Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คิดถึงความเป็นจริงสิ
ปกติปัญญาเกิดตอนฟังคำสอน
ตอนไปนั่งหลับตาคิดเองรู้สึกว่ามีตัวตนทำได้
ขณะนั้นน่ะมันไม่มีปัญญาเกิดเป็นการหลอกตัวเองให้หลงทำติดในสุขจนโงหัวไม่ขึ้น
เพราะว่ามันยังยึดติดความมีความเป็นในภพอยู่กิเลสกับปัญญาเก่ามันไม่เพิ่มมันนอนรอไหลออกมาตอนตื่น
ตื่นลืมตาออกมาก็ยังยึดติดในสิ่งที่เห็นว่ามีคนมีวัตถุสิ่งของการที่ไปทำแบบนั้นไปนั่งเองไม่พึ่งคิดตามคำสอน
เวลายาวนานที่เสียเวลาทำแบบนั้นแค่ข่มกิเลสอวิชชาไว้ไม่ให้ไหลออกมาพอลืมตาตื่นตามปกติก็ทำเป็นปกติ
พอออกมาคลุกคลีกะคนสัตว์วัตถุเป็นไงล่ะหลงผิดว่าตัวเองดีวิเศษตอนมีความปกติเนี่ยถูกยิงนี่ตายใช่ไหมล่ะ
ประมาทการฟังพระพุทธพจน์กิเลสไหลไปไม่ลืมหูลืมตาหลงอยู่นั่นแหละโงหัวไม่ขึ้นทำอะไรบ้างมีตาก็ดูเอาสิ
การดับกิเลสเกิดจากการตื่นรู้ตัวตามปกติตรงความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าตามปกติลืมตาตื่นรู้จริงๆ
เข้าใจความจริงของเป็นผู้รู้ตื่นเบิกบานตามปกติเป็นปกติไหมคะคือเดี๋ยวนี้เลยมีตัวอยู่ก็ฟังคำสอนให้เข้าใจค่ะ
https://youtu.be/T-XzXt5AjLM 
คริคริ
"ทำไมฌานจิตดับกิเลสอวิชชาไม่ได้"
เดียรถีย์ผู้มีมิจฉาทิฎฐิ ความเห็นผิด เรื่องฌาน
อันเป็นส่วนนึงของสมาธิ
อย่ากล่าวอย่างนั้น เรยค่ะ
พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า
[๓๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมา
ทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้แลเป็นพรหมจรรย์ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ
นี้เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์.
สัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิก็คือขณิกสมาธิที่เกิดกับจิตทุกดวง
ถ้าแต่ละขณะจิตนั้นๆไม่เกิดสัมมาสมาธิตามคำสอนตามปกติก็เป็นมิจฉาสมาธิทันที
คิดได้ไหมเป็นมิจฉาแล้วถามจริงๆเถอะไม่รู้จริงๆเหรอว่าสมาธิที่เกิดกับจิตทุกขณะชื่อเอกัคตาเจตสิก
ขณะที่จิตเป็นอกุศลไม่สามารถระลึกตรงสัจจะตามคำสอนเลยขณะนั้นเอกัคตาเจตสิกนั้นก็เป็นมิจฉาปฏิปทา
ดำเนินผิดเพราะสัมมามรรคเกิดตามลำดับจากสัมมาทิฏฐิก่อนคือฟังให้ไม่หลงไปทำผิดๆคิดไม่ได้ถึงทำผิดไง
คือคิดไปเองเข้าใจเอาเองว่าตัวเองทำถูกไม่คุยไม่สนทนากับผู้รู้=คบพาลในตนอยากทำอะไรก็ทำงั้นหรือจ๊ะ
เวลาไปหาครูอาจารย์ไม่ซักถามให้ละเอียดเหรอว่าทำแบบไหนจะได้อะไรหรือไปนั่งเทียนคิดเองแล้วคิดเอา
ปัญญาคือความคิดเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องรู้จักแต่ละคำของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เชื่อ+ทำตามคนอื่นออเดอร์
https://youtu.be/G3_d2YPjyTI 
คริคริ
เดียร์ถีย์ผู้มีความเห็นผิด อย่ากล่าวเช่นนั้นเรยค่ะ
พระพุทธองค์ตรัสธรรมอันสูงสุด ไว้ดีแล้ว
คุณยายอ่านไม่เข้าใจ เรยแถไปถึงมิจฉาสมาธิ ธรรมอันต่ำโน่น
[๓๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมา
ทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้แลเป็นพรหมจรรย์ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ
นี้เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์.
พระพุทธองค์ตรัส ถึงสัมมาสมาธิ นะคะๆๆ
แต่ คุณยาย กลับแถไป
เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติ
เรยไม่รู้ว่า องค์ธรรมของสัมมาสมาธิ คือเอกคัคตาเจตสิก ที่เกิดกับ กุศลจิต
ตามที่พระองค์สอน ย่อม อริยมรรค เป็นสัมมาสมาธิ สัมมาปฎิบัติ สัมมามรรค ได้อริยผล
แต่เนี่ย คุณยายพยายามเอามิจฉาสมาธิมากล่าวลบล้างคำพระองค์
เพราะตัวเองทำสัมมาสมาธิไม่เป็น
ได้แต่ ฟังยูทู๊ป+ทำตามแอก ไม่ปลดแอก ผลก็คือทำไม่ได้
หลงคิดผิดด้วยมิจฉาทิฎฐิตนเอง ว่า ฌานในสมาธิ ไม่สามารถกำจัดกิเลสอวิชชาได้
ทั้งๆที่ พระพุทธองค์ ยืนยัน ว่า เป็นอริยมรรค อริยผล เป็น ที่สุดแห่งพรหมจรรย์ได้ค่ะ
ระหว่างพุทธพจน์ กะ คุณยายยูทู๊ปผู้เห็นต่าง จอมแถ 555
ผู้ใดไม่เห็นธรรมอันสูงสุด แม้มีชีวิตอยู่ถึงร้อยปีก็ไม่ประเสริฐ หรอกค่ะ
เรยเห็นแต่มิจฉาสมาธิ 555
พูดเองเออเองแท้ๆยังไปอ้างตถาคตโน่น