษ

ผู้ถือพระพุทธศาสนา
ก็เท่ากับผู้บริโภคน้ำ
อันบริสุทธิ์ ผู้บริโภคมาก
ก็ได้รับความสุขมาก
ผู้บริโภคน้อยก็ได้รับ
ความสุขน้อย
สมควรแก่ภูมิของตน "

โอวาทธรรม
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
(จันทร์ สิริจันโท)









#มีหนังแผ่นเดียว
#มีจิตดวงเดียวเท่านั้น

ก็หนังแผ่นเดียวมันหุ้มอยู่ทั้งหมดกับทะลุ ๙ ช่อง นะวะทะวารัง ทะลุทางตา ๒ หู ๒ จมูก ๒ ปาก ทวารหนัก ทวารเบา

#หนังแผ่นเดียวนี้ก็ไม่มีเจ้าของ

นามรูปไม่มีเจ้าของ ใช้ได้แล้วเข้าทางแล้ว รูปฌานเป็นเจ้าของไม่ได้ อรูปฌานก็เป็นเจ้าของไม่ได้

#จับก็จับไปซิ #จับแต่หนัง #ไม่ได้จับตัว

ตัวมีที่ไหนล่ะ พออริยมรรค ๔ อริยผล ๔ ทำงาน พอหมดแล้วไม่มีเจ้าของแล้ว

#หนังแผ่นเดียวมันรักษาง่าย

อยู่ในท้องก็มีเท่านี้แหละ ออกจากท้องมาแล้วก็มีเท่านี้แหละ หมดไป ๑๐๐ ชั่วโมง ๑๐๐ วัน ก็มีหนังแผ่นเดียวเท่านี้แหละ ตื่นขึ้นมาก็มีหนังแผ่นเดียว จะดับไปก็หนังแผ่นเดียว

#จะมาเกิดอีกก็มีแค่หนังแผ่นเดียวเท่านี้

ยังไม่เชื่อกัน ไม่เชื่อธรรมะก็ตามใจซิ

#อยากดูหนัง #ก็ให้ดูหนัง
#เรามีให้ดูตลอดเวลา

ดูตามนี้ธรรมะดีขึ้น หนังมันดีลง จะไปติดอะไรกับหนัง จะไปเสียดายอะไรกับหนัง แค่กระดาษห่อขนมปังเท่านั้นเอง คนรู้นะ เขาทิ้งกระดาษห่อขนมปังทั้งนั้น

พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ท่านรู้อย่างนี้ ท่านไม่หลงไม่ลืม

#แล้วเราจะอวดดี
#ไปหลงไปลืมทำไม

__
#หลวงปู่บุดดา #ถาวโร











การที่มีศีลบริสุทธิ์. เป็นบันไดให้ก้าว. เข้าสู่พระนิพพาน

หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง








#ความรัก #มันไม่แน่นอน…

นี่พระพุทธเจ้าจึงว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน เป็นของไม่เที่ยงทำให้ก่อบาปทั้งนั้น

#เรานึกอย่างนี้เริ่มเบื่อหน่าย

หน่ายโลก ยิ่งพิจารณาเรื่องอสุภะครั้งแรกเราพิจารณาอสุภะ พิจารณาตั้งแต่เราเกิดเป็นเด็ก แล้วก็พิจารณาเรื่องของเด็ก ผู้หญิงด้วย เด็กผู้ชายด้วย

#ตั้งแต่เกิดขึ้นมาตัวเล็กๆ #เป็นอย่างไร

พอโตขึ้นมา พอเข้าโรงเรียนเป็นอย่างไร โตขึ้นมาเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นยังไง พอมาแต่งงานแล้ว เป็นยังไง มีลูกคลอดลูกออกมาเป็นอย่างไง แก่เฒ่าชรามาแล้วเป็นอย่างไร

#เริ่ม…#เบื่อหน่ายไป ๆ #สภาพร่างกายสังขารเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ

นี่เป็นเรื่องการคิดถึงเรื่องอสุภะ พิจารณาแล้วก็เบื่อไป พอจิตกำหนดเป็นสมาธิเข้ามา จะเห็นร่างกายของตัวเองเน่าเปื่อย เลือดเนื้อเปื่อยยุ้ยออกไป เห็นแต่โครงกระดูก

เห็นผู้หญิงยืนอยู่ รูปร่างสวยงาม สักพักหนึ่งตัวก็ดำคล้ำ เหียวย่น เน่าเปื่อยยืนอยู่มีแต่โครงร่างกระดูก ทำให้จิตใจของเรานี้ ไม่ต้องการโลกอันนี้เลย เห็นความไม่เที่ยงในสังขาร นี่คือความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจากสมาธิ

___
#หลวงปู่ไม #อินฺทสิริ
#วัดป่าเขาภูหลวง จ.นครราชสีมา









อ่านหนังสือมามากแล้ว. แต่โอกาสที่จะอ่านใจของตัวเองน่ะ. หายากมาก

หลวงปู่ชา สุภัทโท.









"วัดนั้น เป็นอย่างนั้น
พระเณรองค์นั้น เป็นอย่างนั้น อย่างนี้
เจ้าของเป็นยังไงไม่ดู"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร