วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 06:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

เพราะคุณยายไม่ได้รู้จริง ตามคำโอ้

ความเคยชินของคุณยาย จึง วกๆๆๆ วนๆๆๆ
เหมาเอง ว่า หลงคิดว่า ความเคยชินนั้น เป็นฌาน

ความเคยชินชั้นต่ำแบบนั้น


ไม่ใช่ฌานในพุทธศาสนา หรอกค่ะ

ความเคยชินในพุทธศาสนา

คือ อารัมมณูปนิชฌาน การเพ่งอารมณ์ ได้แก่ สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4
และ ลักขณูปนิชฌาน การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล

tongue tongue tongue

:b32:
สมาธิเป็นชื่อของเจตสิกชื่อว่าเอกัคตาเจตสิก
สมาธิเกิดกับจิตทุกดวงทั้งกุศลและอกุศล
ทุกดวงเป็นสมาธิใหม่ทุกขณะเลยนะ
เพราะว่าอะไรน๊าอ๋อมันดับทุกขณะจิต
ฌาน=เผาไหมธัมมะฝ่ายตรงข้าม555
ถ้าเป็นปุถุชนทำฌาน=เผาปัญญาทิ้งหมดปกติลืมตาก็หลงผิดไปทำหลับตาก็หลงกว่าเก่า555
ถ้าเป็นอริยบุคคลทำฌาน=พักผ่อนสบายๆชิวๆเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว
เดี๋ยวนี้ยังเอาตัวตนไปท่องพระไตรปิฏกเป็นดิกชันนารี่อยู่เลยเธอเอ๊ยยยย555บอกให้เริ่มฟังก็เป็นไม้แก่อยู่
เมื่อไหร่จะสำนึกได้ว่ายังไม่พึ่งการคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าให้รู้ตัวเลยว่ามีกิเลสแค่ไหนนั่นน่ะ555
สุตมยปัญญา=ฟัง=ความจริงที่ทำได้ตรงปัจุบันขณะเพื่อให้สังขารขันธ์คิดตามเสียงได้แค่นี้ยังตีความไม่ถูก
คิดตรงได้ทีละ1คำตามทีละคำตามลำดับจนกว่าจะคิดตามถูกตัวแล้วรู้สึกตัวว่ายังมีตัว=มีมิจฉาทิฏฐิเยอะอยู่
ถ้าชาติหน้าไปเกิดเป็นแมวก็ลองพูดให้แมวฟังสิ...ลักขณูป...แมวมันฟังรู้เรื่องไหม...บอกว่าเกิดเป็นคนก็ฟังสิ
:b12:
:b32: :b32:


คริคริ

น้ำกลิ้งไปติดไป ติดหู ติดคิดทีละคำๆ ติดใจมากมั๊ยจ๊ะ คุณยายโรส

โอ้แบบคนไม่รู้จุดมุ่งหมายในธรรมจริงๆ


นิพพานน่ะ ไม่เกาะเกี่ยวสิ่งใด ค่ะ

tongue tongue

:b32:
ที่แกโลกสวยเอาแต่สัญญาอ่านพระไตรปิฏกแบบพลิกหน้าหนังสือแค่ลูบคลำอะไรที่แค่แข็งไม่มีตัวตนแกเลย
ท่องจำเสร็จก็นึกเอาว่ากูจำได้เยอะแล้วปัญญากูคงเท่ากะที่ท่องจำตัวอักษรได้หมดเกือบท่องได้หมดแระ555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 06:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะที่เป็นกิจวัตรปกติของอริยบุคคล
ในการระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียรฟังคำจริง
มีศรัทธา/ศีล/สุตะ/จาคะ/ปัญญาเข้าใจคำสอน
คือมีความเลื่อมใสตามปกติที่ฟังเพื่อสละความไม่รู้=เกิดปัญญา
ฟังคำสอนตามปกติที่คนหนึ่งคนพบใครคนนึงแล้ว
เข้าไปคลุกคลีเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมจากพระโอษฐ์
ตัวเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตจดจำตัวตนมามากมาย
เห็นประเพณีที่ทำตามๆกันมาไม่เคยศึกษาคำสอนโดยตรง
ได้แต่ทำตามความเชื่อบรรพบุรุษและคนชักชวนเชื่อให้ทำมากมาย
พอมีใครสักคนมาเตือนให้ฟังไม่สนใจเพราะไม่มีหลักกาลามสูตร10
คือเชื่อแล้วตามที่เคยทำมาแล้วโดยไม่เคยพึ่งพระพุทธเจ้าเลยแม้1คำ
ประมาทการฟังคำสอนเมื่อใดก็เมื่อนั้นกิเลสพอกพูนไปมหาศาลแล้วค่ะ
ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อแต่ปัญญาเป็นอะไรที่เริ่มต้นมาจากการฟังทุกวัน
เพื่อไตร่ตรองว่าสิ่งที่ฟังนี้พระพุทธเจ้าพูดถูกหรือผิดหรือว่าเราฟังผิดคิดผิดอยู่
ฟังเพื่อไม่หลงผิดไปทำสิ่งอื่นตามคนอื่นเพราะขอทานโรคเรื้อนก็ฟังพร้อมคนอื่นนะคะ
ทุกคนที่ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์พร้อมๆกันเข้าใจแตกต่างกันตามระดับปัญญาที่เคยสะสมมา
เราไม่ฟังเลยไม่ศึกษาให้รอบคอบพระพุทธเจ้าอธิบายโดยละเอียดให้ฉลาดรอบรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
พระองค์แสดงธรรมทุกวันคนที่เคยมีปฏิบัติกับเกจิอาจารย์แล้วมาฟังพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจก็ไปหาเกจิอาจารย์
ทราบไหมคะว่าการชักชวนกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยโดยไม่พึ่งสุตมยปัญญาคือมิจฉามรรค
เกจิแปลว่าอื่นๆ/เกจิอาจารย์คืออาจารย์อื่นๆที่ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วแจกแจงละเอียดยิบเกจิอาจารย์ไม่ได้ตรัสรู้
อาจารย์อื่นก็อ่านแล้วก็คิดเอาไปทำคือสอนต่างจากพระพุทธเจ้าค่ะก็พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังให้เข้าใจตามค่ะ
คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยคิดได้ว่าไม่มีตัวเพราะเขาคิดว่าตัวเขาถูกเขาไม่ฟังว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีตัวตน555
ประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่ใช้วัตถุสอนใครใช้คำพูดสอนทั้งคนและเทวดาอินทร์พรหมสมัยนี้เหรอดูให้รู้555
https://youtu.be/lTjW6VpcF1g
:b12:
:b4: :b4:


คริคริ

คุณยายโรสไม่เข้าใจ ในคำสอนแท้จริง

ตัวเองติดใจ ในประเพณี

ติดตามยูทู๊ป จนเป็นประเพณี เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้ตัว

เที่ยวมาสาละวนๆๆๆๆๆ ไปมา กับการเย็บปักถักร้อย

จากการฟังทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็นำมา ประดิษฐ์ความคิดทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถักร้อยประดิษฐ์เป็นมาลัยแสนสวย

ร้อยมาลัย ก็ดูสวยดีนะคะ

แต่ๆๆๆๆ

แบบคุณยายโรสนั่น นั้น เค้าเรียกไทยๆว่า วิชาคหกรรมศาสตร์ ประดิษฐ์เย็บปักถักร้อย ค่ะ
ไม่ใช่การปฎิบัติในพระศาสนา

เกจิอาจารย์น่ะ ออกบวช เกิดบารมี
เค้าเรียกว่า เนกขัมมมะบารมี แปลว่านำออกค่ะ
ใช้กามกิเลส กามวัตถุ เป็นตัวสอน

ถูกต้องตรงตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน

ต่างกันกะ วิชาคหกรรมศาสตร์ ร้อยหูฟัง เข้ากะความคิดเป็นสาย แบบคุณยาย เนาะคะ

tongue tongue tongue

:b32:
ปัญญาคือการแตกฉานในการตีความคำต่างๆในพระไตรปิฏกในภาษาโคตรตัวเอง
ภาษาบรรพบุรุษลึกๆในกมลสันดานแท้จริงตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแบบว่าบวชแล้วเลี่ยงคำ
เปลี่ยนชื่อเงินเป็นปัจจัย555บวชแปลว่าสละแล้วไม่ขอรับอะไรอีกแล้วไม่ทำงานหากินแล้วทิ้งเงิน
หาฉันโดยใช้ปลีแข้งเลียงชีพเดินบิณฑบาตเพื่อรับอาหารไม่เกินขอบบาตรฉันแค่อิ่มไม่เกินเที่ยงก็ทิ้ง
ไม่เก็บกักตุนเสบียงอาหารแห้งใดๆเพราะไม่เลี้ยงดูใครและประกอบอาหารเองไม่ได้ไม่นอนร่วมชายคา
หลังแตะพื้นได้แค่หลังเดียวความกว้างของพื้นที่ที่ใช้นอนใช้ไม่เยอะกุฏิไม่ใหญ่เกินไปเพราะพักได้1ตัวคน
แล้วตัวคนก็มี1ตัวกว้างแค่คืบยาวแค่วาหนาแค่ศอกถ้าเทียบก็พื้นที่ตัวแล้วขนาดก็พอกันกะโลงศพคิดออกมั๊ย
:b32:
แกรู้มั็ยโลกสวยว่าในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดถวายพระองค์
เพราะมีผู้บรรลุอรหันต์จำนวนมากไม่มีที่พักเพราะพระอรหันต์ทุกองค์ไม่ขนสมบัติและญาติมาออกบวชด้วย
แกรู้มั๊ยโลกสวยว่าการใช้มือพลิกตำราเปิดอ่านพระไตรปิฏกแล้วก็ปิดไว้เก็บในตู้พระไตรปิฏกไม่แก้อุปนิสัย
เพราะจับตำรามาอ่านและท่องจำได้หมดเป็นแค่การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติเป็นแค่ดิกชินนารีแต่ตัวคนโง่
เพราะสังขารขันธ์คือปัญญาปรุงแต่งเกิดเข้าใจรายละเอียดจากคนอื่นที่เข้าใจอธิบายเพื่อขูดเพื่อขัดเกลาให้
คำพูดที่อธิบายให้ฟังคือเสียงที่เป็นแสงสว่างในความมืดส่องประทีปที่พระพุทธเจ้าถือและชูขึ้นส่องทางสว่าง
สรุปได้ว่าที่แกโลกสวยเขียนมาคือแกยังไม่รู้จักตัวโคตรเหง้าอวิชชาอยู่เลยแกแปลว่าโคตรโง่เหง้าเต่าตุ่นอยู่
สรุปสั้นๆคนที่ไม่ฟังพระพุทธพจน์จากผู้มีปัญญาแปลว่ายังโง่อยู่เลยล่ะแกลองคิดสิแกบวชรับเงินตกนรกมั๊ย
:b12:
:b16: :b16:

:b16:
ปริยัติ=สุตมยปัญญา=สัจจญาณ=ปัญญาตรงสัจจะตรงปัจจุบันที่คิดไตร่ตรองเข้าใจรายละเอียดข้อประพฤติ
สรุปสั้นๆ...ฟังจริงก็เกิดปัญญาจริง...ไม่ฟังก็ขาดปัญญาคิดไตร่ตรองตามเป็นจริงตามลำดับตรงตามคำสอน
ท่องจำให้ขึ้นใจนะแกโลกสวยอุบาสิกาหรือสีกาทุกตนนอนค้างที่วัดไม่ได้เพราะไม่ได้อุปสมบท
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะที่เป็นกิจวัตรปกติของอริยบุคคล
ในการระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียรฟังคำจริง
มีศรัทธา/ศีล/สุตะ/จาคะ/ปัญญาเข้าใจคำสอน
คือมีความเลื่อมใสตามปกติที่ฟังเพื่อสละความไม่รู้=เกิดปัญญา
ฟังคำสอนตามปกติที่คนหนึ่งคนพบใครคนนึงแล้ว
เข้าไปคลุกคลีเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมจากพระโอษฐ์
ตัวเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตจดจำตัวตนมามากมาย
เห็นประเพณีที่ทำตามๆกันมาไม่เคยศึกษาคำสอนโดยตรง
ได้แต่ทำตามความเชื่อบรรพบุรุษและคนชักชวนเชื่อให้ทำมากมาย
พอมีใครสักคนมาเตือนให้ฟังไม่สนใจเพราะไม่มีหลักกาลามสูตร10
คือเชื่อแล้วตามที่เคยทำมาแล้วโดยไม่เคยพึ่งพระพุทธเจ้าเลยแม้1คำ
ประมาทการฟังคำสอนเมื่อใดก็เมื่อนั้นกิเลสพอกพูนไปมหาศาลแล้วค่ะ
ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อแต่ปัญญาเป็นอะไรที่เริ่มต้นมาจากการฟังทุกวัน
เพื่อไตร่ตรองว่าสิ่งที่ฟังนี้พระพุทธเจ้าพูดถูกหรือผิดหรือว่าเราฟังผิดคิดผิดอยู่
ฟังเพื่อไม่หลงผิดไปทำสิ่งอื่นตามคนอื่นเพราะขอทานโรคเรื้อนก็ฟังพร้อมคนอื่นนะคะ
ทุกคนที่ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์พร้อมๆกันเข้าใจแตกต่างกันตามระดับปัญญาที่เคยสะสมมา
เราไม่ฟังเลยไม่ศึกษาให้รอบคอบพระพุทธเจ้าอธิบายโดยละเอียดให้ฉลาดรอบรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
พระองค์แสดงธรรมทุกวันคนที่เคยมีปฏิบัติกับเกจิอาจารย์แล้วมาฟังพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจก็ไปหาเกจิอาจารย์
ทราบไหมคะว่าการชักชวนกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยโดยไม่พึ่งสุตมยปัญญาคือมิจฉามรรค
เกจิแปลว่าอื่นๆ/เกจิอาจารย์คืออาจารย์อื่นๆที่ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วแจกแจงละเอียดยิบเกจิอาจารย์ไม่ได้ตรัสรู้
อาจารย์อื่นก็อ่านแล้วก็คิดเอาไปทำคือสอนต่างจากพระพุทธเจ้าค่ะก็พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังให้เข้าใจตามค่ะ
คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยคิดได้ว่าไม่มีตัวเพราะเขาคิดว่าตัวเขาถูกเขาไม่ฟังว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีตัวตน555
ประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่ใช้วัตถุสอนใครใช้คำพูดสอนทั้งคนและเทวดาอินทร์พรหมสมัยนี้เหรอดูให้รู้555
https://youtu.be/lTjW6VpcF1g
:b12:
:b4: :b4:


คริคริ

คุณยายโรสไม่เข้าใจ ในคำสอนแท้จริง

ตัวเองติดใจ ในประเพณี

ติดตามยูทู๊ป จนเป็นประเพณี เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้ตัว

เที่ยวมาสาละวนๆๆๆๆๆ ไปมา กับการเย็บปักถักร้อย

จากการฟังทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็นำมา ประดิษฐ์ความคิดทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถักร้อยประดิษฐ์เป็นมาลัยแสนสวย

ร้อยมาลัย ก็ดูสวยดีนะคะ

แต่ๆๆๆๆ

แบบคุณยายโรสนั่น นั้น เค้าเรียกไทยๆว่า วิชาคหกรรมศาสตร์ ประดิษฐ์เย็บปักถักร้อย ค่ะ
ไม่ใช่การปฎิบัติในพระศาสนา

เกจิอาจารย์น่ะ ออกบวช เกิดบารมี
เค้าเรียกว่า เนกขัมมมะบารมี แปลว่านำออกค่ะ
ใช้กามกิเลส กามวัตถุ เป็นตัวสอน

ถูกต้องตรงตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน

ต่างกันกะ วิชาคหกรรมศาสตร์ ร้อยหูฟัง เข้ากะความคิดเป็นสาย แบบคุณยาย เนาะคะ

tongue tongue tongue

:b32:
ปัญญาคือการแตกฉานในการตีความคำต่างๆในพระไตรปิฏกในภาษาโคตรตัวเอง
ภาษาบรรพบุรุษลึกๆในกมลสันดานแท้จริงตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแบบว่าบวชแล้วเลี่ยงคำ
เปลี่ยนชื่อเงินเป็นปัจจัย555บวชแปลว่าสละแล้วไม่ขอรับอะไรอีกแล้วไม่ทำงานหากินแล้วทิ้งเงิน
หาฉันโดยใช้ปลีแข้งเลียงชีพเดินบิณฑบาตเพื่อรับอาหารไม่เกินขอบบาตรฉันแค่อิ่มไม่เกินเที่ยงก็ทิ้ง
ไม่เก็บกักตุนเสบียงอาหารแห้งใดๆเพราะไม่เลี้ยงดูใครและประกอบอาหารเองไม่ได้ไม่นอนร่วมชายคา
หลังแตะพื้นได้แค่หลังเดียวความกว้างของพื้นที่ที่ใช้นอนใช้ไม่เยอะกุฏิไม่ใหญ่เกินไปเพราะพักได้1ตัวคน
แล้วตัวคนก็มี1ตัวกว้างแค่คืบยาวแค่วาหนาแค่ศอกถ้าเทียบก็พื้นที่ตัวแล้วขนาดก็พอกันกะโลงศพคิดออกมั๊ย
:b32:
แกรู้มั็ยโลกสวยว่าในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดถวายพระองค์
เพราะมีผู้บรรลุอรหันต์จำนวนมากไม่มีที่พักเพราะพระอรหันต์ทุกองค์ไม่ขนสมบัติและญาติมาออกบวชด้วย
แกรู้มั๊ยโลกสวยว่าการใช้มือพลิกตำราเปิดอ่านพระไตรปิฏกแล้วก็ปิดไว้เก็บในตู้พระไตรปิฏกไม่แก้อุปนิสัย
เพราะจับตำรามาอ่านและท่องจำได้หมดเป็นแค่การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติเป็นแค่ดิกชินนารีแต่ตัวคนโง่
เพราะสังขารขันธ์คือปัญญาปรุงแต่งเกิดเข้าใจรายละเอียดจากคนอื่นที่เข้าใจอธิบายเพื่อขูดเพื่อขัดเกลาให้
คำพูดที่อธิบายให้ฟังคือเสียงที่เป็นแสงสว่างในความมืดส่องประทีปที่พระพุทธเจ้าถือและชูขึ้นส่องทางสว่าง
สรุปได้ว่าที่แกโลกสวยเขียนมาคือแกยังไม่รู้จักตัวโคตรเหง้าอวิชชาอยู่เลยแกแปลว่าโคตรโง่เหง้าเต่าตุ่นอยู่
สรุปสั้นๆคนที่ไม่ฟังพระพุทธพจน์จากผู้มีปัญญาแปลว่ายังโง่อยู่เลยล่ะแกลองคิดสิแกบวชรับเงินตกนรกมั๊ย
:b12:
:b16: :b16:

:b16:
ปริยัติ=สุตมยปัญญา=สัจจญาณ=ปัญญาตรงสัจจะตรงปัจจุบันที่คิดไตร่ตรองเข้าใจรายละเอียดข้อประพฤติ
สรุปสั้นๆ...ฟังจริงก็เกิดปัญญาจริง...ไม่ฟังก็ขาดปัญญาคิดไตร่ตรองตามเป็นจริงตามลำดับตรงตามคำสอน
ท่องจำให้ขึ้นใจนะแกโลกสวยอุบาสิกาหรือสีกาทุกตนนอนค้างที่วัดไม่ได้เพราะไม่ได้อุปสมบท
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12: :b12: :b12: :b12:


คริคริ

วิชชาคุณยาย เปรียบดังวิชชาคหกรรมศาสตร์

เป็นวิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิงพิง ฟังยูทู๊ป และนอนหลับไหล
เก็บแสงดาว เก็บแสงเดือน มาร้อย เป็นมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลิ้ง กลางไพร มาคล้องใจ เรียกยอดไลค์ มาฟังรวมกัน



เอาอีกแระคุณยาย
เพราะคุณยายไม่เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ว่า ปริยัติสูงสุด

มีแต่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน

ไม่มีโลกสวย ไม่มีเงิน ไม่มีวัด ไม่มีปัญญา ไม่มีนรก สวรรค์ อันนั้นไม่ใช่ปริยัติสูงสุด

ปริยัติสูงสุด มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นค่ะ

เพราะคุณยายไม่เรียนปฎิจจสมุปาท
เรยไม่รู้ว่า

ปัญญาเจตสิก เป็นสังขาร เป้นโครตเหง้าเต่าตุ่น เป็นบรรพบุรุษ กำเนิดจากอวิชชา ทำให้เกิดสังขาร

อุบาสก อุบาสิกา ที่บรรลุอริยะโสดาบันขึ้นไป เค้าแน่วแน่ เค้าไปนิพพานโฮมสเตย์กันค่ะ
เค้าไม่ทำใจ ค้างกันที่วัดหรอกค่ะ

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะที่เป็นกิจวัตรปกติของอริยบุคคล
ในการระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียรฟังคำจริง
มีศรัทธา/ศีล/สุตะ/จาคะ/ปัญญาเข้าใจคำสอน
คือมีความเลื่อมใสตามปกติที่ฟังเพื่อสละความไม่รู้=เกิดปัญญา
ฟังคำสอนตามปกติที่คนหนึ่งคนพบใครคนนึงแล้ว
เข้าไปคลุกคลีเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมจากพระโอษฐ์
ตัวเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตจดจำตัวตนมามากมาย
เห็นประเพณีที่ทำตามๆกันมาไม่เคยศึกษาคำสอนโดยตรง
ได้แต่ทำตามความเชื่อบรรพบุรุษและคนชักชวนเชื่อให้ทำมากมาย
พอมีใครสักคนมาเตือนให้ฟังไม่สนใจเพราะไม่มีหลักกาลามสูตร10
คือเชื่อแล้วตามที่เคยทำมาแล้วโดยไม่เคยพึ่งพระพุทธเจ้าเลยแม้1คำ
ประมาทการฟังคำสอนเมื่อใดก็เมื่อนั้นกิเลสพอกพูนไปมหาศาลแล้วค่ะ
ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อแต่ปัญญาเป็นอะไรที่เริ่มต้นมาจากการฟังทุกวัน
เพื่อไตร่ตรองว่าสิ่งที่ฟังนี้พระพุทธเจ้าพูดถูกหรือผิดหรือว่าเราฟังผิดคิดผิดอยู่
ฟังเพื่อไม่หลงผิดไปทำสิ่งอื่นตามคนอื่นเพราะขอทานโรคเรื้อนก็ฟังพร้อมคนอื่นนะคะ
ทุกคนที่ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์พร้อมๆกันเข้าใจแตกต่างกันตามระดับปัญญาที่เคยสะสมมา
เราไม่ฟังเลยไม่ศึกษาให้รอบคอบพระพุทธเจ้าอธิบายโดยละเอียดให้ฉลาดรอบรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
พระองค์แสดงธรรมทุกวันคนที่เคยมีปฏิบัติกับเกจิอาจารย์แล้วมาฟังพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจก็ไปหาเกจิอาจารย์
ทราบไหมคะว่าการชักชวนกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยโดยไม่พึ่งสุตมยปัญญาคือมิจฉามรรค
เกจิแปลว่าอื่นๆ/เกจิอาจารย์คืออาจารย์อื่นๆที่ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วแจกแจงละเอียดยิบเกจิอาจารย์ไม่ได้ตรัสรู้
อาจารย์อื่นก็อ่านแล้วก็คิดเอาไปทำคือสอนต่างจากพระพุทธเจ้าค่ะก็พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังให้เข้าใจตามค่ะ
คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยคิดได้ว่าไม่มีตัวเพราะเขาคิดว่าตัวเขาถูกเขาไม่ฟังว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีตัวตน555
ประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่ใช้วัตถุสอนใครใช้คำพูดสอนทั้งคนและเทวดาอินทร์พรหมสมัยนี้เหรอดูให้รู้555
https://youtu.be/lTjW6VpcF1g
:b12:
:b4: :b4:


คริคริ

คุณยายโรสไม่เข้าใจ ในคำสอนแท้จริง

ตัวเองติดใจ ในประเพณี

ติดตามยูทู๊ป จนเป็นประเพณี เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้ตัว

เที่ยวมาสาละวนๆๆๆๆๆ ไปมา กับการเย็บปักถักร้อย

จากการฟังทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็นำมา ประดิษฐ์ความคิดทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถักร้อยประดิษฐ์เป็นมาลัยแสนสวย

ร้อยมาลัย ก็ดูสวยดีนะคะ

แต่ๆๆๆๆ

แบบคุณยายโรสนั่น นั้น เค้าเรียกไทยๆว่า วิชาคหกรรมศาสตร์ ประดิษฐ์เย็บปักถักร้อย ค่ะ
ไม่ใช่การปฎิบัติในพระศาสนา

เกจิอาจารย์น่ะ ออกบวช เกิดบารมี
เค้าเรียกว่า เนกขัมมมะบารมี แปลว่านำออกค่ะ
ใช้กามกิเลส กามวัตถุ เป็นตัวสอน

ถูกต้องตรงตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน

ต่างกันกะ วิชาคหกรรมศาสตร์ ร้อยหูฟัง เข้ากะความคิดเป็นสาย แบบคุณยาย เนาะคะ

tongue tongue tongue

:b32:
ปัญญาคือการแตกฉานในการตีความคำต่างๆในพระไตรปิฏกในภาษาโคตรตัวเอง
ภาษาบรรพบุรุษลึกๆในกมลสันดานแท้จริงตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแบบว่าบวชแล้วเลี่ยงคำ
เปลี่ยนชื่อเงินเป็นปัจจัย555บวชแปลว่าสละแล้วไม่ขอรับอะไรอีกแล้วไม่ทำงานหากินแล้วทิ้งเงิน
หาฉันโดยใช้ปลีแข้งเลียงชีพเดินบิณฑบาตเพื่อรับอาหารไม่เกินขอบบาตรฉันแค่อิ่มไม่เกินเที่ยงก็ทิ้ง
ไม่เก็บกักตุนเสบียงอาหารแห้งใดๆเพราะไม่เลี้ยงดูใครและประกอบอาหารเองไม่ได้ไม่นอนร่วมชายคา
หลังแตะพื้นได้แค่หลังเดียวความกว้างของพื้นที่ที่ใช้นอนใช้ไม่เยอะกุฏิไม่ใหญ่เกินไปเพราะพักได้1ตัวคน
แล้วตัวคนก็มี1ตัวกว้างแค่คืบยาวแค่วาหนาแค่ศอกถ้าเทียบก็พื้นที่ตัวแล้วขนาดก็พอกันกะโลงศพคิดออกมั๊ย
:b32:
แกรู้มั็ยโลกสวยว่าในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดถวายพระองค์
เพราะมีผู้บรรลุอรหันต์จำนวนมากไม่มีที่พักเพราะพระอรหันต์ทุกองค์ไม่ขนสมบัติและญาติมาออกบวชด้วย
แกรู้มั๊ยโลกสวยว่าการใช้มือพลิกตำราเปิดอ่านพระไตรปิฏกแล้วก็ปิดไว้เก็บในตู้พระไตรปิฏกไม่แก้อุปนิสัย
เพราะจับตำรามาอ่านและท่องจำได้หมดเป็นแค่การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติเป็นแค่ดิกชินนารีแต่ตัวคนโง่
เพราะสังขารขันธ์คือปัญญาปรุงแต่งเกิดเข้าใจรายละเอียดจากคนอื่นที่เข้าใจอธิบายเพื่อขูดเพื่อขัดเกลาให้
คำพูดที่อธิบายให้ฟังคือเสียงที่เป็นแสงสว่างในความมืดส่องประทีปที่พระพุทธเจ้าถือและชูขึ้นส่องทางสว่าง
สรุปได้ว่าที่แกโลกสวยเขียนมาคือแกยังไม่รู้จักตัวโคตรเหง้าอวิชชาอยู่เลยแกแปลว่าโคตรโง่เหง้าเต่าตุ่นอยู่
สรุปสั้นๆคนที่ไม่ฟังพระพุทธพจน์จากผู้มีปัญญาแปลว่ายังโง่อยู่เลยล่ะแกลองคิดสิแกบวชรับเงินตกนรกมั๊ย
:b12:
:b16: :b16:

:b16:
ปริยัติ=สุตมยปัญญา=สัจจญาณ=ปัญญาตรงสัจจะตรงปัจจุบันที่คิดไตร่ตรองเข้าใจรายละเอียดข้อประพฤติ
สรุปสั้นๆ...ฟังจริงก็เกิดปัญญาจริง...ไม่ฟังก็ขาดปัญญาคิดไตร่ตรองตามเป็นจริงตามลำดับตรงตามคำสอน
ท่องจำให้ขึ้นใจนะแกโลกสวยอุบาสิกาหรือสีกาทุกตนนอนค้างที่วัดไม่ได้เพราะไม่ได้อุปสมบท
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12: :b12: :b12: :b12:


คริคริ

วิชชาคุณยาย เปรียบดังวิชชาคหกรรมศาสตร์

เป็นวิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิงพิง ฟังยูทู๊ป และนอนหลับไหล
เก็บแสงดาว เก็บแสงเดือน มาร้อย เป็นมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลิ้ง กลางไพร มาคล้องใจ เรียกยอดไลค์ มาฟังรวมกัน



เอาอีกแระคุณยาย
เพราะคุณยายไม่เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ว่า ปริยัติสูงสุด

มีแต่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน

ไม่มีโลกสวย ไม่มีเงิน ไม่มีวัด ไม่มีปัญญา ไม่มีนรก สวรรค์ อันนั้นไม่ใช่ปริยัติสูงสุด

ปริยัติสูงสุด มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นค่ะ

เพราะคุณยายไม่เรียนปฎิจจสมุปาท
เรยไม่รู้ว่า

ปัญญาเจตสิก เป็นสังขาร เป้นโครตเหง้าเต่าตุ่น เป็นบรรพบุรุษ กำเนิดจากอวิชชา ทำให้เกิดสังขาร

อุบาสก อุบาสิกา ที่บรรลุอริยะโสดาบันขึ้นไป เค้าแน่วแน่ เค้าไปนิพพานโฮมสเตย์กันค่ะ
เค้าไม่ทำใจ ค้างกันที่วัดหรอกค่ะ

tongue tongue tongue

ถามจริงๆนะตอนนี้รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเห็นผิดกำลังคิดผิดมีอวิชชาแล้วมืดบอดสนิทเห็นผิดแล้วควักมาล้างดิ
จิตเห็น1ขณะมีแค่สีล้วนสีเดียวเช่นขาวล้วนไม่มีรูปร่างอะไรเลยดับแล้วก็ตอนคิดไม่มีเห็นไม่มีแสงสว่าง555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
:b32:
คิดเห็นผิดอยู่กำลังมีอวิชชาก็ไม่รู้
แค่เห็นมือตัวเองจับมือถือกิเลสอวิชชาไหลดั่งห่าฝน
ฟังบ้างก็ได้เผื่อดับเห็นผิดเกิดสติขึ้นมาได้อีกนิดนุงก็ยังดีน๊า
https://youtu.be/YwGuuu0k5rs
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะที่เป็นกิจวัตรปกติของอริยบุคคล
ในการระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียรฟังคำจริง
มีศรัทธา/ศีล/สุตะ/จาคะ/ปัญญาเข้าใจคำสอน
คือมีความเลื่อมใสตามปกติที่ฟังเพื่อสละความไม่รู้=เกิดปัญญา
ฟังคำสอนตามปกติที่คนหนึ่งคนพบใครคนนึงแล้ว
เข้าไปคลุกคลีเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมจากพระโอษฐ์
ตัวเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตจดจำตัวตนมามากมาย
เห็นประเพณีที่ทำตามๆกันมาไม่เคยศึกษาคำสอนโดยตรง
ได้แต่ทำตามความเชื่อบรรพบุรุษและคนชักชวนเชื่อให้ทำมากมาย
พอมีใครสักคนมาเตือนให้ฟังไม่สนใจเพราะไม่มีหลักกาลามสูตร10
คือเชื่อแล้วตามที่เคยทำมาแล้วโดยไม่เคยพึ่งพระพุทธเจ้าเลยแม้1คำ
ประมาทการฟังคำสอนเมื่อใดก็เมื่อนั้นกิเลสพอกพูนไปมหาศาลแล้วค่ะ
ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อแต่ปัญญาเป็นอะไรที่เริ่มต้นมาจากการฟังทุกวัน
เพื่อไตร่ตรองว่าสิ่งที่ฟังนี้พระพุทธเจ้าพูดถูกหรือผิดหรือว่าเราฟังผิดคิดผิดอยู่
ฟังเพื่อไม่หลงผิดไปทำสิ่งอื่นตามคนอื่นเพราะขอทานโรคเรื้อนก็ฟังพร้อมคนอื่นนะคะ
ทุกคนที่ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์พร้อมๆกันเข้าใจแตกต่างกันตามระดับปัญญาที่เคยสะสมมา
เราไม่ฟังเลยไม่ศึกษาให้รอบคอบพระพุทธเจ้าอธิบายโดยละเอียดให้ฉลาดรอบรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
พระองค์แสดงธรรมทุกวันคนที่เคยมีปฏิบัติกับเกจิอาจารย์แล้วมาฟังพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจก็ไปหาเกจิอาจารย์
ทราบไหมคะว่าการชักชวนกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยโดยไม่พึ่งสุตมยปัญญาคือมิจฉามรรค
เกจิแปลว่าอื่นๆ/เกจิอาจารย์คืออาจารย์อื่นๆที่ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วแจกแจงละเอียดยิบเกจิอาจารย์ไม่ได้ตรัสรู้
อาจารย์อื่นก็อ่านแล้วก็คิดเอาไปทำคือสอนต่างจากพระพุทธเจ้าค่ะก็พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังให้เข้าใจตามค่ะ
คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยคิดได้ว่าไม่มีตัวเพราะเขาคิดว่าตัวเขาถูกเขาไม่ฟังว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีตัวตน555
ประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่ใช้วัตถุสอนใครใช้คำพูดสอนทั้งคนและเทวดาอินทร์พรหมสมัยนี้เหรอดูให้รู้555
https://youtu.be/lTjW6VpcF1g
:b12:
:b4: :b4:


คริคริ

คุณยายโรสไม่เข้าใจ ในคำสอนแท้จริง

ตัวเองติดใจ ในประเพณี

ติดตามยูทู๊ป จนเป็นประเพณี เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้ตัว

เที่ยวมาสาละวนๆๆๆๆๆ ไปมา กับการเย็บปักถักร้อย

จากการฟังทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็นำมา ประดิษฐ์ความคิดทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถักร้อยประดิษฐ์เป็นมาลัยแสนสวย

ร้อยมาลัย ก็ดูสวยดีนะคะ

แต่ๆๆๆๆ

แบบคุณยายโรสนั่น นั้น เค้าเรียกไทยๆว่า วิชาคหกรรมศาสตร์ ประดิษฐ์เย็บปักถักร้อย ค่ะ
ไม่ใช่การปฎิบัติในพระศาสนา

เกจิอาจารย์น่ะ ออกบวช เกิดบารมี
เค้าเรียกว่า เนกขัมมมะบารมี แปลว่านำออกค่ะ
ใช้กามกิเลส กามวัตถุ เป็นตัวสอน

ถูกต้องตรงตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน

ต่างกันกะ วิชาคหกรรมศาสตร์ ร้อยหูฟัง เข้ากะความคิดเป็นสาย แบบคุณยาย เนาะคะ

tongue tongue tongue

:b32:
ปัญญาคือการแตกฉานในการตีความคำต่างๆในพระไตรปิฏกในภาษาโคตรตัวเอง
ภาษาบรรพบุรุษลึกๆในกมลสันดานแท้จริงตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแบบว่าบวชแล้วเลี่ยงคำ
เปลี่ยนชื่อเงินเป็นปัจจัย555บวชแปลว่าสละแล้วไม่ขอรับอะไรอีกแล้วไม่ทำงานหากินแล้วทิ้งเงิน
หาฉันโดยใช้ปลีแข้งเลียงชีพเดินบิณฑบาตเพื่อรับอาหารไม่เกินขอบบาตรฉันแค่อิ่มไม่เกินเที่ยงก็ทิ้ง
ไม่เก็บกักตุนเสบียงอาหารแห้งใดๆเพราะไม่เลี้ยงดูใครและประกอบอาหารเองไม่ได้ไม่นอนร่วมชายคา
หลังแตะพื้นได้แค่หลังเดียวความกว้างของพื้นที่ที่ใช้นอนใช้ไม่เยอะกุฏิไม่ใหญ่เกินไปเพราะพักได้1ตัวคน
แล้วตัวคนก็มี1ตัวกว้างแค่คืบยาวแค่วาหนาแค่ศอกถ้าเทียบก็พื้นที่ตัวแล้วขนาดก็พอกันกะโลงศพคิดออกมั๊ย
:b32:
แกรู้มั็ยโลกสวยว่าในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดถวายพระองค์
เพราะมีผู้บรรลุอรหันต์จำนวนมากไม่มีที่พักเพราะพระอรหันต์ทุกองค์ไม่ขนสมบัติและญาติมาออกบวชด้วย
แกรู้มั๊ยโลกสวยว่าการใช้มือพลิกตำราเปิดอ่านพระไตรปิฏกแล้วก็ปิดไว้เก็บในตู้พระไตรปิฏกไม่แก้อุปนิสัย
เพราะจับตำรามาอ่านและท่องจำได้หมดเป็นแค่การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติเป็นแค่ดิกชินนารีแต่ตัวคนโง่
เพราะสังขารขันธ์คือปัญญาปรุงแต่งเกิดเข้าใจรายละเอียดจากคนอื่นที่เข้าใจอธิบายเพื่อขูดเพื่อขัดเกลาให้
คำพูดที่อธิบายให้ฟังคือเสียงที่เป็นแสงสว่างในความมืดส่องประทีปที่พระพุทธเจ้าถือและชูขึ้นส่องทางสว่าง
สรุปได้ว่าที่แกโลกสวยเขียนมาคือแกยังไม่รู้จักตัวโคตรเหง้าอวิชชาอยู่เลยแกแปลว่าโคตรโง่เหง้าเต่าตุ่นอยู่
สรุปสั้นๆคนที่ไม่ฟังพระพุทธพจน์จากผู้มีปัญญาแปลว่ายังโง่อยู่เลยล่ะแกลองคิดสิแกบวชรับเงินตกนรกมั๊ย
:b12:
:b16: :b16:

:b16:
ปริยัติ=สุตมยปัญญา=สัจจญาณ=ปัญญาตรงสัจจะตรงปัจจุบันที่คิดไตร่ตรองเข้าใจรายละเอียดข้อประพฤติ
สรุปสั้นๆ...ฟังจริงก็เกิดปัญญาจริง...ไม่ฟังก็ขาดปัญญาคิดไตร่ตรองตามเป็นจริงตามลำดับตรงตามคำสอน
ท่องจำให้ขึ้นใจนะแกโลกสวยอุบาสิกาหรือสีกาทุกตนนอนค้างที่วัดไม่ได้เพราะไม่ได้อุปสมบท
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12: :b12: :b12: :b12:


คริคริ

วิชชาคุณยาย เปรียบดังวิชชาคหกรรมศาสตร์

เป็นวิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิงพิง ฟังยูทู๊ป และนอนหลับไหล
เก็บแสงดาว เก็บแสงเดือน มาร้อย เป็นมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลิ้ง กลางไพร มาคล้องใจ เรียกยอดไลค์ มาฟังรวมกัน



เอาอีกแระคุณยาย
เพราะคุณยายไม่เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ว่า ปริยัติสูงสุด

มีแต่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน

ไม่มีโลกสวย ไม่มีเงิน ไม่มีวัด ไม่มีปัญญา ไม่มีนรก สวรรค์ อันนั้นไม่ใช่ปริยัติสูงสุด

ปริยัติสูงสุด มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นค่ะ

เพราะคุณยายไม่เรียนปฎิจจสมุปาท
เรยไม่รู้ว่า

ปัญญาเจตสิก เป็นสังขาร เป้นโครตเหง้าเต่าตุ่น เป็นบรรพบุรุษ กำเนิดจากอวิชชา ทำให้เกิดสังขาร

อุบาสก อุบาสิกา ที่บรรลุอริยะโสดาบันขึ้นไป เค้าแน่วแน่ เค้าไปนิพพานโฮมสเตย์กันค่ะ
เค้าไม่ทำใจ ค้างกันที่วัดหรอกค่ะ

tongue tongue tongue

ถามจริงๆนะตอนนี้รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเห็นผิดกำลังคิดผิดมีอวิชชาแล้วมืดบอดสนิทเห็นผิดแล้วควักมาล้างดิ
จิตเห็น1ขณะมีแค่สีล้วนสีเดียวเช่นขาวล้วนไม่มีรูปร่างอะไรเลยดับแล้วก็ตอนคิดไม่มีเห็นไม่มีแสงสว่าง555
:b32: :b32:


คริคริ

ตอนนี้เหรอคะ
เมก็กลิ้งไปกลิ้งมา บนบนกระทู้คุณยายโรสไง
แต่ไม่ติด ไม่ถูกคุมขัง ในกระทู้ ในคุณยาย

แว๊ปไปแว๊ปมา อิสระ

คุณยายโรส จะเป็นจะตาย เมก็ไม่ทุกข์หรอกค่ะ
555

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะที่เป็นกิจวัตรปกติของอริยบุคคล
ในการระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียรฟังคำจริง
มีศรัทธา/ศีล/สุตะ/จาคะ/ปัญญาเข้าใจคำสอน
คือมีความเลื่อมใสตามปกติที่ฟังเพื่อสละความไม่รู้=เกิดปัญญา
ฟังคำสอนตามปกติที่คนหนึ่งคนพบใครคนนึงแล้ว
เข้าไปคลุกคลีเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมจากพระโอษฐ์
ตัวเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตจดจำตัวตนมามากมาย
เห็นประเพณีที่ทำตามๆกันมาไม่เคยศึกษาคำสอนโดยตรง
ได้แต่ทำตามความเชื่อบรรพบุรุษและคนชักชวนเชื่อให้ทำมากมาย
พอมีใครสักคนมาเตือนให้ฟังไม่สนใจเพราะไม่มีหลักกาลามสูตร10
คือเชื่อแล้วตามที่เคยทำมาแล้วโดยไม่เคยพึ่งพระพุทธเจ้าเลยแม้1คำ
ประมาทการฟังคำสอนเมื่อใดก็เมื่อนั้นกิเลสพอกพูนไปมหาศาลแล้วค่ะ
ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อแต่ปัญญาเป็นอะไรที่เริ่มต้นมาจากการฟังทุกวัน
เพื่อไตร่ตรองว่าสิ่งที่ฟังนี้พระพุทธเจ้าพูดถูกหรือผิดหรือว่าเราฟังผิดคิดผิดอยู่
ฟังเพื่อไม่หลงผิดไปทำสิ่งอื่นตามคนอื่นเพราะขอทานโรคเรื้อนก็ฟังพร้อมคนอื่นนะคะ
ทุกคนที่ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์พร้อมๆกันเข้าใจแตกต่างกันตามระดับปัญญาที่เคยสะสมมา
เราไม่ฟังเลยไม่ศึกษาให้รอบคอบพระพุทธเจ้าอธิบายโดยละเอียดให้ฉลาดรอบรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
พระองค์แสดงธรรมทุกวันคนที่เคยมีปฏิบัติกับเกจิอาจารย์แล้วมาฟังพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจก็ไปหาเกจิอาจารย์
ทราบไหมคะว่าการชักชวนกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยโดยไม่พึ่งสุตมยปัญญาคือมิจฉามรรค
เกจิแปลว่าอื่นๆ/เกจิอาจารย์คืออาจารย์อื่นๆที่ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วแจกแจงละเอียดยิบเกจิอาจารย์ไม่ได้ตรัสรู้
อาจารย์อื่นก็อ่านแล้วก็คิดเอาไปทำคือสอนต่างจากพระพุทธเจ้าค่ะก็พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังให้เข้าใจตามค่ะ
คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยคิดได้ว่าไม่มีตัวเพราะเขาคิดว่าตัวเขาถูกเขาไม่ฟังว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีตัวตน555
ประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่ใช้วัตถุสอนใครใช้คำพูดสอนทั้งคนและเทวดาอินทร์พรหมสมัยนี้เหรอดูให้รู้555
https://youtu.be/lTjW6VpcF1g
:b12:
:b4: :b4:


คริคริ

คุณยายโรสไม่เข้าใจ ในคำสอนแท้จริง

ตัวเองติดใจ ในประเพณี

ติดตามยูทู๊ป จนเป็นประเพณี เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้ตัว

เที่ยวมาสาละวนๆๆๆๆๆ ไปมา กับการเย็บปักถักร้อย

จากการฟังทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็นำมา ประดิษฐ์ความคิดทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถักร้อยประดิษฐ์เป็นมาลัยแสนสวย

ร้อยมาลัย ก็ดูสวยดีนะคะ

แต่ๆๆๆๆ

แบบคุณยายโรสนั่น นั้น เค้าเรียกไทยๆว่า วิชาคหกรรมศาสตร์ ประดิษฐ์เย็บปักถักร้อย ค่ะ
ไม่ใช่การปฎิบัติในพระศาสนา

เกจิอาจารย์น่ะ ออกบวช เกิดบารมี
เค้าเรียกว่า เนกขัมมมะบารมี แปลว่านำออกค่ะ
ใช้กามกิเลส กามวัตถุ เป็นตัวสอน

ถูกต้องตรงตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน

ต่างกันกะ วิชาคหกรรมศาสตร์ ร้อยหูฟัง เข้ากะความคิดเป็นสาย แบบคุณยาย เนาะคะ

tongue tongue tongue

:b32:
ปัญญาคือการแตกฉานในการตีความคำต่างๆในพระไตรปิฏกในภาษาโคตรตัวเอง
ภาษาบรรพบุรุษลึกๆในกมลสันดานแท้จริงตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแบบว่าบวชแล้วเลี่ยงคำ
เปลี่ยนชื่อเงินเป็นปัจจัย555บวชแปลว่าสละแล้วไม่ขอรับอะไรอีกแล้วไม่ทำงานหากินแล้วทิ้งเงิน
หาฉันโดยใช้ปลีแข้งเลียงชีพเดินบิณฑบาตเพื่อรับอาหารไม่เกินขอบบาตรฉันแค่อิ่มไม่เกินเที่ยงก็ทิ้ง
ไม่เก็บกักตุนเสบียงอาหารแห้งใดๆเพราะไม่เลี้ยงดูใครและประกอบอาหารเองไม่ได้ไม่นอนร่วมชายคา
หลังแตะพื้นได้แค่หลังเดียวความกว้างของพื้นที่ที่ใช้นอนใช้ไม่เยอะกุฏิไม่ใหญ่เกินไปเพราะพักได้1ตัวคน
แล้วตัวคนก็มี1ตัวกว้างแค่คืบยาวแค่วาหนาแค่ศอกถ้าเทียบก็พื้นที่ตัวแล้วขนาดก็พอกันกะโลงศพคิดออกมั๊ย
:b32:
แกรู้มั็ยโลกสวยว่าในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดถวายพระองค์
เพราะมีผู้บรรลุอรหันต์จำนวนมากไม่มีที่พักเพราะพระอรหันต์ทุกองค์ไม่ขนสมบัติและญาติมาออกบวชด้วย
แกรู้มั๊ยโลกสวยว่าการใช้มือพลิกตำราเปิดอ่านพระไตรปิฏกแล้วก็ปิดไว้เก็บในตู้พระไตรปิฏกไม่แก้อุปนิสัย
เพราะจับตำรามาอ่านและท่องจำได้หมดเป็นแค่การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติเป็นแค่ดิกชินนารีแต่ตัวคนโง่
เพราะสังขารขันธ์คือปัญญาปรุงแต่งเกิดเข้าใจรายละเอียดจากคนอื่นที่เข้าใจอธิบายเพื่อขูดเพื่อขัดเกลาให้
คำพูดที่อธิบายให้ฟังคือเสียงที่เป็นแสงสว่างในความมืดส่องประทีปที่พระพุทธเจ้าถือและชูขึ้นส่องทางสว่าง
สรุปได้ว่าที่แกโลกสวยเขียนมาคือแกยังไม่รู้จักตัวโคตรเหง้าอวิชชาอยู่เลยแกแปลว่าโคตรโง่เหง้าเต่าตุ่นอยู่
สรุปสั้นๆคนที่ไม่ฟังพระพุทธพจน์จากผู้มีปัญญาแปลว่ายังโง่อยู่เลยล่ะแกลองคิดสิแกบวชรับเงินตกนรกมั๊ย
:b12:
:b16: :b16:

:b16:
ปริยัติ=สุตมยปัญญา=สัจจญาณ=ปัญญาตรงสัจจะตรงปัจจุบันที่คิดไตร่ตรองเข้าใจรายละเอียดข้อประพฤติ
สรุปสั้นๆ...ฟังจริงก็เกิดปัญญาจริง...ไม่ฟังก็ขาดปัญญาคิดไตร่ตรองตามเป็นจริงตามลำดับตรงตามคำสอน
ท่องจำให้ขึ้นใจนะแกโลกสวยอุบาสิกาหรือสีกาทุกตนนอนค้างที่วัดไม่ได้เพราะไม่ได้อุปสมบท
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12: :b12: :b12: :b12:


คริคริ

วิชชาคุณยาย เปรียบดังวิชชาคหกรรมศาสตร์

เป็นวิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิงพิง ฟังยูทู๊ป และนอนหลับไหล
เก็บแสงดาว เก็บแสงเดือน มาร้อย เป็นมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลิ้ง กลางไพร มาคล้องใจ เรียกยอดไลค์ มาฟังรวมกัน



เอาอีกแระคุณยาย
เพราะคุณยายไม่เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ว่า ปริยัติสูงสุด

มีแต่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน

ไม่มีโลกสวย ไม่มีเงิน ไม่มีวัด ไม่มีปัญญา ไม่มีนรก สวรรค์ อันนั้นไม่ใช่ปริยัติสูงสุด

ปริยัติสูงสุด มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นค่ะ

เพราะคุณยายไม่เรียนปฎิจจสมุปาท
เรยไม่รู้ว่า

ปัญญาเจตสิก เป็นสังขาร เป้นโครตเหง้าเต่าตุ่น เป็นบรรพบุรุษ กำเนิดจากอวิชชา ทำให้เกิดสังขาร

อุบาสก อุบาสิกา ที่บรรลุอริยะโสดาบันขึ้นไป เค้าแน่วแน่ เค้าไปนิพพานโฮมสเตย์กันค่ะ
เค้าไม่ทำใจ ค้างกันที่วัดหรอกค่ะ

tongue tongue tongue

ถามจริงๆนะตอนนี้รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเห็นผิดกำลังคิดผิดมีอวิชชาแล้วมืดบอดสนิทเห็นผิดแล้วควักมาล้างดิ
จิตเห็น1ขณะมีแค่สีล้วนสีเดียวเช่นขาวล้วนไม่มีรูปร่างอะไรเลยดับแล้วก็ตอนคิดไม่มีเห็นไม่มีแสงสว่าง555
:b32: :b32:


คริคริ

ตอนนี้เหรอคะ
เมก็กลิ้งไปกลิ้งมา บนบนกระทู้คุณยายโรสไง
แต่ไม่ติด ไม่ถูกคุมขัง ในกระทู้ ในคุณยาย

แว๊ปไปแว๊ปมา อิสระ

คุณยายโรส จะเป็นจะตาย เมก็ไม่ทุกข์หรอกค่ะ
555

tongue

:b32:
เห็นสีเองได้แล้วเหรอหรือแค่คิดตามได้เฉยๆแต่ก็ไม่รู้ความจริงตรงปัจจุบันว่าสีไหนที่กำลังเห็น
อ่านไปอ่านไปเสียงที่อ่านคิดไปปรุงไปตามที่ตาดูเห็นก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไร=ปรุงเห็นผิด
พอมีเสียงอะไรมากระทบหูปรุงไปเสียงแอร์เสียงไลน์555ไม่รู้จักเสียงของจริงมีแต่ชื่อ555
คิดเองไปปรุงไปไหลไปเลยอวิชชานั้นน่ะ555มีตัวแต่ไม่รู้สึกตัวว่ามีกิเลส
เหตุที่ทำให้เห็นคือมีตาและลืมตาและตาไม่บอดเห็นสีกระแทกตาวาบมืด
555อ่านอะไรอยู่เหรอคะเมมันมืดมิดหมดแล้วปรุงแต่กิเลสตัวเองอยู่นั่นน่ะ
สิ่งที่กระทบตามันใช่ตัวอักษรที่วิ่งไปกระแทกตาดำไหม555บอกให้ทำฟังจริงๆ555
รู้จักไหมว่าการฟังคือปรุงแต่งเสียงใหม่ตลอดเวลาตามลำดับเสียงเรียงลำดับทีละ1คำที่ทำให้เข้าใจไม่มีเรา
คิดว่าปฏิบัติแยกออกไปปกติต่างหากจากปริยัติเหรอ(ของจริงปริยัติ=สุตมยปัญญารู้จักตัวจริงธัมมะก่อนทำ)
มันไม่ทันเพราะเอากิเลสอะไรก็ไม่ทันเลยนะลองดีดนิ้วมือดังเป๊าะสิ(ชั่วลัดนิ้วมือเดียวกิเลสดับแสนโกฏิขณะ)
ฟังบ้างเถอะนะตายไปก็ได้แต่ท่องปะติดจะสะหมุปปะบาดมันก็คือเดี๋ยวนี้เห็นแล้วคิดแล้วปรุงกิเลสแล้วไม่ฟังนิ
:b12:
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 21 ก.ย. 2020, 21:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ฟังเหมือนพระพุทธเจ้ากำลังอยู่ต่อหน้าคุณแล้วก็พูดพูดพูด
ฟังไปคิดไปสมาธิไม่รู้อยู่ไหนมองหน้าพระพุทธเจ้าก็ปรุงหล่อจัง
https://youtu.be/fWU-QkTgXBw
:b12: :b12:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะที่เป็นกิจวัตรปกติของอริยบุคคล
ในการระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียรฟังคำจริง
มีศรัทธา/ศีล/สุตะ/จาคะ/ปัญญาเข้าใจคำสอน
คือมีความเลื่อมใสตามปกติที่ฟังเพื่อสละความไม่รู้=เกิดปัญญา
ฟังคำสอนตามปกติที่คนหนึ่งคนพบใครคนนึงแล้ว
เข้าไปคลุกคลีเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมจากพระโอษฐ์
ตัวเราถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตจดจำตัวตนมามากมาย
เห็นประเพณีที่ทำตามๆกันมาไม่เคยศึกษาคำสอนโดยตรง
ได้แต่ทำตามความเชื่อบรรพบุรุษและคนชักชวนเชื่อให้ทำมากมาย
พอมีใครสักคนมาเตือนให้ฟังไม่สนใจเพราะไม่มีหลักกาลามสูตร10
คือเชื่อแล้วตามที่เคยทำมาแล้วโดยไม่เคยพึ่งพระพุทธเจ้าเลยแม้1คำ
ประมาทการฟังคำสอนเมื่อใดก็เมื่อนั้นกิเลสพอกพูนไปมหาศาลแล้วค่ะ
ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อแต่ปัญญาเป็นอะไรที่เริ่มต้นมาจากการฟังทุกวัน
เพื่อไตร่ตรองว่าสิ่งที่ฟังนี้พระพุทธเจ้าพูดถูกหรือผิดหรือว่าเราฟังผิดคิดผิดอยู่
ฟังเพื่อไม่หลงผิดไปทำสิ่งอื่นตามคนอื่นเพราะขอทานโรคเรื้อนก็ฟังพร้อมคนอื่นนะคะ
ทุกคนที่ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์พร้อมๆกันเข้าใจแตกต่างกันตามระดับปัญญาที่เคยสะสมมา
เราไม่ฟังเลยไม่ศึกษาให้รอบคอบพระพุทธเจ้าอธิบายโดยละเอียดให้ฉลาดรอบรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
พระองค์แสดงธรรมทุกวันคนที่เคยมีปฏิบัติกับเกจิอาจารย์แล้วมาฟังพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจก็ไปหาเกจิอาจารย์
ทราบไหมคะว่าการชักชวนกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยโดยไม่พึ่งสุตมยปัญญาคือมิจฉามรรค
เกจิแปลว่าอื่นๆ/เกจิอาจารย์คืออาจารย์อื่นๆที่ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้วแจกแจงละเอียดยิบเกจิอาจารย์ไม่ได้ตรัสรู้
อาจารย์อื่นก็อ่านแล้วก็คิดเอาไปทำคือสอนต่างจากพระพุทธเจ้าค่ะก็พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังให้เข้าใจตามค่ะ
คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยคิดได้ว่าไม่มีตัวเพราะเขาคิดว่าตัวเขาถูกเขาไม่ฟังว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีตัวตน555
ประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่ใช้วัตถุสอนใครใช้คำพูดสอนทั้งคนและเทวดาอินทร์พรหมสมัยนี้เหรอดูให้รู้555
https://youtu.be/lTjW6VpcF1g
:b12:
:b4: :b4:


คริคริ

คุณยายโรสไม่เข้าใจ ในคำสอนแท้จริง

ตัวเองติดใจ ในประเพณี

ติดตามยูทู๊ป จนเป็นประเพณี เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้ตัว

เที่ยวมาสาละวนๆๆๆๆๆ ไปมา กับการเย็บปักถักร้อย

จากการฟังทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็นำมา ประดิษฐ์ความคิดทีละคำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถักร้อยประดิษฐ์เป็นมาลัยแสนสวย

ร้อยมาลัย ก็ดูสวยดีนะคะ

แต่ๆๆๆๆ

แบบคุณยายโรสนั่น นั้น เค้าเรียกไทยๆว่า วิชาคหกรรมศาสตร์ ประดิษฐ์เย็บปักถักร้อย ค่ะ
ไม่ใช่การปฎิบัติในพระศาสนา

เกจิอาจารย์น่ะ ออกบวช เกิดบารมี
เค้าเรียกว่า เนกขัมมมะบารมี แปลว่านำออกค่ะ
ใช้กามกิเลส กามวัตถุ เป็นตัวสอน

ถูกต้องตรงตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน

ต่างกันกะ วิชาคหกรรมศาสตร์ ร้อยหูฟัง เข้ากะความคิดเป็นสาย แบบคุณยาย เนาะคะ

tongue tongue tongue

:b32:
ปัญญาคือการแตกฉานในการตีความคำต่างๆในพระไตรปิฏกในภาษาโคตรตัวเอง
ภาษาบรรพบุรุษลึกๆในกมลสันดานแท้จริงตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแบบว่าบวชแล้วเลี่ยงคำ
เปลี่ยนชื่อเงินเป็นปัจจัย555บวชแปลว่าสละแล้วไม่ขอรับอะไรอีกแล้วไม่ทำงานหากินแล้วทิ้งเงิน
หาฉันโดยใช้ปลีแข้งเลียงชีพเดินบิณฑบาตเพื่อรับอาหารไม่เกินขอบบาตรฉันแค่อิ่มไม่เกินเที่ยงก็ทิ้ง
ไม่เก็บกักตุนเสบียงอาหารแห้งใดๆเพราะไม่เลี้ยงดูใครและประกอบอาหารเองไม่ได้ไม่นอนร่วมชายคา
หลังแตะพื้นได้แค่หลังเดียวความกว้างของพื้นที่ที่ใช้นอนใช้ไม่เยอะกุฏิไม่ใหญ่เกินไปเพราะพักได้1ตัวคน
แล้วตัวคนก็มี1ตัวกว้างแค่คืบยาวแค่วาหนาแค่ศอกถ้าเทียบก็พื้นที่ตัวแล้วขนาดก็พอกันกะโลงศพคิดออกมั๊ย
:b32:
แกรู้มั็ยโลกสวยว่าในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดถวายพระองค์
เพราะมีผู้บรรลุอรหันต์จำนวนมากไม่มีที่พักเพราะพระอรหันต์ทุกองค์ไม่ขนสมบัติและญาติมาออกบวชด้วย
แกรู้มั๊ยโลกสวยว่าการใช้มือพลิกตำราเปิดอ่านพระไตรปิฏกแล้วก็ปิดไว้เก็บในตู้พระไตรปิฏกไม่แก้อุปนิสัย
เพราะจับตำรามาอ่านและท่องจำได้หมดเป็นแค่การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติเป็นแค่ดิกชินนารีแต่ตัวคนโง่
เพราะสังขารขันธ์คือปัญญาปรุงแต่งเกิดเข้าใจรายละเอียดจากคนอื่นที่เข้าใจอธิบายเพื่อขูดเพื่อขัดเกลาให้
คำพูดที่อธิบายให้ฟังคือเสียงที่เป็นแสงสว่างในความมืดส่องประทีปที่พระพุทธเจ้าถือและชูขึ้นส่องทางสว่าง
สรุปได้ว่าที่แกโลกสวยเขียนมาคือแกยังไม่รู้จักตัวโคตรเหง้าอวิชชาอยู่เลยแกแปลว่าโคตรโง่เหง้าเต่าตุ่นอยู่
สรุปสั้นๆคนที่ไม่ฟังพระพุทธพจน์จากผู้มีปัญญาแปลว่ายังโง่อยู่เลยล่ะแกลองคิดสิแกบวชรับเงินตกนรกมั๊ย
:b12:
:b16: :b16:

:b16:
ปริยัติ=สุตมยปัญญา=สัจจญาณ=ปัญญาตรงสัจจะตรงปัจจุบันที่คิดไตร่ตรองเข้าใจรายละเอียดข้อประพฤติ
สรุปสั้นๆ...ฟังจริงก็เกิดปัญญาจริง...ไม่ฟังก็ขาดปัญญาคิดไตร่ตรองตามเป็นจริงตามลำดับตรงตามคำสอน
ท่องจำให้ขึ้นใจนะแกโลกสวยอุบาสิกาหรือสีกาทุกตนนอนค้างที่วัดไม่ได้เพราะไม่ได้อุปสมบท
https://youtu.be/ILL7xpoWE0s
:b12: :b12: :b12: :b12:


คริคริ

วิชชาคุณยาย เปรียบดังวิชชาคหกรรมศาสตร์

เป็นวิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิงพิง ฟังยูทู๊ป และนอนหลับไหล
เก็บแสงดาว เก็บแสงเดือน มาร้อย เป็นมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลิ้ง กลางไพร มาคล้องใจ เรียกยอดไลค์ มาฟังรวมกัน



เอาอีกแระคุณยาย
เพราะคุณยายไม่เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ว่า ปริยัติสูงสุด

มีแต่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน

ไม่มีโลกสวย ไม่มีเงิน ไม่มีวัด ไม่มีปัญญา ไม่มีนรก สวรรค์ อันนั้นไม่ใช่ปริยัติสูงสุด

ปริยัติสูงสุด มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นค่ะ

เพราะคุณยายไม่เรียนปฎิจจสมุปาท
เรยไม่รู้ว่า

ปัญญาเจตสิก เป็นสังขาร เป้นโครตเหง้าเต่าตุ่น เป็นบรรพบุรุษ กำเนิดจากอวิชชา ทำให้เกิดสังขาร

อุบาสก อุบาสิกา ที่บรรลุอริยะโสดาบันขึ้นไป เค้าแน่วแน่ เค้าไปนิพพานโฮมสเตย์กันค่ะ
เค้าไม่ทำใจ ค้างกันที่วัดหรอกค่ะ

tongue tongue tongue

ถามจริงๆนะตอนนี้รู้สึกตัวไหมว่ากำลังเห็นผิดกำลังคิดผิดมีอวิชชาแล้วมืดบอดสนิทเห็นผิดแล้วควักมาล้างดิ
จิตเห็น1ขณะมีแค่สีล้วนสีเดียวเช่นขาวล้วนไม่มีรูปร่างอะไรเลยดับแล้วก็ตอนคิดไม่มีเห็นไม่มีแสงสว่าง555
:b32: :b32:


คริคริ

ตอนนี้เหรอคะ
เมก็กลิ้งไปกลิ้งมา บนบนกระทู้คุณยายโรสไง
แต่ไม่ติด ไม่ถูกคุมขัง ในกระทู้ ในคุณยาย

แว๊ปไปแว๊ปมา อิสระ

คุณยายโรส จะเป็นจะตาย เมก็ไม่ทุกข์หรอกค่ะ
555

tongue

:b32:
เห็นสีเองได้แล้วเหรอหรือแค่คิดตามได้เฉยๆแต่ก็ไม่รู้ความจริงตรงปัจจุบันว่าสีไหนที่กำลังเห็น
อ่านไปอ่านไปเสียงที่อ่านคิดไปปรุงไปตามที่ตาดูเห็นก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไร=ปรุงเห็นผิด
พอมีเสียงอะไรมากระทบหูปรุงไปเสียงแอร์เสียงไลน์555ไม่รู้จักเสียงของจริงมีแต่ชื่อ555
คิดเองไปปรุงไปไหลไปเลยอวิชชานั้นน่ะ555มีตัวแต่ไม่รู้สึกตัวว่ามีกิเลส
เหตุที่ทำให้เห็นคือมีตาและลืมตาและตาไม่บอดเห็นสีกระแทกตาวาบมืด
555อ่านอะไรอยู่เหรอคะเมมันมืดมิดหมดแล้วปรุงแต่กิเลสตัวเองอยู่นั่นน่ะ
สิ่งที่กระทบตามันใช่ตัวอักษรที่วิ่งไปกระแทกตาดำไหม555บอกให้ทำฟังจริงๆ555
รู้จักไหมว่าการฟังคือปรุงแต่งเสียงใหม่ตลอดเวลาตามลำดับเสียงเรียงลำดับทีละ1คำที่ทำให้เข้าใจไม่มีเรา
คิดว่าปฏิบัติแยกออกไปปกติต่างหากจากปริยัติเหรอ(ของจริงปริยัติ=สุตมยปัญญารู้จักตัวจริงธัมมะก่อนทำ)
มันไม่ทันเพราะเอากิเลสอะไรก็ไม่ทันเลยนะลองดีดนิ้วมือดังเป๊าะสิ(ชั่วลัดนิ้วมือเดียวกิเลสดับแสนโกฏิขณะ)
ฟังบ้างเถอะนะตายไปก็ได้แต่ท่องปะติดจะสะหมุปปะบาดมันก็คือเดี๋ยวนี้เห็นแล้วคิดแล้วปรุงกิเลสแล้วไม่ฟังนิ
:b12:
:b32: :b32:

คริคริ

เพราะคุณยายไม่เรียนปฎิจจสมุปาท เรยไม่รู้ว่า

สุตตมยปัญญา จริงๆน่ะคือสังขาร เกิดรับรู้ ตามอายตนะ น่ะแหละค่ะ

แหม่ คุณยาย อุตส่าห์ เก็บมาร้อยเป็นมาลัยอีก ที่แท้ก็โชว์ลิ้งยูทู๊ป วิชาคหกรรมศาสตร์

เรยไม่รุ้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร ตามปฎิจจสมุปาท เนาะคะ

555

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2020, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังเหมือนพระพุทธเจ้ากำลังอยู่ต่อหน้าคุณแล้วก็พูดพูดพูด
ฟังไปคิดไปสมาธิไม่รู้อยู่ไหนมองหน้าพระพุทธเจ้าก็ปรุงหล่อจัง
https://youtu.be/fWU-QkTgXBw
:b12: :b12:
onion onion onion


คริคริ

คุณยายตั้งท่าแรก ก็มโน ฝันหวาน ไปแระหล่ะค่ะ

มโน ปรุงมีความเห็นวิปริต ไปก่อนแล้วเนาะคะ
"ฟังเหมือนพระพุทธเจ้ากำลังอยู่ต่อหน้าคุณแล้วก็พูดพูดพูด"

ทั้งๆที่ เป็นเสียงยูทู๊ป

tongue tongue tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 91 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร