วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 14:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2020, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


อธิษฐานอยากรวย จะสำเร็จ ต้องทำบุญเก่ง...
เหมือนเราไปสร้างยุ้งข้าวไว้ แล้วเปิดประตูไว้ นอนอธิษฐาน..ให้ข้าวบินเข้ายุ้ง..บ่มาสักเม็ดเลย
ต้องมีเหตุ คือ จ้างเขาทำนาใช่มั้ย นั่นแหละเห็นแล้ว
โชคลาภทั้งหลายนี่ ที่มันหลั่งไหลมา..มันเป็นวาสนาบารมี..
บัดนี้ ถ้ายังไม่มีวาสนาบารมี เรามาสร้างใหม่ เข้าใจ..บ่?

โอวาทธรรม
หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป








...นี่คือสิ่งที่ทำให้คนเราหายทุกข์ได้
เวลาที่จะต้องเผชิญกับ
การพลัดพรากจากกัน
ก็คือ..”ต้องยอม”

.
ต้องเห็นความจริง
และต้องยอมรับความจริงอันนี้
ไม่ฝืน ไม่ต่อต้านความจริง

.เพราะพวกเราที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้
“มีความเสมอภาคในเรื่องของการสูญเสีย”

.เสียกันหมดทุกคน
ได้มากได้น้อยก็ต้องเสียกันไปหมด
เพราะทุกคนก็มาตัวเปล่าๆ
และเวลาไปก็ไปตัวเปล่าๆ
ผู้ที่มานี้..ก็คือ“จิต”นี่เอง.
..........................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










เรื่องแสวงหาโชคลาภ หวย เบอร์ เรื่องถือผี เจ้าเข้าทรง สะเดาะเคราะห์ ผูกดวงสืบชะตาราศี เหล่านี้เป็นเรื่องไม่มีแก่นสารอะไร ไม่เป็นของพ้นทุกข์ ผู้นับถือพระพุทธศาสนาไม่ควรสนใจไปนับถือ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ทรงสั่งสอน เป็นของศาสนาพรามณ์ ควรละเว้นโดยเด็ดขาด

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ











" ความจริง ความเกียจคร้าน
ดูเหมือนมันเป็นมิตรกับเรา
ในต้นมือ สําหรับคนโง่เขลา
เบาปัญญา แต่กลับเป็นศัตรู
คู่อริในบั้นปลายของชีวิต

ทําให้เราเกิดความยากจน
ทรัพย์ทั้ง 2 ประการ คือ
ทรัพย์ภายนอก และ
ทรัพย์ภายใน

ครั้นมันเฒ่ามาแล้ว
มันบําเพ็ญเพียรอะไร
ไม่ได้ดอก ยังหนุ่มยังแน่น
ตั้งใจทําความเพียรไป "

โอวาทธรรม
หลวงปู่ขาว อนาลโย










"..เรื่องปฏิบัตินี้ อาตมาค้นคิดเหลือเกิน เอาชีวิตเป็นเดิมพันเพราะเชื่อตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า มรรคผลนิพพานมีอยู่แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นต้องเกิดจากการปฏิบัติ กล้าหาญ กล้าฝึกหัด กล้าคิด กล้าทำ

...การทำนั้น ทำอย่างไร ท่านให้ฝืนใจตัวเองเพราะใจถูกกิเลสเข้าพอกมาเต็มที่แล้ว มันยังไม่ได้ฝึกหัดดัดแปลง ยังไม่เป็นศีลยังไม่เป็นธรรม

...ถ้าเราไม่ฝืนความรู้สึกของเราในเวลานี้ วันนี้ ความเป็นปุถุชน หรืออันธพาลนั้นมันก็ยังเป็นอยู่ในสันดานของเราเรื่อยไป.."

น้อมกราบหลวงพ่อชา สุภทฺโท











ไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ในทางพุทธศาสนา

โลกนี้ไม่มีอะไรที่เกิดมาด้วยความบังเอิญนะ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราทั้งดี และ ไม่ดี ไม่มีอะไรบังเอิญนะ มันมีเหตุ และ ผล ที่ทำให้เกิด

พระราชสังวรญาณ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านได้เคยสอนว่า ทุกอย่างล้วนถูกจัดสรร ตามเหตุ และ ผล เปลี่ยนแปลงได้ด้วยบุญกุศล

หากศึกษาเรื่องธรรมะดีๆนะ จะเข้าใจว่า ไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ใดๆ ทั้งสิ้น "กรรม" นี้แม่นยำยิ่งกว่าเรด้าตรวจจับของนาซ่าอีกนะ พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า "เราเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน น้ำตาที่เสียจากความพลัด พรากจากคนที่เรารักนับรวมกันได้มากกว่ามหาสมุทร ทั้ง 4 ดังนั้น เราจึงได้เคยพบปะผู้คนมามากมาย จนผู้คนที่เดินบนถนนไปมานี้ต่างก็เคยเกิดมาเป็นพี่น้องเราทั้งสิ้น"

จากคำอธิบายข้างต้น เป็นเหตุให้ "กรรม" จัดสรรให้เราได้พบเจอ รู้จัก พึ่งพา มาเกิดเป็นพ่อ แม่ ลูก พี่น้อง เพื่อน แฟน คู่รัก มิตร ศัตรู ครู ลูกศิษย์ เมียหลวง เมียน้อย ฯลฯ เนื่องจาก เคยเกี่ยวพัน มีความสัมพันธ์ และประกอบกรรมร่วมกันมาก่อนนะ จึงได้มาเจอกันอีก เพื่อชดใช้กรรม หรืออาจอธิษฐานให้มาพบกันอีกในชาติต่อๆ ไป หรือเคยอาฆาตพยาบาทกันมาก่อน บางคนก็เคยอุปถัมภ์ ค้ำชู หรือเคยพึ่งพาอาศัยกันมาก่อน ดังนี้ เป็นต้น จึงไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ในพระพุทธศาสนา

หากใครเคยไปในสถานที่ใด แล้วรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นั้นโดยไม่เคยไปมาก่อนรู้สึกคุ้นๆ กับเหตุการณ์นั้น โดยที่เราไม่เคยมีส่วนร่วมมาก่อน เคยรู้สึกประทับใจใคร รู้สึกเกลียดใคร อยากอยู่ใกล้ใคร หรืออยากหนีหน้าใคร โดยที่ไม่เคยพบเจอรู้จักกันมาก่อน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญญาเก่า (การจำได้หมายรู้) ที่ติดตัวมาแต่เก่าก่อน

พระบาลีพุทธวจนะ เป็นภาษาเมื่อหลายพันปีมาแล้ว คำว่า "บังเอิญ" ดูเหมือนไม่มีในภาษาบาลี มีแต่คำว่า "เหตุ - ปัจจัย"

พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของเหตุและผล ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น ดังที่ท่านพระอัสสชิ แสดงธรรมแก่ท่านพระสารีบุตรว่า "ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ" นั่นคือ การที่ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน เป็นเพราะได้กระทำเหตุ คือ ทำกรรมมาแตกต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง เป็นเหตุให้มีรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ฐานะ ต่างกัน มีอุปนิสัยดีเลวต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง เป็นเหตุให้ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ ได้รับความสุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา

อนาคตเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วจากกรรมในอดีตนานนับไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะต้องมีเหตุในปัจจุบันร่วมด้วย ความพยายามในปัจจุบันนั่นแหละ จึงจะทำให้เกิดผลในอนาคตที่สมบูรณ์ แม้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เปลี่ยน แปลงได้บางส่วน คนเราจึงไม่ควรละความพยายามตลอดชีวิตที่เกิดมานะ

การกระทำทุกอย่างย่อมมีผล เราเรียกผลนั้นว่า "วิบาก" สิ่งใดจะเกิดได้ต้องมีเหตุปัจจัยประชุมพร้อม กรรมจึงสามารถส่งผล หรือให้วิบากได้

ไม่มีโชคลาภเกิดขึ้นได้โดยไม่อาศัย บุญ กรรม โชคลาภ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นลอยๆ หรือบังเอิญ โดยไม่มีเหตุปัจจัย

ทุกปัญหาเกิดขึ้นอย่างมีสาเหตุทั้งนั้น กิ่งไม้ตกใส่หัว หกล้ม ฯลฯ ล้วนเกิดจากกรรม เหมือนกับคำว่า "ใครกินคนนั้นก็อิ่ม คนอื่นอิ่มแทนไม่ได้"

เกลือ เค็มเหมือนกันหมด ไทย ฝรั่ง ลาว แขก กินเกลือในที่ลับ ที่แจ้งก็เค็ม เหมือนกัน เกลืออย่างไร กรรมก็อย่างนั้น ทุกชาติศาสนา

ความบังเอิญไม่มีในโลก ทุกสิ่งถูกลิขิตจากกรรมทั้งกุศล และอกุศลที่สัตว์โลกได้กระทำไว้ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับว่า กรรมอันไหนจะส่งผลก่อนกัน

บทความธรรมะ โดย อมตะธรรม ประเทศไทย
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย












"คนเรา คิดเรื่องอะไรบ่อยๆ
จิตใจของเรา จะชินกับความคิดอย่างนั้น
และคล่องในความคิดเช่นนั้น กลายเป็นนิสัย

ถ้าเราคิดไปในทางอิจฉาพยาบาทบ่อยๆ
เราจะกลายเป็นคนอิจฉาพยาบาท
ถ้าเราคิดไปในทางให้อภัย เราก็จะกลายเป็น
ผู้ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร

เราจึงต้องพยายามป้องกันภัย ไม่ให้ชิน
ในสิ่งเสื่อมเสีย และพยายามสร้างความเคยชิน
ในสิ่งดีงาม ถึงแม้ว่าจะไม่หลุดพ้นจากกิเลส
โดยสิ้นเชิง มันก็ยังเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรามาก"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ












"ของดีอะไร อะไรคือของดี
ของดีก็มีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว

การที่ร่างกายแข็งแรง
ไม่เจ็บไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว
การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วน
ไม่บกพร่องวิกลวิการ อันนี้ก็เป็นของดีแล้ว

ของดีมีอยู่ในตน
ไม่รู้จะไปเอาของดีที่ไหนอีก
สมบัติของดีจากเจ้าพ่อเจ้าเแม่ให้มา
ก็เป็นของดีอยู่แล้ว มีอยู่แล้วทุกคน
จะไปเอาของดีที่ไหนอีก

ของดี ก็ต้องทำให้มันเกิด
มันมีขึ้นในจิตใจของตน ความดีอันใด
ที่ยังไม่มี ก็ต้องเพียรพยายามทำให้เกิดให้มีขึ้น
นี่แหละของดี ของดีอยู่แล้วในตัวของเราทุกๆ คน

มองให้มันเห็น หาให้มันเห็น
ภายในตนของตนนี่แหละ จึงใช้ได้
ถ้าไปมองหาแสวงหาของดีภายนอกแล้ว
ใช้ไม่ได้"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ











"อาหารที่อยู่ในชามข้าวของเรานี้
มันก็ดีขณะเวลาที่อยู่ในปากเท่านั้น
ประเดี๋ยว อีกไม่นาน ไม่ช้า มันก็กลับกลาย
เป็นของเสียบูดเน่า เท่านั้น
ในโลกไม่มีอะไรที่น่ายินดี และน่าพอใจ
พอที่จะไปยุ่ง ไปยินดีกับมันนักหนา
สตรีและบุรุษ ที่อยู่ร่วมกันรักกันส่วนมาก
เพราะอำนาจกาม ธรรมชาติของกามใหม่ๆ
ก็มีรสอร่อย นานไปก็เป็นของบูดเน่าเสีย
เหมือนกันนั้นแหละ"

ท่านพ่อลี ธัมมธโร









เรารักกันด้วยเมตตาปราถนาดีต่อกัน มึอะไรก็ช่วงเหลือกัน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ จนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป

เมื่อเราตายจากโลกนี้ไปแล้ว เราก็เอาอะไรไปไม่ได้ จงสรรค์สร้างความดีให้แก่กัน ช่วยกันดีกว่าทำลายกัน
จงแผ่เมตตาให้ศัตรูกลายเป็นมิตร มีไมตรีจิตต่อกัน...

คนที่จะมีเมตตานั้น แปลว่าต้องไกลจากกิเลส ถึงจะมีเมตตาได้

พระธรรมสิงหบุราจารย์
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร