ณ บัดนี้คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกวินาที
ตั้งแต่เกิดจนตายเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตมามาก
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจว่าจริงๆแล้วชีวิตคืออะไร
จากการค้นพบความจริงของสิ่งที่มีจริงอันประเสริฐคือ
ไม่มีบุคคลใดเทียบผู้เป็นเลิศเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลนี้ได้
ผู้มีปุริสะลักษณะเลิศกว่าบุคคลอื่นใดในทั้ง3โลกนี้และโลกหน้า
เพราะต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนบำเพ็ญคุณความดีต่างๆมามากมายไม่มีประมาณ

หมายถึงการบำเพ็ญคุณงามความดีเพื่อจะมาตรัสรู้เพื่อบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ได้ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงจนมีพระคุณนามว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อมาเทศนาพระธรรมและประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย
คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนจะไปคิดเดาทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากการอ่านเพียงแค่ครั้งเดียวได้
ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไม่มีใครสามารถคิดเองได้ด้วยเพียงการอ่านแต่ต้องมีการสนทนาเพื่อเข้าใจ
ดังนั้นการศึกษาคำสอนโดยแท้จริงแล้วต้องอาศัยฟังจากผู้รู้กล่าวอธิบายคำจริงให้เข้าใจความจริงถูกตาม

พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจถูกตามเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเผชิญอยู่ต่อหน้าต่อตาตามปกติ
เป็นลักษณะที่ปรากฏชัดว่ามีตลอดเวลาแต่ไม่มีใครคิดเองได้หรือคิดแทนผู้อื่นได้แต่เป็นความสามารถ
ของแต่ละบุคคลในการฟังเพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงนี้ที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วไม่มีใครทำขึ้นมา
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เป็นความจริงที่เป็นอยู่อย่างนี้มานานแสนนานชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ตราบนิรันดร
สภาพความจริงนี้มีพระพุทธเจ้าเพียงผู้เดียวที่แจกแจงละเอียดให้เข้าใจถูกตามได้จนผู้ฟังรู้ตามได้
จนกระทั่งเกิดความเข้าใจชัดว่าทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดทั้งที่ถูกและผิดให้เข้าใจถูกตาม
เพื่อไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดไปคิดค้นทำขึ้นมาใหม่เพราะทรงลองผิดลองถูกทำมาด้วยความไม่รู้มาก่อน

ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโดยละเอียดนี้แสดงไว้เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจถูกตามปกติตามความเป็นจริง
มิได้มีการระบุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเจาะจงเลือกเอาไปทำตามแต่ประการใดทุกคำในพระไตรปิฏกคือความจริง
ที่เอามาทดลองทำตามไม่ได้เพราะพระพุทธเจ้าเสียสละเวลาลองผิดลองถูกยาวนานมากเพื่อมาบอกว่า
ไม่มีใครรู้ความจริงที่กำลังปรากฏตามเป็นจริงได้ด้วยตนเองพึงรู้ว่าต้องอาศัยความสามารถในการฟัง
เพื่อพิจารณาไตร่ตรองจนกว่าจะละคลายความมีตัวตนไปคิดอยากทำตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงนี้เพื่อมาบอกความจริงให้ผู้ที่กำลังฟังเท่านั้นเข้าใจจนเกิดปัญญาพันทุกข์
ทุกข์นี้คือทุกข์จากการไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราเป็นธรรมที่กำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนที่ไม่มีใครทำขึ้นมา

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงแต่ละ1ลักษณะตรงตามความเป็นจริงที่เปลี่ยนไม่ได้
เป็นความจริงของชีวิตที่มีการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของวิถีจิตสลับอากาศธาตุแทรกคั่นเกาะกลุ่มหลวมๆ
มีการแตกหักทำลายได้ตลอดเวลาทรงนิยามโลกว่าสิ่งที่เกิดดับและทรงแสดงลักษณะที่กำลังมีจริงๆ
เป็นสิ่งที่กำลังเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายเพียงลัดนิ้วมือเดียวมีความจริงแต่ละ1เกิดดับตลอดเวลาไม่หยุด
จนปรากฏเป็นภาพนิมิตของสิ่งมีชีวิตและวัตถุสิ่งก่อสร้างต่างๆวิจิตรพิสดารมากมายนับประมาณได้31ภพภูมิ
ไม่มีใครรู้ความจริงว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงนี้ได้อย่างไรผู้ที่จะรู้ได้คือพระพุทธเจ้าด้วยกันเท่านั้น
พระพุทธเจ้าแสดงเพื่อให้คิดตามเพื่อให้ฟังจนเข้าใจตามเกิดปัญญารู้ตามโดยลำดับจนกว่าบรรลุตามได้
https://youtu.be/hBBnYlHjb30