วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 12:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2020, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


มีผู้พายเรืออยู่ในทะเลสาบ เขาภูมิใจในเรือของเขามาก มันสวยงามเหลือเกิน ในขณะที่กำลังเพลินอยู่กับการพายเรือนั้น เรืออีกลำหนึ่งมาชนข้างหลัง เจ้าของเรือมองเห็นคนที่พายเรือมาด้วยความประมาทก็โกรธ ทำไมจึงไม่ระวัง ต่อมาอีกวันหนึ่งเขาไปพายเรืออีกครั้งหนึ่ง เรือซ่อมเรียบร้อยแล้ว เขากำลังพายเรือด้วยความเพลิน ก็มีเรืออีกลำหนึ่งมาชน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือเท่าเดิม เท่าครั้งแรก แต่ครั้งที่ ๒ เมื่อเจ้าของเรือมองไปว่าใครมาชนเรือ ปรากฏว่าครั้งนี้เรือที่มาชนไม่มีใครพายมันลอยมาเฉยๆ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือครั้งที่ ๒ เหมือนครั้งแรก แต่ทำไมเจ้าของเรือไม่โกรธเหมือนครั้งแรก ในเมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ทำไมครั้งแรกโกรธมาก ครั้งที่ ๒ ไม่ค่อยโกรธ ครั้งแรกเห็นว่ามีผู้พายเรือ ครั้ง ๒ เห็นว่าไม่มีใครพายเรือเท่านั้นเอง มันน่าสนใจว่าทำไมอารมณ์จะไม่เหมือนกัน ในเมื่อมองในแง่ความเสียหายเหมือนกัน

จากตัวอย่างนี้เราจะเห็นความสำคัญของจิตใจที่มีอุปาทาน ที่มั่นหมายว่าเขาเป็นผู้ทำ เขาทำเรา เขาเบียดเบียนเรา เขารังแกเรา เขากลั่นแกล้งเรา พอเรามีความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้กระทำอารมณ์จะรุนแรงมาก แต่พอเห็นว่า เป็นสักแต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดตามเหตุตามปัจจัย จิตใจเราก็เย็นลงไปเยอะ

ความโกรธจะเกิดขึ้นเพราะอวิชชา ต้องการแบ่งแยกว่าเราว่าเขา ว่ามีคนทำ มีผู้พายเรือ เราจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ต่อเมื่อเราเริ่มเข้าใจเรื่องว่าไม่มีใครพายเรือ แต่การที่เราเกิดวิชชาว่าไม่มีใครพายเรือ อันนั้นไม่ได้หมายความว่า เพราะฉะนั้นเราต้องปล่อยให้เรือมาชนท้ายเรา มันเป็นคนละประเด็น คนละเรื่อง แต่เราจะไม่เสียเวลากับการโกรธคนนั้นโกรธคนนี้หรือเสียพลัง จิตใจที่โกรธพยาบาทเป็นจิตใจที่โง่ ความโกรธเกิดจากอวิชชา และปรากฏในลักษณะของความโง่ ที่ว่าโง่นั้นเพราะอะไร เพราะว่าจิตใจที่โกรธมองไม่เห็นตามความเป็นจริง จิตใจที่ปราศจากกิเลสเท่านั้นที่มีคุณสมบัติรู้เห็นตามความเป็นจริง

คัดตัดตอนจากเรื่อง ไม่มีผู้พายเรือ ในหนังสือ โกรธทำไม โดย พระอาจารย์ชยสาโร









"อาตมาขอโอกาสพูดในฐานะที่เป็นผู้ใหม่ในศาสนา และในฐานะที่อยู่ร่วมกับลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อชา สุภัทโท แม้ไม่ได้เจอหลวงพ่อชา เพราะอาตมาบวชไม่ทันที่จะเจอท่าน แต่ครูบาอาจารย์ชาวต่างประเทศหลายรูปที่ได้บวชหลังจากที่พระเทพญาณวิเทศ (หลวงพ่อสุเมโธ) ได้บุกเบิกทางแล้ว ก็ยังมีโอกาสอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติโดยตรง ยังมีโอกาสอุปัฏฐากท่านประมาณ 10 ปี อาตมามาทีหลัง ช่วงที่พระราชทานเพลิงศพเรียบร้อยแล้ว ยังถือว่า มีความโชคดีที่ได้เจอคำสั่งสอนของท่าน และได้เจอครูบาอาจารย์ลูกศิษย์ของท่าน ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ของอาตมา คือพระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม)เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน"

พระอาจารย์เกวลี ภิกขุ











“มีตะกรุดฉันแขวนเอว
มีเหรียญรูปฉันแขวนคอ
แต่ไม่มีธรรมที่ฉันสอนไว้แขวนใจ
พระที่ไหนจะมาช่วยคุณ”

หลวงปู่หา สุภโร










#ความตายเห็นกันทุกคนบ่ว่าไผ

บุญไผบุญมัน กรรมไผกรรมมัน อย่าประมาท หมั่นทำบุญหลาย..หลาย..

บุญ คือ กายดี วาจาดี ศีล ๕ ให้ครบ
นี่ล่ะตัวบุญใหญ่ จะติดตัวตามเราไปทุกภพทุกชาติ

พระคุณเจ้า หลวงปู่บุญมา สุชีโว
วัดป่าสุขเกษม จ.หนองบัวลำภู









#รู้ธรรมก็ให้รู้จากใจของตัวเอง

อย่าไปยืมจากคำของพระพุทธเจ้ามาพูดหลาย มันไม่ถูก คำของพระพุทธเจ้าที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้แล้วนี่ อันนั้นนะไปเรียนมาแล้วเอามาจำไว้ และก็คิดว่าเป็นของตนเอง... มันหลงขนาดไหน !?

#มันยังไม่เกิดกับใจของตนเองเลย

นั่งก็นั่งไม่ได้ ให้ภาวนาพุทโธก็คิดรอบเมืองกรุงเทพโน้นนะ ไปต่างจังหวัดก็มี ตัวอยู่นี้ แต่ใจไปอยู่โน้นจังหวัดโน้นนะ ไปคุยกับคนนั้นคุยกับคนนี้ ไปอยู่บ้านนั้นไปอยู่บ้านนี้

มีลูกก็ไปอยู่บ้านลูก มีหลานก็ไปอยู่บ้านหลาน แต่ตัวนั่งอยู่ตรงนี้ มันใช้ได้หรือเปล่าสมาธิแบบนั้นนะ

#มันไม่เป็นสมาธิ
#ทำยังไงมันถึงจะไม่เป็น
#เพราะฉะนั้นต้องให้มี
#สติสัมปชัญญะให้มี

หลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว












#โยม : ขอโอกาสครูอาจารย์ครับ พระโสดาบัน ต้องภาวนาบ่ครับ ถึงจะได้ธรรมชั้นโสดาบัน

#พระอาจารย์ : ฮ่วย...มันต้องภาวนาละเว้ย..ภาวนาจนจิตใจมันสงบระงับ ใจเห็นสรรพสิ่งเป็นธรรมพุ้นตั้ว จิตใจบ่เอนเอียงหนีจากพระรัตนตรัย มั่นคงต่อศีลห้า พุ้นล่ะ

หรือสิเอาแต่ว่า พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 นั้นติ สักกายะทิฏฐิ นั้นติ วิจิกิจฉา นั้นติ สีลัพพตปรมาส นั้นติ

#คันบ่ภาวนามันสิเอาธรรมหยังละสังโยชน์3อยู่หั่น

คันสิเอาตะควมเว้า ควมนึกคิดไปเอง มันกะเป็นบ่ได้เด้พระโสดาบัน มันกะสิเป็น โสเดา โสดาเดา ไปซั่นตั้ว..หาเว้า.

พระอาจารย์โสภา สมโณ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร