วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2021, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจสมุปบาท แห่งอาหารของอวิชชา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ที่สุดในเบื้องต้นของอวิชชาย่อมไม่ปรากฏ; ก่อนแต่นี้ อวิชชามิได้มี; แต่ว่า อวิชชาเพิ่งมีต่อภายหลัง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! คำกล่าวอย่างนี้แหละ เป็นคำที่ใคร ๆ ควรกล่าว และควรกล่าวด้วยว่า “อวิชชา ย่อมปรากฏเพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้อวิชชานั้น ก็เป็นธรรมชาติมีอาหารหาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของอวิชชา ? คำตอบพึงมีว่า “นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ เป็นอาหารของอวิชชา” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของนิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ? คำตอบพึงมีว่า “ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ” ดังนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ ? คำตอบพึงมีว่า “การไม่สำรวมอินทรีย์” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้การไม่สำรวมอินทรีย์ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของการไม่สำรวมอินทรีย์ ? คำตอบพึงมีว่า "ความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะ” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้ความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะ ? คำตอบพึงมีว่า “อโยนิโสมนสิการ” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้อโยนิโสมนสิการ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของอโยนิโสมนสิการ ? คำตอบพึงมีว่า “ความไม่มีสัทธา” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่า ถึงแม้ความไม่มีสัทธา ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของความไม่มีสัทธา ? คำตอบพึงมีว่า[ “การไม่ได้ฟังพระสัทธรรม”ดังนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าว่า ถึงแม้การไม่ได้ฟังพระสัทธรรม ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของการไม่ได้ฟังพระสัทธรรม ? คำตอบพึงมีว่า “การไม่คบสัตบุรุษ” ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยอาการอย่างนี้แล ที่เมื่อการไม่คบสัตบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการไม่ได้ฟังพระสัทธรรมให้บริบูรณ์;
การไม่ได้ฟังพระสัทธรรมบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความไม่มีสัทธาให้บริบูรณ์;
ความไม่มีสัทธาบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์;
อโยนิโสมนสิการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์;
ความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์; การไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ ให้บริบูรณ์;
ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำนิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการให้บริบูรณ์;
นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอวิชชาให้บริบูรณ์.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหารแห่งอวิชชานี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ และบริบูรณ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนเมื่อฝนหนักๆ ตกลงบนภูเขา, น้ำฝนนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมทำซอกเขา ซอกผา และลำห้วย ทั้งหลาย ให้เต็ม; ครั้นซอกเขา ซอกผา และลำห้วยทั้งหลาย เต็มแล้ว ย่อมทำบึงน้อยทั้งหลายให้เต็ม; บึงน้อยทั้งหลายเต็มแล้ว ย่อมทำบึงใหญ่ทั้งหลายให้เต็ม; บึงใหญ่ทั้งหลายเต็มแล้ว ย่อมทำแม่น้ำน้อยทั้งหลายให้เต็ม; แม่น้ำน้อยทั้งหลายเต็มแล้ว ย่อมทำแม่น้ำใหญ่ทั้งหลายให้เต็ม; แม่น้ำใหญ่ทั้งหลายเต็มแล้วย่อมทำมหาสมุทรสาครให้เต็ม. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหารแห่งมหาสมุทรสาครนั้น ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ และเต็มแล้วด้วยอาการอย่างนี้, นี้ฉันใด;

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ การไม่คบสัตบุรุษเป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการไม่ได้ฟังพระสัทธรรมให้บริบูรณ์; การไม่ได้ฟังพระสัทธรรมบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความไม่มีสัทธาให้บริบูรณ์; ความไม่มีสัทธาบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์; อโยนิโสมนสิการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์; ความเป็นผู้ไม่มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์; การไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการให้บริบูรณ์; ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำนิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการให้บริบูรณ์; นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอวิชชาให้บริบูรณ์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหารแห่งอวิชชานี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้และบริบูรณ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2021, 12:49 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร