วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 11:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2020, 04:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“การทำจริง ย่อมได้รับผลจริงอย่างไม่ต้องสงสัย สำคัญแต่ว่า ทุกคนจะยอม “ทำจริง” หรือไม่เท่านั้น พระพุทธเจ้าสลบไปกี่ครั้ง ท่านพระอาจารย์มั่นก็สลบไปกี่ครั้ง ประวัติครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ภาวนาสละตาย ซวนซบสลบไปแต่ละองค์ องค์ละกี่ครั้ง

ผู้ที่มารู้จัก มากราบไหว้ในภายหลังก็เห็นแต่ตอนที่ท่าน “ผ่าน” แดนตายกันมาแล้วจะมีกี่คนที่เข้าใจถึงคำที่ท่านกล่าวสั้น ๆ กันว่า ต้องทำความพากความเพียรอย่างเต็มที่ อย่างอุกฤษฎ์ ไม่ใช่ทำแบบย๊อก ๆ แย็ก ๆ แล้วก็ฝันถึงสวรรค์ นิพพานเอา ฝันก็ได้แค่ฝัน ได้แค่เงา คว้าได้แต่เงา ที่จะเป็นสมบัติของตนอย่างเต็มภาคภูมินั้นอย่าได้ฝันไป”

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน อ.วังสะพุง จ.เลย
(พ.ศ. ๒๔๔๔- ๒๕๓๘)









เรื่อง "พญาช้างเผือกพระโพธิสัตว์"

(ปกิณกธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร)

หลวงปู่ลี ท่านเล่าว่า

“ช้างตัวนี้เป็น พญาช้าง นัยน์ตาทั้งคู่สวยงามราวกับแก้วมณี มีกายสง่างาม พระโพธิสัตว์ปกครองช้างบริวารจํานวนมากให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก”

คราวหนึ่งมีฝูงช้างบริวารเหยียบยํ่านาข้าวของชาวบ้าน ช้างพระโพธิสัตว์เห็นดังนั้น จึงเอางวงจับข้าวกล้าที่ล้มระเนระนาด ทําให้ต้นตรงขึ้นมาใหม่

ช้างพระโพธิสัตว์ไม่ทําลายคน รู้ภาษาคน เวลาเดินขึ้นภูองอาจสง่างาม เอางาถูกิ่งไม้ต้นไม้และพื้นดินเป็นทางยาว บริเวณทางเดินใดที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มันก็ใช้เท้าเกลี่ยให้สมํ่าเสมอ

“บักงาลาก” “ไอ้งาลาก” มันเดินขึ้นภูเขา งามันยาวครูดดินขึ้นไปเป็นรอย ช้างบริวารคอยเกลี่ยดินปิดร่องรอย พวกนายพรานคนบ้านแก่งม่วง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูหลวงไปนอนรอดักยิง

“พวกนายพรานขึ้นภูหลวงพยายามล่าช้างใหญ่ตัวนี้หลายครั้งหลายหน พยายามมานาน แม้ขณะกินหญ้าพวกช้างบริวารก็พากันแวดล้อมช้างพระโพธิสัตว์ไว้ทุกด้าน ด้วยความที่กลัวคนรู้ว่าเป็นพญาช้างเผือก ช้างบริวารทั้งหลายต่างช่วยเอาขี้โคลนทาตัวพญาช้างเผือกไว้เพื่อมิให้ใครรู้”

แม้อารักขาขนาดนั้น พวกนายพรานก็ยังฆ่าจนได้ พอพวกมันฆ่าช้างใหญ่ได้แล้วจึงตัดเอางา งามันใหญ่และยาวมากเหลือหลาย พวกนายพรานแบกลงมาไม่ไหว จึงมัดเชือกหาบเดินลงมาตามลําห้วย

ด้วยผลกรรมอันแรงกล้าฆ่าช้างพระโพธิสัตว์ ถือเป็นบาปใหญ่หลวงให้ผลเร็วมาก นายพรานที่ฆ่าช้างพระโพธิสัตว์จึงมีชีวิตอยู่บนพื้นโลกมนุษย์ได้เพียง 3 วัน เท่านั้น ก็พากันล้มตายลงทุกคน

ปัจจุบันเขาเอางาช้างนั้นไปซ่อนไว้ ไม่ยอมเปิดเผย ไม่บอกใคร งามันใหญ่และยาวมาก

ถึงเป็นช้างพระโพธิสัตว์ แต่ก็ยังมีกรรม ยังไปถูกฆ่า เหมือนพระเทวทัตกับพระพุทธเจ้า พระเทวทัตตามจองล้างจองผลาญหมายเอาชีวิตพระพุทธเจ้าในหลายภพหลายชาติ

ตั้งแต่ช้างพระโพธิสัตว์ตัวนั้นล้มตายลง เพราะฝีมือนายพรานผู้ใจบาป จากนั้นมาช้างบริวารทั้งหลายไม่มีหัวหน้าคอยควบคุมอบรมสั่งสอน จึงดื้อรั้นออกมากินพืชผลตามเรือกสวนไร่นาที่เขาปลูกไว้ มันมาทําลายข้าวกล้า สิ่งปลูกสร้าง และทําร้ายผู้คน

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า

“ในหมู่มนุษย์ หรือหมู่สัตว์ ต้องมีผู้นําที่ทรงธรรม จึงจักอยู่ร่มเย็นเป็นสุข”

หลวงปู่ลี กุสลธโร
วัดภูผาแดง จ.อุดรธานี











...พระปฏิบัติพระป่าส่วนใหญ่จะไม่กังวลกับเรื่องหยูกยาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะรับประทานยาสมุนไพร จะไม่ค่อยไปหาหมอไปโรงพยาบาล นอกจากเป็นโรคที่รักษาได้ผลจริงๆ ถ้าเป็นไข้ป่า ก็ใช้ธรรมโอสถ

.ตั้งแต่บวชนี้ไม่เคยฉันยาแก้ปวดเลย เราไม่เคยมียาแก้ปวดอยู่ในกุฏิแม้แต่เม็ดเดียว แต่มีธรรมโอสถเป็นยาแก้ปวดอยู่ในใจ ปวดก็ปล่อยให้ปวดไปร่างกายมันปวด แต่ใจไม่รู้สึกปวด ใจแยกออกจากร่างกายได้ ถ้าอดข้าวทีละ ๕ วัน ๗ วันได้นี้ ความเจ็บปวดอย่างอื่นจะไม่ทรมานเท่าไหร่ จึงอย่าเสียดายร่างกายเลย ให้พิจารณาความตายอยู่เรื่อยๆ จะได้รู้ว่ารักษาอย่างไรก็ต้องตาย เสียเวลาไปเปล่าๆ

.สู้รักษาใจดีกว่า จะสบายไปตลอด ร่างกายจะเป็นอย่างไรจะไม่เดือดร้อน จะรวยจะจน ก็ไม่เดือดร้อน ถ้าไม่รักษาใจแล้ว กิเลสจะหลอกให้อยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ อยากให้ร่ำให้รวยไปตลอด อยากให้สุขไปตลอด พอมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ทางการเงินการทอง ก็จะวุ่นวายใจ อย่าไปให้ความสําคัญกับร่างกายมากเกินไป เรามีร่างกายมาหลายร่างแล้ว เหมือนมีเสื้อผ้ามาหลายชุดแล้ว มาให้ความสําคัญกับใจดีกว่า.
......................................
มหาเศรษฐีที่แท้จริง หน้า132
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"ขี้วัว ขี้ควาย ใส่ต้นไม้ยังพอมีประโยชน์
ขี้โมโห ขี้โกรธ จะได้ประโยชน์อะไร"

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์









ผู้นั้นตาย ผู้นี้ตาย ตายอยู่ใกล้ หรือตายอยู่ไกลกะมี ได้ยินแต่ผู้อื่นตาย

#บาดมื้อใด๋มื้อหนึ่งกะเป็นเจ้าของตาย #มันตายนำทุกมื้อทุกมื้อ

พวกเฮาตามร่องรอยขององค์พระพุทธเจ้า ตั้งแต่ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา

ภาวนานี่กว้างไกล ให้สั่งสมอย่าให้ขาด ให้เฮ็ดทุกมื้อทุกมื้อ หรือให้เฮ็ดทุกเวลา เฮ็ดอยู่จั่งได๋กะเฮ็ดได้

#โอวาทธรรม #หลวงปู่บุญมี #ปริปุณฺโณ -:- #พระอริยสงฆ์ผู้เป็นดั่งพี่ชายใหญ่แห่งวัดป่าบ้านตาด









#ความเกิดมีแล้ว_ความแก่ความตายมันก็มีอยู่

ไม่มีใครพ้นตาย เกิดก็เกิดเต็มแผ่นดิน ตายก็ตายเต็มแผ่นดิน อยู่เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่นี้แหละ ความตายเต็มแผ่นดินอยู่ เป็นเป็ด ไก่ หมู หมา เขาก็ตาย มนุษย์ชายหญิงก็ตาย ใครล่ะ เกิดมาแล้วไม่ตาย
.
ถ้าเกิดมาขวางโลกเขา เกิดมาแล้วไม่ตาย ไม่เฒ่า ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ขวางบ้าน ขวางแผ่นดิน ขวางโลก เขาอยู่ได้อย่างไร ให้ภาวนา มรณานุสสติอยู่อย่างนี้แหละ
.
เป็นเป็ดเป็นไก่มันก็ตาย เป็น วัว ควาย ช้าง ม้า หมู หมา เขาก็ตาย คนแก่ก็ตาย คนหนุ่มก็ตาย ถ้ากลัวตายมีใครพ้นตายไหม ทุกคนทุกสิ่งสรุปลงสู่ความตายทั้งหมด
.
เป็ด ไก่ วัว ควาย หมู ปลา ถ้ามันไม่ตายเอง เขาก็ฆ่าเอาให้มันตาย อยู่ในสภาพไหนล่ะมันจะพ้นจากความตาย ถึงจะมีอายุผ่านพ้นไปร้อยปีพันปี มันก็ต้องตายอยู่นั่นแหละ สัจจธรรมข้อนี้ใครๆ ก็พ้นไปไม่ได้ นั่งอยู่ก็ตาย นอนอยู่ก็ตาย กินอยู่ก็ตาย ไม่กินก็ตาย เจ็บป่วยอยู่ก็ตาย ไม่เจ็บไม่ป่วยมันก็ตาย ความตายมันมีอยู่ทุกฐานะทุกสถานที่
.
ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันครอบงำเราอยู่ทุกเมื่อ พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงเสีย แม้อบายโลก เขาก็ฆ่ากันกินกันอยู่ ความตายจึงไม่มีที่จะหลีกเร้นซ่อนหนี
.
ที่พึ่งอย่างอื่นไม่มีนอกจาก
พุทฺธํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฆํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ

ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เราต้องหาที่พึ่งอันประเสริฐไว้เสียแต่บัดนี้ แต่ยังมีชีวิตอยู่อย่างนี้ ยังแข็งแรงอยู่อย่างนี้ ถ้าร่างกาย จิตใจมันไม่อำนวยแล้วจะไปคิดถึงอะไรจะไปยึดไปถือเอาอะไรเป็นที่พึ่งมันยาก

#หลวงปู่แหวน #สุจิณโณ










สกปรกหม๊ดด.ร่างกายนี้. เมื่อสกปรก.เราจะไปหลงในรูปนี้อยู่เหรอ.

หลวงปู่ไม อินทสิริ









" "การภาวนา" นี้
ถ้าจะพูดอย่างกำปั้นทุบดิน
แล้ว ก็เป็น "บุญ" ไปทั้งนั้น

แม้จะทำได้มากหรือน้อย
หรือไม่ได้อะไรเลย
ก็เป็นบุญอยู่ในตัว คือ

เปราะที่ ๑.
ระลึกได้เสมอเพียงแค่
พุทโธๆ เท่านี้
ก็เป็นบุญส่วนหนึ่งแล้ว

เปราะที่ ๒.
มีสติอยู่กับลมหายใจ
อย่างเดียวก็ได้บุญ และ

เปราะที่ ๓
ทำใจนิ่งเฉยๆ
รู้แต่ลมหายใจก็เป็นบุญอีก

ฉะนั้นจึงเป็นของที่
ควรจะพากันทำอยู่เสมอ
ไม่ควรปล่อยเวลา
และโอกาสให้เสียไป
โดยเปล่าประโยชน์ "

โอวาทธรรม
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 132 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร