วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2020, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"วาสนานั้นเป็นไปตามอัธยาศัย
คนที่มีวาสนา ในทางที่ดีมาแล้ว
แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจเป็นคนพาลได้
บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิต
วาสนาก็เลื่อนขึ้นเป็นบัณฑิต ฉะนั้น
บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต
เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น"

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต







“ชาตินี้ เป็นชาติหนึ่งในหลายๆ ล้านชาติ
ที่มีโอกาสได้พบกับพระพุทธศาสนา ได้พบกับวิธี
ที่จะพาให้เราไม่ต้องกลับมา เวียนว่ายตายเกิดกัน
นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง เกิดมาล้านชาติ
อาจจะมีชาติหนึ่ง ที่จะได้เจอพระพุทธศาสนา
อย่าปล่อยให้ชาตินี้ผ่านไป เพราะถ้าผ่านไปแล้ว
อาจจะต้องรอไปอีกหลายล้านชาติ กว่าจะได้มาเจอ
กับพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต









" อย่าไปสนใจ
ในเรื่องนอกมากนัก
มันจะทำให้จิตของตนเอง
หลงทางได้ ถ้าสติปัญญา​
ไม่เข้มแข็งพอ

อย่าออกไปดูข้างนอกจิต
ให้มากนัก ให้เอาจิต
จ่อเข้ามาดูภายในกาย
ของตนเป็นหลัก

ของภายนอกนั้นเป็นเพียง
ดอกเบี้ย ที่มาจากต้นทุน
ของการปฏิบัติภายใน

ของในจิตในกายนี้
เป็นต้นทุนธรรมแท้
ที่จะพาเราพ้นทุกข์​ได้

ถ้าอยากจะให้
ดอกเบี้ยจิตใจของตน
เพิ่มพูนมากขึ้นไปกว่านี้

ก็ให้รักษา
ต้นทุนภายในจิตใจ
ของตนเองไว้ให้ดีเสียก่อน

เรื่องภายนอกนั้น​ จะเป็น
อานิสงส์ที่ตามมาภายหลัง "

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​ชอบ​ ฐาน​สโม










"..ฤกษ์ดี คือ
ทุกขณะมีความดีอยู่
เว้นจากการทำชั่ว
ด้วยประการทั้งปวง
ในขณะใดขณะนั้น
เรียกว่าฤกษ์ดี
ไม่ต้อง ๙ นาฬิกา ๙ นาที

ฤกษ์งามยามดี อยู่ที่
การกระทำของเรานี้

ฤกษ์มันไม่งามยามมันไม่ดี
ก็อยู่ที่การกระทำ
เราเหมือนกัน.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่แบน ธนากโร









#เรื่องกรรมชั่วแม้เล็กๆน้อยๆย่อมส่งผลเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเป็นมดดำมดแดงตัวเล็กๆ จนถึงช้างที่ใหญ่สุด ย่อมมีผลเหมือนกัน เพราะเขาเหล่านั้นก็มีจิต มีวิญญาณ เหมือนกัน อย่าได้มองข้ามบาปกรรมแม้จะเล็กน้อย เหมือนไฟแม้มีน้อยนิดก็ยังร้อน


#หลวงปู่ได้เมตตาเล่าให้คณะศิษย์ฟังถึงกรรมเก่าของท่านว่า

ในสมัยก่อนชีวิตผู้คนในชนบทต้องพึ่งพาอาหาร จากธรรมชาติที่มีอยู่มากมายเพื่อเลี้ยงชีวิต ต้องจับสัตว์ ฆ่าสัตว์ เพื่อนำมาเป็นอาหาร และค้าขายประกอบอาชีพ

ชีวิตของหลวงปู่ในสมัยที่เป็นฆราวาสก็เช่นกัน ท่านเล่าว่าเมื่อฝนตกใหม่ๆ ก็จะมีสัตว์จำพวก กบ เขียด ออกมาหากิน เวลาจับสัตว์พวกนี้ ท่านจะส่องไฟและใช้ไม้ไผ่ที่ผ่าเป็นริ้วใหญ่ๆ และเหลาให้แบนๆ นำไปตีกบ ตีเขียดเหล่านั้น เวลาไปตีบางที่ก็มีตายบ้าง บางตัวก็ไม่ตาย เพียงแค่สลบไปก็มี การทำกรรมเช่นนี้ ส่งผลให้ท่านมีอาการปวดหลังอยู่บ่อยๆ

และอีกเรื่องหนึ่ง สมัยท่านเป็นฆราวาส ท่านต้องไปตกเบ็ด และปักเบ็ดตามทุ่งนาอยู่เป็นประจำ เวลาปลาติดเบ็ดแล้ว เบ็ดจะเกี่ยวปากปลาทะลุออกบริเวณขอบปากบ้าง ทะลุออกมาบริเวณตาบ้าง ปลาจะเจ็บปวดทรมานมาก มันจะดิ้น จนสายเบ็ดไปเกี่ยวกับกอข้าวจนแน่น ทำให้มีเลือดไหลออกมาเต็มปากของปลา

การกระทำกรรมเช่นนี้ ส่งผลให้ท่านมักจะเป็นแผลในปากหรือร้อนในอยู่บ่อยๆ และเวลาที่ท่านเป็นแต่ละครั้ง มักจะเป็นนานและหายช้ากว่าคนปกติทั่วไป


#เรามีกรรมเป็นของๆตน
#มีกรรมเป็นผู้ให้ผล
#มีกรรมเป็นแดนเกิด
#มีกรรมเป็นผู้ติดตาม
#มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
#เราจักทำกรรมอันใดไว้
#เป็นบุญหรือเป็นบาป
#เราจะเป็นทายาท
#คือว่าจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป


#ฉะนั้นหลวงปู่ท่านจึงเน้นสอนให้เรารู้จักศีล #รักษาศีล

อานิสงส์ของศีล เพราะถ้าเราไม่มีศีล บาปย่อมเกิดมาทาง กาย วาจา ใจ สร้างความเดือดร้อน ให้แก่ตน ทั้งภพนี้และภพหน้า ผลของกรรมชั่วจะพาเราให้ตกต่ำ อันมีนรกภูมิเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน

ถ้าเกิดมาเป็นคน เศษกรรมเหล่านั้นยังจะส่งผลอีกต่อไป บางคนเกิดมาพิกลพิการ อาการ ๓๒ ไม่สมบรูณ์ เป็นบ้าใบ้ หูหนวกตาบอด มีโรคมีภัยเบียดเบียน เกิดไปสถานที่อดอยาก บ้านป่าเมืองเถื่อน ย่อมเกิดจากบาปจากกรรมที่เราทำด้วยกาย วาจา และใจ ทั้งนั้น


#สรุปแล้วศีลนี่แหล่ะคือเครื่องกั้น

คือกรอบกำบัง ที่จะให้เราพ้นจากทุกข์ เมื่อมีศีลมันก็มีธรรม เพราะมันเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ท่านก็มาเน้นที่ศีลก่อน

รักษากายไม่ให้มีโทษ รักษาวาจาไม่ให้มีโทษ รักษาใจไม่ให้มีโทษ เมื่อรักษาได้มันก็เป็นศีล เมื่อมันเป็นศีลมันก็เป็นธรรม

เมื่อมีธรรมมันก็มีเมตตาต่อตนและบุคคลอื่นสัตว์อื่น ไม่ทำลายชีวิตบุคคลอื่นให้เดือดร้อน มันก็ไม่เป็นบาปเป็นกรรมต่อกัน..

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม











#อยากได้มรรคผลนิพพานก็ต้องทำให้มากๆ #อดทนให้มากๆ

หลวงปู่ผางท่านว่า เดินทั้งวัน นั่งทั้งคืน พุทโธคำเดียว ทำไม่หยุดจะเห็นนิพพาน

หลวงปู่ก็เลยทำ ทำจนเขาว่าเป็นบ้า แต่บ้าภาวนา มันก็ดีกว่า คนมาว่าบ้าแล้วไม่ภาวนาเลย.

หลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตโต วัดป่าเวฬุวันอรัญวาสี จ.อุบลราชธานี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 110 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร